เพื่อนคนนี้เป็นผู้หญิง รู้จักกันมา 10 ปี พื้นฐานทางบ้านค่อนข้างดี พ่อแม่รับราชการ มีบ้านอยู่แถวลาดพร้าว ตัวของเพื่อนผมทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาล เป็นคนขยันทำงาน และยังหารายได้เสริมจากการทำขนมขายส่งตลาดธุรกิจกำลังไปได้สวย ไม่มีแฟน ไม่มีลูก ไม่มีภาระทางครอบครัว
มาวันหนึ่งเขามาขอร้องให้ผมไปออกรถให้เขา โดยเขาบอกว่าจะเป็นคนจ่ายค่างวดให้ ด้วยความที่ไว้ใจ รู้จักกันมานาน ประกอบกับในยามเราเดือดร้อนเขาก็ยื่นมือเข้าช่วยเราตลอด และตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยมีปัญหาเดือดร้อนทางการเงินให้เห็นเลย ผมเลยไม่ได้คิดอะไรมากก็เลยตัดสินใจไปซื้อรถให้เขา โดยเขาออกเงินดาวน์เอง
พอวันที่ต้องชำระเงินค่างวดงวดแรก ไฟแนนซ์ก็โทรมาบอกให้เราจ่ายค่างวด เราก็รับทราบ วางสายแล้วก็โทรไปบอกเพื่อน เพื่อนก็บอกตกลง เดี๋ยวไปจ่ายให้ พอผ่านไป 3-4 วัน ไฟแนนซ์โทรมาทวงอีก เราก็ยังไม่เอะใจคิดว่า เดี๋ยวก็คงจ่ายมั้ง เลยโทรไปย้ำกับเขา เขาก็โอเค ๆ เดี๋ยวไปจ่าย แล้วก็ผ่านไป
พอเข้าเดือนที่สอง ไฟแนนซ์โทรมาทวงอีกแล้วบอกเราว่าค้างค่างวด 2 งวดแล้วนะ ตอนนี้เราก็เริ่มแปลกใจละว่าทำไมเพื่อนไม่จ่าย ก็โทรไปถามเพื่อน เขาก็บอก (อ้าง) ว่าตอนนี้เปลี่ยนงานใหม่ ไม่ได้เป็นผู้ช่วยพยาบาลที่ รพ. แล้ว แต่มีคนมาจ้างให้ดูแลคนแก่โดยจ้างเป็นรายเดือน เดือนละ 35,000 ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คุยอะไรมาก ก็แค่บอกไปว่าช่วยจ่ายให้หน่อยละกัน เขาก็บอกได้ ๆ เดี๋ยวจัดการให้ไม่ทำให้เราเสียหรอก....แล้วก็ผ่านไป
พอเข้าเดือนที่ 3 คราวนี้เขาตามมายันที่บ้านผม เลยตัดสินใจบอกไฟแนนซ์ไปว่าออกรถให้เพื่อน ไม่ได้เอามาใช้เอง ในใจก็คิดเอ้าทำไมที่ผ่านมาไม่จ่ายวะ ก็เลยตั้งใจจะโทรไปเคลียร์กับเพื่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ติดปัญหาตรงไหนหรือเปล่า ก็ยืนโทรต่อหน้าไฟแนนซ์นั่นแหละครับ คำตอบที่ได้จากเพื่อนคือ "ตอนย้ายมาทำงานดูแลคนแก่ ทางบ้านเขาให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร UOB แล้วจะโอนเงินเดือนเข้าไปให้ แต่ตอนนี้เงินเดือนยังไม่เข้า เขายังไม่โอนมา (ถ้าจำไม่ผิดวันนั้นน่าจะช่วงวันที่ 5 - 6 แล้ว) ถ้าเงินเข้าจะรีบไปจัดการให้ ไม่ทำให้ผมเสียเครดิตแน่นอน" พอวางสายผมก็คุยกับไฟแนนซ์เขานัดวันชำระประมาณวันที่ 10 นะ จะไปชำระให้....แล้วก็ผ่านไป
