สำคัญ ไม่สำคัญ ? ในความคิดของคุณนิ่วในถุงน้ำดีสำคัญแค่ไหน ถึงแม้ว่าอวัยวะดังกล่าวสามารถผ่าตัดออกได้และไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายโดยรวม นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีผลต่อร่างกายในระยะยาวเนื่องจากอาจส่งผลให้อวัยวะอื่น ๆ ทำงานหนักขึ้นกว่าปกติเพื่อทดแทนถุงน้ำดีที่หายไป ดังนั้นหากเลือกได้เราก็ควรดูแลรักษาอวัยวะส่วนนี้เอาไว้ให้ถึงที่สุดน่าจะดีกว่า นอกจากนี้หากจะกล่าวถึงอาการผิดปกติที่สามารถเกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนนี้ได้หลาย ๆ คนอาจคิดถึง “นิ่วในถุงน้ำดี”
สาเหตุการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
·
เกิดจากคอเลสเตอรอล ถือว่าเป็นสาเหตุการเกิดที่พบเจอได้บ่อยที่สุด มีลักษณะเป็นก้อนโดยปกติจะเป็นคอเลสเตอรอลที่ตกค้างและอาจมีสารอื่น ๆ ปะปนอยู่ด้วย โดยคอเลสเตอรอลดังกล่าวนั้นหลงเหลือจากการละลายของร่างกายจนตกตะกอนรวมกันเป็นก้อนนั่นเอง
·
เกิดจากบิลิรูบินหรือเม็ดสี สาเหตุมาจากบิลิรูบินในน้ำดีมีปริมาณมากจนเกินไป โดยสาเหตุที่ทำให้มีบิลิรูบินมากเกินไปมีหลายประการโดยส่วนมากจะเป็นภาวะที่มีผลต่อเลือด เช่น โรคธาลัสซีเมีย โรคตับแข็ง เป็นต้น
·
ของเสียในถุงน้ำดี ในกรณีเกิดจากการทำงานของถุงน้ำดีเองที่มีระบบการจัดการของเสียไม่สมบูรณ์ เป็นสาเหตุให้น้ำดีมีความเข้มข้นจนก่อตัวเป็นก้อน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้ด้วย ได้แก่
· น้ำหนักตัวเกินมาตรฐานทำให้มีคอเลสเตอรอลมากตามไปด้วย
· พันธุกรรมหรือจากคนในครอบครัว
· เกิดจากโรคอื่น ๆ หรือพฤติกรรมที่มีผลต่อการบีบตัวของนิ่วในถุงน้ำดี เช่น โรคเบาหวาน หรือการลดน้ำหนักตัวจนมากเกินไป เป็นต้น
· การใช้ยาที่มีผลให้คอเลสเตอรอลมีจำนวนมากขึ้น เช่น ยาคุมกำเนิด ยาลดคอเลสเตอรอล เป็นต้น
อาการนิ่วในถุงน้ำดี
โดยปกติแล้วมักจะไม่แสดงอาการที่รุนแรงออกมา อย่างไรก็ตามผู้ป่วยสามารถพบก้อนนิ่วได้จากการตรวจสุขภาพ และหากมีอาการสามารถสังเกตได้ ดังนี้
· มีอาการปวดตามลำตัว เช่น ช่องท้อง ไหล่ หลัง เป็นต้น
· มีอาการคลื่นไส้อาเจียน
· มีผลกับระบบย่อยอาหารอย่างเห็นได้ชัด เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้องหลังทานอาหาร เป็นต้น
อาการปวดต่าง ๆ ตามที่กล่าวมานั้นจะปวดเพียงชั่วคราวจนถึงหลักชั่วโมง อย่างไรก็ตามหากมีอาการอื่นแทรกซ้อนควรรีบเข้าพบแพทย์ทันที เช่น ผิวเหลือง มีอาการหนาวสั่น ปวดท้องอย่างรุนแรง เป็นต้น
ภาวะแทรกซ้อนจากนิ่ว
หากปล่อยให้เป็นนิ่วในถุงน้ำดี หรือไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องจะทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
·
