มีข้อสงสัยในการดำเนินการเดินเรื่องและจับกุมพวกมิจฉาชีพ

จะเล่าไงดีน๊า คืองี้ละกัน แบบว่า ไม่รู้ความรู้อ่ะนะ ขอพูดแบบโง่ๆละกัน อืมมม คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ถูกคนฉ้อฉลหลอกลวงและโกงเงินไปด้วยวิธีการรูปแบบต่าง ๆ นา ๆ แล้วหนีหายใช่ป่ะ แล้วทีนี้คนที่ถูกโกงลึก ๆ เราคิดว่าเขาโลกสวย เป็นคนดีเกินไป แต่ว่าคนแบบนี้อยู่ด้วยแล้วมีความสุขจริงไหม ถ้าเรามีเพื่อนที่เป็นคนดีโลกสวยมองอะไรในแง่ดีคงจะดี คือแบบว่าไม่อยากมองในแง่ลบสักเท่าไหร่ แค่เรื่องทำมาหากินก็เครียดรอบด้านล่ะ

ทีนี้อ่ะ คนที่ถูกหลอกถูกโกงนี่ เขาก็ดำเนินการตามกฎหมายที่ประเทศเราเปิดช่องทางวางไว้ให้ก็มีอยู่แค่ทางเดียว คือ แจ้งความเพื่อที่จะดำเนินคดีกับพวกมิจฉาชีพ ใช่ป่ะ และสังคมหน่วยงานของรัฐก็รณรงค์เรื่องอย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล และการไม่อดทนต่อจากทุจริตคอรัปชั่น หรืออะไรที่เกี่ยวกับการโกงอะไรพวกนี้ใช่ป่ะ (แบบว่าความรู้มีไม่เยอะก็เลยไม่รุ้นะว่ามีทางอื่นอีกไหม)

แต่มานอนคิด เปิดเว็บดู ส่วนใหญ่คือ

1.เรื่องตำรวจ มักจะรับแค่บันทึกประจำวัน ก็จบ เห็นว่าเงินแต่ละรายที่โดนหลอกโดนโกงไปไม่กี่ร้อยไม่กี่พัน ก็ไม่ตามเรื่องให้ชาวบ้าน เว้นแต่เป็นเรื่องที่ต้องออกสื่อถึงจะมีการตาม (แต่ก็คิดว่ารู้ๆกันว่าทำไมออกสื่อแล้วถึงได้มีการตามเรื่อง)

2. กระบวนการทางธนาคาร หากมีการติดต่อและมีหนังสือตราครุฑในการอายัดบัญชีของมิจฉาชีพ ก็ยังเห็นว่ามีการดำเนินการ แต่ไม่ได้มีข้อมูลว่าจะดำเนินการไปถึงการเปิดบัญชีใหม่ของมิจฉาชีพหรือเปล่า เพราะไม่งั้นแล้ว แม้จะอาญัติบัญชีได้แต่มิจฉาชีพก็เปิดบัญชีใหม่ ๆ ได้ตลอด รวมไปถึงบัญชีอื่น ๆ ที่มีอยู่แล้ว เราก้เลยคิดว่ามันน่าจะควรมีการประสานระงับทุกบัญชีของทุกธนาคารของมิจฉาชีพและไม่สามารถเปิดบัญชีใหม่ได้นั้นจนกว่ากระบวนการทางกฎหมายจะเสร็จสิ้นนะ ว่ามั๊ย เพราะยังไงถ้ามิจฉาชีพจะใช้บัญชีคนอื่นเขาก็มีกฎหมายเรื่องการเปิดบัญชีให้คนอื่นใช้อยู่แล้ว คือสรุปว่า น่าจะมีกระบวนการนี้หากมิจฉาชีพมีเป็นขบวนการก็มีโอกาสในการตัดท่อน้ำเลี้ยงทางการเงินได้เกือบหมด

3.กระบวนการทางการสื่อสาร โดยเฉพาะทางผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ทุกเครือข่าย ถ้าหากทาง ตร. มีกระบวนการระงับบัญชีแล้วและมีกระบวนการระงับช่องทางการสื่อสารทั้งหมด ก็น่าจะตัดโอกาสในการหลอกเหยื่อรายใหม่ได้มาก ช่วยผู้คนได้มากมาย เพราะไม่มีอุปกรณ์และช่องทางไปหลอกเหยื่อได้ เว้นแต่ต้องมาหลอกเหยื่อซึ่งหน้าแต่ก็จะโดนบันทึกและจดจำหน้าตาจากผู้เสียหายและกล้องวงจรปิดได้ 

