สังเกตมาตั้งแต่รอบก่อนแล้ว ช่วงที่เศรษฐกิจตก รายได้คนทั่วๆ ไปก็กระทบลดลงบ้าง หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามปกติของเงินเฟ้อ
แต่หลังจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อัตราการเพิ่มขึ้นของมูลค่าทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์ สินแร่ แม้แต่หุ้น มันมากกว่าเงินเฟ้อเสียอีก หุ้นจะมีนิวไฮ ราคาอสังหาก็เพิ่มขึ้นจนคนทำงานต้องใช้กำลังในการครอบครองเพิ่มขึ้นมาก ราคาทองคำอะไรก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
สมัยก่อนเคยอ่านหนังสือเศรษฐกิจ ฝรั่งก็บอกจริงๆ กระแสเงินบนโลกนี้มันก็เท่าเดิม แล้วแต่จะหมุนเวียนความมั่งคั่งไปอยู่ที่ไหนบนโลกนี้ แต่มาคิดดูแล้วหลักการนี้น่าจะไม่ถูกต้องเท่าใดนัก คือมันจะถูกต้องก็ต่อเมื่อทุกประเทศใช้การตั้งสำรองเงินตามมูลค่าทองคำ ถ้ามีการขุดทองคำเพิ่มขึ้นก็อาจจะไปเพิ่มกระแสเงินที่ไหลเวียนบนโลกได้มากขึ้น ก็เกิดเป็นอัตราเงินเฟ้อตามปกติ ไหลวนไปปกติ
แต่มารอบนี้ทำให้เห็นว่าจริงๆ มันมีช่องว่าง ในการเติมกระแสเงิน ในชาติที่เอาเงินตัวเองเปรียบเทียบเป็นทองคำ เพื่อเร่งการฟื้นตัวในช่วงเศรษฐกิจตกแบบนี้ ถ้าเติมแค่พอดีๆ มันก็จะขาดในตลาดจริงๆ ต้องเติมเกินไปหน่อยถ้าจะให้ฟื้นเร็ว
ทีนี้การเพิ่มขึ้นของกระแสเงิน มันจะไหลไปไหนก่อน ระหว่างทรัพย์สิน กับค่าแรง ก็แน่นอนมันก็ต้องไหลไปลงในทรัพย์สินก่อน , รายได้คนจบใหม่บ้านเรา 20 ปีก่อน กับตอนนี้เพิ่มมา 20-30% แต่มูลค่าทรัพย์สินอย่างบ้านหรือแม้แต่ที่ดินในบริเวณเดียวกันต่างกันมากกว่าเท่าตัว
ถ้าใครเป็นลูกจ้างอย่างเดียว โดยไม่ได้คิดสร้างทรัพย์สินไว้ในระหว่างการทำงาน หรือไม่ได้รู้จักลงทุนอะไรไว้เล็กๆ น้อยๆ บ้าง ก็เหมือนทำงานให้คนอื่นเขาชั่วชีวิตเลยทีเดียว หรือแม้แต่ทำงานเก็บเงิน เงินที่เก็บยังมีค่าน้อยลงเรื่อยๆ ถ้าไม่ได้ไปทำให้เกิดดอกออกผล
ถ้าคิดถึงทฤษฎีห่านทองคำ นายทุนก็ต้องพยายามหาแม่ห่านมาเพิ่ม แต่คงไม่เพิ่มค่าแรงเป็นเท่าตัวให้กับคนเลี้ยงหรอก !!
หลังผ่านรอบเศรษฐกิจตกต่ำ การเพิ่มของรายได้ของคนทำงานกับการเพิ่มมูลค่าทรัพย์จะไม่เท่ากัน
แต่หลังจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อัตราการเพิ่มขึ้นของมูลค่าทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์ สินแร่ แม้แต่หุ้น มันมากกว่าเงินเฟ้อเสียอีก หุ้นจะมีนิวไฮ ราคาอสังหาก็เพิ่มขึ้นจนคนทำงานต้องใช้กำลังในการครอบครองเพิ่มขึ้นมาก ราคาทองคำอะไรก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
สมัยก่อนเคยอ่านหนังสือเศรษฐกิจ ฝรั่งก็บอกจริงๆ กระแสเงินบนโลกนี้มันก็เท่าเดิม แล้วแต่จะหมุนเวียนความมั่งคั่งไปอยู่ที่ไหนบนโลกนี้ แต่มาคิดดูแล้วหลักการนี้น่าจะไม่ถูกต้องเท่าใดนัก คือมันจะถูกต้องก็ต่อเมื่อทุกประเทศใช้การตั้งสำรองเงินตามมูลค่าทองคำ ถ้ามีการขุดทองคำเพิ่มขึ้นก็อาจจะไปเพิ่มกระแสเงินที่ไหลเวียนบนโลกได้มากขึ้น ก็เกิดเป็นอัตราเงินเฟ้อตามปกติ ไหลวนไปปกติ
แต่มารอบนี้ทำให้เห็นว่าจริงๆ มันมีช่องว่าง ในการเติมกระแสเงิน ในชาติที่เอาเงินตัวเองเปรียบเทียบเป็นทองคำ เพื่อเร่งการฟื้นตัวในช่วงเศรษฐกิจตกแบบนี้ ถ้าเติมแค่พอดีๆ มันก็จะขาดในตลาดจริงๆ ต้องเติมเกินไปหน่อยถ้าจะให้ฟื้นเร็ว
ทีนี้การเพิ่มขึ้นของกระแสเงิน มันจะไหลไปไหนก่อน ระหว่างทรัพย์สิน กับค่าแรง ก็แน่นอนมันก็ต้องไหลไปลงในทรัพย์สินก่อน , รายได้คนจบใหม่บ้านเรา 20 ปีก่อน กับตอนนี้เพิ่มมา 20-30% แต่มูลค่าทรัพย์สินอย่างบ้านหรือแม้แต่ที่ดินในบริเวณเดียวกันต่างกันมากกว่าเท่าตัว
ถ้าใครเป็นลูกจ้างอย่างเดียว โดยไม่ได้คิดสร้างทรัพย์สินไว้ในระหว่างการทำงาน หรือไม่ได้รู้จักลงทุนอะไรไว้เล็กๆ น้อยๆ บ้าง ก็เหมือนทำงานให้คนอื่นเขาชั่วชีวิตเลยทีเดียว หรือแม้แต่ทำงานเก็บเงิน เงินที่เก็บยังมีค่าน้อยลงเรื่อยๆ ถ้าไม่ได้ไปทำให้เกิดดอกออกผล
ถ้าคิดถึงทฤษฎีห่านทองคำ นายทุนก็ต้องพยายามหาแม่ห่านมาเพิ่ม แต่คงไม่เพิ่มค่าแรงเป็นเท่าตัวให้กับคนเลี้ยงหรอก !!