JJNY : 5in1 ตร.หิ้วสนท.ติดโบว์ขาว/พท.แนะเลิกพ.ร.ก./ส.ส.ก้าวไกลโต้วิษณุ/มติปปช.ขอข้อมูลทบ./โปรไฟล์6บุคคลเสวนากับ'ทักษิณ'

ตร.หิ้ว สนท. ติดโบว์ขาวทวงความเป็นธรรมให้ 'วันเฉลิม' ผิด พ.ร.บ.รักษาความสะอาด
https://voicetv.co.th/read/r4t2tT_1O
 

 
ตำรวจควบคุมตัวประธาน สนท. - เพนกวิน ไป สน.สำราญราฎร์ แจ้งข้อหาความผิดซึ่งหน้าตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาด โทษปรับ 5 พันบาท หลัง สนท.ทำกิจกรรมเดินสายติดโบว์ขาวทวงความเป็นธรรมให้ 'วันเฉลิม' ด้าน เฟซบุ๊ก สนท. กดดันปล่อยเพื่อนเรา
 
เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันที่ 9 มิ.ย. 2563 นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) และ น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ ประธาน สนท. เฟซบุ๊กไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย - Student Union of Thailand โดยกำลังจะผูกโบว์สีขาวรั้วเหล็กกั้นโดยรอบบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่มีตำรวจขวางกั้น น.ส.จุฑาทิพย์ที่กำลังจะถูกผูกโบว์ ท่ามกลางตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบห้ามจาก สน.สำราญราษฎร์ ได้ห้ามทางกลุ่ม สนท.ไม่ให้ผูกโบว์ พร้อมย้ำว่าช่วงนี้ห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง แต่นายพริษฐ์ชี้แจงว่า พวกตนไม่ได้ทำกิจกรรมแค่ผูกโบว์เท่านั้น 
 
ทันทีที่กลุ่ม สนท.ผูกโบว์สีขาวเสร็จสิ้น ตำรวจได้ขอร้องทางกลุ่มว่าจัดกิจกรรมไม่ได้เพราะยังอยู่ในช่วงการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และระบุว่า เป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้าตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 12 ระบุ ห้ามมิให้ผู้ใดขูด กระเทาะ ขีด เขียน พ่นสี หรือทำให้ปรากฎด้วยประการใดๆ ซึ่งข้อความ ภาพ หรือรูปรอยใดๆ ที่กำแพงติดกับถนน บนถนน ที่ต้นไม้ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารที่อยู่ติดกับถนนหรืออยู่ใน ที่สาธารณะ เว้นแต่เป็นการกระทำของราชการส่วนท้องถิ่น ราชการส่วนอื่นหรือรัฐวิสาหกิจหรือของหน่วยงานที่มีอำนาจกระทำได้ และมาตรา 56 ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
 
จากนั้นตำรวจได้เชิญตัวนายพริษฐ์ น.ส.จุฑาทิพย์ พร้อมควบคุมกลุ่ม สนท.ไป สน.สำราญราษฎร์ ทันที
 
ขณะที่ เฟซบุ๊ก สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย - Student Union of Thailand ได้โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องให้ปล่อยเพื่อนของเรา ปล่อยประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตย โดยระบุว่า 
 
"ไม่ควรมีอำนาจใดๆ คุกคามประชาชนผู้อยู่ในวิถีตามระบอบประชาธิปไตย ขอประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐในวันนี้ ปล่อยเพื่อนของเรา! ปล่อยประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตย"
 
"เราถูกจับกุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในขณะที่ผูกโบว์เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมือง และลี้ภัยทางการเมืองอยู่ที่ประเทศกัมพูชา และเรียกร้องประชาธิปไตย นั้นช่างดูย้อนแย้งเสียเหลือเกิน ทั้งนี้ สนท. ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกันติดโบว์ขาวอันเล็กที่บ้านของท่าน รถของท่าน ที่พักของท่าน เพื่อเป็นเสียงให้ถึงรัฐบาลที่กลัวโบว์ผืนเล็กๆอันนี้ ว่าเราพร้อมสู้" 
 
โดยก่อนหน้านี้ สนท.ได้ทำกิจกรรมผู้โบว์ขาวทวงความยุติธรรมให้กับนายวันเฉลิมที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก กระทรวงกลาโหม หน้าลานพระบรมรูปทรงม้า 
 
https://www.facebook.com/watch/studentunion.thailand/
 

 
พท.แนะเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน - อย่าช่วย SME แค่พวกพ้อง
https://voicetv.co.th/read/GKzS9ukIe
 
"เพื่อไทย" แนะรัฐบาลเลิกแสดงอำนาจ ด้วย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชี้ ก.อุตสาหกรรมช่วยเอสเอ็มอีต้องจริงใจทั่วถึงและเป็นธรรม
 
นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมงบประมาณ 10,000 ล้านบาท ไว้ช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม ว่าจากการที่กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ 3 มาตรการ คือ 
 
มาตรการที่ 1. ช่วยในการให้เงินเพื่อชดเชยรายให้ผู้ประกอบการ 
มาตรการที่ 2. ช่วยเหลือผู้ประกอบการที่มีเครื่องจักรแต่ไม่มีศักยภาพ 
และมาตรการที่ 3. ช่วยเหลืออุตสาหกรรมขนส่งหรือ กลุ่มโลจิสติกส์  
 
ทางคณะกรรมาธิการให้ความสนใจมากว่า การช่วยเหลือครั้งนี้จะมีความจริงใจกับผู้ประกอบการหรือไม่ รัฐต้องให้การช่วยเหลือด้วยความเป็นธรรมและทั่วถึง อย่าช่วยเฉพาะพวกพ้อง หรือผู้ประกอบการที่มีฐานะทางการเงินดี และมีสายสัมพันธ์กับคนในรัฐบาล  
 
