หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[SR] รีวิวร้าน"รสดีเด็ด The Steakhouse"บุฟเฟ่ต์สเต็กเนื้อ Dry-Aged และอาหารกว่า 30 เมนูจ่ายเพียงคนละ 850฿
กระทู้รีวิว
อาหารฝรั่ง
อาหารบุฟเฟ่ต์
สเต๊ก
ร้านอาหาร
อาหาร
ร้าน"รสดีเด็ด The Steakhouse"ตอนนี้เขาจัดบุฟเฟ่ต์กับ Hungry Hub มีบุฟเฟ่ต์สเต็กเนื้อ Dry-Aged ทำจากโคขุนสายพันธุ์ไทยและอาหารอื่นๆรวมกว่า 30 เมนู นั่งทานได้ไม่อั้นตลอด 2 ชม. จ่ายแค่เพียงคนละ 850 บาท และยังมีโปรโมชั่นจอง 9 คนขึ้นไปลดเหลือราคาคนละ 750 บาท ส่วนใครที่อยากดื่มเบียร์เย็นๆคู่กับสเต็กเนื้อวัวชั้นดีก็จ่ายแค่ 899 ส่วนใครที่ทานไม่เยอะเขายังมีชุดอาหารราคาไม่แรงให้ได้จองก่อนเข้าไปใช้บริการได้อีกเพียบ ดูเมนูต่างๆที่เสิร์ฟพร้อมกับสำรองที่นั่งก่อนเข้าใช้บริการที่ร้านได้ตามลิงค์นี้ >>>
https://bit.ly/2uEsf0w
<<< ตัวร้านก็หาไม่ยากตั้งอยู่บนถนนพระราม 4 ถ้ามาด้วยรถยนต์ส่วนตัวเขามีลานจอดรถหลังร้าน(เลี้ยวเข้าซอยจุฬา 36) ส่วนถนนหน้าร้านไม่สามารถจอดรถได้นะครับไม่งั้นคุณตำรวจอาจจะถามหาระหว่างนั่งทานอยู่ได้ ถ้ามาด้วย MRT ให้ลงสถานีหัวลำโพงแล้วต่อแท๊กซี่มาที่ร้านจะสะดวกกว่ามาจากสถานีสามย่าน เรามาถึงในช่วงค่ำร้านเปิดแสงไฟสลัวๆดูแล้วเหมาะกับการนั่งชิลล์กินสเต็กเนื้อนุ่มเคล้าเครื่องดื่มเย็นๆแบบสุดๆ ถึงเวลาที่เราจองไว้แล้วรีบเข้าไปกันเลยครับ
เดินเข้ามาในร้านสิ่งที่โดดเด่นกว่าบรรยากาศคือเนื้อวัวครับที่นี่เข้ามีตู้โชว์เนื้อทั้งแบบปกติและแบบ Dry-Aged จากเนื้อวัวทั้งของไทยและอเมริกา โดยเนื้อในตู้นี้จะมีความพรีเมี่ยมกว่าเนื้อที่เสิร์ฟในเมนูบุฟเฟ่ต์ มีให้เลือกอยู่หลากหลายระดับราคาขึ้นอยู่กับชนิด/ส่วนและปริมาณไขมันแทรก เริ่มต้นที่ขีดละ 190-680 บาท ใครที่อยากทานเนื้อวัวรสชาติและคุณภาพประมาณไหน ก็สามารถสอบถาม/ส่องดูแล้วสั่งให้น้องพนักงานนำย่างเสิร์ฟที่โต๊ะได้เลยครับผม
บรรยากาศภายในร้านมีกลิ่นอายของความเป็น Vintage ย้อนยุคนิดๆผสมกับ Loft ที่นั่งแบ่งออกเป็นโซโซฟาไว้นั่งชิลล์และรับประทานอาหารแบบจริงจัง และครัวของที่ร้านก็ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือครัวกระจกแบบเปิดโล่งสำหรับย่างเมนูสเต็กเป็นเหมือนครัวที่เป็นกึ่งโชว์การย่างเนื้อที่เป็น Signature ของที่ร้าน ส่วนอีกครัวเอาไว้สำหรับปรุงเมนูอื่นๆที่ไม่ใช่สเต็กอยู่บริเวณหลังร้านโดยแยกกันเป็นสัดส่วน เมื่อเรามานั่งที่โต๊ะพนักงานก็จะนำชุดมีด/ส้อม/เกลือหิมาลายัน/พริกไทยดำ/ซอสพริกทาบาสโก้มาวางเตรียมเอาไว้ให้ที่โต๊ะ มื้อนี้เราสั่งเป็นชุดบุฟเฟ่ต์ 850 บาทมีเครื่องดื่มให้อย่างเดียวคือน้ำเปล่า มาถึงพนักงานก็จะวางเมนูของ Hungry Hub เอาไว้ให้เราสั่ง (เป็นเล่มสีแดงเมนูด้านในเป็นแบบเดียวกับในลิงค์ที่แนบมาในตอนแรก) สั่งอาหารให้เรียบร้อยแล้วรบกวนขอดูเล่มเมนูที่ร้านหน่อยครับ
