ไปพบบทความเกี่ยวกับความรู้ที่น่าสนใจเอามาฝากเพื่อนๆสมาชิกทุกท่านครับ ขออนุญาตคัดลอกเอามาฝากครับ
*** สถิติที่น่าสนใจที่สื่อต่างประเทศรายงานไว้คือ มือเราสัมผัสหน้าตาของเราเฉลี่ยชั่วโมงละ 23 ครั้ง หรือเท่ากับว่า 10 ชั่วโมง นับได้ถึง 230 ครั้ง นี่คือสถิติที่อาจารย์ของมหาวิทยาลัยนิว เซาท์ เวลส์ ซิดนีย์ ออสเตรเลีย เคยศึกษาไว้ และในจำนวน 23 ครั้งนี้ จำนวนกว่าครึ่ง สัมผัสที่ตา จมูก และปาก หรือ T Zone ขณะเดียวกัน มือเราก็ไปสัมผัสกับสิ่งต่างๆ รอบตัว ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ ที่จับประตู ราวบันได จับห่วงหรือจับราวรถไฟฟ้า ที่เชื้อโรคบางตัวเกาะอยู่บนพื้นผิวเหล่านั้น บางตัวมีชีวิตอยู่นานหลายชั่วโมง และหลายวัน ขึ้นอยู่กับพื้นผิว อุณหภูมิในที่นั้นๆ ***
สิ่งที่ทำให้เราสัมผัสใบหน้าคือ การระคายเคืองใบหน้าและดวงตาจากสาเหตุต่างๆดังต่อไปนี้
1. การแพ้อาหารและสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งมักเป็นอาหารประเภทนม ไข่ ถั่วลิสง ถั่วเปลือกแข็ง (tree nut) อาหารทะเล รวมทั้งสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ เช่น ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้
2. อุณหภูมิที่ร้อนหรือเย็นมาก ๆ การออกแดดมากเกินไปอาจทำให้เกิดผดผื่น ผดร้อน ได้เช่นกัน หรือสาเหตุจาก ผิวไหม้จากแสงแดด
3. สาเหตุจากปฏิกิริยาต่อเครื่องสำอางอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองไปจนถึงปฏิกิริยาภูมิแพ้ หรือจากคราบเหงื่อ ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้เช่นกัน โดยใบหน้าจะเป็นบริเวณที่ได้รับผลกระทบบ่อยที่สุด
แต่สิ่งที่ทำให้เราเกิดการระคายเคืองดวงตา อยู่ตลอดเวลา ตลอด 24 ชม. คือ ฝุ่นละออง โดยเฉพาะฝุ่นละอองที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพคือ PM 2.5
ฝุ่น PM 2.5 เป็นอนุภาคขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยน้อยกว่า 2.5 ไมโครเมตร แขวนลอยอยู่ในอากาศรวมกับไอน้ำ ควัน และก๊าซต่างๆ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เมื่อมาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมหาศาลจะมองเห็นเป็นหมอกควันอย่างที่เราเห็นกันในทุกๆ เช้านั่นเอง
ฝุ่น PM 2.5 ถือเป็นมลพิษต่อสุขภาพของมนุษย์ตามที่องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญ และออกมาแจ้งเตือนให้ทราบ เพราะเป็นฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กมาก (เล็กกว่าเส้นผมถึง 20 เท่า) เมื่อหายใจเข้าไปแล้ว สามารถเล็ดลอดผ่านขนจมูกเข้าสู่ปอดและหลอดเลือดได้ง่าย จนส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว
ปริมาณ PM 2.5
ค่า PM ในอากาศเท่าไหร่ ถึงจะอันตราย
0-12.0 อากาศดี
12.1-35.4 เริ่มต้องระวัง
35.5-55.4 ใครร่างกายอ่อนแอเริ่มต้องระวัง
55.5-150.4 แย่แล้ว คนสุขภาพไม่ดี ร่างกายอ่อนแอ มีโรคประจำตัว ไม่ควรทำกิจกรรมกลางแจ้งนาน ๆ
150.5-250.4 แย่หนัก คนสุขภาพไม่ดี ร่างกายอ่อนแอ มีโรคประจำตัว ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง
250.5-500.4 เข้าขั้นภัยธรรมชาติ เก็บตัวอยู่บ้าน ควรหาเครื่องฟอกอากาศมาใช้ด้วย
แล้วฝุ่น PM 2.5 เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจริงหรือ?