เป็นที่ทราบกันว่า รัฐบาลกู้เงินมหาศาลแต่มีคณะกรรมการบริหารเงินกู้แค่ 11 คน เงินทุกบาทที่กู้มาจะเกิดประโยชน์กับประชาชนหรือไม่ นอกจากนี้การช่วยเหลือผ่านธนาคารพาณิชย์ เกรงว่านโยบายของธนาคาร จะเลือกแต่ลูกค้าชั้นดี หรือช่วยเหลือแต่ลูกค้าที่มีฐานะมั่นคง ส่วนพวกที่ขาดสภาพคล่องก็จะไม่ได้รับการช่วยเหลือ เชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังจะเห็นหลายธุรกิจล้มละลาย 
 
นายวรสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อยากให้รัฐบาลพิจารณาถึงผลกระทบต่อประชาชนอย่างไร รวมทั้งควรศึกษาว่าหลังการใช้พ.ร.ก.เกิดประโยชน์เช่นไร และพิจารณายกเลิกโดยเร็ว ผู้ประกอบการประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจมาก ดังนั้นหากรัฐบาลต้องการต่อลมหายใจให้ผู้ประกอบการ เพียงยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผู้ประกอบการสามารถเดินหน้าธุรกิจได้แล้ว ขอรัฐบาลจริงใจแก้ปัญหา อย่าหวังเพียงแค่อำนาจ โดยการคงพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะไม่เกิดกับประเทศชาติและผู้ประกอบการแต่อย่างใด
 

 
'ส.ส.ก้าวไกล' โต้ 'วิษณุ' อย่าอ้างไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วทำงานลำบาก
https://www.matichon.co.th/politics/news_2221837
  
‘ส.ส.ก้าวไกล’ โต้ ‘วิษณุ’ อย่าอ้างไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วทำงานลำบาก
  
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวถึง กรณีการให้สัมภาษณ์ของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการพิจารณาเกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า จะมีการประกาศต่อหรือจะมีมาตรการออกมาในรูปแบบใดนั้น ส่วนตัวเห็นว่า ตั้งแต่มีการประกาศใช้เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 เพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกันโรคระบาดไวรัสโคโรนา มาตรการป้องกันด้านการสาธารณสุข การปิดสถานที่ป้องกันการเคลื่อนที่ของผู้คน หรือใช้อำนาจในทางที่มีผลต่อการกระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยเฉพาะการเดินทาง ถึงตอนนี้ระยะเวลาการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน กำลังเข้าสู่เดือนที่ 4 แล้ว หากวิเคราะห์ในสถานการณ์ปัจจุบันต้องถือว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อ รวมถึงผู้เสียชีวิตนั้นน้อยมาก และขณะนี้ก็ไม่มีผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศเกิน 14 วันแล้ว อารมณ์ความรู้สึกของประชาชนในตอนนี้กลัวเรื่องปัญหาปากท้อง กลัวเรื่องไม่มีจะกินมากกว่าโรคติดต่อ
 
“ส่วนเรื่องอำนาจในทางกฎหมายนั้นที่คุณวิษณุบอกว่า พ.ร.บ.โรคติดต่อ หลายเรื่องไม่สามารถที่จะบริหารจัดการเหมือนอย่างการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน หรือเพราะการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ทำให้สามารถปิดสนามบินได้ หรือเพื่อควบคุมผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละแห่งให้ฟังรัฐบาลออกมาตรการในทิศทางเดียวกันนั้น เห็นว่า ต่อให้ไม่มีอำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน รัฐบาลก็สามารถสั่งการได้อยู่แล้ว เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล สั่งการผ่านยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดังนั้น ถ้าบอกว่ารัฐบาลสั่งปิดสนามบินไม่ได้ สั่งผู้ว่าฯ ให้มีมาตราการไปในทิศทางเดียวกันกับรัฐบาลไม่ได้ ก็แสดงว่านากยรัฐมนตรีไม่มีภาวะผู้นำทางการเมือง หรือบริหารงานไม่มีประสิทธิภาพ” นายจิรวัฒน์ กล่าว
 
นายจิรวัฒน์ กล่าวว่า การคง พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เอาไว้นั้น จะสวนทางกับเหตุการณ์ปัจจุบันที่ขณะนี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตของประชาชนกับมาเกือบเป็นภาวะปกติทั้งหมดแล้ว และเท่ากับว่าสถานการณ์ปัจจุบันจากตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตไม่ถือว่าประเทศชาติอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่อยู่ในสถานการณ์เฝ้าระวังมากกว่า ซึ่งหากดูคำนิยามของคำว่า ‘สถานการณ์ฉุกเฉิน’ ตาม พ.ร.ก. ต้องถือว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่เข้าองค์ประกอบของกฎหมายในการประกาศใช้ 
 
แต่รัฐบาลยังมีแนวโน้มที่จะดำเนินการบังคับใช้ต่อ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่ากฎหมายฉบับนี้ให้อำนาจรัฐมากเกินไป เกินกว่าที่ประชาชนและสภาผู้แทนราษฎรจะสามารถตรวจสอบได้ เพราะการประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ไม่สามารถขอให้ศาลปกครองตรวจสอบการใช้อำนาจได้ รวมถึงไม่ต้องมีการขออนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎร จึงทำให้ต้องคิดต่อไปว่าในวาระโอกาสหน้ากฎหมายนี้ควรจะแก้ อย่างน้อยประชาชนสามารถร้องต่อศาลปกครองให้ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐในการประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อให้ยกเลิกได้ รวมถึง ควรได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎร หรือรัฐสภาเป็นคราวๆ ไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่