HI-SEAS (Hawaii Space Exploration Analog and Simulation)
นักวิทยาศาสตร์ทดลองจำลองสภาพการอยู่อาศัยและใช้ชีวิตบนดาวอังคาร เป็นเวลา 8 เดือน บนภูเขาไฟเมานาโลอาบนเกาะฮาวาย กลางมหาสมุทรแปซิฟิก พื้นที่ทุรกันดารที่สุดแห่งหนึ่งบนโลก เพื่อศึกษาว่านักบินอวกาศจะสามารถปฏิบัติงานบนดาวอังคารได้นานแค่ไหน การทดลองดังกล่าวอยู่ภายใต้โครงการ HI-SEAS (Hawaii Space Exploration Analog and Simulation) ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากนาซา และดำเนินโครงการโดยมหาวิทยาลัยฮาวาย
ทีมนักวิทยาศาสตร์ จำนวน 6 คน ประกอบด้วย วิศวกร นักชีววิทยา นักวิจัยอิสระ และนักวิทยาศาสตร์จากนาซา อีก 3 คน เป็นชาย 4 คนและหญิงอีก 2 คน ต้องอาศัยอยู่ในโดมซึ่งเป็นทั้งที่พักและห้องปฏิบัติการ ไม่พบเจอผู้คน ดำรงชีพด้วยอาหารแช่แข็งและผักที่ปลูกขึ้นในห้องปฏิบัติการ รวมทั้งการเผชิญกับการล่าช้าของการส่งข้อมูลนานกว่า 20 นาที เพื่อติดต่อกับโลกภายนอก จำลองสภาพดังกล่าวให้เหมือนกับการไปอยู่บนดาวอังคารจริง ๆ และแน่นอนว่าเมื่อออกไปด้านนอกก็ต้องสวมชุดดนักบินอวกาศด้วย
ทั้ง 6 คน เริ่มต้นเข้ามาอาศัยอยู่ในโดม ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม และสิ้นสุดในวันที่ 17 กันยายน 2560 ช่วงเวลากว่า 8 เดือนที่อาศัยบน ภูเขาไฟเมานาโลอา ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นภูเขาไฟใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังคุกรุ่นอยู่ และถือเป็นพื้นที่ทุรกันดารที่สุดแห่งหนึ่ง แต่ละวันจะทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ออกกำลังกายและดูแลอุปกรณ์ทั้งภายในและรอบ ๆ โดม รวมถึงการทำงานด้านธรณีวิทยาภายนอกโดมด้วย (นักวิทยาศาสตร์ทุกคนผ่านการทดสอบ )
นอกจากการเรียนรู้เทคนิคและฝึกฝนการใช้ชีวิตบนดาวอังคาร (จำลอง) แล้ว ส่วนสำคัญที่ HI-SEAS ต้องการศึกษาคือทำอย่างไรให้มนุษย์กลุ่มหนึ่งสามารถอยู่ร่วมกันในพื้นที่ห่างไกล โดยปราศจากความเป็นส่วนตัวได้เป็นเวลานาน Laura lark เจ้าหน้าที่พิเศษด้านเทคโนโลยีของ HI-SEAS V กล่าวว่า “การเดินทางในอวกาศต้องเกิดขึ้นแน่นอน ความท้าทายที่กำลังเผชิญคือการจำกัดพฤติกรรมบางอย่างของมนุษย์ ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักที่ HI-SEAS ถูกก่อตั้งขึ้น”
เรียบเรียงโดย สิทธิพร เดือนตะคุ
(เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ชำนาญการ)
ที่มา
https://www.space.com/38180-hi-seas-8-month-mars-simulation…
Cr.
https://www.facebook.com/NARITpage/photos/นักวิทยาศาสตร์ผ่านการทดสอบ-ภารกิจจำลองการใช้ชีวิตบนดาวอังคาร-นักวิทยาศาสตร์ทดลอง/1929776010419337/
Cr.
