ผมเล่นหุ้นมาก่อนยุค แฮมเบอรเกอร์ ตอนนั้นยังทำงานได้เงินเดือนอยู่ ลองเล่นหุ้นแบบทุนไม่ถึงแสน
พอเกิดวิฤตยุดแฮมเบอรเกอร์ ขาดทุนไปเกือบ 50 % ดีนะที่ลงไปด้วยเงินจำนวนน้อยๆ ทั้งแฟนทั้งญาติ ต่างก็บอกว่าอย่าเล่นหุ้นเลย มีคนรู้จักขาดทุนเป็นล้าน ผมก็ไม่เข็ดไม่กลัว เพราะต้องการเรียนรู้เผือตอนเกษียณมีรายได้เพิ่มต่อเดือน แต่ขอเล่นๆ กับหุ้นไปเรื่อยๆ ลองเล่นทุกขบวนท่าในหุ้นที่ผมคิดได้ปรับเปลี่ยนแบบกินแค็บ(ผลต่างราคา) แบบไล่เก็บปันผล โดยไม่เพิ่มทุน จึงได้ทักษะมาพอประมาณ
พอถึง พ.ศ 2560 - 61 ผมเริ่มใกล้เกษียณอีก 1 ปีกว่า แล้วที่เล่นๆ หุ้น มา 5-6 ปี ก็ยังเสมอไม่ขาดทุน แต่ขาดทุนเวลา และดอกเบี้ย จึงเริ่มทดลองเอาจริงกับหุ้นก่อน ทุนประมาณไม่ถึงแสนบาท ถ้าได้ตามเป้าคือไม่ขาดทุนและได้ปันผลเดือนละ 400 - 600 บาทต่อเดือน ก็่จะเพิ่มทุนแบบเอาจริง
ผลทดลองได้ในกลางปี 61 ก็ได้ตามเป้า อีกไม่ถึง 1 ปี ผมก็เกษียณแล้ว ผมเลยเริ่มเพิ่มทุน ไปเป้น 1.2 แสนบาท สิ้นปี 61 ก็ได้ตามเป้า เฉลี่ยที่ 600 บาทต่อเดือน
พอต้นปี 2562 ก็เพิ่มทุนเป็น 1.5 แสนบาท พอกลางปี เพิ่มไปเป็น 2 แสนบาท ถึงสิ้นปี 62 ก็เพิ่มเป็น 4 แสนบาท แล้วสรุปยอดปลายปี ก็ไม่ขาดทุนมีกำไรในพอร์ตอยู่หลาย % ก็ได้ปันผลเฉลี่ยประมาณเดือนละ 1,100 บาท
ก็คิดว่าถึงเป้าที่ตั้งไว้แล้ว เดือน มกราคม 63 จึงเปิดพอร์ตที่ 2 รวมเงินทุน ประมาณ 4.5 แสนบาท เพื่อได้ปันผลเฉลี่ยต่อเดือน 1.5- 2 พันบาทต่อเดือน
พอขึ้นเดือนกุมภา 63 แอ่ะ SET มันแปลกๆ สงครามการค้าจิน-อเมริกา เริ่มหนักขึ้น ผมจึงเริ่มถอย ทยอยขายหุ้นไปตามลำดับ แต่ก็ยังไม่ทันเมื่อโรคโควิท รุนแรงขึ้น สิ้นมีนาคม ผมมีทุนในพอร์ทไม่ถึงแสนบาท SET อยู่ที่ประมาณ 985 จุดถ้าจำไม่ผิด และผมขาดทุนเงินสดหายไป 5 หมื่นกว่าบาท ซึ่งสำหรับคนที่เกษรียณแล้วถือว่าเยอะมาก
แต่ผมไม่เข็ด พอ SET ดิดกลับ 1000 จุด ผมก็เพิ่มทุนเป็น 1 แสนนิดๆ รวม 2 พอร์ต ก็ประมาณ 2 แสน ที่เหลือเก็บเงินเข้าธนาคารดอกเบี้ยพิเศษ 2 แสนนิดๆ ไม่เอาแล้วลงทุนแบบเต็มตัวกับหุ้น ลงทุนประมาณนี้พอแล้ว หลังจากนั้นผมก็อาศัยประสบการณ์ ที่จะทำให้ได้ปันผลตามเป้าที่วางไว้คือได้เเฉลี่ยปันผล 1000-2000 บาทต่อเดือน