พอถึงวันที่ 10 ไฟแนนซ์โทรมาตามกับผมอีก รอบนี้ผมเริ่มจะโมโหละ เพราะมันเริ่มรู้สึกบ่อยมาก บ่อยจนเกินไปละที่ต้องมารับสายไฟแนนซ์ คอยบ่ายเบี่ยงให้เพื่อนตลอดแบบนี้ พอวางสายไฟแนนซ์ปุ๊บก็โทรไปถามเพื่อนว่าเงินเดือนยังไม่เข้าอีกเหรอ นี่ก็วันที่ 10 แล้วนะ เพื่อนก็ตอบมาว่า "เงินเข้าแล้วแต่ยังโอนให้ไม่ได้ โทรศัพท์หายเพิ่งเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ พวกเลยเข้าแอพเน็ตแบงค์ไม่ได้" ผมก็ให้คำแนะนำไปว่าให้โทรไปที่ Call center ของธนาคารสิ ให้เขาจัดการให้ เขาก็บอกเขาทำไม่เป็น ผมก็บอกว่าเอาข้อมูลส่วนตัวมาเดี๋ยวจะทำให้ เขาก็บอกไม่เป็นไรเดี๋ยวเขาจะลองทำเอง ผมก็โอเค ถ้าเสร็จแล้วรีบไปจ่ายให้ด้วยนะ เขาก็รับปากว่า "ได้ ๆ ยังไงวันนี้ก็จะจ่ายให้แน่นอนไม่ต้องห่วง ถ้าวันนี้ไม่ทัน พรุ่งนี้เช้าจะออกไปกดตังแล้วเอาไปจ่ายที่เซเว่นให้" และย้ำกับผมอีกว่ายังไงเขาก็ไม่ทำให้ผมเสียหรอก...ด้วยความที่ยังไว้ใจ ผมก็เลยปล่อยผ่านไป
พอมาอีกวันหนึ่ง (ช่วงเย็น) ไฟแนนซ์โทรมาบอกว่ายังไม่มียอดเข้ามาเลย ผมนี่ตกใจและโมโหมาก อะไรวะทำไมไม่จ่ายซักที ก็โทรไปถามเพื่อนว่าทำไมยังไม่จ่าย คำตอบที่ได้คือ "แถวบ้านคุณยาย (คนแก่ที่ดูแล) ไม่มีธนาคาร UOB เลย (มันบอกว่าตอนเปิดบัญชีไม่ได้ทำ ATM เพราะส่วนมากถอนเงินสดผ่านแอพ) ต้องไปถอนเงินสดที่ธนาคาร" ผมเลยบอกให้เขาไปถอนสาขาที่เขาเปิดบัญชีสิ หรือไม่งั้นก็ในห้าง เขาก็โอเคเดี๋ยวจัดการให้
พอมาอีกวันหนึ่ง (ช่วงเช้า) ผมรีบโทรหาเพื่อนให้เขารีบไปห้างไปถอนเงินมาจ่ายค่างวด เขาก็โอเคเดี๋ยวไป จากนั้นผมก็เร่งเขาเรื่อย ๆ ให้รีบไปรีบจัดการให้เสร็จ พอถึงช่วงบ่ายแก่ ๆ (ประมาณ 4 -5 โมงเย็น) ก็โทรหาเขาอีกทีว่าจัดการเสร็จหรือยัง คำตอบที่ได้คือ "ธนาคารปิดช่วงโควิด" (ซึ่งมันก็เป็นความจริงที่ช่วงนั้นธนาคารปิดจริง อะไรมันจะพอเหมาะพอเจาะขนาดนั้น) ผมก็เลยหาวิธีแก้ปัญหาคือให้เขาไปหายืมตังใครมาก่อนก็ได้ไปจ่ายค่างวดสักงวดหนึ่งก่อน พอธนาคารกลับมาทำการปกติค่อยเอาตังไปคืนเขา เขาก็โอเค ๆ เดี๋ยวจัดการให้ วันนี้แหละจะจ่ายให้ ผมก็คิดว่ามันก็น่าจะซาลงสักนิดแต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเลย
