ความสวยงามที่เกิดจากฝีมือมนุษย์

ทางเท้า Krupp



สถานที่แห่งนี้เกิดจากความปรารถนาของชายที่หลงรักสิ่งที่เรียกว่า "ไข่มุกแห่งอ่าวเนเปิลส์"   ทางเท้าครุปเป็นถนนที่มีความละเอียดอ่อนเปรียบได้กับถนนนี้มีความงามในตัวเอง ดังที่นักกวีชาวโรมันโอวิดเขียนไว้ใน "Ars amatoria" ของเขาว่า "ความงามเป็นของขวัญที่เปราะบาง" ดั่งที่นักเขียนชาวบราซิลนามเปาโลโคเอลโฮ ผู้ยืนยันว่า “ความรักที่แข็งแกร่งที่สุดคือความรักที่สามารถแสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของมัน” ทางเท้า Krupp นั้นก็เป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่แสดงให้เห็นถึงความเปราะบาง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำลายได้

เส้นทางที่สวยงามและงดงามแห่งนี้สร้างขึ้นโดยผู้ประกอบการเหล็กชาวเยอรมัน ฟรีดริช อัลเฟรด ครุป ในปีพ.ศ. 2445 เชื่อมต่อศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเกาะกับชายหาดของ Marina Piccola ที่ได้รับความเสียหายจากการเกิดหินถล่มมากกว่าหนึ่งครั้งที่ถือเป็นภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง จากการพังทลายของหินปูนของเกาะกาปรี
ทางเท้านี้ถูกปิดและเปิดอยู่เสมอเพราะพื้นที่บริเวณนั้นเป็นมุมที่เปราะบาง แต่มันยังคงเป็นที่รักของทุกคนบนโลกที่อยากจะเข้าถึง แม้ว่ามันจะมีความเสี่ยงในการเข้าชมในความไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อมโดยรอบ

ทางเท้าครุปมีระยะทางโดยรวม 1,300 เมตร ซึ่งเหมาะมากสำหรับการเดินทางมุ่งไปทางอุทยาน Faraglioni และแยกออกไปตามเส้นทางต่าง ๆ ที่นำไปสู่ถ้ำและทะเลที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ ตัวอย่างเช่น Grotta del Castiglione และ Grotta dell’Arsenale
ที่มา italianways.com
Cr.https://travel.thaiza.com/foreign/455666/

Lake Powell


ทะเลสาบพาวเวลล์ เป็นทะเลสาบเทียมเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์ ตั้งอยู่บนแม่น้ำโคโลราโด คร่อมชายแดนระหว่างรัฐยูทาห์และรัฐแอริโซนา  ทะเลสาบแห่งนี้เกิดขึ้นเพื่อใช้เป็นอ่างเก็บน้ำ สำหรับเขื่อนเกลนแคนยอน เขื่อนคอนกรีตซึ่งสร้างขึ้นเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า และควบคุมการไหลของแม่น้ำโคโลราโด
ถือเป็นอ่างเก็บน้ำที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ที่มนุษย์สร้างขึ้น ด้วยความจุน้ำที่สูงที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา รองลงมาจากทะเลสาบมีด  โดยสามารถกักเก็บน้ำได้ถึง 24,322,000 เอเคอร์ 
มีลักษณะเป็นทางวกวนไปมาตามสันทางสีส้มอิฐและหินสีแดง มีหุบเขาลึกกว่า 90 หุบเขา ความงามของทะเลสาบน่าตื่นตาและไม่เหมือนทะเลสาบอื่น ๆ 
ใกล้ๆ กันมีอนุสาวรีย์สถานแห่งชาติสะพานสายรุ้งที่เป็นอนุสาวรีย์เพื่อไว้เคารพชนเผ่าพื้นเมืองที่นี่

“ทะเลสาบพาวเวลล์” นี้ถูกตั้งชื่อตามนักสำรวจนามว่า John Wesley Powell ทหารผ่านศึกซึ่งได้ล่องเรือสำรวจในปี ค.ศ. 1869 ด้วยสภาพแวดล้อมบริเวณเขื่อนและทะเลสาบพาวเวลล์เป็นทะเลทรายและหุบเขาซึ่งมีลักษณะทางธรณีวิทยาเป็นรูพรุน หินทรายรูปร่างสูงชันมีความสวยงามอย่างมาก ในปี ค.ศ. 1972 จึงได้เกิดศูนย์บริการนักท่องเที่ยวขึ้น บริหารจัดการโดยกรมอุทยานแห่งชาติ เปิดเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจสำหรับประชาชน
ที่มา   www.go-arizona.com
Cr.https://travel.thaiza.com/amp/465401/
Cr.http://www.pentorexchange.com/news_view.php?id=1221

