Chapter One
เรื่องทั้งหมดนั้นเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้ในงานบวชของเพื่อนผม ผมได้พบ สาวน้อยคนหนึ่ง ในขณะที่กำลังแห่นาคอยู่นั้น เธอคนนี้ก็เข้ามาทักและตั้งแต่วินาทีนั้น หัวใจผมก็หยุดเต้นเมื่อได้เห็นเธอ เธอคนนี้ เป็นสาวที่ Strong บ้างานบ้าพลัง Active ตลอดเวลา จะทำอะไรทุ่มสุดตัวเสมอ ผมไม่แปลกใจเลยเมื่อได้รู้ว่าสายงานเธอนั้นคือ AUDIT BIG4 แต่ข้างในเธอจริงๆนั้นเป็นคนที่น่ารัก อ่อนโยน และเป็นคนที่เรียบร้อยมากๆ แต่ในแต่เธอคนนี้เป็นอดีตแฟนของเพื่อนผมที่กำลังบวชอยู่ ในขณะที่ผมเองนั้นเป็นหนุ่มออฟฟิตธรรมดาๆ ที่ทำทุกอย่างตามโปรแกรมตามแผนที่ตนเองวางไว้ทั้งหมด เป็นพวกสาย Perfectionist เวลาจะทำอะไรก็จะทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบที่สุด
ซึ่งหลังจากที่เราได้เจอกันไม่นาน ผมก็พยายามจะจีบเธอ โดยเริ่มลองจากชวนเธอไปวิ่งที่สวนลุมและมันได้ผล เธอยอมไปด้วย ซึ่งในช่วงเวลานั้นทำให้ผมเริ่มรู้สึกมีความหวังเข้ามาอีกครั้ง และหลังจากเหตุการณ์นั้นไม่นานเราก็ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันหลายที่มาก ได้พูดคุยสนิดกันขึ้นเรื่อยๆ จนมาวันหนึ่งเธอก็ถามผมถึงสถานะที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ในวินาที่นั้นผมคิดหนักมากๆไม่รู้จะตอบกลับเธอไปยังไงดี เพราะในใจจริงผมคิดกับเธอคนนี้คือคนรัก แต่ผมเองค่อนข้างเป็นคนที่ Care ความรู้สึกของทุกคน ทั้งเธอ เพื่อนที่เป็นอดีตแฟน ผมไม่มั่นใจเลยว่าเธอคนนี้จะลืมอดีตรักของตัวเองได้ไหม เพราะในงานบวชนั้นเพื่อนผมมีแฟนอยู่ใหม่แล้วแต่เธอก็ยังทำทุกอย่างเหมือนเป็นแฟนกันอยู่ ผมเลยเลือกที่จะตอบกลับไปว่าเป็นพี่น้องกัน ซึ่งนั้นเป็นความรู้สึกผิดแรกของผมที่ไม่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง
เมื่อเข้าสู่เดือนที่หกของความสัมพันธ์ เราทำทุกอย่างเสมือนเป็นแฟนกัน ไปเที่ยวด้วยกัน ไปดูหนังด้วยกัน ไปCafeสวยๆ จนสถานะอาจเรียกได้ว่าเป็นแฟนกันก็ว่าใช่ ซึ่งมีอยู่วันหนึ่งผมกล้าที่จะเริ่มขอเธอเป็นแฟนโดยพาเธอไปเที่ยวCafeต่างๆในช่วงก่อนพระราชพิธี ซึ่งในคืนนั้นหลังจากที่เราสองกลับถึงห้องนั้นผมจะลองขอเธอเป็นแฟนดู แต่ในวันนั้นเองเธอโดนล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋า ผมเลือกที่จะช่วยเธอจนติดตามจนรู้ตำแหน่ง ที่อยู่ พิกัดและสถานที่ และพยายามขอให้ตำรวจช่วย ซึ่งตำรวจแจ้งได้เพียงแต่ว่าพิกัดที่ผมแจ้งไปมันสายไปแล้ว เพราะพิกัดใหม่ที่ส่งไปให้มันอยู่ที่ปอยเปตในเขตแดนนอกเหนือกฎหมายไทย ตอนนั้นผู้รู้สึกเสียใจมากๆที่ทำไม่สำเร็จ
