หลังจากBNK48 Girls dont cry สารคดีตัวแรกของวงที่กำกับโดยพี่เต๋อ นวพล ประสบความสำเร็จไปอย่างภาคภูมิทั้งในแง่คำวิจารณ์และในแง่รางวัลจากเทศกาลหนังทั่วโลก ปีนี้สารคดีตัวที่2ก็ถูกส่งไม้ต่อการกำกับมาที่โดนัทมนัสนันท์ในชื่อOneTake
เอาส่วนที่ชอบก่อนเลยคือ งานภาพทำมาได้สวยมากๆ การที่จะถ่ายแสงประเทศไทยออกมาให้สวยผมมองว่าเป็นอะไรที่ยากเหมือนกันนะยิ่งเป็นงานวีดีโอ พอยิ่งเป็นฉากที่ญี่ปุ่นนี่คือสวยมากๆ แล้วก็การที่พาเราได้เห็นมุมมองจากหลายๆฝ่ายมากขึ้น ทั้งแฟนคลับ ผู้จัดการ CEO ผู้บริหารฝั่งญี่ปุ่น รุ่นพี่ในวงการ ต่างจากภาคGDCที่เป็นความรู้สึกของเมมเบอร์ฝั่งเดียว
ส่วนที่เราคิดว่ามันเป็นปัญหาหลักใหญ่ๆก็คือเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างวนไปมาและไม่เป็นระเบียบ เดี๋ยวก็เล่าเรื่องของรุ่น2 ไปคลาสแอคติ้ง คลาสIce breaking แล้วอยู่ๆก็ไปเรื่องsembatsu sousenkyoที่เหมือนกับจะพยายามทำให้เป็นเส้นเรื่องหลักของสารคดีภาคนี้ เรารู้สึกว่ามันไปไม่ค่อยสุดสักทางเท่าไหร่ เอาจริงๆBNK48เป็นวงที่มีหลายเรื่องให้มาทำให้มาพูดนะ แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมถึงต้องไซโคเรื่องความกดดันหนักๆด้วย เราจับmoodหลักๆของหนังได้ก็คือเรื่องของความกดดัน ซึ่งเป็นเรื่องความกดดันที่ไม่ค่อยกดดันสักเท่าไหร่ คือเรื่องที่สร้างความกดดันให้กับคนดูได้ไม่มากพอผมคิดว่าอาจจะเป็นเพราะผู้กำกับยังไม่สามารถเปิดใจน้องๆได้มากกว่า
ประเด็นของหนังค่อนข้างซ้ำกับGDCก็คือเรื่องความฝันและความพยายาม คือถ้าให้เปรียบเทียบ GDC เหมือนผู้กำกับ(พี่เต๋อ) โยนตัวเองลงไปคลุกคลีกับน้องๆ ค่อยๆเรียนรู้แต่งนิดแต้มหน่อยใช้เวลาจนกลมกลืนกับน้องๆ เหมือนกับเมาคลีที่ถูกเลี้ยงโดยมหาป่า จนน้องๆไว้ใจที่จะพูดอะไรก็ได้กับพี่เต๋อ สังเกตุได้จากฟุตเทจพิเศษจากแผ่นDVDของGirls dont cry เหมือนกับว่าตอนนั้นพี่เต๋อเป็นเมมเบอร์อีกคนไม่ได้รู้สึกเป็นคนนอกเลย แต่พอมาเป็นOneTake เราเห็นภาพพี่โดนัทเป็นคนที่ยืนดูน้องๆมากกว่าที่จะไปคลุกคลี ตรงนี้พอจะเก็ตภาพกันมั้ยครับ? มันทำให้OneTakeขาดความมีหัวใจไป ทำให้กลายเป็นสารคดีที่พยายามจะเค้นความกดดันออกมาเรื่อยๆอย่างเดียว ต่างจากGDCที่เริ่มจากความไว้วางใจให้เมมเบอร์ได้แสดงความรู้สึกที่อยู่ข้างในหัวใจออกมาให้หมด