Glory Hole


Glory Hole ( หลุมแห่งความรุ่งโรจน์) เป็นชื่อเล่นของสปิลเวย์หลุมระบายน้ำ ที่เขื่อนมอนติเซลโล ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และมีชื่อทางการว่า Monticello Dam Morning Glory Spillway ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา  รัฐที่เคยแห้งแล้งวิกฤติมานาน มีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน จนทำให้อ่างเก็บน้ำเบอร์รีเอสซา ในเทือกเขาวากา ที่นาปา เคาน์ตี้แหล่งน้ำอุปโภคบริโภคและผลิตไฟฟ้าของหลายเมืองในแคลิฟอร์เนีย เพิ่มแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2549  
 ซึ่งหมายความว่าน้ำเหนือสปิลเวย์แบบหลุมระบายน้ำล้นนี้ มีระดับสูงกว่าราว 1 เมตร จึงทำให้ได้เห็นภาพการระบายน้ำลงสู่ท่อความกว้าง 72 ฟุต ความยาว 200 ฟุต ลงไปยังแม่น้ำเบื้องล่างที่อัตรา 48,400 ลูกบาศก์ฟุตต่อวินาที ซึ่งถือเป็นปรากฎการณ์ไม่บ่อยนัก ที่ผ่านมา ระดับน้ำสูงมากพอทำให้เห็นภาพแบบนี้ได้เพียง 26 ครั้งเท่านั้นในประวัติศาสตร์อ่างเก็บน้ำ 58 ปี 

หลุมยักษ์ในเขื่อนนี้ สร้างไว้สำหรับควบคุมการระบายกระแสน้ำน้ำจากเขื่อนไปยังพื้นที่ต่ำกว่า  เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้น้ำล้นเขื่อนหรือพังทำลายเขื่อน ปลายทางน้ำไหลไปอาจเป็นรางน้ำหรือแม่น้ำหรือบึงในบริวณอื่นหรือท่อส่งน้ำเพื่อใช้ประโยชน์ด้านอื่นต่อไปเช่น นำไปผลิตกระแสไฟฟ้า เป็นต้น

แต่ไม่นานมานี้ เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลความเรียบร้อยรอบๆ กลอรี โฮล "ริค ฟาวเลอร์ (Rick Fowler)" บังเอิญได้อัดคลิปขณะที่ "นก" ตัวหนึ่งค่อยๆ ว่ายน้ำเข้าไปใกล้หลุม และถูกกระแสน้ำดูดเข้าไปในท่อขนาดยักษ์  ต่อมาริคได้ออกมาเปิดเผยว่า เจ้า "นกกาน้ำ" ตัวนี้ไม่ได้เป็นอะไร หลังจากมันตกลงไปในหลุม มันก็ว่ายน้ำเล่นอยู่ในนั้นสักพัก ก่อนจะบินออกมาจากปลายทางน้ำไหลอย่างสบายใจ ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้กับเขื่อนยังบอกอีกว่า พวกเขาเห็นเจ้านกพวกนี้มาที่หลุมระบายน้ำเป็นประจำ วันหนึ่งมันจะว่ายลงไปในหลุมถึง 7- 8 ครั้ง
 



อย่างไรก็ตาม ทางการรัฐแคลิฟอร์เนียสั่งให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณรอบเขื่อนมากขึ้น เนื่องจากเคยมีข่าวนักท่องเที่ยวตกลงไปในหลุมยักษ์และเสียชีวิตมาแล้ว 
Cr.ภาพ smartwatermagazine.com/
Cr.https://www.komchadluek.net/news/foreign/261496
Cr.http://www.honghongworld.com/post03096501005434

Covão dos Conchos


 "หลุมแปลกตา" นี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1955 ภายในเขื่อน "Covão dos Conchos" บริเวณเทือกเขา Serra da Estrela ประเทศโปรตุเกส  ซึ่งหลายคนที่เห็นอาจจะตื่นตาตื่นใจเนื่องจากเป็นการออกแบบที่น่าสนใจ เมื่อน้ำจำนวนมากหายไปในหลุมได้อย่างน่าประหลาดใจ  แต่แท้จริงแล้วหลุมยักษ์นี้ไม่ได้สร้างมาเพื่อความแปลกตาเท่านั้น แต่มันกลับมีประโยชน์เป็นอย่างมากเพราะเป็นส่วนหนึ่งของการ "ผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานน้ำ"
 
