แชร์ประสบการณ์ตรวจเจอและผ่าตัดเนื้องอกมดลูก...ถือว่าฟาดเคราะห์ค่ะ

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ...วันนี้ในปีที่แล้ว (62) เป็นวันที่เราเข้าไปนอนเตรียมตัวที่ รพ. เพื่อรับการผ่าตัดก้อนเนื้อที่มดลูก
     ขอเริ่มต้นการตรวจเจอก่อนนะคะ...คือ เราเป็นผู้หญิงลงพุงนิดๆ หลายๆ คนก็ทักว่าเหมือนคนที่ตั้งครรภ์ เราก็บอกตลอดว่าอ้วน จนมาเมื่อเดือน พ.ค. 62 มีคนเริ่มทักหลายคนมากขึ้น และมีอยู่วันหนึ่ง นอนดูท้องตัวเองแล้วมีลักษณะเป็นก้อนนูนๆ ซึ่งมันดูเหมือนผิดปกติ ก็เลยตัดสินใจ search หาข้อมูล ก็มีคนมาเล่ามากมายว่าที่ดูเหมือนลงพุงนั่น จริงๆ แล้วไม่ใช่ ก็เลยได้ตัดสินใจไป รพ. เพื่ออัลตราซาวด์ ผลปรากฏว่า มีก้อนเนื้อที่บริเวณท้องจริงๆ ค่ะ ขนาดประมาณ 12 cm และหมอก็นัดให้มาทำ CT scan ในสัปดาห์ถัดมาทันที...ตอนนั้นใจก็ไม่สู้ดีแล้วค่ะ แต่ก็คิดว่าเป็นอะไรก็รักษาไปให้ที่สุด วิทยาการทางการแพทย์สมัยนี้ทันสมัย....ในใจก็ทำเข้มแข็ง แต่ก็นั่งร้องไห้คนเดียวอยู่หน้าห้อง CT scan (ในชีวิตนี้ไม่เคยเจ็บหนักๆ จนต้องนอน รพ. เลยค่ะ) ผลออกมา เราลุ้นมาก ยังไงขอให้เป็นที่มดลูก เพราะศึกษามาเขาบอกว่าเนื้องอกมดลูกมีโอกาสเป็นมะเร็งได้น้อยที่สุด...ตอนที่ได้รับผล คือเราพออ่านได้บ้าง (เราจบเทคนิคการแพทย์มาค่ะ)...หมอคาดว่าเป็นเนื้องอกที่รังไข่ ตอนนั้นก็น้ำตาไหลอีกรอบ เดินเอาผลไปให้หมอที่ตรวจครั้งแรก เขาก็บอกว่าลักษณะก้อนไม่ค่อยโอเค ต้องส่งไปที่ผ่าที่ รพ.ศูนย์...ตอนนั้นใจนี่คิดไปถึงว่าจะเป็นอะไรมากไหม ถ้าเกิดอะไรขึ้น แล้วพ่อกับแม่ล่ะ...แต่สักพักก็คิดว่ายังไงก้ต้องสู้ค่ะ
     ด้วยความโชคดี มีพี่ที่น่ารักอยู่ที่ รพ.ศูนย์นั้น พอติดต่อเขาไป พี่เขาก็เป็นธุระจัดการให้ทุกอย่าง (ทั้งๆ ที่เราแค่รู้จักกัน แต่ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก แต่ตอนนี้เป็นหนี้บุญคุณพี่เขาล่ะค่ะ) เราได้อัลตราซาวด์ที่ รพ.ศูนย์นั้นอีกรอบ หมอก็บอกว่าลักษณะก้อนไม่ค่อยโอเค ก้อนใหญ่ประมาณ 15 cm ใจไม่สู้ดีอีกรอบ...ว่าทำไมก้อนโตเร็วจัง...ตอนนั้นหมอก็ตัดสินใจนัดผ่า 1 สัปดาห์ถัดมาเลย ในระหว่างนั้น เราหาที่พึ่งทางใจต่างๆ ให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี...และแล้ววันที่ต้องเดินเข้า รพ. ก็มาถึง แต่ ณ ตอนนั้น มาด้วยความเข้มแข็งมากนะคะ...อยากผ่าตัดออกมากๆ เราศึกษาข้อมูลมาพอสมควรและมั่นใจในตัวคุณหมอมาก ก็เลยไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่...คืนก่อนผ่าตัด ก็เตรียมตัวเหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป คือ เจาะเลือด กินยาช่วยระงับขับถ่าย...แต่ไม่นึกไม่ฝันว่ายานั้นกลิ่นจะรุนแรงจนทำให้เราอาเจียนออกตลอด...แต่ก็ฝืนกินให้หมด ก่อนนอนก็สวดมนต์ไหว้พระ
   