เมนูของที่ร้านนี้ก็มีให้เลือกตั้งแต่เนื้อวัวขายเป็นขีดทั้งเนื้อไทย-เนื้ออสเตรเลีย-เนื้ออเมริกัน-เนื้อญี่ปุ่นเริ่มราคาที่ขีดละ 190-680 บาท สปาเก็ตตี้ผัดกะเพราที่ใช้เนื้อวัวหลากระดับราคา 350-550 บาท เมนูข้าวกะเพราไข่ดาวที่เริ่มตั้งแต่หมูคุโรบูตะจนไปถึงเนื้อวากิวราคา 250-550 บาท เครื่องเคียงสำหรับทานคู่กับเนื้อราคาเริ่มต้นที่ 30-120 บาท เมนูเรียกน้ำย่อย(ของทอดต่างๆ)ราคา 180-280 บาท เมนูสปาเก็ตตี้สไตล์ยุโรปราคา 200-250 บาท ซุปมีเมนูเดียวคือซุปเห็ดแชมปิญองพร้อมน้ำมันทรัฟเฟิล 180 บาท เมนูสลัดราคา 180-280 บาท เมนูไว้ทานเริ่มก่อนมื้ออาหาร (เฟรนซ์ฟราย/ออเนี่ยนริงส์/ขนมปังกระเทียม) ราคา 80-120 บาท ซอสต่างๆเอาไว้ทานคู่กับสเต็กไม่มีราคาบอกว่าถ้วยละเท่าไหร่ แต่ถ้าสั่งสเต็ก 1 ที่จะสามารถเลือกได้ 1 ซอสอยู่แล้ว สเต็กหมูคุโรบูตะราคา 220- 260 บาท สเต็กปลาแซลมอนและกระพงราคา 450-480 บาท เครื่องดื่มเริ่มต้นที่ 25-120 บาท โดยรวมแล้วก็ถือว่าราคาค่อนข้างสูง แต่ร้านนี้เขาจัดโปรโมชั่นบ่อยแวะมาทานได้เรื่อยๆอีกทั้งโปรโมชั่น Hungry Hub ช่วยทำให้เราประหยัดเงินไปได้หลายบาทอยู่นะ ใครที่รู้ตัวว่าทานเยอะอยู่แล้วอยากกินเนื้อหนำใจหน่อยผมว่าคุ้มสุดๆเลยครับ
เมนูแรกมาเสิร์ฟแล้วT-Bone Steak (Thai Beef) หรือ สเต็กทีโบน (เนื้อไทย) ถึงจะจัดเป็นแบบบุฟเฟ่ต์แต่ก็ไม่ได้มาแบบเป็นเศษเนื้อ(เหมือนร้านบุฟเฟ่ต์สเต็กอื่นๆในอดีต) เขายกส่วนทีโบนมาให้ทั้งชิ้นย่างถ่านมาสุกหอมแบบ Medium Rare เนื้อนุ่มฉ่ำน้ำส่วนรสชาติเนื้อเข้มข้น(แต่ไม่เท่าแองกัส)ทานง่ายๆ นี่ขนาดไม่ใช่เนื้อ Dry-Aged ยังมีรสเข้มข้นขนาดนี้ถือว่าทำได้ดีสุดๆเลยครับ อีกส่วนเป็น Sirlion Steak (Thai Beef) หรือ สเต็กเนื้อสันนอก (เนื้อไทย) เป็นส่วนเนื้อติดมันที่ย่างแต่ตรงเนื้อแดงมีไขมันน้อย ย่างมาสุกแบบ Medium Rare เนื้อในฉ่ำแต่ส่วนไขมันถูกย่างจนเกรียมหอมรสชาติเข้มข้น ใครที่ชอบทานไขมันโดนไฟย่างมากรอบเกรียมๆจานนี้ถือว่าตอบโจทย์สุดๆเลยครับ