http://hi-seas.org/?p=1278
Analog Mission
เชื่อว่าหลายคนเริ่มจะเคยชินกับการอยู่ตัวคนเดียวช่วงการระบาดของโควิด-19 กันบ้างแล้ว และการปลีกวิเวกอยู่คนเดียวเปลี่ยวเอกาเช่นนี้ กำลังจะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ เมื่อองค์การนาซา ประกาศรับสมัครบุคคลที่พร้อมจะอยู่คนเดียวเป็นเวลาถึง 8 เดือน เพื่อทำการทดลองสำคัญในภารกิจส่งมนุษย์ไปบนดวงจันทร์และดาวอังคารของนาซา
ทีมวิจัย Human Research Program ขององค์การนาซา ต้องการศึกษาการที่มนุษย์ต้องอยู่คนเดียวในอวกาศเป็นเวลานานๆ ว่าจะมีผลต่อร่างกายและจิตใจอย่างไร รวมทั้งค้นหาวิธีและเทคโนโลยีที่จะช่วยให้มนุษย์สามารถท่องอวกาศได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ปัจจุบัน นักบินอวกาศอเมริกัน ยังมีโอกาสใช้ชีวิตในอวกาศในสถานีอวกาศนานาชาติ หรือ ISS และภารกิจแต่ละครั้งจะกินเวลาประมาณ 2-3 เดือน นานที่สุดคือเกือบ 1 ปีเท่านั้น
นาซาได้ปลุกปั้นโครงการศึกษาวิจัยมนุษย์ เพื่อภารกิจท่องอวกาศที่ยิ่งใหญ่และยาวนานกว่านั้น ทั้งแผนรองรับโครงการ Artemis ในภารกิจส่งมนุษย์ไปยังดวงจันทร์ ภายในปี 2024 และแผนการตั้งฐานบนดวงจันทร์ในปี 2028 ซึ่งจำเป็นต้องใช้นักบินอวกาศที่สามารถใช้ชีวิตบนดาวดวงอื่นได้นานขึ้น เพื่อให้สามารถเดินหน้าทดลองต่อไป หรือสามารถทำภารกิจเดินทางไปดาวอังคารจากฐานที่มั่นบนดวงจันทร์ในอนาคตได้
สำหรับคุณสมบัติของอาสาสมัครที่จะได้รับคัดเลือก จะต้องมีอายุระหว่าง 30-55 ปี มีทักษะด้านภาษาอังกฤษและรัสเซียที่คล่องแคล่ว ต้องจบการศึกษาปริญญาตรี หรือผ่านการฝึกฝนด้านการทหาร หรือมีความเชี่ยวชาญทางสาขาอาชีพ อย่างใดอย่างหนึ่ง ต้องผ่านการทดสอบด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต และที่สำคัญต้องยินยอมพร้อมใจที่อยู่คนเดียวได้เป็นเวลา 8 เดือนถึง 1 ปีด้วย
แถลงการณ์ขององค์การนาซา ระบุว่า ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 6 คนจะต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่นักบินอวกาศเผชิญในภารกิจไปดาวอังคารเพื่อนำผลการศึกษาไปวิจัยต่อ
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 ที่รัฐฮาวาย มีการทดสอบ HI-SEAS ให้นักวิทยาศาสตร์ 6 คนอาศัยในโถงโดมที่สร้างขึ้นบนเกาะฮาวายเป็นเวลา 1 ปี เพื่อศึกษาผลกระทบต่อมนุษย์ในสภาวะแวดล้อมแบบปิด และมีการทดสอบลักษณะเดียวกันเมื่อปี 2010 ซึ่งภารกิจดังกล่าวทุกคนจะต้องอยู่อย่างโดดเดียวยาวนานถึง 520 วัน แต่ยังสามารถสื่อสารกับเพื่อนร่วมการทดสอบ สมาชิกครอบครัวและเพื่อนๆได้อยู่ แต่จะต้องทำเหมือนกับพวกเขาอาศัยอยู่ในอวกาศ
การศึกษาการอยู่อย่างโดดเดี่ยวนี้ นาซาร่วมมือกับสถาบัน Institute of Biomedical Problems ของรัสเซีย ซึ่งผู้ที่ได้รับคัดเลือกจะต้องไปประจำการอยู่ในศูนย์วิจัยในกรุงมอสโกของรัสเซีย และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Analog Mission ในการศึกษาการรับมือของมนุษย์ต่อสภาพแวดล้อมในอวกาศ เพื่อสรรหาวิธีและเทคโนโลยีเพื่อให้มนุษย์รอดพ้นจากอันตรายในอวกาศหลายด้าน ทั้ง กัมมันตรังสีในอวกาศ สภาพไร้แรงโน้มถ่วง การปรับตัวในสภาพแวดล้อมแบบปิดและเลวร้ายในอวกาศ การอยู่ห่างไกลโลก และการอยู่อย่างโดดเดี่ยวในพื้นที่จำกัดก็เป็นส่วนหนึ่งที่ท้าทายของชีวิตในอวกาศด้วย
Cr.
https://www.sanook.com/news/8179538/
Cr.
https://www.nasa.gov/analogs/want-to-participate
Cr.