ถุงน้ำดีอักเสบ เกิดก้อนนิ่วในท่อถุงน้ำดีทำให้เป็นไข้ ตาเหลือง ตัวเหลือง และเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง
·
ตับอ่อนอักเสบ เกิดการปวดท้องรุนแรงเพราะก้อนนิ่วเคลื่อนตัวไปอุดตันท่อที่ตับอ่อน
·
มะเร็งท่อน้ำดี แม้จะพบได้น้อยมาก แต่โรคนี้มักจะพบได้ในผู้ที่เคยป่วยเป็นนิ่วในถุงน้ำดีมาก่อน
·
ติดเชื้อในกระแสเลือด หากถุงน้ำดี ท่อน้ำดี และตับอ่อนเกิดมีปัญหาจะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือดได้
การรักษานิ่วในถุงน้ำดี
การรักษานิ่วในถุงน้ำดีสำหรับรายที่ไม่มีอาการจะไม่มีการรักษาใด ๆ เพียงแต่ต้องหมั่นตรวจสุขภาพเพื่อเช็กดูเรื่อย ๆ ว่าก้อนนิ่วนั้นจะไม่เป็นผลเสียต่อร่างกาย ส่วนการรักษาสำหรับรายที่แสดงอาการส่วนใหญ่จะเป็นการผ่าตัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
การป้องกันนิ่วในถุงน้ำดี
· รับประทานอาหารตรงเวลา ไม่ควรข้ามมื้ออาหาร หรืองดอาหาร
· ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และหมั่นออกกำลังการเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรค
· หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงและมีเส้นใยต่ำ
· สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ไม่ควรลดน้ำหนักอย่างหักโหมเพราะจะทำให้ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงขึ้น
นิ่วในถุงน้ำดีเป็นโรคที่อันตราย แถมยังสามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย ดังนั้นเราจึงไม่ควรประมาทกับโรคนี้ และต้องหมั่นตรวจสุขภาพเพื่อเช็กดูว่าร่างกายของเรานั้นจะไม่มีสิ่งแปลกปลอม หรืออวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายยังทำงานเป็นปกติดีอยู่หรือไม่นั่นเองค่ะ
ทำความรู้จักนิ่วในถุงน้ำดี
· เกิดจากคอเลสเตอรอล ถือว่าเป็นสาเหตุการเกิดที่พบเจอได้บ่อยที่สุด มีลักษณะเป็นก้อนโดยปกติจะเป็นคอเลสเตอรอลที่ตกค้างและอาจมีสารอื่น ๆ ปะปนอยู่ด้วย โดยคอเลสเตอรอลดังกล่าวนั้นหลงเหลือจากการละลายของร่างกายจนตกตะกอนรวมกันเป็นก้อนนั่นเอง
· เกิดจากบิลิรูบินหรือเม็ดสี สาเหตุมาจากบิลิรูบินในน้ำดีมีปริมาณมากจนเกินไป โดยสาเหตุที่ทำให้มีบิลิรูบินมากเกินไปมีหลายประการโดยส่วนมากจะเป็นภาวะที่มีผลต่อเลือด เช่น โรคธาลัสซีเมีย โรคตับแข็ง เป็นต้น
· ของเสียในถุงน้ำดี ในกรณีเกิดจากการทำงานของถุงน้ำดีเองที่มีระบบการจัดการของเสียไม่สมบูรณ์ เป็นสาเหตุให้น้ำดีมีความเข้มข้นจนก่อตัวเป็นก้อน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้ด้วย ได้แก่
· น้ำหนักตัวเกินมาตรฐานทำให้มีคอเลสเตอรอลมากตามไปด้วย
· พันธุกรรมหรือจากคนในครอบครัว
· เกิดจากโรคอื่น ๆ หรือพฤติกรรมที่มีผลต่อการบีบตัวของนิ่วในถุงน้ำดี เช่น โรคเบาหวาน หรือการลดน้ำหนักตัวจนมากเกินไป เป็นต้น