ทานเนื้อไปสักพักรู้สึกเริ่มเลี่ยนเลยสั่ง Ceasar Salad (ซีซาร์สลัด) เป็นผักคอสสีเขียวกรุบกรอบนำไปคลุกกับน้ำสลัดซีซ่าร์จนเคลือบทุกใบอย่างทั่วถึง ท๊อปปิ้งด้วยขนมปังกรอบ/เบคอนทอดกรอบและพาเมซาชีส รสชาติเข้มข้นมีหลายสัมผัสในจานเดียว ตอนแรกเห็นว่าเป็นร้านสเต็กก็ไม่ได้คาดหวังว่าเมนูอื่นๆจะอร่อยขนาดนี้โดยเฉพาะเบคอนเขาทอดมาไม่กรอบแห้งจนเคี้ยวแล้วเมี่อยกรามทำได้ดีเกินคาดครับ อีกเมนู Stir-Fried Spaghetti with dried chilli & Bacon สปาเก็ตตี้ผัดพริกแห้งและเบคอน จานนี้คือรสชาติแบบคนไทยที่แท้จริงเผ็ดและเค็มกำลังดี มีกลิ่นเครื่องสมุนไพร (ใบกะเพรา/พริกแห้ง/กระเทียม) หอมเตะจมูก เบคอนกรุบกรอบทานคู่กับเส้นสปาเก็ตตี้เส้นกลมสุกเคี้ยวหนึบกำลังดี ใครไม่ทานเผ็ดอยากให้ระวังพริกแห้งในจานนี้หน่อยเพราะเผ็ดมาก แต่ส่วนตัวแล้วชอบมากๆครับ
เมนูต่อมาเป็นเนื้อวัวแบบ Dry-Aged ที่อยู่ในหมวด PREMIUM MENU ของ Hungry Hub เลือกได้แค่จานเดียวจากทั้งหมด 6 รายการ เรามากัน 2 คนเท่ากับว่าเราสั่งได้ทั้งหมด 2 จานเลยเลือกเป็น Ribeye (Dry-Aged) 250g.+Grilled Vegetables หรือเนื้อวัวส่วนริบอายขนาด 250 กรัมเสิร์ฟพร้อมกับผักย่างใครที่ชอบทานเนื้อวัวแทรกไขมันนุ่มๆให้สั่งจานนี้ เราสั่งมาเป็นแบบ Medium Rare เนื้อวัวมีความฉ่ำน้ำแต่รสชาติเนื้อเข้มข้นกว่าเนื้อไทยเมื่อเทียบกับจานแรกที่เราได้ลองทาน และ Sirloin (Dry-Aged) 250g.+Grilled Vegetables หรือเนื้อวัวส่วนสันนอก 250 กรัมเสิร์ฟพร้อมกับผักย่างย่างมาแบบ Medium Rare รสชาติเนื้อไม่ต่างจากจานแรกแต่ไขมันตรงที่ขอบเนื้อมีการโดนไฟจนสุกหอม จึงทำให้มีรสชาติของไขมัน้นื้อที่เข้มข้นกว่า ทั้ง 2 จานที่เราสั่งมามีการรองด้านล่างด้วยถ่านไม้ทำให้มีกลิ่นเหมือนรมควันและได้ทานสเต็กเนื้ออุ่นๆจนถึงคำสุดท้าย สมกับเป็นเมนูพรีเมี่ยมมากเลยครับ ส่วนผักย่างที่ใส่มาข้างจานไม่ใช่แค่ของประดับเฉยๆ มีทั้งฟักทองญี่ปุ่นเนื้อหวานมันเปลือกบาง มะเขือเทศเชอรี่ลูกเล็กๆย่างจนรสหวานอมเปรี้ยวและผักซูกินี่นี่ย่างมาสุกสัมผัสคล้ายกับน้ำเต้า รวมแต่ของดีเอาไว้ในจานเดียวเลยครับ
หมดเมนูสเต็กแล้วมาต่อกันด้วย Signature อย่าง Stir fried Beef with chilli, Sweet Basil & Fried Egg with Rice หรือผัดกะเพราเนื้อเสิร์ฟพร้อมกับกับไข่ดาวทอดกรอบและข้าวสวย เป็นผัดกระเพราเนื้อสไลด์รสหวาน-เค็มกลมกล่อมหอมกลิ่นพริกสด/กระเทียมและใบกะเพรา ผัดมาแห้งรสชาติเข้มข้นทานคู่กับไข่เป็ดดาวทอดจนกรอบฟูแต่ไข่แดงยังไม่สุกบนข้าวสวยหอมมะลินุ่มๆ เวลาทานแนะนำว่าให้ราดพริกน้ำปลาลงบนไข่ดาวฟูน้ำปลาจะแทรกซึมเข้าไปตามร่องฟูๆของไข่ดาว ทานกับข้าวสวยและกระเพราเนื้อนุ่มๆ บอกเลยว่าถึงนิพพานแห่งกระเพราโดยแท้จริงครับผม แต่ใครไม่ชอบกระเพราะรสติดหวานนิดๆอาจจะไม่ชอบจานนี้แต่ส่วนตัวผมชอบมากๆครับ จานต่อมาเป็นอาหารทานเล่นเราสั่งเป็น Buffalo Wings หรือปีกไก่บัฟฟาโลวิงส์ เป็นปีกกลาง+ปีกบนไก่ชุบแป้งทอดเคลือบด้วยซอสฮันนี่บาร์บีคิวรสหวานนำทานคู่กับซอสครีมชีสรสเปรี้ยวมีกลิ่นเหมือนผสมบลูชีสบางๆช่วยลดความมันเลี่ยนของไก่ทอดแต่เป็นอย่างดี ถ้าไม่คุ้นกับกลิ่นเอกลักษณ์ของ Blue Cheese แนะนำว่าเลี่ยงเมนูนี้ดีกว่าครับ
