จาก "ทรู ฟิตเนส" ถึง "True Cash Pro" และ "True Fintech"

กลายเป็นประเด็นร้อนแรงบนโลกออนไลน์ เมื่อบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น  ได้ออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี บริษัท ทรู ฟินเทค จำกัด และการจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับการให้บริการแอปพลิเคชัน TRUE CASH PRO เมื่อวันที่ 22 มิย. 2563 ที่ผ่านมา 
 
จากกรณีที่ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ “ศปน.ตร.” บุกทลายแอพพลิเคชั่นเงินกู้นอกระบบของชาวต่างชาติ ผ่านแอพฯ "TRUE CASH PRO" ซึ่งมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดนั้น พบผู้เกี่ยวข้องเป็นชาวจีนหลายราย
 
ซึ่งจากแอพพลิเคชั่น "TRUE CASH PRO" และ บจก.ทรู ฟินเทค ที่เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ มีชื่อคล้ายคลีงจนทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ด้วย
 
จนทำให้ Facebook : PR True  ต้องออกมาชี้แจงว่า "บจก.ทรู ฟินเทค แอป TRUE CASH PRO และแอป TRUE CASH ไม่ใช่ธุรกิจของกลุ่มทรูและไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ เป็นเพียงธุรกิจของบุคคลอื่นที่มีชื่อคล้ายคลึงเท่านั้น ซึ่งทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดได้" จึงขอชี้แจงมาเพื่อโปรดทราบ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

หรืออย่างเคสก่อนหน้านี้ก็ "ทรู ฟิตเนส เทลูกค้า ปิดทุกสาขาไม่บอกล่วงหน้า"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรียกได้ว่า ครั้งนั้นก็ทำให้บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่นฯ ต้องออกมาชี้แจงว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ "ทรู ฟิตเนส" อีกเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่า ครั้งนี้คงจะไม่ได้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะหลายครั้งที่ผู้บริโภคแบบเราๆ มักถูกทำให้เข้าใจผิดจากชื่อ และรูปแบบโลโก้ที่มีความเหมือนกันหรือคล้ายกัน จนทำให้เราถูกหลอกอย่างสนิทใจว่า เป็นสินค้าจากธุรกิจที่เราต้องการ

ก็ได้แต่หวังว่า คนไทยเราจะเพิ่มความระมัดระวัง และควรศึกษารายละเอียดต่างๆ ให้ดีว่าเป็นสินค้าที่เรามั่นใจได้ไหม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่