https://www.nasa.gov/analogs/what-are-analog-missions
Artemis
Artemis Program คือ โครงการอวกาศที่อยู่ภายใต้การดูแลโดยองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ NASA มีเป้าหมายที่จะพานักบินอวกาศหญิงคนแรกและนักบินอวกาศชายไปเหยียบดวงจันทร์ ณ ขั้วใต้ของดวงจันทร์ในปี 2024 ด้วยยาน Orion MPCV (Orion Multi-Purpose Crew Vehicle) ไปกับจรวด SLS (Space Launch System) ของ NASA
การกลับไปดวงจันทร์ในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การสำรวจ แต่นาซ่าต้องการสร้างสถานีภาคพื้นดินแบบถาวรให้นักบินอวกาศอยู่อาศัยบนดวงจันทร์รวมไปถึงการสร้างสถานีอวกาศโคจรรอบดวงจันทร์ Lunar Orbital Platform-Gateway เพื่อใช้สำหรับเป็นจุดเชื่อมต่อยานในวงโคจรของดวงจันทร์รวมไปถึงภารกิจส่งมนุษย์อวกาศไปดาวอังคารในอนาคต
โครงการอาร์ทิมิส ชื่อถูกตั้งตามเทพเจ้ากรีกโบราณ เทพเจ้าแห่งการล่ามีความสามารถในการยิงธนู อาร์ทิมิธเป็นพี่สาวของเทพเจ้าอะพอลโล (Apollo) ซึ่งชื่อของเทพเจ้าอะพอลโลเคยถูกใช้เป็นโครงการส่งมนุษย์อวกาศไปดวงจันทร์ในระหว่างปี 1966 – 1972
โดยมนุษย์อวกาศคนแรกที่เหยียบดวงจันทร์ คือ ผู้บังคับการนีล อาร์มสตรองซึ่งเดินทางไปโดยยานอะพอลโล 11 หลังจากนั้นนาซ่าส่งยานอวกาศพร้อมมนุษย์ลงไปสำรวจดวงจันทร์อีก 6 ครั้งและไม่มีการส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์อีกเลยเป็นเวลากว่า 47 ปีมาแล้ว
นาซ่าอยู่ในช่วงการวิจัยพัฒนาโดยคัดเลือกบริษัทต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา 11 แห่งพร้อมมอบเงินทุนรวมประมาณ 1,500 ล้านบาทเพื่อศึกษาพัฒนาต้นแบบยานลงจอดบนดวงจันทร์ โดยในจำนวนนี้มีบริษัทที่มีชื่อเสียง เช่น Blue Origin , Boeing , Lockheed Martin , Northrop Grumman , Sierra Nevada และ SpaceX
นอกจากนี้นาซ่ายังอยู่ในระหว่างการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องอีกหลาย เช่น ชุดอวกาศรูปแบบใหม่ , จรวดขนส่งอวกาศขนาดใหญ่ที่สุดในโลก SLS จรวดรุ่นนี้คาดว่าจะทดสอบในปี 2020 , ยานอวกาศ Orion ซึ่งได้รับการทดสอบส่งขึ้นสู่อวกาศแบบไร้มนุษย์ในปี 2014
สำหรับพื้นที่ลงจอดบนดวงจันทร์ นาซ่าให้ความสนใจพื้นที่บริเวณขั้วด้านใต้ของดวงจันทร์เนื่องจากในปี 2009 ค้นพบว่ามีน้ำแข็งปริมาณมหาศาลอยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งน้ำเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์รวมไปถึงการใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับจรวด ซึ่งหากนาซ่าต้องการสำรวจดวงดาวอื่นในอนาคต การตั้งสถานีบนดวงจันทร์เพื่อการสำรวจมีความสำคัญมาก ๆ นอกจากนี้บริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์ได้รับปริมาณแสงอย่างเพียงพอสำหรับใช้สำหรับผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์
ที่มาของข้อมูล
NASA Names New Moon Landing Program Artemis After Apollo’s Sister
NASA Taps 11 American Companies to Advance Human Lunar Landers
Cr.