จานนี้คุณนพเจ้าของร้านอยู่ประจำที่นี่ก็พบเราพอดี เห็นว่าเข้ามารีวิวที่ร้านจึงเข้ามาทักทายพร้อมกับยกเมนูนี้มาให้เป็นสเต็กเนื้อส่วนเซอร์ลอยด์ไทยวากิว ราคาขีดละ 560 บาทจานนี้ 2 ขีดมูลค่า 1,120 บาท เพื่ออยากให้เรารู้ถึงความแตกต่างกับเนื้อสเต็กแบบ Dry-Aged ในบุฟเฟ่ต์ที่เราได้ทาน ย่างมาความสุกระดับ Medium Rare ไขมันมีการแทรกอย่างสวยงามละเอียดนุ่มแทบไม่ต้องออกแรงกรามเวลาเคี้ยว เนื้อมีรสชาติอ่อนกว่าแต่มีความหอมละมุนมากกว่า ไขมันเนื้อส่วนที่โดนย่างก็กลิ่นไม่รุนแรงเท่าเนื้อแบบปกติ เป็นเนื้อที่เหมือนกับว่ากิวของญี่ปุ่นแต่มีรสเนื้อที่หนักมากกว่าใส่แค่เกลือกับพริกไทยเล็กน้อยก็อร่อยโดนใจแล้ว ถือว่าดีสมกับเป็นร้านของผู้รอบรู้ด้านเนื้อจริงๆครับ
****** เกิน 10,000 ตัวอักษร ขอรีวิวต่อในช่อง Comment นะครับ ******
ชื่อสินค้า:
รสดีเด็ด The Steakhouse
คะแนน:
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
- ได้รับสินค้าหรือบริการมาใช้รีวิวฟรี โดยไม่ต้องคืนสินค้าหรือบริการนั้น
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
BufFeast Review : ชาบูคู่บุญเมืองนนท์ กับขนมหวานผลไม้คับคั่ง "ฆังฆัง หม้ออร่อย" @ถนน สนามบินน้ำ
ผมได้นัดเพื่อนที่ทำงานเก่ามาหาอะไรกิน แต่พอถึงวันนัดเพื่อนดันเลิกงานเร็วแล้วอยากกิน เลยต้องหา ร้านที่เปิดเร็วๆกว่าชาวบ้านเขาหน่อย ซึ่งก็ได้ร้านชาบูแถวๆบ้านผมอย่าง ฆังฆัง หม้ออร่อย มาสนองความต้องการของ
TheHeatBufFeast
MK Premium Buffet ต่างจาก MK Gold Buffet เดิมยังไง? กินแล้วรู้สึกยังไงบ้าง
ช่วงนี้เห็นหลายคนไปลอง MK Premium Buffet กันเยอะแล้ว ผมเองก็เคยติดใจ MK Gold Buffet ของเดิมอยู่ เลยอยากมาเล่าให้ฟังว่า 2 แบบนี้ต่างกันยังไง เผื่อใครที่ยังลังเลว่าจะลองดีไหมครับ 🍲 📌 ราคา & เวล
SarinPoom
ไก่กรอบแบบเสียงไม่ต้องประดิษฐ์ กรอบจริง เนื้อว้าวจริงไม่อุ้มน้ำมัน “ไก่ทอด อภิสิทธิ์ ” ลองแล้วไม่น่าจบครั้งเดียว
#สมอามรมณ์หมาย #สมอารมณ์หมาย ณ ไก่ทอด อภิสิทธิ์APISIT FRIED CHICKEN💭💬❌❌ยังไม่มีหน้าร้านนะนั่งทานนะ✅สั่งผ่าน Grab เลือกเวลาส่งล่วงหน้าได้สะดวกสบายมาก ✅Lineman ตอนนี้มีเมนูใหม่ ไก่อบไอน้ำซอสสามเกลอ Stea