     และแล้ววันที่ผ่าก็มาถึงค่ะ...ตอนนั้นบอกเลยว่าพร้อมมาก หมอนัดผ่า 13.00 น. เวลา 12.30 น. เขาก้มาเข็นไปห้องผ่าตัดค่ะ แล้วสักพักก็ดมยา หลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดดับลงทันที...มารู้สึกตัวอีกที น่าจะประมาณ 18.00 น. ตอนนั้นคือ เจ็บมาก (ในใจคิดว่าคนอื่นที่ผ่า เจ็บขนาดนี้เลยเหรอ)...ก็นอนดูอาการไปค่ะ จนผ่านไป 2 ชั่วโมงกว่า ก็คิดว่าทำไมเขาไม่พากลับห้องสักที จนมารู้สึกได้ว่า "ที่นี่คือ ICU...ตอนนั้นก้ปลอบใจตัวเองว่าเขาคงให้พักดูอาการที่นี่มั้ง และก้มาคิดว่าทำไมเราได้มาอยู่ ICU เกิดอะไรขึ้น ความดันต่ำหรอ"...แล้วก็มาพบอีกว่า ตัวเองโดนใส่ท่อช่วยหายใจ ตอนนั้นก็ทำเก่ง อยากให้เขาเอาออกมาก เราไม่ได้เป็นอะไรมาก มันบังคับให้หายใจ เราเจ็บท้อง...เจ็บมาก ส่งเสียงก็ไม่ได้มาก มีท่อช่วยหายใจอยู่ในปาก...คืนที่อยู่ ICU 2 คืน เชื่อไหมคะ ว่าเรามองนาฬิกาตลอด...เพราะเวลาคุณพยาบาลเปลี่ยนเวร เขาจะมาทำความสะอาด รวมถึงกลั้วปากผ่านท่อหายใจ เราเจ็บมาก...เจ็บแบบเกินบรรยาย...จนมาค้นพบอีกอย่างว่า แผลที่ผ่ายังไม่ได้เย็บ เพราะฮีโมโกลบินในเลือดเราลดต่ำมากถึงแม้จะให้เลือดแล้วก็ตาม...แต่โชคยังดี ที่เลือดเราหยุดเร็ว คุณหมอมาดูแล้วจึงให้เย็บวันรุ่งขึ้นเลย หลังจากเย็บเสร็จ เขาก็ให้ฝึกหายใจเอง เพราะจะเอาท่อช่วยหายใจออกแล้ว (ตอนนั้นก็กลัวค่ะ กลัวหายใจเองไม่ได้ บ้าไปแล้ว) หลังจากหายใจพอได้แล้ว ก็ได้ย้ายออกจากห้อง ICU สักทีค่ะ (ดีใจมาก) แต่เขายังไม่ให้เข้าห้องพิเศษค่ะ ให้ดูอาการที่ห้องรวมก่อน...ในห้องนี้เรานอนหน้าเคาเตอร์พยาบาลเลยค่ะ แต่เสียอย่างหนึ่ง ห้องนั้นเป็นห้องรวมกับห้องพักหลังคลอดลูกของคุณแม่ ก็ทำให้ได้ยินเสียงเด็กร้องตลอดเวลา นอนไม่ค่อยหลับค่ะ...และยาที่คุณพยาบาลฉีดน่าจะแรงค่ะ ฉีดเสร็จอาเจียนออกหมดเลยค่ะ ต้องให้เขาฉีดใหม่แบบช้าๆ ในระหว่างที่นอนห้องรวม ก็ได้น้องกับพี่ที่ทำงานที่น่ารักแวะมาเฝ้าค่ะ นอนด้วยไม่ได้อีกต่างหาก ต้องขับกลับไปมา เพราะ รพ.ที่ผ่า อยู่คนละจังหวัดกับที่ทำงานค่ะ...ลืมบอกไปค่ะ ว่าเราไม่ได้บอกพ่อกับแม่และญาติพี่น้อง เพราะเราคิดว่ามาผ่าเสร็จแล้ว ก้พักฟื้นไม่น่าจะมีอะไร อีกอย่างเราเป้นลูกคนเดียว และถ้าแม่รู้ แม่ก้ต้องทิ้งพ่อที่ไม่ค่อยแข็งแรง (เพราะเคย stroke มาก่อน) ให้อยู่บ้านคนเดียว เพื่อมาเฝ้าเรา เราทำใจให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นไม่ได้ และถ้าพ่อกับแม่รู้ต้องทุกข์ใจมากแน่ๆ เราไม่อยากให้ท่านทั้งสองคนเครียด เพราะกลัวจะเป็นการกระตุ้นให้ท่านเจ็บปวย...ใครไม่เป็นเรา คงไม่เข้าใจเราหรอก เราจะไม่ยอมให้ท่านเป็นทุกข์เพราะเราหรอก 
