เมื่อวานผมได้คุยแลกเปลี่ยนความคิดกับกลุ่มเพื่อนของผม เราพยายามวิเคราะห์และหาทางออกกันอย่างจริงจัง
ข้อที่ว่าการจ้องมองแบบหื่นกระหายใส่คุณผู้หญิงนับเป็นการคุกคามทางเพศนั้น ทุกคนในกลุ่มเห็นด้วย แล้วเพื่อนๆคิดยังไง
จริงอยู่ที่การจ้องแบบข้อความด้านบนถือได้ว่าเป็นการคุกคามทางเพศ แต่เราจะแยกการคุกคามทางเพศออกจากการมองเพราะสัญชาติญาณได้อย่างไร หน้าที่หนึ่งหน้าอกหน้าใจของคุณผู้หญิงก็คือการดึงดูดเพศตรงข้ามอยู่แล้ว ดังนั้นการจะห้ามไม่ให้มองเลยก็คือการฝืนธรรมชาติแบบสุดตัว
เพื่อนคนนึงในกลุ่มแชร์ให้ฟัง สมมติว่าเค้าชื่อ พี
นายพีเคยขึ้นรถเมย์ เจอผู้หญิงใส่ชุดผ่าล่องอกลึกมาก(ลึกมากตามความคิดของนายพี) เดินขึ้นมา นายพีก็แน่นอน ถูกความน่าดึงดูดของอกคู่นั้นที่ถูกเผยให้เห็นจากการใส่เสื้อที่ผ่าล่องอกลึกมาก(ลึกมากตามความคิดของนายพี) นายพีจึงเผลอมองไปแปบนึง(แปบนึงตามความเห็นของนายพี) นายพีถูกผู้หญิงคนนั้นต่อว่า กล่าวหาว่าเป็นโรคจิต
ถึงตรงนี้ผมสงสัย เพื่อนๆคิดว่า เวลาที่คุณผู้ชายใช้ในการมองนม สามารถใช้เป็นตัวชี้วัดในการบอกได้มั้ยว่า มองนานเท่านี้ ถือว่าแค่พลั้งเผลอไปไม่ได้ตั้งใจ มองนานเท่านี้ถือว่า คิดอกุศล นับเป็นการคุกคามทางเพศ จริงๆผมเคยถามคำถามนี้กับกลุ่มคนในเฟสบุตด้วยนะ แต่คำตอบที่ได้คือใช้สามัญสำนึกเอา ซึ่งมันฟังดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่ดูดี สามัญสำนึกใครๆก็มี แต่แต่แต่แต่แต่ สามัญสำนึกของทุกคนเท่ากันเหรอ บางคนมอง 10 วินาทีบอกนายคนนี้มันจ้องนมฉัน ขณะที่ผู้หญิงที่กล่าวหาว่าเพื่อนของผมเป็นโรคจิต ใช้เวลา 3 วินาทีเป็นเวลามากสุดในการมองนมของเธอ ถ้าเกินกว่านั้นคือโรคจิต(มันคือ 3 วินาที ถ้าแปบเดียวของผมและนายพีจากสามัญสำนึกของเราตรงกัน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตรงมั้ย)
มีอีกสิ่งนึงที่ต้องพิจารณาหากจะใช้เวลาในการมองเป็นตัวชี้วัดว่าแบบนี้ก็แค่มอง แบบนี้เรียกจ้อง นั่นก็คือ
ผู้ชายแต่ละคนมีภูมิคุ้มกันต่อความงามไม่เท่ากัน
ตอนสมัยอยู่ ม.ต้น ผมขายกับข้าว มีลูกค้าเจ้านึงสวยมากกกกก(แน่นอนว่าตามความคิดของผม) มาซื้อกับข้าวที่ร้านสิ่งที่เกิดกับผมตอนนั้นคือ ผมละสายตาออกจากเธอไม่ได้ ผมรู้ว่าผมต้องตักแกงใส่ถุง แต่เหลือบไปมองแกงได้ไม่ถึง 0.5 วินาที เจ้าดวงตาทรยศมันก็ไม่ยอมฟังคำสั่งจากสมอง คอยแต่จะเหลือบขึ้นไปมองหน้าเธอ มือที่ตักแกงคล่องแคล่วมาตลอดวันนั้นนาทีนั้นมันเหมือนกับไม่ใช่มือตัวเอง จากที่ทำอะไรคล่องแคล่วแต่พอต้องตักแกงให้เจ้านั้นมันกลับสั่นตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้ากระบวนการทั้งหมดในการขายใช้เวลาซัก 30 วินาที ผมมั่นใจว่าผมมองหน้าลูกค้าเจ้านั้นเกิน 10 วินาทีแน่ๆ แบบนี้คือผมทำการคุกคามทางเพศไปแล้วหรือป่าว