สมอารมณ์หมาย ณ
ฉลองวันครบรอบที่ Of Course Style ร้านอาหารอิตาลี บางแสน บรรยากาศสุดโรแมนติกที่เจอโดยบังเอิญ
เนื่องจากในวันครบรอบของเรากับแฟน จึงอยากหาร้านอาหารดินเนอร์ บางแสน ที่รสชาติดี บรรยากาศโรแมนติกเหมาะสำหรับการไปเดทกับคนพิเศษ เราได้ผ่านไปเจอร้านนี้โดยบังเอิญ เพราะเป็นร้านที่อยู่ใกล้บ้าน แต่ไม่เคยลองช
สมาชิกหมายเลข 9048085
เปิดประสบการณ์ ทาน Sunday Brunch บุฟเฟ่ต์อาหารอินเดีย Michelin 6 ปีซ้อน กันที่ Punjab Grill Bangkok
สวัสดีค่ะวันนี้พามาเปิดประสบการณ์ ทาน Sunday Brunch บุฟเฟ่ต์อาหารอินเดีย Michelin 6 ปีซ้อน กันที่ Punjab Grill ที่ช่วงนี้มีโปรโมชั่นพิเศษตลอดเดือนตุลาคม Sunday Brunch มา 4 จ่าย 3 ท่ามกลางบรรยากาศหรูหร
พี่ผัก
กินอะไรดีที่อินโดนีเซีย (รวบรวมอาหารจากทริปหนึ่งเดือนบนเกาะชวา)
จากการไปฉายเดี่ยวแบ็คแพ็คเที่ยวบนเกาะชวามาหนึ่งเดือน หากไม่พูดถึงอาหารของที่นี่ก็ไม่ได้ จากการสังเกตอาหารหลายๆเมนูในอินโดนีเซียมักมีรสเผ็ดจากซอสพริก Sambal และ 'มัน' ค่อนข้างเยอะ เพื่อนดิฉันที่มาฝึกง
สมาชิกหมายเลข 8706631
Michelin Guide ริมปิง! รีวิวทับปิง by Anjakinn อร่อยจริงไหม?
ทริปนี้มีโอกาสไปเชียงใหม่ เลยตั้งใจลองร้าน “ทับปิง by anjakinn” ที่ได้ติด Michelin Guide อยู่ริมแม่น้ำปิง ต.ป่าแดด อ.เมืองเชียงใหม่ครับ 🚗 ที่จอดรถ สะดวกมาก มีทั้งหน้าร้านและด้านข้าง หลายส
SarinPoom
วิธีทานสเต็กที่ถูกต้อง
ปกติผมทานสเต็กบ่อยนะครับ แต่มักทานคนเดียวที่บ้าน เลยไม่ค่อยทราบวิธีการหรือมารยาทที่ถูกต้องในการทานสเต็กน่ะครับ ในสเต็ก 1 จาน มักมีซอสหลายอย่าง เช่น สเต็กไก่ 1 จานอาจมี น้ำซอสราดพริกไทยดำ ซอสสีขาวๆ ซอ
สมาชิกหมายเลข 8923397
BufFeast Review : จกส้มตำและอาหารอิสานแบบไม่อั้น ณ ร้าน "แซ่บ คลาสสิค" @เดอะมอลล์ บางแค ชั้น 3
คุณแฟนผมเขาอยากกินอะไรแซ่บๆ ก็เลยหาร้านให้ลองชิม จนเจอเข้ากับ ร้าน แซ่บคลาสสิค ของ ส.ขอนแก่น จัดโปรโมชั่นบุฟเฟ่ต์อยู่พอดีในแอพ Hungry Hub โดยตัวโปรนี้
TheHeatBufFeast
โอซาก้า! ร้านบุฟเฟต์เนื้อย่างริกิมารุ สาขาอุเมดะ โดยามะ
Yakiniku Rikimaru Umeda Higashidori (ริกิมารุ สาขาอุเมดะ ฮิงาชิโดริ) ที่เดินทางสะดวกได้ด้วยรถไฟใต้ดินมายังสถานี Higashi-Umeda Station และเดินจากสถานีเพียง 5 นาทีเท่านั้น ร้านตั้งอยู่ในย่านร้านอาหารที่
สมาชิกหมายเลข 4114214
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
อาหารฝรั่ง
อาหารบุฟเฟ่ต์
สเต๊ก
ร้านอาหาร
อาหาร
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 53