     จากนั้นเราก็ได้ย้ายไปพักห้องพิเศษ...ก็ได้เพื่อน พี่ น้องที่ทำงานมานอนเฝ้า แบบไม่ต้องร้องขอเลย...เขาจัดเวรแบ่งกันมาเลย (กัลยาณมิตรที่ไม่หวังอะไรตอบแทน มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ค่ะ) ตอนนั้น คุณพยาบาลก็บังคับให้ลุกเดิน ไม่งั้นลำไส้ไม่เคลื่อนไหวจะเป็นพังผืด แต่เราเจ็บ และกลัวแผลแยก จนโดนดุ จึงยอมลุกเดินเบาๆ เรื่อยๆ คุณหมอก็บอกว่า ถ้าแผลโอเคก็จะให้กลับบ้านล่ะ....สรุปว่าแผลด้านบนตรงโค้งสะดือ มันยังไม่ยอมติดค่ะ และมีน้ำซึมออกมา สรุปคือต้องแปะถุงเพื่อให้น้ำด้านในแผลซึมออกมาให้หมด พร้อมรับยาฆ่าเชื้อเพิ่ม ก็อยู่ รพ. ต่อไปค่ะ แต่ในระหว่างนั้นน้ำก็ซึมออกน้อยลงเรื่อยๆ แผลก็เริ่มติดมากขึ้น และระบบขับถ่ายก็เป็นปรกติแล้ว (เราออกเดินทุกวัน วันละ 3 รอบหลังอาหาร) คุณหมอก็มาเช็คแผลทุกวัน ก็ยังไม่ให้ออกจาก รพ. เพราะกลัวแผลติดเชื้อ...คุณหมอมาทุกวัน ก็ลุ้นทุกวันค่ะ ว่าจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ และแล้วฝันก้เป็นจริงหลังจากอยู่ รพ. ไป 11 วัน (แพลนว่าจะอยู่แค่ 3-4 วัน)...คุณหมอก็ให้ออกจาก รพ. ได้ค่ะ...ตอนนั้นดีใจมาก...ก็กลับมาอยู่ที่หอพัก น้องที่ทำงานก็ให้ไปอยู่ด้วยกัน (ใกล้หูใกล้ตา) และพาไปล้างแผลทุกวันสลับกับเพื่อนค่ะ...หลังจากผ่ามา 1 ปี ตอนนี้สุขภาพแข็งแรงดีค่ะ ประจำเดือนมาปกติ ทำงานอย่างต่อเนื่องเหมือนเดิมค่ะ (บ้างานค่ะ...จะพยายามปรับตรงนี้ให้ได้นะคะ555) อ๋อ...ลืมบอกไปว่า ก้อนเนื้อที่ผ่าตัดออกมาขนาด 20*30 cm2 นะคะ เป็นเนื้อที่งอกออกมาจากมดลูก และวันที่ผ่า คุณหมอได้ให้คุณหมอพยาธิวิทยาชิ้นเนื้อเข้าตรวจในห้องผ่าตัดเลยค่ะ และตรวจละเอียดอีกรอบหลังจากนั้นอีกรอบ...สรุปว่า ชิ้นเนื้อไม่ใช่เป็นเนื้อร้ายค่ะ เป็นเพียงเนื้องอกธรรมดาค่ะ
      สุดท้ายแล้วค่ะ ที่ตั้งกระทู้นี้ อยากให้เป็นวิทยาทานกับทุกคน...ว่าถ้าเราพึงสังเกตตัวเองเป็นประจำ อาจจะทำให้พบโรคต่างๆ แต่ก็จะเป็นการเจอแบบเนิ่นๆ ที่สามารถรักษาให้หายขาดอย่างรวดเร็ว และกลับมามีความสุขกับชีวิตอย่างเราได้...เราถือว่าเป็นการฟาดเคราะห์ เราก็ไม่รู้ว่าเราทำกรรมกับใครไว้บ้าง หรืออาจจะมีกรรมติดตัวมาแต่ไหนไม่รู้ แต่เราได้ชดใช้แล้ว ต่อจากนี้ก็หมั่นทำบุญ ทำความดีต่อไป...และในความโชคร้ายครั้งนี้....กลับทำให้เราพบว่า "มิตรภาพที่ดีมีอยู่จริง และสวยงามมาก"อมยิ้ม50
แก้ไขข้อความเมื่อ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่