https://www.nextwider.com/nasa-lunar-landers-artemis/
ยานไปดวงจัทร์ของนาซา
เราอาจจะได้เห็นมนุษย์ไปเดินบนดวงจันทร์อีกครั้ง ภายใต้โครงการใหม่ของนาซาชื่อ อาร์ทิมิส โครงการนี้จะไม่เพียงส่งมนุษย์ไปเดินบนดวงจันทร์เพียงสองสามวันแล้วกลับเท่านั้น แต่ต้องการให้มนุษย์ปักหลักอยู่บนดวงจันทร์เป็นเวลานานด้วย
ก่อนจะถึงวันที่จะมีมนุษย์ไปอยู่อาศัยบนดวงจันทร์ ต้องหาวิธีเอาคนไปบนดวงจันทร์เสียก่อน ล่าสุดองค์การนาซาได้เลือกบริษัทเอกชนสามรายที่มีสิทธิ์ได้งานอภิมหาโครงการนี้ ได้แก่ สเปซเอกซ์ บลูออริจิน และไดเนติกส์
ในระยะแรกเป็นขั้นตอนของการเสนอแบบยานลงจอดบนดวงจันทร์ ทั้งสามบริษัทมีเวลาสิบเดือนในการร่างและปรับปรุงแบบของตน โดยมีงบในส่วนนี้จากนาซารวม 967 ล้านดอลลาร์ เมื่อถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า นาซาจะตัดสินใจเลือกเอาผู้ชนะเพียงรายเดียว ซึ่งบริษัทนั้นก็จะได้สัญญาในการสร้างยานนำมนุษย์ไปลงดวงจันทร์ต่อไป
ยานลงจอดของบลูออริจินมีชื่อว่า " ไอแอลวี " (ILV--Integrated Laner Vehicle) ซึ่งมีพื้นฐานมาจากแบบของยานบลูมูนซึ่งบริษัทได้เปิดเผยแบบมาตั้งแต่ปีก่อนแล้ว คณะของบลูออริจินประกอบด้วยผู้คร่ำหวอดในวงการอากาศยานอย่างล็อกฮีดมาร์ติน นอร์ทร็อปกรัมแมน และเดรเปอร์ จรวดที่จะนำยานนี้ได้คาดว่าจะเป็นจรวดวัลแคนของยูไนเต็ดลอนช์อัลลิอันซ์ที่กำลังพัฒนาอยู่
ไดเนติกส์ เป็นบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในฮันต์สวีล แอละแบมา ยานของไดเนติกส์มีชื่อว่า "ไดเนติกส์ฮิวแมนแลนดิงซีสเท็ม " มีรูปร่างสะดุดตาที่แผงเซลสุริยะแนวตั้งสองแผงใหญ่วางคู่กันทำให้ยานดูเหมือนกระต่าย และมีส่วนของที่อยู่อาศัยอยู่ต่ำใกล้พื้นดินมากทำให้มนุษย์อวกาศเข้าออกยานได้สะดวก ยานของไดเนติกส์ออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับจรวดวัลแคนของยูแอลเอเช่นกัน
สเปซเอกซ์ไม่ถนัดงานเล็ก ๆ ยานของสเปซเอกซ์ที่จะอาสานำมนุษย์ไปลงบนดวงจันทร์เป็นยานที่ดัดแปลงจากยานสตาร์ชิป หรือชื่อเดิมคือบิกฟัลคอน ซึ่งเป็นยานขนาดยักษ์เชื่อมต่อกับจรวดส่งที่ชื่อว่าซูเปอร์เฮฟวี สเปซเอกซ์ออกแบบยาน " สตาร์ชิป "เพื่อนำมนุษย์จำนวนมากไปดวงจันทร์รวมถึงดาวอังคารด้วย
ที่น่าสังเกตคือ ชื่อของบริษัทยักษ์ใหญ่อีกรายหนึ่งหายไปจากตัวเลือกนี้ นั่นคือบริษัทโบอิ้ง คาดว่าโบอิ้งถูกมองข้ามไปเนื่องจากปัจจุบันโบอิ้งมีงานพัฒนาระบบจรวดเอสแอลเอสและยานซีเอสทีสตาร์ไลเนอร์-100 ให้นาซาอยู่แล้ว และโครงการทั้งสองก็ล่าช้ากว่ากำหนดไปหลายปีแล้ว
ในส่วนของการเดินทางจากโลก นาซายังคงเลือกที่จะใช้จรวดเอสแอลเอสและยานโอไรอันของตนเอง ทั้งสองส่วนนี้ยังคงอยู่ระหว่างพัฒนา คาดว่าจรวดเอสแอลเอสลำแรกจะทดสอบการปล่อยครั้งแรกได้ในปี 2564
โครงการอาร์ทิมิสมีเส้นตายที่จะต้องนำมนุษย์กลับไปดวงจันทร์ให้ได้ก่อนสิ้นปี 2567 เวลาของนาซามีเหลือไม่มากนัก จึงเป็นที่น่าจับตาว่าจะทำได้ทันตามกำหนดหรือไม่
เรื่องโดย วิมุติ วสะหลาย (wimut@hotmail.com)
ที่มา:
NASA picks SpaceX, Blue Origin, and Dynetics to create landers to take humans to the Moon - theverge.com
Cr.