แต่จริงๆในความวุ่นวายของเนื้อเรื่องที่ไม่เป็นระเบียบก็มีเรื่องนึงที่ผมคิดว่าน่าสนใจอยู่พอสมควรก็คือความคาดหวังที่ตามมาจากความสำเร็จ เราเห็นมิวสิคกับเฌอปรางไปติดอันดับWorld semที่ญี่ปุ่น จนเป็นข่าวใหญ่ในญี่ปุ่นช่วงนึงจำได้มั้ยครับ? อีกทั้งเรื่องเพลงคุ้กกี้ที่ดังเป็นพลุแตกอีก ฉะนั้นสิ่งที่ตามมาคือความคาดหวังที่มากขึ้นเรื่องๆ คาดหวังว่าเพลงต่อไปมันจะดีมั้ย ตัวทอปจะสามารถทำอะไรที่สุดยอดมากกว่านี้ได้รึป่าว พอความคาดหวังทับซ้อนกันเรื่อยๆมันก็แปลเปลี่ยนเป็นความกดดันให้กับเมมเบอร์ ถ้าสลับเป็นมุมมองเรา สมมุติคุณทำงานนึงได้ดีมากจนคุณประสบความสำเร็จแล้วมีคนคาดหวังให้คุณทำงานที่ดีกว่านี้อีกเรื่อยๆ แต่คุณก็ทำให้เทียบเคียงงานที่ประสบความสำเร็จไปแล้วยากมาก คนนอกก็ไม่ได้ช่วยอะไรคาดหวังอย่างเดียว พองานต่อๆไปที่คุณทำมันก็ดีไม่ได้แย่ แต่ไม่สามารถเทียบเคียงงานที่ประสบความสำเร็จได้ เป็นเราก็เครียดนะ เพราะเราพยายามกับมันที่สุดแล้วแต่มันไม่ได้ไง แต่อะไรก็แล้วแต่สารคดีมันไม่เล่นเรื่องนี้ให้สุดทั้งๆที่น่าสนใจมาก แอบเสียดายแทนที่ชงมาแล้วเททิ้งเรี่ยราดแบบนี้
ส่วนเรื่องที่คนบอกว่ามาช้าเกินช่วงเลือกตั้งเลยไม่อิน เอาจริงๆลำพังแค่MV 3-4นาทียังทำเป็นเดือนเลยถ้าจะให้เรียลไทม์มันก็ไม่ได้อยู่แล้ว ขนาดGDCยังย้อนไปเล่าเรื่องตอนวงเริ่มใหม่ๆแต่ยังทำให้เราอินได้เลย
สุดท้ายนี้ผมไม่ได้บอกว่าOneTakeเป็นสารคดีที่ไม่ดี แต่แค่เป็นสารคดีที่ทำให้เห็นว่าการทำสารคดีนั้นต้องมีความเชี่ยวชาญแค่ไหนมันต้องใช้ความเข้าใจกับเรื่องที่ทำอยู่อย่างมาก
[CR] [REVIEW] BNK48 OneTake ประเด็นเดิมที่ทิ้งหัวใจและความเข้าใจไป และความคาดหวังที่มาจากความสำเร็จ
เอาส่วนที่ชอบก่อนเลยคือ งานภาพทำมาได้สวยมากๆ การที่จะถ่ายแสงประเทศไทยออกมาให้สวยผมมองว่าเป็นอะไรที่ยากเหมือนกันนะยิ่งเป็นงานวีดีโอ พอยิ่งเป็นฉากที่ญี่ปุ่นนี่คือสวยมากๆ แล้วก็การที่พาเราได้เห็นมุมมองจากหลายๆฝ่ายมากขึ้น ทั้งแฟนคลับ ผู้จัดการ CEO ผู้บริหารฝั่งญี่ปุ่น รุ่นพี่ในวงการ ต่างจากภาคGDCที่เป็นความรู้สึกของเมมเบอร์ฝั่งเดียว
ส่วนที่เราคิดว่ามันเป็นปัญหาหลักใหญ่ๆก็คือเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างวนไปมาและไม่เป็นระเบียบ เดี๋ยวก็เล่าเรื่องของรุ่น2 ไปคลาสแอคติ้ง คลาสIce breaking แล้วอยู่ๆก็ไปเรื่องsembatsu sousenkyoที่เหมือนกับจะพยายามทำให้เป็นเส้นเรื่องหลักของสารคดีภาคนี้ เรารู้สึกว่ามันไปไม่ค่อยสุดสักทางเท่าไหร่ เอาจริงๆBNK48เป็นวงที่มีหลายเรื่องให้มาทำให้มาพูดนะ แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมถึงต้องไซโคเรื่องความกดดันหนักๆด้วย เราจับmoodหลักๆของหนังได้ก็คือเรื่องของความกดดัน ซึ่งเป็นเรื่องความกดดันที่ไม่ค่อยกดดันสักเท่าไหร่ คือเรื่องที่สร้างความกดดันให้กับคนดูได้ไม่มากพอผมคิดว่าอาจจะเป็นเพราะผู้กำกับยังไม่สามารถเปิดใจน้องๆได้มากกว่า