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[SR] รีวิวร้าน"รสดีเด็ด The Steakhouse"บุฟเฟ่ต์สเต็กเนื้อ Dry-Aged และอาหารกว่า 30 เมนูจ่ายเพียงคนละ 850฿
เดินเข้ามาในร้านสิ่งที่โดดเด่นกว่าบรรยากาศคือเนื้อวัวครับที่นี่เข้ามีตู้โชว์เนื้อทั้งแบบปกติและแบบ Dry-Aged จากเนื้อวัวทั้งของไทยและอเมริกา โดยเนื้อในตู้นี้จะมีความพรีเมี่ยมกว่าเนื้อที่เสิร์ฟในเมนูบุฟเฟ่ต์ มีให้เลือกอยู่หลากหลายระดับราคาขึ้นอยู่กับชนิด/ส่วนและปริมาณไขมันแทรก เริ่มต้นที่ขีดละ 190-680 บาท ใครที่อยากทานเนื้อวัวรสชาติและคุณภาพประมาณไหน ก็สามารถสอบถาม/ส่องดูแล้วสั่งให้น้องพนักงานนำย่างเสิร์ฟที่โต๊ะได้เลยครับผม
บรรยากาศภายในร้านมีกลิ่นอายของความเป็น Vintage ย้อนยุคนิดๆผสมกับ Loft ที่นั่งแบ่งออกเป็นโซโซฟาไว้นั่งชิลล์และรับประทานอาหารแบบจริงจัง และครัวของที่ร้านก็ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือครัวกระจกแบบเปิดโล่งสำหรับย่างเมนูสเต็กเป็นเหมือนครัวที่เป็นกึ่งโชว์การย่างเนื้อที่เป็น Signature ของที่ร้าน ส่วนอีกครัวเอาไว้สำหรับปรุงเมนูอื่นๆที่ไม่ใช่สเต็กอยู่บริเวณหลังร้านโดยแยกกันเป็นสัดส่วน เมื่อเรามานั่งที่โต๊ะพนักงานก็จะนำชุดมีด/ส้อม/เกลือหิมาลายัน/พริกไทยดำ/ซอสพริกทาบาสโก้มาวางเตรียมเอาไว้ให้ที่โต๊ะ มื้อนี้เราสั่งเป็นชุดบุฟเฟ่ต์ 850 บาทมีเครื่องดื่มให้อย่างเดียวคือน้ำเปล่า มาถึงพนักงานก็จะวางเมนูของ Hungry Hub เอาไว้ให้เราสั่ง (เป็นเล่มสีแดงเมนูด้านในเป็นแบบเดียวกับในลิงค์ที่แนบมาในตอนแรก) สั่งอาหารให้เรียบร้อยแล้วรบกวนขอดูเล่มเมนูที่ร้านหน่อยครับ
เมนูของที่ร้านนี้ก็มีให้เลือกตั้งแต่เนื้อวัวขายเป็นขีดทั้งเนื้อไทย-เนื้ออสเตรเลีย-เนื้ออเมริกัน-เนื้อญี่ปุ่นเริ่มราคาที่ขีดละ 190-680 บาท สปาเก็ตตี้ผัดกะเพราที่ใช้เนื้อวัวหลากระดับราคา 350-550 บาท เมนูข้าวกะเพราไข่ดาวที่เริ่มตั้งแต่หมูคุโรบูตะจนไปถึงเนื้อวากิวราคา 250-550 บาท เครื่องเคียงสำหรับทานคู่กับเนื้อราคาเริ่มต้นที่ 30-120 บาท เมนูเรียกน้ำย่อย(ของทอดต่างๆ)ราคา 180-280 บาท เมนูสปาเก็ตตี้สไตล์ยุโรปราคา 200-250 บาท ซุปมีเมนูเดียวคือซุปเห็ดแชมปิญองพร้อมน้ำมันทรัฟเฟิล 180 บาท เมนูสลัดราคา 180-280 บาท เมนูไว้ทานเริ่มก่อนมื้ออาหาร (เฟรนซ์ฟราย/ออเนี่ยนริงส์/ขนมปังกระเทียม) ราคา 80-120 บาท ซอสต่างๆเอาไว้ทานคู่กับสเต็กไม่มีราคาบอกว่าถ้วยละเท่าไหร่ แต่ถ้าสั่งสเต็ก 1 ที่จะสามารถเลือกได้ 1 ซอสอยู่แล้ว สเต็กหมูคุโรบูตะราคา 220- 260 บาท สเต็กปลาแซลมอนและกระพงราคา 450-480 บาท เครื่องดื่มเริ่มต้นที่ 25-120 บาท โดยรวมแล้วก็ถือว่าราคาค่อนข้างสูง แต่ร้านนี้เขาจัดโปรโมชั่นบ่อยแวะมาทานได้เรื่อยๆอีกทั้งโปรโมชั่น Hungry Hub ช่วยทำให้เราประหยัดเงินไปได้หลายบาทอยู่นะ ใครที่รู้ตัวว่าทานเยอะอยู่แล้วอยากกินเนื้อหนำใจหน่อยผมว่าคุ้มสุดๆเลยครับ