ถึงเล่ามาแบบนี้แต่ภูมิคุ้มกันมันก็พัฒนากันได้เนาะ ตอนนี้ต่อให้สวยยังไงก็จ้องไม่เกิน 3 วินาที
เป็นแบบนี้แล้วเพื่อนๆคิดว่าควรใช้เวลาในการมองเป็นตัวชี้วัดมั้ยว่านายนี่มองเพราะถูกดึงดูดไปตามสัญชาติญาณหรือมองเพราะคิดอกุสล ถ้าจะใช้คิดว่าควรใช้เวลากี่วินาทีในการกำหนดว่าจ้องนานเกินกี่วินาทีถือเป็นการคุกคามทางเพศ อย่าลืมนะครับ 10 วินาทีที่ผมจ้องไปผมไม่ได้คิดจะไปชุดไปข่มขืนผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้คิดอยากจะไปบีบลูบคลำหน้าอกเธอ พูดตรงๆคือไม่ได้คิด5อะไรเลย ตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ออกจริงๆ มีแต่ตื่นเต้นและก็สั่น
มีเพื่อนคนนึง(สมมติว่าคือนายบี)พูดขึ้นมาว่า แค่ผู้หญิงแต่งตัวให้เรียบร้อยก็จบแล้วป่าวว่ะ ซึ่งแน่นอนทุกคนรู้คุณผู้หญิงมีสิทธิ์จะแต่งตัวยังไงก็ได้ นายเอฟ(สมมติอีกตามเคย)ย้ำหลักการสำคัญให้ทุกคนฟังนั่นคือ การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไม่ใช่หน้าที่ของเหยื่อ มันคือหน้าที่ของคนทุกคนที่จะไม่กระทำผิดโดยการล่วงละเมิดทางเพศผู้อื่น เพื่อความเข้าใจน่าจะต้องมีตัวอย่างซักเล็กน้อย
ถ้าบ้านคุณถูกโจรเข้ามาขโมยของ มันคือความผิดของคุณที่ดูแลบ้านไม่ดี หรือเป็นความผิดของโจรที่ไม่รู้จักระงับความโลภของตัวเองครับ
แน่นอนถ้าตรรกะไม่ป่วยคุณก็ตอบได้ง่ายๆอยู่แล้วว่าโจรผิด แต่ก็มีข้อสำคัญอย่างหนึ่งที่คุณไม่ควรลืมคือคุณบังคับให้คนทุกคนเป็นคนดีไม่ได้
สมมติว่าคุณเป็นโจร มีบ้านอยู่สองหลังทำจากวัศดุเดียวกันเลยจากการประเมินของคุณของในบ้านก็น่าจะมูลค่าพอๆกัน แต่บ้านหลังแรก ไม่มีกำแพง ประคูก็เปิดทิ้งไว้ หน้าต่างก็เปิดทิ้งไว้ไม่มีเหล็กดัดด้วย กล้องวงจรปิดก็ไม่มี บ้านหลังที่สองตรงข้ามกันเลย คุณจะเลือกปล้นบ้านไหน ถ้าคุณมั่นใจว่าคนที่ถามคำถามนี้ถามตรงๆไม่ใช่คนกวนตีน แน่นอนคุณก็ต้องปล้นบ้านหลังแรกอยู่แล้ว
ทางเลือกหนึ่งในตอนนี้จึงคือการให้คุณผู้หญิงแต่งตัวให้เรียบร้อย แต่ก็อย่างที่นายเอฟบอกนั่นแหละ มันไม่ใช่ความผิดของเธอซักหน่อยที่ถูกคุกคามทางเพศ ดังนั้นผมจึงมีอีกคำถามนึงมาถามเพื่อนๆครับ ทำอย่างไรดีให้คุณผู้หญิงสามารถแต่งตัวในแบบที่เธอชอบโดยไม่เพิ่มโอกาสถูกคุกคามทางเพศ
ต่อไปนี้คือความเห็นของนายเอฟ นาบเอฟกล่าวว่าจากสภาพการปัจจุบันผู้หญิงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เนื่องจากการพิสูจน์ว่าคนๆหนึ่งจ้องนมเธอจริงๆนั้นทำได้ยาก จะให้ถ่ายคลิปก็อาจจะไม่ทัน จะใช้พยานก็ติดปัญหาว่าจะเลือกใครเป็นพยานเพื่อไม่ให้เกิดความลำเอียง
เพื่อนๆคุณว่าตรงกลางที่คนส่วนใหญ่ยอมรับได้อยู่ตรงไหนครับ สภาพการปัจจุบันการจะพิสูจน์ว่าถูกจ้องนมจริงทำได้ยาก และหากปรับตัวชี้วัดไม่ดีก็จะทำให้คนที่ไม่ได้มีเจตนาคุกคามทางเพศถูกตัดสินว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ
เพื่อนๆคิดว่าทางออกสำหรับกรณี #มองนมไม่ผิดคืออะไร
ข้อที่ว่าการจ้องมองแบบหื่นกระหายใส่คุณผู้หญิงนับเป็นการคุกคามทางเพศนั้น ทุกคนในกลุ่มเห็นด้วย แล้วเพื่อนๆคิดยังไง
จริงอยู่ที่การจ้องแบบข้อความด้านบนถือได้ว่าเป็นการคุกคามทางเพศ แต่เราจะแยกการคุกคามทางเพศออกจากการมองเพราะสัญชาติญาณได้อย่างไร หน้าที่หนึ่งหน้าอกหน้าใจของคุณผู้หญิงก็คือการดึงดูดเพศตรงข้ามอยู่แล้ว ดังนั้นการจะห้ามไม่ให้มองเลยก็คือการฝืนธรรมชาติแบบสุดตัว
เพื่อนคนนึงในกลุ่มแชร์ให้ฟัง สมมติว่าเค้าชื่อ พี
นายพีเคยขึ้นรถเมย์ เจอผู้หญิงใส่ชุดผ่าล่องอกลึกมาก(ลึกมากตามความคิดของนายพี) เดินขึ้นมา นายพีก็แน่นอน ถูกความน่าดึงดูดของอกคู่นั้นที่ถูกเผยให้เห็นจากการใส่เสื้อที่ผ่าล่องอกลึกมาก(ลึกมากตามความคิดของนายพี) นายพีจึงเผลอมองไปแปบนึง(แปบนึงตามความเห็นของนายพี) นายพีถูกผู้หญิงคนนั้นต่อว่า กล่าวหาว่าเป็นโรคจิต
ถึงตรงนี้ผมสงสัย เพื่อนๆคิดว่า เวลาที่คุณผู้ชายใช้ในการมองนม สามารถใช้เป็นตัวชี้วัดในการบอกได้มั้ยว่า มองนานเท่านี้ ถือว่าแค่พลั้งเผลอไปไม่ได้ตั้งใจ มองนานเท่านี้ถือว่า คิดอกุศล นับเป็นการคุกคามทางเพศ จริงๆผมเคยถามคำถามนี้กับกลุ่มคนในเฟสบุตด้วยนะ แต่คำตอบที่ได้คือใช้สามัญสำนึกเอา ซึ่งมันฟังดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่ดูดี สามัญสำนึกใครๆก็มี แต่แต่แต่แต่แต่ สามัญสำนึกของทุกคนเท่ากันเหรอ บางคนมอง 10 วินาทีบอกนายคนนี้มันจ้องนมฉัน ขณะที่ผู้หญิงที่กล่าวหาว่าเพื่อนของผมเป็นโรคจิต ใช้เวลา 3 วินาทีเป็นเวลามากสุดในการมองนมของเธอ ถ้าเกินกว่านั้นคือโรคจิต(มันคือ 3 วินาที ถ้าแปบเดียวของผมและนายพีจากสามัญสำนึกของเราตรงกัน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตรงมั้ย)
มีอีกสิ่งนึงที่ต้องพิจารณาหากจะใช้เวลาในการมองเป็นตัวชี้วัดว่าแบบนี้ก็แค่มอง แบบนี้เรียกจ้อง นั่นก็คือ
ผู้ชายแต่ละคนมีภูมิคุ้มกันต่อความงามไม่เท่ากัน
ตอนสมัยอยู่ ม.ต้น ผมขายกับข้าว มีลูกค้าเจ้านึงสวยมากกกกก(แน่นอนว่าตามความคิดของผม) มาซื้อกับข้าวที่ร้านสิ่งที่เกิดกับผมตอนนั้นคือ ผมละสายตาออกจากเธอไม่ได้ ผมรู้ว่าผมต้องตักแกงใส่ถุง แต่เหลือบไปมองแกงได้ไม่ถึง 0.5 วินาที เจ้าดวงตาทรยศมันก็ไม่ยอมฟังคำสั่งจากสมอง คอยแต่จะเหลือบขึ้นไปมองหน้าเธอ มือที่ตักแกงคล่องแคล่วมาตลอดวันนั้นนาทีนั้นมันเหมือนกับไม่ใช่มือตัวเอง จากที่ทำอะไรคล่องแคล่วแต่พอต้องตักแกงให้เจ้านั้นมันกลับสั่นตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้ากระบวนการทั้งหมดในการขายใช้เวลาซัก 30 วินาที ผมมั่นใจว่าผมมองหน้าลูกค้าเจ้านั้นเกิน 10 วินาทีแน่ๆ แบบนี้คือผมทำการคุกคามทางเพศไปแล้วหรือป่าว