และผมใช้โอกาศที่ SET ปรับตัวขึ้น และเป็นฤตูปันผล ผมจึงได้ปันผลฟรีแล้วขึ้นต่อหลายหุ้นมาก เฉลี่ยเพียง 5 เดือนผมได้ปันผลแล้ว 1.2 หมื่นบาท ในทุนเกือบ 2 แสน และกำไรในพอร์ตอีก 10 กว่า %
คือถ้าขายปิดพอร์ตทั้งหมดตอนขึ้นเต็มที่เดือนนี้บวกปันผล จากที่ผมเคยขาดทุนเพราะวิกฤตโควิท 5 หมื่นกว่าบาท ก็จะเหลือแค่ขาดทุน 1 หมืนกว่าบาท แต่ถ้าเอาปันผลปีเก่า 62 มารวม ก็เสมอตัว แต่ขาดทุนเวลา และดอกเบี้ย
ด้วยเป้าหมายของผมไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่อยู่ตรงที่ปันผลได้เฉลี่ย 1,000 - 2,000 บาทต่อเดือน ส่วนเงินทุนในพอร์ต และกำไรขาดทุนในพอร์ต มีขึ้นมีลง ส่วนการขาดทุนผมรับได้ไม่เกิน 1 แสนบาท ตอนนี้แค่ 1 หมื่นกว่าบาท ถ้ารวมปันผลปี 62 ก็เสมอตัวอยู่ เพียงขาดทุนดอกเบี้ยเงินฝากเท่านั้น.
ถ้าอีก 5 ถึง 10 ปี ข้างหน้าไม่เกิดวิกฤตร้ายแรงอะไรอีก ก็เป็นช่วงเก็บเกี่ยวปันผลประมาณเดือนละ 1,000 บาทขึ้นไป ตามเป้า.
รูป ยอดปันผล ปลายปี 62 และปี 63 มกราคม - ต้นมิถุนา
คนแก่เกษียณแล้ว ลงทุนในหุ้น เพื่อหวังปันผลเล็กๆ น้อยๆ แต่เมื่อเจอวิกฤตเช่นโรคโควิทนี้ เรียกว่าแย่แทบไปไม่เป็น
พอเกิดวิฤตยุดแฮมเบอรเกอร์ ขาดทุนไปเกือบ 50 % ดีนะที่ลงไปด้วยเงินจำนวนน้อยๆ ทั้งแฟนทั้งญาติ ต่างก็บอกว่าอย่าเล่นหุ้นเลย มีคนรู้จักขาดทุนเป็นล้าน ผมก็ไม่เข็ดไม่กลัว เพราะต้องการเรียนรู้เผือตอนเกษียณมีรายได้เพิ่มต่อเดือน แต่ขอเล่นๆ กับหุ้นไปเรื่อยๆ ลองเล่นทุกขบวนท่าในหุ้นที่ผมคิดได้ปรับเปลี่ยนแบบกินแค็บ(ผลต่างราคา) แบบไล่เก็บปันผล โดยไม่เพิ่มทุน จึงได้ทักษะมาพอประมาณ
พอถึง พ.ศ 2560 - 61 ผมเริ่มใกล้เกษียณอีก 1 ปีกว่า แล้วที่เล่นๆ หุ้น มา 5-6 ปี ก็ยังเสมอไม่ขาดทุน แต่ขาดทุนเวลา และดอกเบี้ย จึงเริ่มทดลองเอาจริงกับหุ้นก่อน ทุนประมาณไม่ถึงแสนบาท ถ้าได้ตามเป้าคือไม่ขาดทุนและได้ปันผลเดือนละ 400 - 600 บาทต่อเดือน ก็่จะเพิ่มทุนแบบเอาจริง
ผลทดลองได้ในกลางปี 61 ก็ได้ตามเป้า อีกไม่ถึง 1 ปี ผมก็เกษียณแล้ว ผมเลยเริ่มเพิ่มทุน ไปเป้น 1.2 แสนบาท สิ้นปี 61 ก็ได้ตามเป้า เฉลี่ยที่ 600 บาทต่อเดือน
