เรื่องราวของเด็กบ้านแตก เห็นว่ายังไงกันคะ

เราอยากมีพื้นที่ที่เราจะสามารถระบายความรู้สึกได้
เป็นเรื่องราวของชีวิตเราเองในตอนเด็ก
เราเกิดมาอยู่ในบ้านที่คนในครอบครัวไม่เข้าใจกัน
ทะเลาะเบาะแว้งตลอดเวลา
ไม่มีใครฟังใคร
ทุกคนต้องการในสิ่งที่ตนต้องการ
แต่ไม่เคยมีใครใส่ใจในสิ่งที่คนอื่นๆต้องการ
เรารู้สึกเหมือนอยู่ตรงกลางของกระแสน้ำวน 2 อัน
เปรียบจากความวุ่นวายของยายเรา และแม่เรา
แต่ตรงกลาง ไม่มีใครสน ในเรื่องใดๆเลย

เราถูกเลี้ยงดูขึ้นมาด้วยยายของเรา
แม่เราทำงานตลอดเวลาและไม่มีเวลามาใส่ใจกับเรา
และฟังดูแล้วเหมือนเราเป็นคนไม่ดี
แต่เราไม่เคยรู้สึกถึงการได้รับความอบอุ่นจากแม่ของเรา
เวลาเราสอบได้คะแนนดีๆ(แต่ไม่เต็ม) เราจะไปบอกแม่เรา
ว่าเราได้ 27/30, 28/30 นะ เราได้เกรด 3.9 นะ
แม่เราจะพูดกับเราทุกทีว่า ทำไมไม่ได้ 4.00
จะคอยบอกให้เราคิดว่า เราไม่ได้เก่ง เราคิดไปเองว่ามันดีแล้ว...
หรือแม้เราจะ สร้างชื่อให้โรงเรียน(เล็กๆที่ไม่ใช่โรงเรียนดัง)
แม่เราก็ดูเหมือนจะไม่เคยภูมิใจในตัวเราเลย
มันทำให้เรารู้สึกว่าเราโตมาแบบขาดความรัก เย็นชาไม่มีความอบอุ่น
และขาดความมั่นใจมั่นใจในตัวเอง
แม่เราไม่เคยสอนเรื่องการเป็นคนดีกับเรา
แต่จะคอยสอนเรื่องความสวยงามและการดูแลตัวเอง
สิ่งที่เราได้ยินแต่เด็กคือเรื่องการวิ่งเต้นที่ทำงานของแม่
แม่อยากไปทำงานต่างประเทศ แม่ชอบอวดเรากับพี่ชายให้เพื่อนๆฟัง
ว่าลูกแม่เรียนเก่งไม่ต้องบังคับเรื่องเรียน ลูกชายอยู่คณะดีนู่นนี่
แต่มันหนังคนละเรื่องกับความรู้สึกที่เราได้รับเลย
เรารู้สึกเหมือนแม่ใช้เราเป็นเครื่องประดับให้ตัวเองดูดี

พ่อเราทำงานต่างจังหวัดแทบไม่กลับมา
พ่อกับแม่เราไม่ถูกกัน
แต่เรากลับรู้สึกว่าในวัยเด็กพ่อพยายามให้ความรักและสอนให้เราเป็นคนดี
พ่อสอนการคิด จริยธรรมกับเรา พูดคุยทำความเข้าใจจิตใจเด็กตัวเล็กๆอย่างเรา
เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เราเติบโตมาและจำได้
เราโตมาแล้วเรารู้สึกว่าพ่ออดทนเพื่อเราที่จะต้องอยู่กับแม่
เพื่อให้เราเติบโตมาเป็นคนดี

วันนึงแม่จับได้ว่าพ่อทีเมียน้อย
แม่เราหอบเราและพี่ชายไปจับเมียน้อยกับพ่อ!!
เราเด็กไม่กี่ขวบน่าจะราวๆ 7 ขวบ
ต้องไปเจอสถานการณ์เห็นพ่อกับเมียน้อย
เห็นพ่อ แม่ทะเลาะกัน
เราตกใจและกลัวมาก ร้องไห้
โตมาเราหวนกลับไปคิด
ถ้าเราเป็นแม่คน เราจะไม่ทำแบบนั้น
ทำลงไปได้ยังไง
จะทะเลาะกันก็ทะเลาะกันเองสิจริงมั้ย
เอาเด็กๆมาเห็นทำไม
นอกจากจะอยากทำให้ลูกๆเห็นพ่อในมุมไม่ดี

นั่นคือพ่อกับแม่เรา..