เมนูแรกมาเสิร์ฟแล้วT-Bone Steak (Thai Beef) หรือ สเต็กทีโบน (เนื้อไทย) ถึงจะจัดเป็นแบบบุฟเฟ่ต์แต่ก็ไม่ได้มาแบบเป็นเศษเนื้อ(เหมือนร้านบุฟเฟ่ต์สเต็กอื่นๆในอดีต) เขายกส่วนทีโบนมาให้ทั้งชิ้นย่างถ่านมาสุกหอมแบบ Medium Rare เนื้อนุ่มฉ่ำน้ำส่วนรสชาติเนื้อเข้มข้น(แต่ไม่เท่าแองกัส)ทานง่ายๆ นี่ขนาดไม่ใช่เนื้อ Dry-Aged ยังมีรสเข้มข้นขนาดนี้ถือว่าทำได้ดีสุดๆเลยครับ อีกส่วนเป็น Sirlion Steak (Thai Beef) หรือ สเต็กเนื้อสันนอก (เนื้อไทย) เป็นส่วนเนื้อติดมันที่ย่างแต่ตรงเนื้อแดงมีไขมันน้อย ย่างมาสุกแบบ Medium Rare เนื้อในฉ่ำแต่ส่วนไขมันถูกย่างจนเกรียมหอมรสชาติเข้มข้น ใครที่ชอบทานไขมันโดนไฟย่างมากรอบเกรียมๆจานนี้ถือว่าตอบโจทย์สุดๆเลยครับ
ทานเนื้อไปสักพักรู้สึกเริ่มเลี่ยนเลยสั่ง Ceasar Salad (ซีซาร์สลัด) เป็นผักคอสสีเขียวกรุบกรอบนำไปคลุกกับน้ำสลัดซีซ่าร์จนเคลือบทุกใบอย่างทั่วถึง ท๊อปปิ้งด้วยขนมปังกรอบ/เบคอนทอดกรอบและพาเมซาชีส รสชาติเข้มข้นมีหลายสัมผัสในจานเดียว ตอนแรกเห็นว่าเป็นร้านสเต็กก็ไม่ได้คาดหวังว่าเมนูอื่นๆจะอร่อยขนาดนี้โดยเฉพาะเบคอนเขาทอดมาไม่กรอบแห้งจนเคี้ยวแล้วเมี่อยกรามทำได้ดีเกินคาดครับ อีกเมนู Stir-Fried Spaghetti with dried chilli & Bacon สปาเก็ตตี้ผัดพริกแห้งและเบคอน จานนี้คือรสชาติแบบคนไทยที่แท้จริงเผ็ดและเค็มกำลังดี มีกลิ่นเครื่องสมุนไพร (ใบกะเพรา/พริกแห้ง/กระเทียม) หอมเตะจมูก เบคอนกรุบกรอบทานคู่กับเส้นสปาเก็ตตี้เส้นกลมสุกเคี้ยวหนึบกำลังดี ใครไม่ทานเผ็ดอยากให้ระวังพริกแห้งในจานนี้หน่อยเพราะเผ็ดมาก แต่ส่วนตัวแล้วชอบมากๆครับ
เมนูต่อมาเป็นเนื้อวัวแบบ Dry-Aged ที่อยู่ในหมวด PREMIUM MENU ของ Hungry Hub เลือกได้แค่จานเดียวจากทั้งหมด 6 รายการ เรามากัน 2 คนเท่ากับว่าเราสั่งได้ทั้งหมด 2 จานเลยเลือกเป็น Ribeye (Dry-Aged) 250g.+Grilled Vegetables หรือเนื้อวัวส่วนริบอายขนาด 250 กรัมเสิร์ฟพร้อมกับผักย่างใครที่ชอบทานเนื้อวัวแทรกไขมันนุ่มๆให้สั่งจานนี้ เราสั่งมาเป็นแบบ Medium Rare เนื้อวัวมีความฉ่ำน้ำแต่รสชาติเนื้อเข้มข้นกว่าเนื้อไทยเมื่อเทียบกับจานแรกที่เราได้ลองทาน และ Sirloin (Dry-Aged) 250g.