ในเดือนที่สิบสามของความสัมพันธ์ ผมมีความพยายามอีกครั้งที่จะขอเธอเป็นแฟนให้ได้ จึงมีแพลนในช่วงวันสุดท้ายของปี แต่เธอต้องการกลับบ้าน ซึ่งบ้านเกิดเราคือที่เดียวกัน ผมเองเลยตัดสินใจกลับบ้านไปเช่นกันและจะชวนเธอไป Countdown ด้วยกันและขอเป็นแฟน แต่เธอกลับเปลี่ยนใจว่าจะขอกลับอีกที่ช่วงวันใหม่ของปี ผมรีบกลับเข้ากรุงเทพอีกครั้ง ผมเลยชวนเธอ Countdown ที่ICONSIAM เพื่อเลือกเป็นสถานที่ที่จะบอกเธอ แต่ในระหว่างที่เรากำลังจะแวะไปที่ ASIATIQUE ขณะที่เธอกำลังจะลงแท็กซี่นั้น ก็มีมอเตอร์ไซค์มาชนประตูเข้าอย่างจัง จนทำให้เธอตัดสินใจอยากกลับห้อง
ในเดือนที่สิบห้าของความสัมพันธ์ ในเดือนแห่งความรัก ผมมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะบอกเธอไปในวันแห่งความรัก แต่กลุ่มเพื่อนมีแพลนจะไปเที่ยวภูกระดึงกันในช่วงนั้นพอดี ผมไม่กล้าที่จะปฏิเสธกลุ่มเพื่อนไปในตอนนั้นเนื่องจากผมเป็นคนแพลนและบังเอิญเป็นช่วงที่ทุกคนว่าง เมื่อผมพยายามถนอมน้ำใจของทุกคน จึงมีแพลนจะขอเธอเป็นแฟนบนยอดภูกระดึงภายใต้ดวงดาวและมุขเสี่ยวๆ แต่แล้วสิ่งที่ผมพลาดไปตั้งแต่ต้นคือ สัญญาณข้างบนนั้นปิดตอน4ทุ่ม เมื่อรู้ตัวมันก็สายไป
ในเดือนที่สิบหกของความสัมพันธ์ เรานั้นมี Lifestyle ที่เหมือนกันคือชอบไปเดินป่าและเธอเองก็อยากไปเขาหลวงนครศรีธรรมราช ผมจึงวางแผนไว้ทุกอย่างเพื่อที่ครั้งนี้จะปิดงานให้ได้สักที แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ลุงสั่งปิดอุทยาน ปิดเมือง ต้านภัย COVID-19
ผมเองนั้นก็ยังไม่เคยรู้สึกท้อเลยน่ะที่พยายามจะขอบอกเธอไปอีกครั้ง จนกระทั้งมาครั้งสุดท้ายในเดือนที่สิบเจ็บของความสัมพันธ์ ผมจะขอเธอเป็นแฟนอีกครั้งในวันเกิดของเธอในต้นสัปดาห์นี้ที่ผ่านมา แต่ในครั้งนี้โอกาสมันหมดลงแล้ว เธอเริ่มมองความไม่ชัดเจนในสถานะ ซึ่งเธอนั้นรอคำตอบจากผมมานานมากๆแล้ว และเธอก็ชอบผมด้วยเช่นกัน แต่ตอนนี้ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เธอเลือกที่จะ Move on เพราะความไม่ชัดเจนในสถานะตั้งแต่ทีแรกของผมเอง ซึ่งตอนนี้เราทั้งสองต่างเข้าใจความรู้สึกของกันและกันและเลือกที่จะเป็นเพื่อนกันเพื่อรักษาความผูกพันธ์และความทรงจำดีๆทั้งหมดที่มีกันมา