โดยแท้จริงแล้ว สายตาคนเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่หากเราใช้อุปกรณ์ใกล้ตัวบางอย่าง สามารถมองเห็นได้โดยง่ายๆ เช่นนี้
ไฟฉายแรงสูง
https://www.youtube.com/watch?time_continue=1&v=NXs3O5dnMo0&feature=emb_logo
เราสามารถเห็นฝุ่นละอองลอยไปมา มองเห็นได้ชัดเจนในบริเวณด้านล่างใกล้เลนส์ รูปแบบการเคลื่อนที่เป็นแบบ Brownian Motion คือ ไร้ทิศทางแต่ทั้งนี้ขึ้นกับแรงกระทำจากปัจจัยภายนอกด้วยเป็นหลักเช่น ทิศทางของลม เป็นต้น เมื่อเราสังเกตบริเวณที่ใกล้ๆเลนส์ไฟฉาย จะเห็นฝุ่นละอองขนาดเล็กและใหญ่ลอยผ่านเหนือแสง ซึ่งโดยตามปกติแล้ว ในเวลากลางวันเราจะมองไม่เห็น แต่เวลากลางคืน แบคกราวน์ของช่วงเวลากลางคืนที่มืด ช่วยเน้นความชัดเจนของฝุ่นให้เราได้เห็นชัดเจนขึ้น ทั้งๆที่แท้จริงแล้ว ช่วงกลางวันอาจมีฝุ่นมากกว่าที่เราเห็นในตอนกลางคืนเสียอีก
เลเซอร์กำลังแรงสูง
https://www.youtube.com/watch?v=-pw4iGl5tOM&feature=emb_logo
เลเซอร์กำลังแรงสูง ทำให้เรามองเห็นอนุภาคของฝุ่นชัดเจนมากขึ้น เนื่องด้วยเลเซอร์มีความเข้มข้นของลำแสงสูงมาก เมื่ออนุภาคของฝุ่น PM2.5 กระทบแสงเลเซอร์ จึงทำให้เราเห็นอนุภาคฝุ่นได้ชัดเจนมากๆกว่ามาใช้ไฟฉายแสงธรรมดา
แต่หากเราสังเกตบริเวณด้านล่างของลำแสงเลเซอร์ สามารถมองเห็นได้ว่า อนุภาคฝุ่นเคลื่อนที่ช้าๆมากเนื่องจากปลายกระบอกเลเซอร์ เป็นหลุมลึก จึงไม่โดนกระแสลมรบกวนมากนัก เมื่อเทียบกับอนุภาคฝุ่นบริเวณแนวกลางๆหรือเปลายบนๆของแสงเลเซอร์ อนุภาคฝุ่น จะมีการเคลื่อนที่ไปมาเร็วมากๆ
ฝุ่นละอองเหล่านี้ แขวนลอยอยุ่ในอากาศตลอดเวลา ตลอด 24 ชม. เพียงแต่เรามองไม่เห็นเนื่องจากแสงสว่างในเวลากลางวัน ดังนั้น ควรหมั่นเช็คสถานะการแจ้งเตือนอันตรายจากเครื่องวัดฝุ่นละอองขนาดเล็กแบบพกพาบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงเวลาการจราจรหนาแน่น หรือ ต้องเดินทางเข้าไปในพื้นที่ความเสี่ยงสูง เพื่อลดความเสี่ยงจากการสูดดมหายใจเอาฝุ่นละอองที่อันตรายเข้าไปในปอด และลดการระคายเคืองต่อดวงตา เพราะเมื่อเม็ดฝุ่นปลิวเข้าดวงตา จะทำให้เกิดการระคายเคือง ทำให้เราเอามือสัมผัสดวงตาโดยไม่ทันรู้ตัว หากมือไม่สะอาดจะทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสได้ทันที
การป้องกัน ทำได้โดยการใส่แว่นตาแบบใส โดยเฉพาะช่วงเวลาฝุ่นละอองถึงขีดอันตราย หรือ ต้องเข้าไปในพืนที่ความเสี่ยงสูง สามารถช่วยป้องกันมิให้ฝุ่นละอองปลิวเข้าสัมผัสดวงตา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เราขยี้ตาโดยไม่ทันตั้งตัวได้เป็นอย่างดี หรือ เปิดใช้งานเครื่องฟอกอากาศ ก็สามารถช่วยลดปริมาณฝุ่นได้เช่นกัน
*** อ้างอิง ***
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1786833
เครดิต
http://www.cshhome.net/index.php/2020/06/21/infected-by-touching-face/
สิ่งเหล่านี้คือสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสจากการสัมผัสจับต้องใบหน้า