+Grilled Vegetables หรือเนื้อวัวส่วนสันนอก 250 กรัมเสิร์ฟพร้อมกับผักย่างย่างมาแบบ Medium Rare รสชาติเนื้อไม่ต่างจากจานแรกแต่ไขมันตรงที่ขอบเนื้อมีการโดนไฟจนสุกหอม จึงทำให้มีรสชาติของไขมัน้นื้อที่เข้มข้นกว่า ทั้ง 2 จานที่เราสั่งมามีการรองด้านล่างด้วยถ่านไม้ทำให้มีกลิ่นเหมือนรมควันและได้ทานสเต็กเนื้ออุ่นๆจนถึงคำสุดท้าย สมกับเป็นเมนูพรีเมี่ยมมากเลยครับ ส่วนผักย่างที่ใส่มาข้างจานไม่ใช่แค่ของประดับเฉยๆ มีทั้งฟักทองญี่ปุ่นเนื้อหวานมันเปลือกบาง มะเขือเทศเชอรี่ลูกเล็กๆย่างจนรสหวานอมเปรี้ยวและผักซูกินี่นี่ย่างมาสุกสัมผัสคล้ายกับน้ำเต้า รวมแต่ของดีเอาไว้ในจานเดียวเลยครับ
หมดเมนูสเต็กแล้วมาต่อกันด้วย Signature อย่าง Stir fried Beef with chilli, Sweet Basil & Fried Egg with Rice หรือผัดกะเพราเนื้อเสิร์ฟพร้อมกับกับไข่ดาวทอดกรอบและข้าวสวย เป็นผัดกระเพราเนื้อสไลด์รสหวาน-เค็มกลมกล่อมหอมกลิ่นพริกสด/กระเทียมและใบกะเพรา ผัดมาแห้งรสชาติเข้มข้นทานคู่กับไข่เป็ดดาวทอดจนกรอบฟูแต่ไข่แดงยังไม่สุกบนข้าวสวยหอมมะลินุ่มๆ เวลาทานแนะนำว่าให้ราดพริกน้ำปลาลงบนไข่ดาวฟูน้ำปลาจะแทรกซึมเข้าไปตามร่องฟูๆของไข่ดาว ทานกับข้าวสวยและกระเพราเนื้อนุ่มๆ บอกเลยว่าถึงนิพพานแห่งกระเพราโดยแท้จริงครับผม แต่ใครไม่ชอบกระเพราะรสติดหวานนิดๆอาจจะไม่ชอบจานนี้แต่ส่วนตัวผมชอบมากๆครับ จานต่อมาเป็นอาหารทานเล่นเราสั่งเป็น Buffalo Wings หรือปีกไก่บัฟฟาโลวิงส์ เป็นปีกกลาง+ปีกบนไก่ชุบแป้งทอดเคลือบด้วยซอสฮันนี่บาร์บีคิวรสหวานนำทานคู่กับซอสครีมชีสรสเปรี้ยวมีกลิ่นเหมือนผสมบลูชีสบางๆช่วยลดความมันเลี่ยนของไก่ทอดแต่เป็นอย่างดี ถ้าไม่คุ้นกับกลิ่นเอกลักษณ์ของ Blue Cheese แนะนำว่าเลี่ยงเมนูนี้ดีกว่าครับ
จานนี้คุณนพเจ้าของร้านอยู่ประจำที่นี่ก็พบเราพอดี เห็นว่าเข้ามารีวิวที่ร้านจึงเข้ามาทักทายพร้อมกับยกเมนูนี้มาให้เป็นสเต็กเนื้อส่วนเซอร์ลอยด์ไทยวากิว ราคาขีดละ 560 บาทจานนี้ 2 ขีดมูลค่า 1,120 บาท เพื่ออยากให้เรารู้ถึงความแตกต่างกับเนื้อสเต็กแบบ Dry-Aged ในบุฟเฟ่ต์ที่เราได้ทาน ย่างมาความสุกระดับ Medium Rare ไขมันมีการแทรกอย่างสวยงามละเอียดนุ่มแทบไม่ต้องออกแรงกรามเวลาเคี้ยว เนื้อมีรสชาติอ่อนกว่าแต่มีความหอมละมุนมากกว่า ไขมันเนื้อส่วนที่โดนย่างก็กลิ่นไม่รุนแรงเท่าเนื้อแบบปกติ เป็นเนื้อที่เหมือนกับว่ากิวของญี่ปุ่นแต่มีรสเนื้อที่หนักมากกว่าใส่แค่เกลือกับพริกไทยเล็กน้อยก็อร่อยโดนใจแล้ว ถือว่าดีสมกับเป็นร้านของผู้รอบรู้ด้านเนื้อจริงๆครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น