http://thaiastro.nectec.or.th/news/3638/
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
โครงการทดสอบของนาซาเพื่อส่งมนุษย์ไปบนดวงจันทร์และดาวอังคาร
นักวิทยาศาสตร์ทดลองจำลองสภาพการอยู่อาศัยและใช้ชีวิตบนดาวอังคาร เป็นเวลา 8 เดือน บนภูเขาไฟเมานาโลอาบนเกาะฮาวาย กลางมหาสมุทรแปซิฟิก พื้นที่ทุรกันดารที่สุดแห่งหนึ่งบนโลก เพื่อศึกษาว่านักบินอวกาศจะสามารถปฏิบัติงานบนดาวอังคารได้นานแค่ไหน การทดลองดังกล่าวอยู่ภายใต้โครงการ HI-SEAS (Hawaii Space Exploration Analog and Simulation) ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากนาซา และดำเนินโครงการโดยมหาวิทยาลัยฮาวาย
ทีมนักวิทยาศาสตร์ จำนวน 6 คน ประกอบด้วย วิศวกร นักชีววิทยา นักวิจัยอิสระ และนักวิทยาศาสตร์จากนาซา อีก 3 คน เป็นชาย 4 คนและหญิงอีก 2 คน ต้องอาศัยอยู่ในโดมซึ่งเป็นทั้งที่พักและห้องปฏิบัติการ ไม่พบเจอผู้คน ดำรงชีพด้วยอาหารแช่แข็งและผักที่ปลูกขึ้นในห้องปฏิบัติการ รวมทั้งการเผชิญกับการล่าช้าของการส่งข้อมูลนานกว่า 20 นาที เพื่อติดต่อกับโลกภายนอก จำลองสภาพดังกล่าวให้เหมือนกับการไปอยู่บนดาวอังคารจริง ๆ และแน่นอนว่าเมื่อออกไปด้านนอกก็ต้องสวมชุดดนักบินอวกาศด้วย
ทั้ง 6 คน เริ่มต้นเข้ามาอาศัยอยู่ในโดม ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม และสิ้นสุดในวันที่ 17 กันยายน 2560 ช่วงเวลากว่า 8 เดือนที่อาศัยบน ภูเขาไฟเมานาโลอา ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นภูเขาไฟใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังคุกรุ่นอยู่ และถือเป็นพื้นที่ทุรกันดารที่สุดแห่งหนึ่ง แต่ละวันจะทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ออกกำลังกายและดูแลอุปกรณ์ทั้งภายในและรอบ ๆ โดม รวมถึงการทำงานด้านธรณีวิทยาภายนอกโดมด้วย (นักวิทยาศาสตร์ทุกคนผ่านการทดสอบ )
นอกจากการเรียนรู้เทคนิคและฝึกฝนการใช้ชีวิตบนดาวอังคาร (จำลอง) แล้ว ส่วนสำคัญที่ HI-SEAS ต้องการศึกษาคือทำอย่างไรให้มนุษย์กลุ่มหนึ่งสามารถอยู่ร่วมกันในพื้นที่ห่างไกล โดยปราศจากความเป็นส่วนตัวได้เป็นเวลานาน Laura lark เจ้าหน้าที่พิเศษด้านเทคโนโลยีของ HI-SEAS V กล่าวว่า “การเดินทางในอวกาศต้องเกิดขึ้นแน่นอน ความท้าทายที่กำลังเผชิญคือการจำกัดพฤติกรรมบางอย่างของมนุษย์ ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักที่ HI-SEAS ถูกก่อตั้งขึ้น”
เรียบเรียงโดย สิทธิพร เดือนตะคุ
(เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ชำนาญการ)
ที่มา https://www.space.com/38180-hi-seas-8-month-mars-simulation…
Cr.https://www.facebook.com/NARITpage/photos/นักวิทยาศาสตร์ผ่านการทดสอบ-ภารกิจจำลองการใช้ชีวิตบนดาวอังคาร-นักวิทยาศาสตร์ทดลอง/1929776010419337/
Cr.http://hi-seas.org/?p=1278
Analog Mission
เชื่อว่าหลายคนเริ่มจะเคยชินกับการอยู่ตัวคนเดียวช่วงการระบาดของโควิด-19 กันบ้างแล้ว และการปลีกวิเวกอยู่คนเดียวเปลี่ยวเอกาเช่นนี้ กำลังจะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ เมื่อองค์การนาซา ประกาศรับสมัครบุคคลที่พร้อมจะอยู่คนเดียวเป็นเวลาถึง 8 เดือน เพื่อทำการทดลองสำคัญในภารกิจส่งมนุษย์ไปบนดวงจันทร์และดาวอังคารของนาซา