*** สถิติที่น่าสนใจที่สื่อต่างประเทศรายงานไว้คือ มือเราสัมผัสหน้าตาของเราเฉลี่ยชั่วโมงละ 23 ครั้ง หรือเท่ากับว่า 10 ชั่วโมง นับได้ถึง 230 ครั้ง นี่คือสถิติที่อาจารย์ของมหาวิทยาลัยนิว เซาท์ เวลส์ ซิดนีย์ ออสเตรเลีย เคยศึกษาไว้ และในจำนวน 23 ครั้งนี้ จำนวนกว่าครึ่ง สัมผัสที่ตา จมูก และปาก หรือ T Zone ขณะเดียวกัน มือเราก็ไปสัมผัสกับสิ่งต่างๆ รอบตัว ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ ที่จับประตู ราวบันได จับห่วงหรือจับราวรถไฟฟ้า ที่เชื้อโรคบางตัวเกาะอยู่บนพื้นผิวเหล่านั้น บางตัวมีชีวิตอยู่นานหลายชั่วโมง และหลายวัน ขึ้นอยู่กับพื้นผิว อุณหภูมิในที่นั้นๆ ***
สิ่งที่ทำให้เราสัมผัสใบหน้าคือ การระคายเคืองใบหน้าและดวงตาจากสาเหตุต่างๆดังต่อไปนี้
1. การแพ้อาหารและสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งมักเป็นอาหารประเภทนม ไข่ ถั่วลิสง ถั่วเปลือกแข็ง (tree nut) อาหารทะเล รวมทั้งสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ เช่น ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้
2. อุณหภูมิที่ร้อนหรือเย็นมาก ๆ การออกแดดมากเกินไปอาจทำให้เกิดผดผื่น ผดร้อน ได้เช่นกัน หรือสาเหตุจาก ผิวไหม้จากแสงแดด
3. สาเหตุจากปฏิกิริยาต่อเครื่องสำอางอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองไปจนถึงปฏิกิริยาภูมิแพ้ หรือจากคราบเหงื่อ ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้เช่นกัน โดยใบหน้าจะเป็นบริเวณที่ได้รับผลกระทบบ่อยที่สุด
แต่สิ่งที่ทำให้เราเกิดการระคายเคืองดวงตา อยู่ตลอดเวลา ตลอด 24 ชม. คือ ฝุ่นละออง โดยเฉพาะฝุ่นละอองที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพคือ PM 2.5
ฝุ่น PM 2.5 เป็นอนุภาคขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยน้อยกว่า 2.5 ไมโครเมตร แขวนลอยอยู่ในอากาศรวมกับไอน้ำ ควัน และก๊าซต่างๆ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เมื่อมาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมหาศาลจะมองเห็นเป็นหมอกควันอย่างที่เราเห็นกันในทุกๆ เช้านั่นเอง
ฝุ่น PM 2.5 ถือเป็นมลพิษต่อสุขภาพของมนุษย์ตามที่องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญ และออกมาแจ้งเตือนให้ทราบ เพราะเป็นฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กมาก (เล็กกว่าเส้นผมถึง 20 เท่า) เมื่อหายใจเข้าไปแล้ว สามารถเล็ดลอดผ่านขนจมูกเข้าสู่ปอดและหลอดเลือดได้ง่าย จนส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว
ปริมาณ PM 2.5
ค่า PM ในอากาศเท่าไหร่ ถึงจะอันตราย
0-12.0 อากาศดี
12.1-35.4 เริ่มต้องระวัง
35.5-55.4 ใครร่างกายอ่อนแอเริ่มต้องระวัง
55.5-150.4 แย่แล้ว คนสุขภาพไม่ดี ร่างกายอ่อนแอ มีโรคประจำตัว ไม่ควรทำกิจกรรมกลางแจ้งนาน ๆ
150.5-250.4 แย่หนัก คนสุขภาพไม่ดี ร่างกายอ่อนแอ มีโรคประจำตัว ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง
250.5-500.4 เข้าขั้นภัยธรรมชาติ เก็บตัวอยู่บ้าน ควรหาเครื่องฟอกอากาศมาใช้ด้วย
แล้วฝุ่น PM 2.5 เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจริงหรือ?