ประเด็นของหนังค่อนข้างซ้ำกับGDCก็คือเรื่องความฝันและความพยายาม คือถ้าให้เปรียบเทียบ GDC เหมือนผู้กำกับ(พี่เต๋อ) โยนตัวเองลงไปคลุกคลีกับน้องๆ ค่อยๆเรียนรู้แต่งนิดแต้มหน่อยใช้เวลาจนกลมกลืนกับน้องๆ เหมือนกับเมาคลีที่ถูกเลี้ยงโดยมหาป่า จนน้องๆไว้ใจที่จะพูดอะไรก็ได้กับพี่เต๋อ สังเกตุได้จากฟุตเทจพิเศษจากแผ่นDVDของGirls dont cry เหมือนกับว่าตอนนั้นพี่เต๋อเป็นเมมเบอร์อีกคนไม่ได้รู้สึกเป็นคนนอกเลย แต่พอมาเป็นOneTake เราเห็นภาพพี่โดนัทเป็นคนที่ยืนดูน้องๆมากกว่าที่จะไปคลุกคลี ตรงนี้พอจะเก็ตภาพกันมั้ยครับ? มันทำให้OneTakeขาดความมีหัวใจไป ทำให้กลายเป็นสารคดีที่พยายามจะเค้นความกดดันออกมาเรื่อยๆอย่างเดียว ต่างจากGDCที่เริ่มจากความไว้วางใจให้เมมเบอร์ได้แสดงความรู้สึกที่อยู่ข้างในหัวใจออกมาให้หมด
แต่จริงๆในความวุ่นวายของเนื้อเรื่องที่ไม่เป็นระเบียบก็มีเรื่องนึงที่ผมคิดว่าน่าสนใจอยู่พอสมควรก็คือความคาดหวังที่ตามมาจากความสำเร็จ เราเห็นมิวสิคกับเฌอปรางไปติดอันดับWorld semที่ญี่ปุ่น จนเป็นข่าวใหญ่ในญี่ปุ่นช่วงนึงจำได้มั้ยครับ? อีกทั้งเรื่องเพลงคุ้กกี้ที่ดังเป็นพลุแตกอีก ฉะนั้นสิ่งที่ตามมาคือความคาดหวังที่มากขึ้นเรื่องๆ คาดหวังว่าเพลงต่อไปมันจะดีมั้ย ตัวทอปจะสามารถทำอะไรที่สุดยอดมากกว่านี้ได้รึป่าว พอความคาดหวังทับซ้อนกันเรื่อยๆมันก็แปลเปลี่ยนเป็นความกดดันให้กับเมมเบอร์ ถ้าสลับเป็นมุมมองเรา สมมุติคุณทำงานนึงได้ดีมากจนคุณประสบความสำเร็จแล้วมีคนคาดหวังให้คุณทำงานที่ดีกว่านี้อีกเรื่อยๆ แต่คุณก็ทำให้เทียบเคียงงานที่ประสบความสำเร็จไปแล้วยากมาก คนนอกก็ไม่ได้ช่วยอะไรคาดหวังอย่างเดียว พองานต่อๆไปที่คุณทำมันก็ดีไม่ได้แย่ แต่ไม่สามารถเทียบเคียงงานที่ประสบความสำเร็จได้ เป็นเราก็เครียดนะ เพราะเราพยายามกับมันที่สุดแล้วแต่มันไม่ได้ไง แต่อะไรก็แล้วแต่สารคดีมันไม่เล่นเรื่องนี้ให้สุดทั้งๆที่น่าสนใจมาก แอบเสียดายแทนที่ชงมาแล้วเททิ้งเรี่ยราดแบบนี้
ส่วนเรื่องที่คนบอกว่ามาช้าเกินช่วงเลือกตั้งเลยไม่อิน เอาจริงๆลำพังแค่MV 3-4นาทียังทำเป็นเดือนเลยถ้าจะให้เรียลไทม์มันก็ไม่ได้อยู่แล้ว ขนาดGDCยังย้อนไปเล่าเรื่องตอนวงเริ่มใหม่ๆแต่ยังทำให้เราอินได้เลย
สุดท้ายนี้ผมไม่ได้บอกว่าOneTakeเป็นสารคดีที่ไม่ดี แต่แค่เป็นสารคดีที่ทำให้เห็นว่าการทำสารคดีนั้นต้องมีความเชี่ยวชาญแค่ไหนมันต้องใช้ความเข้าใจกับเรื่องที่ทำอยู่อย่างมาก
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้