หลังจากที่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หลายๆเรื่องโดนพิษการระบาดของ COVID-19 เลื่อนฉายไปตามๆกันเพราะบรรดาโรงหนังทั่วโลกต่างพากันปิดตัวชั่วคราวจากมาตรการป้องกันโรค เดิมนั้นหนังใหญ่เรื่องแรกที่วางโปรแกรมไว้จะกลับมาประเดิมการเปิดของโรงหนังคือ TENET ซึ่งไม่ยอมเลื่อนจากกำหนดฉายเดิมของตัวเอง 17 กรกฎาคม และเรื่องต่อมาก็คือ Mulan ภาพยนตร์ Live-action Remake จากการ์ตูนคลาสสิคของตนในปี 1998 ที่วางคิวไว้ลงจอต่อสุดสัปดาห์ต่อไปคือ 24 กรกฎาคม
แต่ล่าสุด TENET ได้ประกาศเลื่อนฉายอย่างเป็นทางการไปเป็นวันที่ 31 กรกฎาคม ทำให้ Mulan ต้องรับตำแหน่งหนังประเดิมการกลับมาของโรงภาพยนตร์ไปโดยอัตโนมัติ ถึงวันนี้คำถามที่คอหนังต่างสงสัยคือ Mulan จะลงโรงฉายตามกำหนดเดิมหรือไม่
ซึ่งจากการติดตามข่าวสารในวงการภาพยนตร์ และข่าวสารเกี่ยวกับการระบาดของ COVID-19 ผมคิดว่า Mulan มีโอกาสสูงมากที่จะโดนเลื่อนโปรแกรมฉายอีกครั้ง เพราะมีหลายองค์ประกอบมันชี้ชัด
1. Disney ไม่ชอบเสี่ยงและไม่ชอบที่กลายเป็นหนังใหญ่ประเดิมการ Re-open โดยอัตโนมัติ - อันนี้ใครๆก็รู้ว่า Disney นั้นเป็นค่ายที่ไม่ชอบเสี่ยง จะทำแต่หนัง Blockbuster ที่มีโอกาสโกยเงินเท่านั้น เมื่อมาเจอสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะออกหน้าไหนกับหนังที่ลงทุนไปมหาศาล น่าจะยอมถอยออกไปอีก 1 ก้าวเพื่อเอาชัวร์ไว้ก่อน
2. บรรดารัฐใหญ่ต่างๆในสหรัฐอเมริกาต่างพากันประกาศชะลอการ Re-opening โรงหนัง - ตั้งแต่ New York ที่ไม่รวมโรงหนัง, ยิม และห้างอยู่ในการเปิดเมืองเฟส 4 หรือการชะลอการ Re-opening โรงหนังใน California, Texas และ Florida ซึ่งเป็นรัฐใหญ่และทำเงินเยอะทั้งนั้น
3. โรงหนังในจีนยังปิดเงียบ - เป็นที่ทราบกันดีว่าเป้าหมายสำคัญในการโกยเงินของ Mulan ก็คือตลาดในประเทศจีนอย่างแน่นอน แต่จนถึงตอนนี้โรงภาพยนตร์ในประเทศจีนที่ปิดมาตั้งแต่วันที่ 24 มกราคมก็ยังคงปิดเงียบและไม่มีข่าวคราวว่าจะกลับมาเปิดในเร็ววันแต่อย่างใด ยิ่งมีข่าวการระบาดรอบสองในปักกิ่งยิ่งไม่มีโอกาสเลย
4. โรงหนังในอเมริกาจำกัดความจุและเต็มไปด้วยข้อกำหนด - แม้ในบางรัฐบางเมืองจะเดินหน้า Re-opening โรงหนังต่อไปแต่มันก็จะต้องแลกมาด้วยข้อกำหนดต่างๆมากมายซึ่งไม่เป้นมิตรกับผู้ชมโดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว เช่น AMC เครือโรงหนังใหญ่ที่สุดในอเมริกาจะกลับมาเปิดวันที่ 15 กรกฎาคมด้วยความจุเพียง 30% และผู้ชมต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เช่นเดียวกับ Regal และ Cinemark เครืออันดับ 2 และ 3 ที่มีนโยบายคล้ายๆกัน
5. คิวฉายสุดห่วย - เพราะหากยึดตามกำหนดเดิม Mulan จะมีโอกาสฉายในโรง IMAX และ PLF (Premium Large Format) ทั้งหลายที่เป็นแหล่งโกยเงินทองเพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น ก่อนที่ TENET ซึ่งเน้นการชมในโรง IMAX และ PLF แน่ๆจะมาแย่งโรงไปหมด
6. ไร้การตลาดและโปรโมท – เหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือนเท่านั้น Mulan ก็จะได้เวลาฉายแล้ว แต่มาถึงตอนนี้งานการตลาดและโปรโมทของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็น 0 ไร้การโฆษณาอย่างสิ้นเชิง ผิดวิสัยหนังฟอร์มยักษ์ที่กำลังจพเข้าโรงเพราะมันไม่มีความชัดเจนแน่นอนในเรื่องกำหนดการฉาย ขนาด The King’s Man ที่มีกำหนดฉาย 18 กันยายน ทาง Disney/Fox ยังปล่อยตัวอย่างใหม่มาพร้อมย้ำวันเวลาฉายอีกครั้ง แต่กับลูกรักอย่าง Live-action Remake ของตัวเองกลับไม่ทำนี่มันแปลกมากๆ