ยายเราจะคอยเปรียบเทียบเรากับเด็กบ้านตรงข้าม
ว่าเค้าดีอย่างงู้นอย่างงี้
เราไม่เคยรับรู้ถึงความอบอุ่นจากยายเราเช่นกัน
ยายเราจะทำอาหารให้เรากินทุกวัน
แต่เมื่อเราอยากลองทำอาหารยายจะดุเราว่าอย่ามาวุ่นวายทำเลอะเทอะ
โตมาเรายังทำอาหารไม่เป็นเลย
ทุกวันตอนตีห้า จะมาเคาะห้องเราเสียงดังมากกกก
ทะลุไปบ้านข้างๆ เพื่อให้เราปิดแอร์- -
บางทีถ้าโมโหจะพูดจาหยาบคาย มีสัตว์และอวัยวะมากมายออกมาจากปากยายเรา
ตอนอยู่ที่บ้านจะปฏิบัติต่อเราอย่างนึง แต่พอเจอคนนอกบ้าน
จะเปลี่ยนเป็นอีกแบบ พูดจรงๆคือสร้างภาพขึ้นมา
ถ้ามาพูดจากระทบเรา แล้วเราทนไม่ไหวพูดความจริงออกไป
ยายจะบอกให้เราเงียบ หยุดพูด เพราะเราทำให้ยายเราดูไม่สวยในสายตาคนอื่น
และจะว่าเราเนรคุณ คำว่าเนรคุณคือคำที่เราได้ยินบ่อยมากๆ
คำที่เด็กอายุประมาณ 13-14 ได้ยินจนโต
เวลาเจอญาติฝั่งพ่อ ยายก็จะคอยฟ้องเราดื้อเราเถียง
ญาติฝั่งพ่อก็จะคิดว่าเราเป็นเด็กไม่ดี คอยบอกว่าอย่าเถียงยายนะ
แต่เค้าก็ไม่เคยรู้จักตัวตนที่แท้จริงของยายเช่นกัน
ยายและแม่จะชอบบอกว่าให้ขอเงินจากญาติฝ่ายพ่อ
ถ้าเรามีลูกมีหล่นเราจะไม่ทำแบบนั้น..

วันนึงเราโกรธยายไม่พูดด้วย 1 เดือน
ยายเราแก้ปัญหาด้วยการส่งตามาขู่
ว่าถ้าเราไม่พูดด้วย จะไปฟ้องครูที่โรงเรียน
และชีวิตที่โรงเรียนเราเป็นเด็กดีมากในสายตาครู
เพราะที่บ้านเราเป็นฝุ่นที่ไม่มีใครเห็น เราเลยสร้างชีวิตเราใหม่ที่โรงเรียน
ยายเราไม่เคยคิดเลยว่า เราคงไม่เหลือจุดยืนในชีวิต
บีบบังคับในทุกด้าน เลี้ยงด้วยระบบคอมมิวนิสต์
ไม่มีความรู้ในการเลี้ยงเด็ก
ทำแค่กับข้าวให้กินเลี้ยงดูที่ตัวเท่านั้นโดยไม่เคยสนใจจิตใจ

ป้าของเรา(พี่สาวแม่) หนีออกจากบ้านแต่เด็ก
ตาเราเป็นผู้มีอำนาจสั่งคนให้หาและจับกลับมาบ้าน
ยายเราล่ามโซ่ไว้...โกนผม...
นี่คือเรื่องที่เราได้ยินมาจากแม่ของเรา

น้าเรา(น้องสาวแม่)
บวชเป็นชี แต่ก็ยังสนใจเรื่องหวยออก เรื่องขอเรี่ยรายเงิน..
เคยมาขอเงินเราเหมือนกันคิดว่าเรารวย
ขอพี่ชายเราไปหมื่นนึงบอกเอาไปล้างกรรมของแม่ที่แม่เคยสัญญาไว้กับพระ

ตาเราจะซีเรียสมากๆกับเรื่องเงิน เราเคยปวดฟันนานหลายคืน
ไม่เคยพาเราไปหาหมอฟัน จนวันนึงพาไปมันผุมากๆแล้ว
หมอเลยอุดชั่วคราวไว้ให้บวกแจ้งราคา แต่ตาเรารู้ว่าแพง(แค่ 2000) ก็ไม่เคยพาเรามา
รักษาอีกเลย.... เราสงสารชีวิตเราที่โตมามาก- -ทำไมเลี้ยงแบบนี้
ถ้าเรามีลูกเราจะไม่ทำแบบนี้ และอีกหลายครั้งที่ป่วยมากๆก็ไม่พาไปหาหมอ
แต่ตอนนั้นเป็นเด็กไม่รู้เรื่อง

