ก่อนจะเข้าใจผิด ขออธิบายแป๊บนึง
เมื่อคืนหลังจากจูเน่ประกาศแกรดไป ผมก็มานั่งคิดนะว่ามันเป็นเรื่องดีมากๆ ที่น้องเจอทางของตัวเอง และการจบการศึกษาของน้อง น่าจะเรียกได้ว่าเป็นคนที่จบได้สวยที่สุดตั้งแต่ตั้งวงมาแล้ว
แต่ก็มีคำถามอีก หลังจากเน่เป็นคนเปิดทางแล้ว จะมีคนอื่รที่เดินแผนชีวิตแบบนี้หรือเปล่า โดยเฉพาะโดยเฉพาะเมมเบอร์หลายๆคนที่มีฝีมือและความสามารถ แต่ยังไม่มีโอกาสติดเซม การเปลี่ยนทางเดิน หรือย้ายไปอยู่แผนกอื่นที่จะทีโอกาสเติบโตมากกว่า อาจจะดีกว่าก็ได้
แต่ทุกครั้งที่มีคนแกรด มันก็เป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคลของวงไปเช่นกัน
อย่างในรูปนี้ ทั้งๆที่เพิ่งตั้งทีมขึ้นมา แต่กลายเป็นว่า ตอนนี้เมมเบอร์ทีมอยู่กันไม่ครบ แม้แต่เทรนนีก็มีไม่กี่คน ถามว่ารุ่น 3 จะมาเสริมตรงนี้ได้ไหม ช่วงแรกน่าจะยังไม่ไหว กว่าจะเทรนด์กันจนขึ้นเสตจได้ (หมายถึงเสตจทีมนะ ไม่ใช่เสตจเทรนนี) คงต้องใช้เวลาพอสมควร
ก็คือ ถ้ามีคนเข้ามา แล้วปี 2 ปี ก็ออกไปทำอย่างอื่น (หมายถึงในกรณีออกปกติ ไม่ได้ออกเพราะดราม่า) ผมว่าก็ทำให้วงลำบากเหมือนกัน กว่าจะเทรนด์คนขึ้นมาได้คนนึง ไม่ใช่ง่ายๆเลย ยิ่งคนนั้นติดทีมด้วย น่าจะยิ่งหาคนแทนยาก
เพราะงั้น ถึงตรงนี้ก็เลยยิ่งเข้าใจว่า ทำไมรุ่น 3 ถึงมีสเปคอยู่ที่งานเธียเตอร์เป็นหลัก เป็นสเปคการคัดคนที่ชอบทำงานแบบนี้จริงๆ หรืออย่างน้อยก็เอนเอียงมาทางที่ชอบการเป็นไอดอลที่ยืนระยะได้เต็มสัญญา เพราะเอาจริงๆ อย่างจูเน่ 2 ปีนี่ผมคิดว่าเร็วนะ และการเสียคนที่มีประสบการณ์ 2 ปีไป ก็ทำให้ต้องหาคนทดแทนเหมือนกัน
ส่วนตัวเลย อยากให้เมมเบอร์อยู่ในวงอย่าน้อยสัก 3-4 ปี (หรือเต็มสัญญาก็ไม่นานนะ 6 ปี) เพราะจะได้ทำงานแบบเต็มที่ และวงเองก็จะได้เทรนคนขึ้นมาทดแทนทันด้วย แต่อย่างไรก็ดี ทุกคนมีความคิดของตัวเอง มีเป้าหมายของตัวเองที่ต้องการบรรลุเช่นกัน ก็คงต้องปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของตัวเขาเอง เราจะไปห้ามก็คงไม่ได้
คงต้องรอดูรุ่น 3 แล้วว่า ผลจะออกมายังไง เพราะเหมือนจะใช้ CGM48 โมเดลมาจบล่ะนะ
ดีใจกับจูเน่นะ แต่อีกใจนึงก็คิดว่าเร็วไปหน่อยเหมือนกัน
เมื่อคืนหลังจากจูเน่ประกาศแกรดไป ผมก็มานั่งคิดนะว่ามันเป็นเรื่องดีมากๆ ที่น้องเจอทางของตัวเอง และการจบการศึกษาของน้อง น่าจะเรียกได้ว่าเป็นคนที่จบได้สวยที่สุดตั้งแต่ตั้งวงมาแล้ว
แต่ก็มีคำถามอีก หลังจากเน่เป็นคนเปิดทางแล้ว จะมีคนอื่รที่เดินแผนชีวิตแบบนี้หรือเปล่า โดยเฉพาะโดยเฉพาะเมมเบอร์หลายๆคนที่มีฝีมือและความสามารถ แต่ยังไม่มีโอกาสติดเซม การเปลี่ยนทางเดิน หรือย้ายไปอยู่แผนกอื่นที่จะทีโอกาสเติบโตมากกว่า อาจจะดีกว่าก็ได้
แต่ทุกครั้งที่มีคนแกรด มันก็เป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคลของวงไปเช่นกัน
อย่างในรูปนี้ ทั้งๆที่เพิ่งตั้งทีมขึ้นมา แต่กลายเป็นว่า ตอนนี้เมมเบอร์ทีมอยู่กันไม่ครบ แม้แต่เทรนนีก็มีไม่กี่คน ถามว่ารุ่น 3 จะมาเสริมตรงนี้ได้ไหม ช่วงแรกน่าจะยังไม่ไหว กว่าจะเทรนด์กันจนขึ้นเสตจได้ (หมายถึงเสตจทีมนะ ไม่ใช่เสตจเทรนนี) คงต้องใช้เวลาพอสมควร
ก็คือ ถ้ามีคนเข้ามา แล้วปี 2 ปี ก็ออกไปทำอย่างอื่น (หมายถึงในกรณีออกปกติ ไม่ได้ออกเพราะดราม่า) ผมว่าก็ทำให้วงลำบากเหมือนกัน กว่าจะเทรนด์คนขึ้นมาได้คนนึง ไม่ใช่ง่ายๆเลย ยิ่งคนนั้นติดทีมด้วย น่าจะยิ่งหาคนแทนยาก
เพราะงั้น ถึงตรงนี้ก็เลยยิ่งเข้าใจว่า ทำไมรุ่น 3 ถึงมีสเปคอยู่ที่งานเธียเตอร์เป็นหลัก เป็นสเปคการคัดคนที่ชอบทำงานแบบนี้จริงๆ หรืออย่างน้อยก็เอนเอียงมาทางที่ชอบการเป็นไอดอลที่ยืนระยะได้เต็มสัญญา เพราะเอาจริงๆ อย่างจูเน่ 2 ปีนี่ผมคิดว่าเร็วนะ และการเสียคนที่มีประสบการณ์ 2 ปีไป ก็ทำให้ต้องหาคนทดแทนเหมือนกัน
ส่วนตัวเลย อยากให้เมมเบอร์อยู่ในวงอย่าน้อยสัก 3-4 ปี (หรือเต็มสัญญาก็ไม่นานนะ 6 ปี) เพราะจะได้ทำงานแบบเต็มที่ และวงเองก็จะได้เทรนคนขึ้นมาทดแทนทันด้วย แต่อย่างไรก็ดี ทุกคนมีความคิดของตัวเอง มีเป้าหมายของตัวเองที่ต้องการบรรลุเช่นกัน ก็คงต้องปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของตัวเขาเอง เราจะไปห้ามก็คงไม่ได้
คงต้องรอดูรุ่น 3 แล้วว่า ผลจะออกมายังไง เพราะเหมือนจะใช้ CGM48 โมเดลมาจบล่ะนะ