ทีมวิจัย Human Research Program ขององค์การนาซา ต้องการศึกษาการที่มนุษย์ต้องอยู่คนเดียวในอวกาศเป็นเวลานานๆ ว่าจะมีผลต่อร่างกายและจิตใจอย่างไร รวมทั้งค้นหาวิธีและเทคโนโลยีที่จะช่วยให้มนุษย์สามารถท่องอวกาศได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ปัจจุบัน นักบินอวกาศอเมริกัน ยังมีโอกาสใช้ชีวิตในอวกาศในสถานีอวกาศนานาชาติ หรือ ISS และภารกิจแต่ละครั้งจะกินเวลาประมาณ 2-3 เดือน นานที่สุดคือเกือบ 1 ปีเท่านั้น
นาซาได้ปลุกปั้นโครงการศึกษาวิจัยมนุษย์ เพื่อภารกิจท่องอวกาศที่ยิ่งใหญ่และยาวนานกว่านั้น ทั้งแผนรองรับโครงการ Artemis ในภารกิจส่งมนุษย์ไปยังดวงจันทร์ ภายในปี 2024 และแผนการตั้งฐานบนดวงจันทร์ในปี 2028 ซึ่งจำเป็นต้องใช้นักบินอวกาศที่สามารถใช้ชีวิตบนดาวดวงอื่นได้นานขึ้น เพื่อให้สามารถเดินหน้าทดลองต่อไป หรือสามารถทำภารกิจเดินทางไปดาวอังคารจากฐานที่มั่นบนดวงจันทร์ในอนาคตได้
สำหรับคุณสมบัติของอาสาสมัครที่จะได้รับคัดเลือก จะต้องมีอายุระหว่าง 30-55 ปี มีทักษะด้านภาษาอังกฤษและรัสเซียที่คล่องแคล่ว ต้องจบการศึกษาปริญญาตรี หรือผ่านการฝึกฝนด้านการทหาร หรือมีความเชี่ยวชาญทางสาขาอาชีพ อย่างใดอย่างหนึ่ง ต้องผ่านการทดสอบด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต และที่สำคัญต้องยินยอมพร้อมใจที่อยู่คนเดียวได้เป็นเวลา 8 เดือนถึง 1 ปีด้วย
แถลงการณ์ขององค์การนาซา ระบุว่า ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 6 คนจะต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่นักบินอวกาศเผชิญในภารกิจไปดาวอังคารเพื่อนำผลการศึกษาไปวิจัยต่อ
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 ที่รัฐฮาวาย มีการทดสอบ HI-SEAS ให้นักวิทยาศาสตร์ 6 คนอาศัยในโถงโดมที่สร้างขึ้นบนเกาะฮาวายเป็นเวลา 1 ปี เพื่อศึกษาผลกระทบต่อมนุษย์ในสภาวะแวดล้อมแบบปิด และมีการทดสอบลักษณะเดียวกันเมื่อปี 2010 ซึ่งภารกิจดังกล่าวทุกคนจะต้องอยู่อย่างโดดเดียวยาวนานถึง 520 วัน แต่ยังสามารถสื่อสารกับเพื่อนร่วมการทดสอบ สมาชิกครอบครัวและเพื่อนๆได้อยู่ แต่จะต้องทำเหมือนกับพวกเขาอาศัยอยู่ในอวกาศ
การศึกษาการอยู่อย่างโดดเดี่ยวนี้ นาซาร่วมมือกับสถาบัน Institute of Biomedical Problems ของรัสเซีย ซึ่งผู้ที่ได้รับคัดเลือกจะต้องไปประจำการอยู่ในศูนย์วิจัยในกรุงมอสโกของรัสเซีย และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Analog Mission ในการศึกษาการรับมือของมนุษย์ต่อสภาพแวดล้อมในอวกาศ เพื่อสรรหาวิธีและเทคโนโลยีเพื่อให้มนุษย์รอดพ้นจากอันตรายในอวกาศหลายด้าน ทั้ง กัมมันตรังสีในอวกาศ สภาพไร้แรงโน้มถ่วง การปรับตัวในสภาพแวดล้อมแบบปิดและเลวร้ายในอวกาศ การอยู่ห่างไกลโลก และการอยู่อย่างโดดเดี่ยวในพื้นที่จำกัดก็เป็นส่วนหนึ่งที่ท้าทายของชีวิตในอวกาศด้วย
Cr.https://www.sanook.com/news/8179538/
Cr.https://www.nasa.gov/analogs/want-to-participate