ความรักในวันที่สายเกินไป ต่อให้รักมากแค่ไหน คนไม่ใช่ก็คือไม่ใช่
เรื่องทั้งหมดนั้นเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้ในงานบวชของเพื่อนผม ผมได้พบ สาวน้อยคนหนึ่ง ในขณะที่กำลังแห่นาคอยู่นั้น เธอคนนี้ก็เข้ามาทักและตั้งแต่วินาทีนั้น หัวใจผมก็หยุดเต้นเมื่อได้เห็นเธอ เธอคนนี้ เป็นสาวที่ Strong บ้างานบ้าพลัง Active ตลอดเวลา จะทำอะไรทุ่มสุดตัวเสมอ ผมไม่แปลกใจเลยเมื่อได้รู้ว่าสายงานเธอนั้นคือ AUDIT BIG4 แต่ข้างในเธอจริงๆนั้นเป็นคนที่น่ารัก อ่อนโยน และเป็นคนที่เรียบร้อยมากๆ แต่ในแต่เธอคนนี้เป็นอดีตแฟนของเพื่อนผมที่กำลังบวชอยู่ ในขณะที่ผมเองนั้นเป็นหนุ่มออฟฟิตธรรมดาๆ ที่ทำทุกอย่างตามโปรแกรมตามแผนที่ตนเองวางไว้ทั้งหมด เป็นพวกสาย Perfectionist เวลาจะทำอะไรก็จะทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบที่สุด
ซึ่งหลังจากที่เราได้เจอกันไม่นาน ผมก็พยายามจะจีบเธอ โดยเริ่มลองจากชวนเธอไปวิ่งที่สวนลุมและมันได้ผล เธอยอมไปด้วย ซึ่งในช่วงเวลานั้นทำให้ผมเริ่มรู้สึกมีความหวังเข้ามาอีกครั้ง และหลังจากเหตุการณ์นั้นไม่นานเราก็ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันหลายที่มาก ได้พูดคุยสนิดกันขึ้นเรื่อยๆ จนมาวันหนึ่งเธอก็ถามผมถึงสถานะที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ในวินาที่นั้นผมคิดหนักมากๆไม่รู้จะตอบกลับเธอไปยังไงดี เพราะในใจจริงผมคิดกับเธอคนนี้คือคนรัก แต่ผมเองค่อนข้างเป็นคนที่ Care ความรู้สึกของทุกคน ทั้งเธอ เพื่อนที่เป็นอดีตแฟน ผมไม่มั่นใจเลยว่าเธอคนนี้จะลืมอดีตรักของตัวเองได้ไหม เพราะในงานบวชนั้นเพื่อนผมมีแฟนอยู่ใหม่แล้วแต่เธอก็ยังทำทุกอย่างเหมือนเป็นแฟนกันอยู่ ผมเลยเลือกที่จะตอบกลับไปว่าเป็นพี่น้องกัน ซึ่งนั้นเป็นความรู้สึกผิดแรกของผมที่ไม่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง
เมื่อเข้าสู่เดือนที่หกของความสัมพันธ์ เราทำทุกอย่างเสมือนเป็นแฟนกัน ไปเที่ยวด้วยกัน ไปดูหนังด้วยกัน ไปCafeสวยๆ จนสถานะอาจเรียกได้ว่าเป็นแฟนกันก็ว่าใช่ ซึ่งมีอยู่วันหนึ่งผมกล้าที่จะเริ่มขอเธอเป็นแฟนโดยพาเธอไปเที่ยวCafeต่างๆในช่วงก่อนพระราชพิธี ซึ่งในคืนนั้นหลังจากที่เราสองกลับถึงห้องนั้นผมจะลองขอเธอเป็นแฟนดู แต่ในวันนั้นเองเธอโดนล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋า ผมเลือกที่จะช่วยเธอจนติดตามจนรู้ตำแหน่ง ที่อยู่ พิกัดและสถานที่ และพยายามขอให้ตำรวจช่วย ซึ่งตำรวจแจ้งได้เพียงแต่ว่าพิกัดที่ผมแจ้งไปมันสายไปแล้ว เพราะพิกัดใหม่ที่ส่งไปให้มันอยู่ที่ปอยเปตในเขตแดนนอกเหนือกฎหมายไทย ตอนนั้นผู้รู้สึกเสียใจมากๆที่ทำไม่สำเร็จ