ต่อมาพ่อเราเสียเป็นมะเร็ง ผ่านไปหลายปีแม่มีแฟนใหม่
แม่เราเช่นกัน- - พูดกับแฟนใหม่ดีมาก พูดกับเราแบบหงุดหงิดทุกครั้ง
ให้แฟนใหม่ยืนหนึ่ง เราคือความสำคัญรองลงมา
หลงเชื่อให้ค้ำประกัน- - เป็นหนี้หลายล้าน
เราตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมสมัครเรียนกวดวิชาเองแม่ไม่เคยมาช่วย
(แต่ช่วยจ่ายเงินนะ) แต่ขอสมัครเรียนร้องเพลงจะไม่เคยให้
บอกว่าไร้สาระ เปลืองเงิน ไม่เคยสนับสนุน
พอแม่เป็นหนี้ เราถึงจุดที่ต้องเอาเงินเก็บมาออกค่าเทอมเอง 1 เทอม!!
และก็เหมือนยาย คอยบอกให้เราขอเงินญาติ คอยบอกให้เราทวงมรดกส่วนของพ่อ
ทำไมผู้ใหญ่ไม่คุยกันเอง จะมีใช้มาหาผลประโยชน์จากเด็กทำไม
พี่ชายก็ออกจากบ้านไปอยู่กับแฟน คงอยู่บ้านนี้ไม่ไหวเหมือนกัน
เราเฝ้ารอการที่เราจะได้เรียนจบและออกไปจากบ้านหลังนี้ซักที
พอเราเข้ามหาลัยได้เราต้องย้ายไปเรียนต่างจังหวัด
ได้มาเจอโลกดีๆข้างนอก มันดีมากจริงๆ

เราเคยคิดว่าเราอยากมีลูก เราจะเลี้ยงเค้าให้ดีๆ
เราจะไม่ทำแบบนี้
สภาพครอบครัวที่แสนพังของเรา
มันทำให้เราไม่เคยมั่นใจว่าเราจะประสบความสำเร็จในการมีครอบครัว
บวกกับเราอยู่โรงเรียนหญิงล้วนถึงม.หก
เราอกหักมาหลายรอบจนคิดว่าเป็นเพราะขาดประสบการณ์ครอบครัวดีๆมาแน่

ถ้าเราเป็นคนที่โตแล้วในตอนนั้นเราคงปล่อยว่างแยกแยะได้
แต่ตอนนั้นเราเป็นแค่เด็กเล็กๆ มันเป็นความเจ็บปวดที่ฝังในจิตใจ
จนถึงปัจจุบัน ทุกกวันนี้ก็ยังเจ็บอยู่
และยายก็ยังคิดว่าเรารวยพอเราพาไปเลี้ยงข้าวก็ขอซื้อของฟุ่มเฟือยช้อปปิ้งเพิ่ม
ทวงเงินที่เราจ่ายรายเดือนให้บ่อยๆ

เราเบื่อสังคมไทยมากๆที่คนสูงอายุคอยแต่จะตั้งตารอ
ให้ลูกหลานเลี้ยงดู เราจ่ายให้ทุกเดือนนะ
แต่พูดตามตรงเราไม่เคยคิดถึงอะไรแบบนี้เลย
เราคิดว่าถ้าเราแก่ไป เราก็ไม่อยากไปขอเงินลูก หรือเรียกสินสอดอะไรเลยด้วยซ้ำ
เราถูกสึกถึงการถูกใช้เป็นเครื่องมือเป็นประจำ
และบางครั้งเรารู้สึกว่ายายแค่อยากได้เงิน ไม่ได้อยากเจอเราจริงๆ
ถามจริงๆคนอายุ 80 นี่เค้าจะเอาเงินไปทำอะไร

โตมาจนตอนนี้ เราไม่อยากกลับไปบ้านอีกเลย
เรารู้สึกว่ามันทำให้เราไม่สบายใจ มีแต่เสียใจ
ความรู้สึกแย่ๆตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
มันดูดพลังชีวิตเรามากๆ
เราไม่อยากเกิดมามนครอบครัวนี้
อยากตัดขาดไปเลยด้วยซ้ำ

ตอนเด็กๆเราอิจฉาเพื่อนตลอดที่มีครอบครัวที่ดี อยากมีแม่แบบแม่เขา
ดูในละครแบบที่มีครอบครัวร้ายๆคือแบบนั้นเลย
สังคมไทยก็คอยต่อต้าน เรื่องความกตัญญูต้องยืนหนึ่ง
แต่คงมีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเข้าใจเราที่มีครอบครัวแบบนี้
ถ้าไม่ยืนอยู่ที่จุดเราคงเข้าใจ เรารู้สึกว่ามันคือ toxic
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่