พอมาถึงวันที่ธนาคารเปิดทำการ (ตามมาตรการโควิด) ผมก็รีบบอกให้เขารีบไปจ่ายจะได้จบ ๆ เขาก็บอกโอเคเดี๋ยวไปถอนตังละจะไปจ่าย พอถึงตอนบ่ายโทรไปถามอีกที เขาบอก "ถอนตังมาแล้ว ตอนนี้แฟนกำลังไปจ่ายให้ (เหมือนจะมีแฟนละ) เพราะตอนนี้คุณยายอาการหนักต้องดูแลใกล้ชิด ลูกคุณยาย (ผู้จ้างทำงาน) เขาไม่ยอมให้ฉันไปไหนเลย ให้นอนที่บ้านนั่น ให้อยู่เป็นเพื่อนคุณยายตลอดเวลา" เราก็โอเค จ่ายแล้วส่งสลิปมาให้ด้วย เขาก็ได้ ๆ จะส่งรูปให้
ผ่านไปชั่วโมงหนึ่งยังเงียบ เลยไลน์ไปถามว่าได้สลิปหรือยัง มันก็ตอบกลับมาว่า "ไม่รู้ว่าแฟนไปจ่ายให้หรือยัง แฟนมันยังไม่อ่านไลน์ น่าจะจ่ายให้แล้วแหละ แต่สงสัยคงขับรถอยู่ ถ้ามันอ่านไลน์จะส่งสลิปไปให้นะ" ผมก็คิดว่าโอเคน่าจะจบละเพราะแฟนเขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ เป็นตำรวจด้วย หน้าจะมีความรับผิดชอบ ผมก็เลยชะล่าใจและปล่อยผ่านไป
ผ่านไปประมาณ 2 - 3 วัน ไฟแนนซ์โทรมาตามอีกว่าไม่มียอดเข้ามาเลย รอบนี้ผมโมโหขั้นสุดละ เลยโทรไปหาเขา ไม่รับสาย เลยทักไลน์ไปถามว่า "ผ่านไป 3 วันแล้วนะ ได้คุยกับแฟนบ้างไหม แฟนยังอ่านไลน์อีกเหรอ แล้วไหนหล่ะสลิป ไฟแนนซ์เขาโทรมาตามอีกแล้วบอกยอดไม่เข้า" แต่เขาก็ไม่อ่านไลน์ผมเลย จากนั้นก็โทรก็ทักจี้เขาตลอด ไม่อ่านเลย
ผ่านไปอีก 2 วัน เบอร์โทรศัพท์โทรไปไม่ติดละ ไลน์ก็ยังไม่อ่าน แต่เข้าไปส่องเฟส

ออนเฟสซะงั้น ก็ทักทางแชทว่ามีปัญหาอะไรปิดเครื่องหนีทำไม แล้วเหมือนเขาจะบังเอิญไปกดอ่าาพอดี เลย(จำใจ)ตอบกลับมาว่า โทรศัพท์หาย(อีกแล้ว !! หายบ่อยเหลือเกินนนนนนนนน) หายทั้งกระเป๋า ทั้งกระเป๋าตัง บัตรต่าง ๆ หายหมด (ว่าแล้วว่าต้องมามุกนี้) ณ ตอนนั้น ผมไม่สนอะไรแล้วผมจะเอารถคืน ก็เลยถามไปว่าตอนนี้รถอยู่ไหน เขาบอกรถอยู่บ้านแต่ตัวเขาเองไปบ้านแฟนที่ ตจว. อีก 2 - 3 วันกลับ (แล้วไหนบอกต้องดูแลคุณยายอย่างใกล้ชิด ?) ก็ถามไปว่าจะจ่ายค่างวดรถอยู่ไหม ถ้าไม่จ่ายจะไปเอารถคืน แล้วจะเอามาผ่อนเอง เขาก็ยืนยันว่าจะจ่ายจะส่งค่างวดเหมือนเดิม แต่ผมไม่ยอมละผมจะไปเอารถ แต่ไม่ได้บอกเขาหรอกว่าจะไปเอารถ จะแอบไปเอา ผมก็เลยโทรไปถามพี่ที่ทำงานเก่า (ที่เคยทำงานด้วยกันกับผมและเพื่อน) ที่พอจะรู้จักบ้านเขาให้พาไปหน่อย พี่เขาก็ถามว่ามีเรื่องอะไรกัน ผมก็ไม่ได้บอกอะไรมากบอกไปแค่เขายืมรถไปขับจะไปเอารถกลับมา