Covão do Conchos มีการก่อสร้างเลียนแบบ ทางล้นรูปปากระฆัง เพื่อให้น้ำในเขื่อนไหลลงไปในกรวย ทั้งยังช่วยในการป้องกันน้ำล้นภายในเขื่อนช่วงฤดูน้ำหลาก ด้วยระยะเวลาที่ผ่านยาวนานทำให้ปากบ่อ มีพืชพวกตะไคร่น้ำเจริญเติบโตขึ้น

โดยสร้างขึ้นจากหินแกรนิตและคอนกรีตสูงกว่า 4.6 เมตร เส้นรอบวงขนาด 48 เมตร และมีขนาดท่อในหลุมยาวกว่า 1,519 เมตร เพื่อทำหน้าที่ในการส่งน้ำจากแม่น้ำ Naves ไปยังอุทยาน Lagoa Comprida และสามารถส่งน้ำได้สูงถึง 120,000 ลูกบาศก์เมตรเลยทีเดียว
ที่มา http://www.wittyfeed.com/story/16146/it-looks-like-the-mouth-of-hell-but-reality-is-unbelievable
Cr.https://www.clipmass.com/story/109252

Laguna Garzon Bridge


สะพาน Laguna Garzon Bridge ที่มีที่ตั้งอยู่ที่ทะเลแถบชายฝั่งตอนใต้ของประเทศอุรุกวัย ถูกสร้างเป็นวงกลมไว้สำหรับข้ามทะเลสาบการ์ซอน จนกลายเป็นที่น่าสงสัยของหลายๆคนว่า ทำไมถึงต้องสร้างสะพานเป็นวงกลม เพราะดูจากลักษณะของพื้นที่แล้วก็น่าจะสร้างสะพานแบบตรงๆได้ และยังเป็นการล่นระยะเวลาในการขับรถข้ามสะพานได้มากกว่า 

เหตุผลของการสร้างสะพานวงกลม ก็เพื่อที่จะให้รถ มีการลดความเร็วในการข้ามสะพาน เพราะหากสร้างสะพานตรงๆ รถจะขับมาด้วยความเร็ว ในขณะที่การสร้างสะพานวงกลม รถจะต้องชะลอความเร็วลงเพื่อเข้าโค้งตามทางของสะพาน  และสาเหตุที่ต้องการให้รถชะลอความเร็ว ก็เนื่องมาจากว่า บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม จึงได้มีการทำทางเดินขนานเป็นวงกลมกับสะพาน เพื่อให้ผู้คนได้เดินมาชมวิว ถ่ายรูปกันได้ จึงต้องลดความเร็วของการใช้รถเพื่อความปลอดภัยของผู้คนที่เดินเท้าบนสะพานด้วย

สะพานนี้ถูกออกแบบโดย สถาปนิกชาวอุรุกวัย Rafael Viñoly เป็นการสร้างครึ่งวงกลมมาต่อกับอีกครึ่งวงกลม ปลายทางของ 2 ด้านมาจบกันเป็นวงแหวนพอดี การสร้างสะพานแบบนี้ จะช่วยชะลอความเร็วและให้ผู้คนได้ชมวิวสวยๆระหว่างทางไปด้วย พร้อมกับคนที่เดินข้ามสะพาน
ข้อมูลและภาพจาก : thaihitz / boredpanda.com/
Cr.http://bitcoretech.com/why-is-the-laguna-garzon-bridg-bridge-made-into-a-circle/ By   baifern

Playa del Amor


 “Playa del Amor” หรือ “ชายหาดแห่งความรัก” โดยทั่วไปจะเรียกว่า “ชายหาดที่ซ่อนอยู่” ในหมู่เกาะ Marieta เป็นกลุ่มเกาะเล็ก ๆ ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ห่างจากชายฝั่งนายาริตเพียงไม่กี่ไมล์ในเม็กซิโก
ชายหาดถูกเรียกเช่นนี้เพราะมันซ่อนตัวอยู่ในถ้ำที่มีลักษณะเหมือนหลุม และสามารถไปถึงได้โดยการว่ายน้ำผ่านอุโมงค์ที่แคบและสั้น ในขณะที่ชายหาดเป็นธรรมชาติ แต่มีรายงานว่าหลุมที่อยู่ใต้ชายหาดเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น