ถึงเล่ามาแบบนี้แต่ภูมิคุ้มกันมันก็พัฒนากันได้เนาะ ตอนนี้ต่อให้สวยยังไงก็จ้องไม่เกิน 3 วินาที
เป็นแบบนี้แล้วเพื่อนๆคิดว่าควรใช้เวลาในการมองเป็นตัวชี้วัดมั้ยว่านายนี่มองเพราะถูกดึงดูดไปตามสัญชาติญาณหรือมองเพราะคิดอกุสล ถ้าจะใช้คิดว่าควรใช้เวลากี่วินาทีในการกำหนดว่าจ้องนานเกินกี่วินาทีถือเป็นการคุกคามทางเพศ อย่าลืมนะครับ 10 วินาทีที่ผมจ้องไปผมไม่ได้คิดจะไปชุดไปข่มขืนผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้คิดอยากจะไปบีบลูบคลำหน้าอกเธอ พูดตรงๆคือไม่ได้คิด5อะไรเลย ตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ออกจริงๆ มีแต่ตื่นเต้นและก็สั่น
มีเพื่อนคนนึง(สมมติว่าคือนายบี)พูดขึ้นมาว่า แค่ผู้หญิงแต่งตัวให้เรียบร้อยก็จบแล้วป่าวว่ะ ซึ่งแน่นอนทุกคนรู้คุณผู้หญิงมีสิทธิ์จะแต่งตัวยังไงก็ได้ นายเอฟ(สมมติอีกตามเคย)ย้ำหลักการสำคัญให้ทุกคนฟังนั่นคือ การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไม่ใช่หน้าที่ของเหยื่อ มันคือหน้าที่ของคนทุกคนที่จะไม่กระทำผิดโดยการล่วงละเมิดทางเพศผู้อื่น เพื่อความเข้าใจน่าจะต้องมีตัวอย่างซักเล็กน้อย
ถ้าบ้านคุณถูกโจรเข้ามาขโมยของ มันคือความผิดของคุณที่ดูแลบ้านไม่ดี หรือเป็นความผิดของโจรที่ไม่รู้จักระงับความโลภของตัวเองครับ
แน่นอนถ้าตรรกะไม่ป่วยคุณก็ตอบได้ง่ายๆอยู่แล้วว่าโจรผิด แต่ก็มีข้อสำคัญอย่างหนึ่งที่คุณไม่ควรลืมคือคุณบังคับให้คนทุกคนเป็นคนดีไม่ได้
สมมติว่าคุณเป็นโจร มีบ้านอยู่สองหลังทำจากวัศดุเดียวกันเลยจากการประเมินของคุณของในบ้านก็น่าจะมูลค่าพอๆกัน แต่บ้านหลังแรก ไม่มีกำแพง ประคูก็เปิดทิ้งไว้ หน้าต่างก็เปิดทิ้งไว้ไม่มีเหล็กดัดด้วย กล้องวงจรปิดก็ไม่มี บ้านหลังที่สองตรงข้ามกันเลย คุณจะเลือกปล้นบ้านไหน ถ้าคุณมั่นใจว่าคนที่ถามคำถามนี้ถามตรงๆไม่ใช่คนกวนตีน แน่นอนคุณก็ต้องปล้นบ้านหลังแรกอยู่แล้ว
ทางเลือกหนึ่งในตอนนี้จึงคือการให้คุณผู้หญิงแต่งตัวให้เรียบร้อย แต่ก็อย่างที่นายเอฟบอกนั่นแหละ มันไม่ใช่ความผิดของเธอซักหน่อยที่ถูกคุกคามทางเพศ ดังนั้นผมจึงมีอีกคำถามนึงมาถามเพื่อนๆครับ ทำอย่างไรดีให้คุณผู้หญิงสามารถแต่งตัวในแบบที่เธอชอบโดยไม่เพิ่มโอกาสถูกคุกคามทางเพศ
ต่อไปนี้คือความเห็นของนายเอฟ นาบเอฟกล่าวว่าจากสภาพการปัจจุบันผู้หญิงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เนื่องจากการพิสูจน์ว่าคนๆหนึ่งจ้องนมเธอจริงๆนั้นทำได้ยาก จะให้ถ่ายคลิปก็อาจจะไม่ทัน จะใช้พยานก็ติดปัญหาว่าจะเลือกใครเป็นพยานเพื่อไม่ให้เกิดความลำเอียง
เพื่อนๆคุณว่าตรงกลางที่คนส่วนใหญ่ยอมรับได้อยู่ตรงไหนครับ สภาพการปัจจุบันการจะพิสูจน์ว่าถูกจ้องนมจริงทำได้ยาก และหากปรับตัวชี้วัดไม่ดีก็จะทำให้คนที่ไม่ได้มีเจตนาคุกคามทางเพศถูกตัดสินว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