ในเดือนที่สิบสามของความสัมพันธ์ ผมมีความพยายามอีกครั้งที่จะขอเธอเป็นแฟนให้ได้ จึงมีแพลนในช่วงวันสุดท้ายของปี แต่เธอต้องการกลับบ้าน ซึ่งบ้านเกิดเราคือที่เดียวกัน ผมเองเลยตัดสินใจกลับบ้านไปเช่นกันและจะชวนเธอไป Countdown ด้วยกันและขอเป็นแฟน แต่เธอกลับเปลี่ยนใจว่าจะขอกลับอีกที่ช่วงวันใหม่ของปี ผมรีบกลับเข้ากรุงเทพอีกครั้ง ผมเลยชวนเธอ Countdown ที่ICONSIAM เพื่อเลือกเป็นสถานที่ที่จะบอกเธอ แต่ในระหว่างที่เรากำลังจะแวะไปที่ ASIATIQUE ขณะที่เธอกำลังจะลงแท็กซี่นั้น ก็มีมอเตอร์ไซค์มาชนประตูเข้าอย่างจัง จนทำให้เธอตัดสินใจอยากกลับห้อง
ในเดือนที่สิบห้าของความสัมพันธ์ ในเดือนแห่งความรัก ผมมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะบอกเธอไปในวันแห่งความรัก แต่กลุ่มเพื่อนมีแพลนจะไปเที่ยวภูกระดึงกันในช่วงนั้นพอดี ผมไม่กล้าที่จะปฏิเสธกลุ่มเพื่อนไปในตอนนั้นเนื่องจากผมเป็นคนแพลนและบังเอิญเป็นช่วงที่ทุกคนว่าง เมื่อผมพยายามถนอมน้ำใจของทุกคน จึงมีแพลนจะขอเธอเป็นแฟนบนยอดภูกระดึงภายใต้ดวงดาวและมุขเสี่ยวๆ แต่แล้วสิ่งที่ผมพลาดไปตั้งแต่ต้นคือ สัญญาณข้างบนนั้นปิดตอน4ทุ่ม เมื่อรู้ตัวมันก็สายไป
ในเดือนที่สิบหกของความสัมพันธ์ เรานั้นมี Lifestyle ที่เหมือนกันคือชอบไปเดินป่าและเธอเองก็อยากไปเขาหลวงนครศรีธรรมราช ผมจึงวางแผนไว้ทุกอย่างเพื่อที่ครั้งนี้จะปิดงานให้ได้สักที แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ลุงสั่งปิดอุทยาน ปิดเมือง ต้านภัย COVID-19
ผมเองนั้นก็ยังไม่เคยรู้สึกท้อเลยน่ะที่พยายามจะขอบอกเธอไปอีกครั้ง จนกระทั้งมาครั้งสุดท้ายในเดือนที่สิบเจ็บของความสัมพันธ์ ผมจะขอเธอเป็นแฟนอีกครั้งในวันเกิดของเธอในต้นสัปดาห์นี้ที่ผ่านมา แต่ในครั้งนี้โอกาสมันหมดลงแล้ว เธอเริ่มมองความไม่ชัดเจนในสถานะ ซึ่งเธอนั้นรอคำตอบจากผมมานานมากๆแล้ว และเธอก็ชอบผมด้วยเช่นกัน แต่ตอนนี้ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เธอเลือกที่จะ Move on เพราะความไม่ชัดเจนในสถานะตั้งแต่ทีแรกของผมเอง ซึ่งตอนนี้เราทั้งสองต่างเข้าใจความรู้สึกของกันและกันและเลือกที่จะเป็นเพื่อนกันเพื่อรักษาความผูกพันธ์และความทรงจำดีๆทั้งหมดที่มีกันมา