ราคะแบบโลกุตตระ

ราคะแบบโลกุตตระ

  ๑. ใฝ่ทางดี อาจจะเริ่มต้นด้วยการสวดมนต์ไหว้พระ มีความสุนทรีย์ สามารถเข้าสู่ภวังค์ปลดปล่อย เราจะรู้สึกสงบ ปิติ ทำให้จิตใจสบาย

  ๒. บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรานับถือ เช่น พระพุทธเจ้า พระเยซู พระอัลเลาะห์ พระพรหม ฯลฯ

  ๓. เรียนรู้คำสอนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่เรานับถือ คือ เมื่อเราเรียนรู้เราก็จะได้ความสุขสมของเรา

  ๔. เรานำไปปฏิบัติ เช่น นำสิ่งของไปแบ่งปันให้กับเด็กกำพร้า เห็นเขามีความสุข เราก็มีความสุขตาม สบายใจ ยกตัวอย่างเช่น เราเอาสิ่งของให้ขอทาน เขายิ้มแย้มดีใจ ก็ทำให้ในใจเรามีความสุข

  ๕. ปิติ คือ ความอิ่มใจ, ความปลื้มใจ

  ๖. ปราโมทย์ (ในข้อแรก) คือ "ดำรงต่อเนื่องเสริมส่ง" คือ พอเราทำตรงนี้แล้วมีความสุข ก็จะเกิดการดำรง พอดำรงแล้ว มีแรงก็จะเสริมส่งให้เพิ่มพูนขึ้น
  ปราโมทย์ในข้อแรกคือ ระลึกถึงอดีตที่ได้ทำความดี คือ ระลึกถึงอดีตที่เราเคยได้ทำบุญสร้างกุศล ทำคุณงามความดีต่างๆ แล้วเราเกิดปิติสุขดีใจ
  แต่ถ้าปฏิบัติไปเรื่อยๆ สามารถเข้าสู่โสดาบัน จนเข้าถึงนิพพาน

  ถ้าเรามุ่งมาทางนี้จิตใจเราจะสบาย นี่เป็นราคะ แต่เป็นราคะแบบสบาย ราคะสันติ

  แต่ถ้าเป็นราคะแบบโลกิยะ จะเป็นราคะทางเสพ เราเสพเสร็จแล้วเราจะต้องมารับทั้งความสุขและความทุกข์ เวลาสมสู่เราจะมีความสุข แต่ถึงเวลาทุกข์ก็จะทุกข์จะตายให้ได้ แต่ก็ทิ้งไม่ลง แล้วก็มาเสพสมสู่อีกก็มีความสุขอีก แล้วเปิดปัญหาขัดใจกันก็ทุกข์อีก วนอย่างนี้ สุขกับทุกข์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่