โดยแท้จริงแล้ว สายตาคนเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่หากเราใช้อุปกรณ์ใกล้ตัวบางอย่าง สามารถมองเห็นได้โดยง่ายๆ เช่นนี้
ไฟฉายแรงสูง
https://www.youtube.com/watch?time_continue=1&v=NXs3O5dnMo0&feature=emb_logo
เราสามารถเห็นฝุ่นละอองลอยไปมา มองเห็นได้ชัดเจนในบริเวณด้านล่างใกล้เลนส์ รูปแบบการเคลื่อนที่เป็นแบบ Brownian Motion คือ ไร้ทิศทางแต่ทั้งนี้ขึ้นกับแรงกระทำจากปัจจัยภายนอกด้วยเป็นหลักเช่น ทิศทางของลม เป็นต้น เมื่อเราสังเกตบริเวณที่ใกล้ๆเลนส์ไฟฉาย จะเห็นฝุ่นละอองขนาดเล็กและใหญ่ลอยผ่านเหนือแสง ซึ่งโดยตามปกติแล้ว ในเวลากลางวันเราจะมองไม่เห็น แต่เวลากลางคืน แบคกราวน์ของช่วงเวลากลางคืนที่มืด ช่วยเน้นความชัดเจนของฝุ่นให้เราได้เห็นชัดเจนขึ้น ทั้งๆที่แท้จริงแล้ว ช่วงกลางวันอาจมีฝุ่นมากกว่าที่เราเห็นในตอนกลางคืนเสียอีก
เลเซอร์กำลังแรงสูง
https://www.youtube.com/watch?v=-pw4iGl5tOM&feature=emb_logo
เลเซอร์กำลังแรงสูง ทำให้เรามองเห็นอนุภาคของฝุ่นชัดเจนมากขึ้น เนื่องด้วยเลเซอร์มีความเข้มข้นของลำแสงสูงมาก เมื่ออนุภาคของฝุ่น PM2.5 กระทบแสงเลเซอร์ จึงทำให้เราเห็นอนุภาคฝุ่นได้ชัดเจนมากๆกว่ามาใช้ไฟฉายแสงธรรมดา
แต่หากเราสังเกตบริเวณด้านล่างของลำแสงเลเซอร์ สามารถมองเห็นได้ว่า อนุภาคฝุ่นเคลื่อนที่ช้าๆมากเนื่องจากปลายกระบอกเลเซอร์ เป็นหลุมลึก จึงไม่โดนกระแสลมรบกวนมากนัก เมื่อเทียบกับอนุภาคฝุ่นบริเวณแนวกลางๆหรือเปลายบนๆของแสงเลเซอร์ อนุภาคฝุ่น จะมีการเคลื่อนที่ไปมาเร็วมากๆ
ฝุ่นละอองเหล่านี้ แขวนลอยอยุ่ในอากาศตลอดเวลา ตลอด 24 ชม. เพียงแต่เรามองไม่เห็นเนื่องจากแสงสว่างในเวลากลางวัน ดังนั้น ควรหมั่นเช็คสถานะการแจ้งเตือนอันตรายจากเครื่องวัดฝุ่นละอองขนาดเล็กแบบพกพาบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงเวลาการจราจรหนาแน่น หรือ ต้องเดินทางเข้าไปในพื้นที่ความเสี่ยงสูง เพื่อลดความเสี่ยงจากการสูดดมหายใจเอาฝุ่นละอองที่อันตรายเข้าไปในปอด และลดการระคายเคืองต่อดวงตา เพราะเมื่อเม็ดฝุ่นปลิวเข้าดวงตา จะทำให้เกิดการระคายเคือง ทำให้เราเอามือสัมผัสดวงตาโดยไม่ทันรู้ตัว หากมือไม่สะอาดจะทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสได้ทันที
การป้องกัน ทำได้โดยการใส่แว่นตาแบบใส โดยเฉพาะช่วงเวลาฝุ่นละอองถึงขีดอันตราย หรือ ต้องเข้าไปในพืนที่ความเสี่ยงสูง สามารถช่วยป้องกันมิให้ฝุ่นละอองปลิวเข้าสัมผัสดวงตา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เราขยี้ตาโดยไม่ทันตั้งตัวได้เป็นอย่างดี หรือ เปิดใช้งานเครื่องฟอกอากาศ ก็สามารถช่วยลดปริมาณฝุ่นได้เช่นกัน
*** อ้างอิง ***
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1786833
เครดิต
http://www.cshhome.net/index.php/2020/06/21/infected-by-touching-face/