· การใช้ยาที่มีผลให้คอเลสเตอรอลมีจำนวนมากขึ้น เช่น ยาคุมกำเนิด ยาลดคอเลสเตอรอล เป็นต้น
อาการนิ่วในถุงน้ำดี
โดยปกติแล้วมักจะไม่แสดงอาการที่รุนแรงออกมา อย่างไรก็ตามผู้ป่วยสามารถพบก้อนนิ่วได้จากการตรวจสุขภาพ และหากมีอาการสามารถสังเกตได้ ดังนี้
· มีอาการปวดตามลำตัว เช่น ช่องท้อง ไหล่ หลัง เป็นต้น
· มีอาการคลื่นไส้อาเจียน
· มีผลกับระบบย่อยอาหารอย่างเห็นได้ชัด เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้องหลังทานอาหาร เป็นต้น
อาการปวดต่าง ๆ ตามที่กล่าวมานั้นจะปวดเพียงชั่วคราวจนถึงหลักชั่วโมง อย่างไรก็ตามหากมีอาการอื่นแทรกซ้อนควรรีบเข้าพบแพทย์ทันที เช่น ผิวเหลือง มีอาการหนาวสั่น ปวดท้องอย่างรุนแรง เป็นต้น
ภาวะแทรกซ้อนจากนิ่ว
หากปล่อยให้เป็นนิ่วในถุงน้ำดี หรือไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องจะทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
· ถุงน้ำดีอักเสบ เกิดก้อนนิ่วในท่อถุงน้ำดีทำให้เป็นไข้ ตาเหลือง ตัวเหลือง และเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง
· ตับอ่อนอักเสบ เกิดการปวดท้องรุนแรงเพราะก้อนนิ่วเคลื่อนตัวไปอุดตันท่อที่ตับอ่อน
· มะเร็งท่อน้ำดี แม้จะพบได้น้อยมาก แต่โรคนี้มักจะพบได้ในผู้ที่เคยป่วยเป็นนิ่วในถุงน้ำดีมาก่อน
· ติดเชื้อในกระแสเลือด หากถุงน้ำดี ท่อน้ำดี และตับอ่อนเกิดมีปัญหาจะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือดได้
การรักษานิ่วในถุงน้ำดี
การรักษานิ่วในถุงน้ำดีสำหรับรายที่ไม่มีอาการจะไม่มีการรักษาใด ๆ เพียงแต่ต้องหมั่นตรวจสุขภาพเพื่อเช็กดูเรื่อย ๆ ว่าก้อนนิ่วนั้นจะไม่เป็นผลเสียต่อร่างกาย ส่วนการรักษาสำหรับรายที่แสดงอาการส่วนใหญ่จะเป็นการผ่าตัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
การป้องกันนิ่วในถุงน้ำดี
· รับประทานอาหารตรงเวลา ไม่ควรข้ามมื้ออาหาร หรืองดอาหาร
· ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และหมั่นออกกำลังการเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรค
· หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงและมีเส้นใยต่ำ
· สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ไม่ควรลดน้ำหนักอย่างหักโหมเพราะจะทำให้ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงขึ้น
นิ่วในถุงน้ำดีเป็นโรคที่อันตราย แถมยังสามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย ดังนั้นเราจึงไม่ควรประมาทกับโรคนี้ และต้องหมั่นตรวจสุขภาพเพื่อเช็กดูว่าร่างกายของเรานั้นจะไม่มีสิ่งแปลกปลอม หรืออวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายยังทำงานเป็นปกติดีอยู่หรือไม่นั่นเองค่ะ