จากสัญญาณทั้งหมดผมคาดว่า Disney น่าจะประกาศเลื่อนการฉายของ Mulan ออกไปอีกรอบในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ส่วนจะเลื่อนไปตอนไหนนั้นต้องติดตามกันต่อไป ซึ่งกำหนดการที่เหมาะสมที่สุดคงเป็นช่วงคริสต์มาส และคิดว่า TENET เองก็ต้องเลื่อนออกไปอีกครั้งเช่นกันเพราะตลาดมันยังไม่พร้อม หนังที่จะมาประเดิมการRe-opening ของโรงหนังน่าจะเป็นกลุ่มหนังทุนต่ำถึงปานกลางในเดือนกันยายนอย่าง The Quiet Place Part II, The Conjuring 3, The King’s Man พวกนี้มากกว่า เพราะเหมาะสมทั้งต้นทุนและระยะเวลาที่จะมารับความเสี่ยงนี้
Mulan ส่อแววเลื่อนฉายอีกรอบหนีตายจากพิษ COVID-19
ซึ่งจากการติดตามข่าวสารในวงการภาพยนตร์ และข่าวสารเกี่ยวกับการระบาดของ COVID-19 ผมคิดว่า Mulan มีโอกาสสูงมากที่จะโดนเลื่อนโปรแกรมฉายอีกครั้ง เพราะมีหลายองค์ประกอบมันชี้ชัด
1. Disney ไม่ชอบเสี่ยงและไม่ชอบที่กลายเป็นหนังใหญ่ประเดิมการ Re-open โดยอัตโนมัติ - อันนี้ใครๆก็รู้ว่า Disney นั้นเป็นค่ายที่ไม่ชอบเสี่ยง จะทำแต่หนัง Blockbuster ที่มีโอกาสโกยเงินเท่านั้น เมื่อมาเจอสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะออกหน้าไหนกับหนังที่ลงทุนไปมหาศาล น่าจะยอมถอยออกไปอีก 1 ก้าวเพื่อเอาชัวร์ไว้ก่อน
2. บรรดารัฐใหญ่ต่างๆในสหรัฐอเมริกาต่างพากันประกาศชะลอการ Re-opening โรงหนัง - ตั้งแต่ New York ที่ไม่รวมโรงหนัง, ยิม และห้างอยู่ในการเปิดเมืองเฟส 4 หรือการชะลอการ Re-opening โรงหนังใน California, Texas และ Florida ซึ่งเป็นรัฐใหญ่และทำเงินเยอะทั้งนั้น
3. โรงหนังในจีนยังปิดเงียบ - เป็นที่ทราบกันดีว่าเป้าหมายสำคัญในการโกยเงินของ Mulan ก็คือตลาดในประเทศจีนอย่างแน่นอน แต่จนถึงตอนนี้โรงภาพยนตร์ในประเทศจีนที่ปิดมาตั้งแต่วันที่ 24 มกราคมก็ยังคงปิดเงียบและไม่มีข่าวคราวว่าจะกลับมาเปิดในเร็ววันแต่อย่างใด ยิ่งมีข่าวการระบาดรอบสองในปักกิ่งยิ่งไม่มีโอกาสเลย
4. โรงหนังในอเมริกาจำกัดความจุและเต็มไปด้วยข้อกำหนด - แม้ในบางรัฐบางเมืองจะเดินหน้า Re-opening โรงหนังต่อไปแต่มันก็จะต้องแลกมาด้วยข้อกำหนดต่างๆมากมายซึ่งไม่เป้นมิตรกับผู้ชมโดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว เช่น AMC เครือโรงหนังใหญ่ที่สุดในอเมริกาจะกลับมาเปิดวันที่ 15 กรกฎาคมด้วยความจุเพียง 30% และผู้ชมต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เช่นเดียวกับ Regal และ Cinemark เครืออันดับ 2 และ 3 ที่มีนโยบายคล้ายๆกัน
5. คิวฉายสุดห่วย - เพราะหากยึดตามกำหนดเดิม Mulan จะมีโอกาสฉายในโรง IMAX และ PLF (Premium Large Format) ทั้งหลายที่เป็นแหล่งโกยเงินทองเพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น ก่อนที่ TENET ซึ่งเน้นการชมในโรง IMAX และ PLF แน่ๆจะมาแย่งโรงไปหมด
6. ไร้การตลาดและโปรโมท – เหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือนเท่านั้น Mulan ก็จะได้เวลาฉายแล้ว แต่มาถึงตอนนี้งานการตลาดและโปรโมทของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็น 0 ไร้การโฆษณาอย่างสิ้นเชิง ผิดวิสัยหนังฟอร์มยักษ์ที่กำลังจพเข้าโรงเพราะมันไม่มีความชัดเจนแน่นอนในเรื่องกำหนดการฉาย ขนาด The King’s Man ที่มีกำหนดฉาย 18 กันยายน ทาง Disney/Fox ยังปล่อยตัวอย่างใหม่มาพร้อมย้ำวันเวลาฉายอีกครั้ง แต่กับลูกรักอย่าง Live-action Remake ของตัวเองกลับไม่ทำนี่มันแปลกมากๆ
จากสัญญาณทั้งหมดผมคาดว่า Disney น่าจะประกาศเลื่อนการฉายของ Mulan ออกไปอีกรอบในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ส่วนจะเลื่อนไปตอนไหนนั้นต้องติดตามกันต่อไป ซึ่งกำหนดการที่เหมาะสมที่สุดคงเป็นช่วงคริสต์มาส และคิดว่า TENET เองก็ต้องเลื่อนออกไปอีกครั้งเช่นกันเพราะตลาดมันยังไม่พร้อม หนังที่จะมาประเดิมการRe-opening ของโรงหนังน่าจะเป็นกลุ่มหนังทุนต่ำถึงปานกลางในเดือนกันยายนอย่าง The Quiet Place Part II, The Conjuring 3, The King’s Man พวกนี้มากกว่า เพราะเหมาะสมทั้งต้นทุนและระยะเวลาที่จะมารับความเสี่ยงนี้