หมู่เกาะ Marieta นั้นก่อตั้งขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อนโดยการปะทุของภูเขาไฟ แต่ก่อนที่แห่งนี้ไม่มีผู้อาศัย รัฐบาลเม็กซิโกจึงเริ่มใช้เกาะเป็นเป้าซ้อมก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง การทิ้งระเบิดทางทหารเหล่านี้ทำให้เกิดถ้ำมากมาย และหินรูปร่างอื่นๆที่ไม่เหมือนใครบนหมู่เกาะมาริเอตัส มีความเชื่อกันว่า Hidden Beach ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการระเบิดเหล่านี้ พร้อมกับการพังทลายของหินบริเวณรอบตามธรรมชาติ
 
หลังจากการคัดค้านอย่างรุนแรงจากนานาประเทศ เริ่มต้นโดยนักวิทยาศาสตร์ Jacques Cousteau ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 รัฐบาลก็ตัดสินใจที่จะติดป้ายว่าเกาะต่างๆในหมู่เกาะนี้เป็นอุทยานแห่งชาติ ทุกวันนี้หมู่เกาะได้รับความคุ้มครองจากกิจกรรมของมนุษย์ และมีเพียงผู้ประกอบการท่องเที่ยวเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้พานักท่องเที่ยวไปที่นั่น
ที่มา amusingplanet
Cr.http://realmetro.com/hidden-beach/

Crop Circle


Crop Circle (คร็อบ เซอร์เคิล) เป็นสัญลักษณ์ปริศนาขนาดใหญ่ที่เกิดอยู่บนทุ่งข้าวโพด ทุ่งข้าวสาลี ทุ่งข้าวบาเล่ย์ ทุ่งอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนมากพบที่ประเทศอังกฤษ แต่ก็มีการค้นพบวงแหวนปริศนานี้อยู่ทั่วโลกเช่นกัน
ถูกพบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1678 ที่เฮิร์ทฟอร์ดเชียร์ ประเทศอังกฤษ มีผู้สันนิษฐานไว้หลายทฤษฎี เช่น เกิดจากการลงจอดของ UFO, เกิดจากอุกาบาต, พายุทอร์นาโดขนาดเล็ก จนกระทั่งในช่วงทศวรรษที่ 1980 มีการพบ Crop Circle มากกว่า 1,000 แห่ง ซึ่งรูปร่างของมันเริ่มซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ 

ในปี 1972 อาเทอร์ ชัตเติลวูด และ บริซ บอนด์ แอบอยู่แถวเนินเขาแคเดิลฮิล ใกล้เขตเวสมินเตอร์ เพื่อรอดูปรากฏการ์แสงประหลาดที่ชอบเกิดขึ้นบ่อยๆ แต่ก็ไม่พบอะไร จนเช้าวันรุ่งขึ้นจึงพบกับพืชล้มเป็นวงประหลาด 

ในเดือนกันยายนปี 1976 เอดวิน เฟอส์ ชาวนาในเมืองแลงเกนเบิร์กก็พบกับสัญลักษณ์ประหลาดปรากฏอยู่บนทุ่งนาหลายจุดในบริเวณนั้น นักวิทยาศาสตร์เริ่มตั้งทฤษฎีว่ามันน่าจะเกิดจากความผิดปกติของมวลอากาศที่เรียกว่า Plasma Vortex ที่ทำให้เกิดลมหมุนวนในระดับสูงแล้วเคลื่อนตัวลงสู่พื้น ทำให้พืชแบนราบ 
ส่วนที่เกิดขึ้นนั้นลำต้นของพืชที่ล้มจะอยู่เหนือพื้นดินประมาณ 1 นิ้ว มีลักษณะโค้งงอไม่แตกหัก  โดยเซลล์ขยายตัวเหมือนได้รับความร้อน ซึ่งต้องใช้พลังงานที่เร็วและหนาแน่นจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเซลล์ได้ นักวิจัยเชื่อว่าพลังงานที่ว่านั้นน่าจะเป็นไมโครเวฟ ทฤษฎีนี้เรียกว่า Microwave Transient Heating
Crop Circle ที่เกิดขึ้นในอังกฤษ 90% อยู่ในรัศมี 50 ไมล์จากสโตนเฮน และ 80% เกิดจากฝีมือมนุษย์ ทุกวันนี้ยังไม่มีทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ใดที่อธิบายการเกิดของ Crop Circle ได้ชัดเจนกว่ามนุษย์เป็นผู้สร้าง
ที่มา  wikipedia | เรียบเรียงโดย  petmaya
Cr. ภาพ openxcom.org
Cr.https://petmaya.com/สัญลักษณ์ปริศนาบนทุ่งห

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่