Cr.https://www.nasa.gov/analogs/what-are-analog-missions
Artemis
Artemis Program คือ โครงการอวกาศที่อยู่ภายใต้การดูแลโดยองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ NASA มีเป้าหมายที่จะพานักบินอวกาศหญิงคนแรกและนักบินอวกาศชายไปเหยียบดวงจันทร์ ณ ขั้วใต้ของดวงจันทร์ในปี 2024 ด้วยยาน Orion MPCV (Orion Multi-Purpose Crew Vehicle) ไปกับจรวด SLS (Space Launch System) ของ NASA
การกลับไปดวงจันทร์ในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การสำรวจ แต่นาซ่าต้องการสร้างสถานีภาคพื้นดินแบบถาวรให้นักบินอวกาศอยู่อาศัยบนดวงจันทร์รวมไปถึงการสร้างสถานีอวกาศโคจรรอบดวงจันทร์ Lunar Orbital Platform-Gateway เพื่อใช้สำหรับเป็นจุดเชื่อมต่อยานในวงโคจรของดวงจันทร์รวมไปถึงภารกิจส่งมนุษย์อวกาศไปดาวอังคารในอนาคต
โครงการอาร์ทิมิส ชื่อถูกตั้งตามเทพเจ้ากรีกโบราณ เทพเจ้าแห่งการล่ามีความสามารถในการยิงธนู อาร์ทิมิธเป็นพี่สาวของเทพเจ้าอะพอลโล (Apollo) ซึ่งชื่อของเทพเจ้าอะพอลโลเคยถูกใช้เป็นโครงการส่งมนุษย์อวกาศไปดวงจันทร์ในระหว่างปี 1966 – 1972
โดยมนุษย์อวกาศคนแรกที่เหยียบดวงจันทร์ คือ ผู้บังคับการนีล อาร์มสตรองซึ่งเดินทางไปโดยยานอะพอลโล 11 หลังจากนั้นนาซ่าส่งยานอวกาศพร้อมมนุษย์ลงไปสำรวจดวงจันทร์อีก 6 ครั้งและไม่มีการส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์อีกเลยเป็นเวลากว่า 47 ปีมาแล้ว
นาซ่าอยู่ในช่วงการวิจัยพัฒนาโดยคัดเลือกบริษัทต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา 11 แห่งพร้อมมอบเงินทุนรวมประมาณ 1,500 ล้านบาทเพื่อศึกษาพัฒนาต้นแบบยานลงจอดบนดวงจันทร์ โดยในจำนวนนี้มีบริษัทที่มีชื่อเสียง เช่น Blue Origin , Boeing , Lockheed Martin , Northrop Grumman , Sierra Nevada และ SpaceX
นอกจากนี้นาซ่ายังอยู่ในระหว่างการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องอีกหลาย เช่น ชุดอวกาศรูปแบบใหม่ , จรวดขนส่งอวกาศขนาดใหญ่ที่สุดในโลก SLS จรวดรุ่นนี้คาดว่าจะทดสอบในปี 2020 , ยานอวกาศ Orion ซึ่งได้รับการทดสอบส่งขึ้นสู่อวกาศแบบไร้มนุษย์ในปี 2014
สำหรับพื้นที่ลงจอดบนดวงจันทร์ นาซ่าให้ความสนใจพื้นที่บริเวณขั้วด้านใต้ของดวงจันทร์เนื่องจากในปี 2009 ค้นพบว่ามีน้ำแข็งปริมาณมหาศาลอยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งน้ำเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์รวมไปถึงการใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับจรวด ซึ่งหากนาซ่าต้องการสำรวจดวงดาวอื่นในอนาคต การตั้งสถานีบนดวงจันทร์เพื่อการสำรวจมีความสำคัญมาก ๆ นอกจากนี้บริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์ได้รับปริมาณแสงอย่างเพียงพอสำหรับใช้สำหรับผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์
ที่มาของข้อมูล
NASA Names New Moon Landing Program Artemis After Apollo’s Sister
NASA Taps 11 American Companies to Advance Human Lunar Landers
Cr.https://www.nextwider.com/nasa-lunar-landers-artemis/
ยานไปดวงจัทร์ของนาซา