เราคิดว่ามันจะเ็นการล้อมตีกรอบให้มิจฉาชีพทำงานกันลำบากขึ้น เพราะคิดว่าปัจจุบัน เทคโนโยีทำอะไรให้มันง่ายขึ้นก็จริงแต่มันก็ส่งให้กระบวนการของมิจฉาชีพมันทำร้ายผู้บริสุทธิ์ง่ายขึ้นเป็นวงกว้างมาก กว้างซะจนตำรวจตามไม่เจอจับไม่ได้ แต่ถ้าหากมีกระบวนการระงับทางการเงินและช่องทางการสื่อสารได้ จะทำให้มิจฉาชีพทำงานลำบาก ตามจับได้ง่ายขึ้น หลักฐานเยอะขึ้น และทำให้เทคโนโลยีเลือกที่อำนวยให้แก่ผู้บริสุทธิ์หรือผู้เสียหายได้มาก 

ส่วนตัวแล้ว เราเชื่อว่า หากกระบวนการนี้ หากมีการแจ้งความแล้ว ตร.ช่วยตามระงับทางการเงินและปิดช่องทางการสื่อสาร แล้วมีความร่วมมือจากธนาคารและเครือข่ายการสื่อสารในการแอบแจ้งกับ ตร. ว่า มีมิจฉาชีพมาขอเปิดบริการเพิ่ม เปิดซ้ำ เปิดใหม่ (ดูจากเลขบัตรประจำตัวประชาชนหรือมีฐานข้อมูลเดิม) แล้วถ่วงเวลา รปภ.ดักหน้าประตูและล๊อค จน ตร.ก็รีบเข้ามาจับกุมในช๊อปเลย ก็น่าจะเป็นอะไรที่เรียกว่าดีมาก (เหมือนฝันไปเลย)

เราคิดว่าถ้าเป็นจริงได้ มิจฉาชีพจะอยู่กันอย่างลำบากเอามาก ๆ โจรรายเก่าอยู่อยาก โจรรายใหม่ก็ลังเล เออ แบบนี้สิดี เกิดปรากฎการณ์ศักดิสิทธิ์ ผู้พิทักษ์ความยุติธรรมเหมือนมีอิทธิฤทธิ์สูงส่ง ผู้ให้บริการทางการเงินและการสื่อสารจะเหมือนขบวนการพิทักษ์ความยุติธรรม จับมือกันเป็นขบวนการอเวนเจอร์เมืองไทย (บร้าไปแล้ว 555+)

ส่วนที่สงสัยคือ ทำไมแนวทางของผู้เสียหายหลายราย น้อยมากที่จะสำเร็จผล คนจนที่ถูกโกงนั้นเรื่องไม่ได้ลืมแต่เหมือนถูกลืม กระบวนการปัจจุบันของทั้ง ตร. และธนาคาร เวลาผู้เสียหายติดต่อแล้ว มักเดินออกมาอย่างหมดหวัง เรื่องบางเรื่องอาจจะคาราคาซังจนหมดอายุความ อีกทั้งหากจะเดินเรื่องต้องใช้เงินจำนวนมากในการจ้างทนาย จนสุดท้ายผู้เสียต้องกลับมานอนเพ้อถอนหายใจหมดหวังกับกระบวนการที่หวังไว้ เสียเวลาทำมาหากินและรายได้จำนวนมาก

ก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่อยากจะฝาก ๆ ไว้เป็นแนวทางให้กับผู้บริหารองค์กรทั้งรัฐและเอกชนในการพิจารณาหากหัวใจยังมีความเป็นฮีโร่ที่โหยหาและรักความยุติธรรมอย่างเช่นวัยเด็กอันแสนบริสุทธิ์ 

โตแล้วมีอาชีพมีอำนาจกว่าเด็ก แล้วหัวใจบริสุทธิ์กว่าเด็กไหม (เพ้อเจ้อไปแล้วววว)

ไม่มีไรมาก เล่าแบบโง่ๆให้ฟังแค่นี้แหละจ้า ถูกใจไม่ถูกใจก็......อัดตามสบายเลยจ้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่