ระบบโหราศาสตร์แบบดวงดาว ใช้ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ โดยมีโลกเป็นจุดศูนย์กลาง (Geocentric Model) ปัจจุบันโหราศาสตร์ดวงดาวแตกแขนงออกไปหลายสาขา แต่ที่ท่านผู้อ่านอาจจะได้ยินกันบ่อยสักหน่อย คือ ระบบสายนะ (Tropical Zodiac) และระบบนิรายนะ (Sidereal Zodiac) ซึ่งเป็นระบบที่แตกต่างกัน ด้วยสาเหตุ คือ
1) ระบบสายนะ นับจุดเข้าราศีเมษ ณ จุดวิษุวัต ♈
2) ระบบนิรายนะ นับจุดเข้าราศีเมษ ณ กลุ่มดาวราศีเมษจริง

เส้นสมมุติของระบบสายนะ องค์ประกอบเกี่ยวข้อง คือ พระอาทิตย์กับโลกโดยตรง วันที่เข้าสู่ราศีเมษเป็นวันที่กลางคืน-กลางวันยาวนานเท่ากัน (ปี 2020 ตรงกับวันที่ 20 มี.ค., จีน 春分, อังกฤษ Equinox)
ส่วนนิรายนะ อาศัย กลุ่มดาวราศีอันห่างไกลจากโลกเป็นจุดอ้างอิงการเข้าสู่ราศี
ในความเห็นส่วนตัวเข้าข้างระบบสายนะ เพราะความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ กลางวัน-กลางคืน ฤดูกาลเป็นหลัก รวมถึงแรงโน้มถ่วงระหว่างดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาล ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสิ่งมีชีวิตในโลกมากกว่าจุดสมมุติกลุ่มดาวที่ห่างไกลหลายสิบ-หลายร้อยปีแสง ทั้งดาวที่ลากเส้นประติดประต่อเป็นราศี ก็มีชั้นความลึก-ติ้น ห่างกันหลาย 10 หลาย100 ปีแสง เช่นกัน
จากการศึกษาของตนเองพบว่า ระบบโหราศาสตร์ทั้งสอง น่าจะเป็นระบบเดียวกันมาก่อน
โดยเมื่อประมาณ 2,643 ปีที่ผ่านมา (ช่วงปีที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ) จุดวิษุวัต ♈ และจุดเข้ากลุ่มดาวราศีเมษเป็นจุดช่วงเดียวกัน ตามภาพด้านล่าง

แต่เพราะการหมุนควงของโลก ค่อยๆทดและปรับจุดวิษุวัต ย้ายขึ้นไปกลุ่มดาวราศีมีนช้าๆ และในอีกไม่กี่พันปีจากนี้ไป จุดวิษุวัตก็จะเคลื่อนทดไปยังกลุ่มดาวราศีกุมภ์และมังกรตามลำดับ
ภาพด้านล่างแสดงจุดวิษุวัต ♈ ในปีปัจจุบัน (2020) อยู่ที่ราศีมีน ห่างจากจุดเข้าราศีเมษเดิมเมื่อ 2,000 กว่าปีที่แล้ว ประมาณ 23° องศากว่า (เรียก Ayanamsa, อยนางศ)
ส่วนตัวตั้งสมมุติฐานคาดการณ์ว่า ระบบเรียนโหราศาสตร์สมัย 2,000 กว่าปีก่อน การที่ครูบาอาจารย์จะอธิบายเส้นสมมุติสุริยะวิถีและจุดวิษุวัต อาจเป็นของยากสำหรับคนทั่วไป เพราะผู้ศึกษาพิสูจน์ทฤษฎีต้องมีความรู้คณิตศาสตร์ชั้นสูงด้วย และต้องอาศัยเครื่องมือมากรายการพิสูจน์ ฉะนั้นการอธิบายโดยใช้กลุ่มดาว 12 ราศีแทน ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจง่ายกว่า เพียงจินตนาการภาพดาวต่างๆเคลื่อนผ่านกลุ่มดาว 12 ราศี ในรอบ 1 ปี
ระบบสายนะ มีความเป็นสากล และ dynamic สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกมากกว่า ทางชาวตะวันตกมีพัฒนาการด้านโหราศาสตร์สายนะอย่างลึกซึ้งยาวนาน และมีระบบการจัดเก็บสอบทานที่ดี มีการสอนในระดับมหาวิทยาลัย และสถาบันที่มีชื่อเสียงยาวนาน
สำหรับการใช้งานทำเนียบดาวในระบบสายนะ ผมเคยเขียนบทความ อุจจ์ ท่านสามารถอ่านจากกระทู้ของผมได้ และท่านผู้อ่านอาจใช้หลักการณ์จากบทความนั้น อนุมานถึงกฏเกณฑ์ต่างๆของโหราศาสตร์สายสยามประเทศ (ซึ่งได้รับการถ่ายทอดความรู้มาจากอารยะประเทศโบราณ ทางทิศตะวันตกเป็นหลัก) ก็อาจเป็นแนวทางหนึ่งซึ่งช่วยพัฒนาขีดความสามารถของโหราศาสตร์สายสยามให้เป็นสากลมากขึ้น