เราอาจจะได้เห็นมนุษย์ไปเดินบนดวงจันทร์อีกครั้ง ภายใต้โครงการใหม่ของนาซาชื่อ อาร์ทิมิส โครงการนี้จะไม่เพียงส่งมนุษย์ไปเดินบนดวงจันทร์เพียงสองสามวันแล้วกลับเท่านั้น แต่ต้องการให้มนุษย์ปักหลักอยู่บนดวงจันทร์เป็นเวลานานด้วย
ก่อนจะถึงวันที่จะมีมนุษย์ไปอยู่อาศัยบนดวงจันทร์ ต้องหาวิธีเอาคนไปบนดวงจันทร์เสียก่อน ล่าสุดองค์การนาซาได้เลือกบริษัทเอกชนสามรายที่มีสิทธิ์ได้งานอภิมหาโครงการนี้ ได้แก่ สเปซเอกซ์ บลูออริจิน และไดเนติกส์
ในระยะแรกเป็นขั้นตอนของการเสนอแบบยานลงจอดบนดวงจันทร์ ทั้งสามบริษัทมีเวลาสิบเดือนในการร่างและปรับปรุงแบบของตน โดยมีงบในส่วนนี้จากนาซารวม 967 ล้านดอลลาร์ เมื่อถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า นาซาจะตัดสินใจเลือกเอาผู้ชนะเพียงรายเดียว ซึ่งบริษัทนั้นก็จะได้สัญญาในการสร้างยานนำมนุษย์ไปลงดวงจันทร์ต่อไป
ยานลงจอดของบลูออริจินมีชื่อว่า " ไอแอลวี " (ILV--Integrated Laner Vehicle) ซึ่งมีพื้นฐานมาจากแบบของยานบลูมูนซึ่งบริษัทได้เปิดเผยแบบมาตั้งแต่ปีก่อนแล้ว คณะของบลูออริจินประกอบด้วยผู้คร่ำหวอดในวงการอากาศยานอย่างล็อกฮีดมาร์ติน นอร์ทร็อปกรัมแมน และเดรเปอร์ จรวดที่จะนำยานนี้ได้คาดว่าจะเป็นจรวดวัลแคนของยูไนเต็ดลอนช์อัลลิอันซ์ที่กำลังพัฒนาอยู่
ไดเนติกส์ เป็นบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในฮันต์สวีล แอละแบมา ยานของไดเนติกส์มีชื่อว่า "ไดเนติกส์ฮิวแมนแลนดิงซีสเท็ม " มีรูปร่างสะดุดตาที่แผงเซลสุริยะแนวตั้งสองแผงใหญ่วางคู่กันทำให้ยานดูเหมือนกระต่าย และมีส่วนของที่อยู่อาศัยอยู่ต่ำใกล้พื้นดินมากทำให้มนุษย์อวกาศเข้าออกยานได้สะดวก ยานของไดเนติกส์ออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับจรวดวัลแคนของยูแอลเอเช่นกัน
สเปซเอกซ์ไม่ถนัดงานเล็ก ๆ ยานของสเปซเอกซ์ที่จะอาสานำมนุษย์ไปลงบนดวงจันทร์เป็นยานที่ดัดแปลงจากยานสตาร์ชิป หรือชื่อเดิมคือบิกฟัลคอน ซึ่งเป็นยานขนาดยักษ์เชื่อมต่อกับจรวดส่งที่ชื่อว่าซูเปอร์เฮฟวี สเปซเอกซ์ออกแบบยาน " สตาร์ชิป "เพื่อนำมนุษย์จำนวนมากไปดวงจันทร์รวมถึงดาวอังคารด้วย
ที่น่าสังเกตคือ ชื่อของบริษัทยักษ์ใหญ่อีกรายหนึ่งหายไปจากตัวเลือกนี้ นั่นคือบริษัทโบอิ้ง คาดว่าโบอิ้งถูกมองข้ามไปเนื่องจากปัจจุบันโบอิ้งมีงานพัฒนาระบบจรวดเอสแอลเอสและยานซีเอสทีสตาร์ไลเนอร์-100 ให้นาซาอยู่แล้ว และโครงการทั้งสองก็ล่าช้ากว่ากำหนดไปหลายปีแล้ว
ในส่วนของการเดินทางจากโลก นาซายังคงเลือกที่จะใช้จรวดเอสแอลเอสและยานโอไรอันของตนเอง ทั้งสองส่วนนี้ยังคงอยู่ระหว่างพัฒนา คาดว่าจรวดเอสแอลเอสลำแรกจะทดสอบการปล่อยครั้งแรกได้ในปี 2564
โครงการอาร์ทิมิสมีเส้นตายที่จะต้องนำมนุษย์กลับไปดวงจันทร์ให้ได้ก่อนสิ้นปี 2567 เวลาของนาซามีเหลือไม่มากนัก จึงเป็นที่น่าจับตาว่าจะทำได้ทันตามกำหนดหรือไม่
เรื่องโดย วิมุติ วสะหลาย (wimut@hotmail.com)
ที่มา:
NASA picks SpaceX, Blue Origin, and Dynetics to create landers to take humans to the Moon - theverge.com
Cr.http://thaiastro.nectec.or.th/news/3638/
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)