พอต้นปี 2562 ก็เพิ่มทุนเป็น 1.5 แสนบาท พอกลางปี เพิ่มไปเป็น 2 แสนบาท ถึงสิ้นปี 62 ก็เพิ่มเป็น 4 แสนบาท แล้วสรุปยอดปลายปี ก็ไม่ขาดทุนมีกำไรในพอร์ตอยู่หลาย % ก็ได้ปันผลเฉลี่ยประมาณเดือนละ 1,100 บาท
ก็คิดว่าถึงเป้าที่ตั้งไว้แล้ว เดือน มกราคม 63 จึงเปิดพอร์ตที่ 2 รวมเงินทุน ประมาณ 4.5 แสนบาท เพื่อได้ปันผลเฉลี่ยต่อเดือน 1.5- 2 พันบาทต่อเดือน
พอขึ้นเดือนกุมภา 63 แอ่ะ SET มันแปลกๆ สงครามการค้าจิน-อเมริกา เริ่มหนักขึ้น ผมจึงเริ่มถอย ทยอยขายหุ้นไปตามลำดับ แต่ก็ยังไม่ทันเมื่อโรคโควิท รุนแรงขึ้น สิ้นมีนาคม ผมมีทุนในพอร์ทไม่ถึงแสนบาท SET อยู่ที่ประมาณ 985 จุดถ้าจำไม่ผิด และผมขาดทุนเงินสดหายไป 5 หมื่นกว่าบาท ซึ่งสำหรับคนที่เกษรียณแล้วถือว่าเยอะมาก
แต่ผมไม่เข็ด พอ SET ดิดกลับ 1000 จุด ผมก็เพิ่มทุนเป็น 1 แสนนิดๆ รวม 2 พอร์ต ก็ประมาณ 2 แสน ที่เหลือเก็บเงินเข้าธนาคารดอกเบี้ยพิเศษ 2 แสนนิดๆ ไม่เอาแล้วลงทุนแบบเต็มตัวกับหุ้น ลงทุนประมาณนี้พอแล้ว หลังจากนั้นผมก็อาศัยประสบการณ์ ที่จะทำให้ได้ปันผลตามเป้าที่วางไว้คือได้เเฉลี่ยปันผล 1000-2000 บาทต่อเดือน
และผมใช้โอกาศที่ SET ปรับตัวขึ้น และเป็นฤตูปันผล ผมจึงได้ปันผลฟรีแล้วขึ้นต่อหลายหุ้นมาก เฉลี่ยเพียง 5 เดือนผมได้ปันผลแล้ว 1.2 หมื่นบาท ในทุนเกือบ 2 แสน และกำไรในพอร์ตอีก 10 กว่า %
คือถ้าขายปิดพอร์ตทั้งหมดตอนขึ้นเต็มที่เดือนนี้บวกปันผล จากที่ผมเคยขาดทุนเพราะวิกฤตโควิท 5 หมื่นกว่าบาท ก็จะเหลือแค่ขาดทุน 1 หมืนกว่าบาท แต่ถ้าเอาปันผลปีเก่า 62 มารวม ก็เสมอตัว แต่ขาดทุนเวลา และดอกเบี้ย
ด้วยเป้าหมายของผมไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่อยู่ตรงที่ปันผลได้เฉลี่ย 1,000 - 2,000 บาทต่อเดือน ส่วนเงินทุนในพอร์ต และกำไรขาดทุนในพอร์ต มีขึ้นมีลง ส่วนการขาดทุนผมรับได้ไม่เกิน 1 แสนบาท ตอนนี้แค่ 1 หมื่นกว่าบาท ถ้ารวมปันผลปี 62 ก็เสมอตัวอยู่ เพียงขาดทุนดอกเบี้ยเงินฝากเท่านั้น.
ถ้าอีก 5 ถึง 10 ปี ข้างหน้าไม่เกิดวิกฤตร้ายแรงอะไรอีก ก็เป็นช่วงเก็บเกี่ยวปันผลประมาณเดือนละ 1,000 บาทขึ้นไป ตามเป้า.
รูป ยอดปันผล ปลายปี 62 และปี 63 มกราคม - ต้นมิถุนา