ขอแสดงความนับถือ
โชคดีครับ ♈
ekhora
การใช้งานระบบสายนะและนิรายนะในมุมมองของผม - ทัศนะโหราศาสตร์
1) ระบบสายนะ นับจุดเข้าราศีเมษ ณ จุดวิษุวัต ♈
2) ระบบนิรายนะ นับจุดเข้าราศีเมษ ณ กลุ่มดาวราศีเมษจริง
เส้นสมมุติของระบบสายนะ องค์ประกอบเกี่ยวข้อง คือ พระอาทิตย์กับโลกโดยตรง วันที่เข้าสู่ราศีเมษเป็นวันที่กลางคืน-กลางวันยาวนานเท่ากัน (ปี 2020 ตรงกับวันที่ 20 มี.ค., จีน 春分, อังกฤษ Equinox)
ส่วนนิรายนะ อาศัย กลุ่มดาวราศีอันห่างไกลจากโลกเป็นจุดอ้างอิงการเข้าสู่ราศี
ในความเห็นส่วนตัวเข้าข้างระบบสายนะ เพราะความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ กลางวัน-กลางคืน ฤดูกาลเป็นหลัก รวมถึงแรงโน้มถ่วงระหว่างดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาล ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสิ่งมีชีวิตในโลกมากกว่าจุดสมมุติกลุ่มดาวที่ห่างไกลหลายสิบ-หลายร้อยปีแสง ทั้งดาวที่ลากเส้นประติดประต่อเป็นราศี ก็มีชั้นความลึก-ติ้น ห่างกันหลาย 10 หลาย100 ปีแสง เช่นกัน
จากการศึกษาของตนเองพบว่า ระบบโหราศาสตร์ทั้งสอง น่าจะเป็นระบบเดียวกันมาก่อน
โดยเมื่อประมาณ 2,643 ปีที่ผ่านมา (ช่วงปีที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ) จุดวิษุวัต ♈ และจุดเข้ากลุ่มดาวราศีเมษเป็นจุดช่วงเดียวกัน ตามภาพด้านล่าง
แต่เพราะการหมุนควงของโลก ค่อยๆทดและปรับจุดวิษุวัต ย้ายขึ้นไปกลุ่มดาวราศีมีนช้าๆ และในอีกไม่กี่พันปีจากนี้ไป จุดวิษุวัตก็จะเคลื่อนทดไปยังกลุ่มดาวราศีกุมภ์และมังกรตามลำดับ
ภาพด้านล่างแสดงจุดวิษุวัต ♈ ในปีปัจจุบัน (2020) อยู่ที่ราศีมีน ห่างจากจุดเข้าราศีเมษเดิมเมื่อ 2,000 กว่าปีที่แล้ว ประมาณ 23° องศากว่า (เรียก Ayanamsa, อยนางศ)
ส่วนตัวตั้งสมมุติฐานคาดการณ์ว่า ระบบเรียนโหราศาสตร์สมัย 2,000 กว่าปีก่อน การที่ครูบาอาจารย์จะอธิบายเส้นสมมุติสุริยะวิถีและจุดวิษุวัต อาจเป็นของยากสำหรับคนทั่วไป เพราะผู้ศึกษาพิสูจน์ทฤษฎีต้องมีความรู้คณิตศาสตร์ชั้นสูงด้วย และต้องอาศัยเครื่องมือมากรายการพิสูจน์ ฉะนั้นการอธิบายโดยใช้กลุ่มดาว 12 ราศีแทน ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจง่ายกว่า เพียงจินตนาการภาพดาวต่างๆเคลื่อนผ่านกลุ่มดาว 12 ราศี ในรอบ 1 ปี
ระบบสายนะ มีความเป็นสากล และ dynamic สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกมากกว่า ทางชาวตะวันตกมีพัฒนาการด้านโหราศาสตร์สายนะอย่างลึกซึ้งยาวนาน และมีระบบการจัดเก็บสอบทานที่ดี มีการสอนในระดับมหาวิทยาลัย และสถาบันที่มีชื่อเสียงยาวนาน
สำหรับการใช้งานทำเนียบดาวในระบบสายนะ ผมเคยเขียนบทความ อุจจ์ ท่านสามารถอ่านจากกระทู้ของผมได้ และท่านผู้อ่านอาจใช้หลักการณ์จากบทความนั้น อนุมานถึงกฏเกณฑ์ต่างๆของโหราศาสตร์สายสยามประเทศ (ซึ่งได้รับการถ่ายทอดความรู้มาจากอารยะประเทศโบราณ ทางทิศตะวันตกเป็นหลัก) ก็อาจเป็นแนวทางหนึ่งซึ่งช่วยพัฒนาขีดความสามารถของโหราศาสตร์สายสยามให้เป็นสากลมากขึ้น
ขอแสดงความนับถือ
โชคดีครับ ♈
ekhora