ระหว่างทางที่ไปเอารถ ได้คุยกับพี่ที่ทำงานเก่ายิ่งกระวนกระวายใจเข้าไปใหญ่ เขาเล่าให้ฟังว่าเพื่อนผมคนนี้เคยไปเรี่ยไรเงินทำบุญที่ทำงานเก่า คนในกลุ่มก็โอนไปหวังได้บุญมารู้ทีหลังว่าไม่ได้เอาไปทำบุญจริง แถมยังไปหลอกขายหน้ากากอนามัยให้พี่ในกลุ่มอีกคนด้วย ของก็ไม่ได้ ตังก็ไม่คืน แล้วยังเที่ยวไปยืมตังคนนั้นคนนี้คนละ 2 - 3 พัน แล้วไม่คืนเขาอีกด้วย พอไปถึงบ้านเขาเท่านั้นแหละครับ กระจ่างเลย
ผมไปกดกริ่งบ้านเขา พ่อแม่เขาลงมาเปิดประตูให้ (ทราบทีหลังว่าเป็นพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยง ไปขอเพื่อนผมจากแม่แท้ ๆ มาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก) พอประตูเปิด ผมมองเข้าไปข้างในบ้าน ไม่เห็นแม้แต่เงารถผม ผมเลยเปิดใจบอกทุกอย่างให้ทางบ้านเขารับทราบ แล้วถามว่ารถอยู่ไหน คำตอบที่ได้จากปากของแม่คือ ไม่เคยเห็นรถคนที่ผมพูดถึงเลยสักครั้ง และเพื่อนผมคนนี้ไม่ได้กลับบ้านมา 3 อาทิตย์แล้วเพราะไปหลอกลูกชายเขา (ลูกชายแท้ ๆ) ให้ไปรูดซื้อโทรศัพท์ให้ ครั้งแรกบอกว่าจะผ่อนเองรูดให้หน่อยไม่มีบัตรดอกมันแพง ลูกชายก็ใจดีรูดให้ พอรูดได้เดือนนึง มาบอกโทรศัพท์หายจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ในการทำงานขออีกเครื่องได้ไหม เขาก็รูดให้อีก สุดท้ายหายไปเลย แถมก่อนหน้านี้ เขาส่งเรียนผู้ช่วยพยาบาลหมดเงินไป 70,000 (สวนสุนันทา) จนจบ(หรือเปล่าก็ไม่รู้ที่บ้านเขาก็ไม่แน่ใจ) แล้วพอบอกให้เอาวุฒิการศึกษามาให้เพื่อที่ทางบ้าาจะเอาไปฝากงานก็อ้างมาตลอดว่าที่มหาลัยเขายังไม่ออกให้ แล้วบ่ายเบี่ยงมาตลอด ทางบ้านเขาเลยคิดว่าน่าจะเรียนไม่จบ เอาเงินไปใช้อย่างอื่นหมด แล้วตอนนี้ทางบ้านไลน์ไปก็ไม่อ่าน ติดต่อไม่ได้ ได้ยินข่าวจากคนรู้จักบอกมาว่าเขาไปอยู่กับแฟนเป็นตำรวจ ตชด. แถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วก็มาเจอผมนี่แหละถึงเพิ่งรู้การกระทำของลูกสาว
พอคุยกับพ่อกับแม่เขาเสร็จได้ข้อสรุปว่า เขาจะพยายามตามลูกสาวให้ และจะให้ลูกสาวเอารถมาคืนผม เขาจะโทรไปบอกเรื่องนี้กับทางแม่แท้ ๆ ให้และเขาจะพยายามช่วยเท่าที่จะช่วยได้
หลังจากผมทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ผมก็มานั่งคิด ว่าทำไมคน ๆ หนึ่ง ที่แทบจะเพอร์เฟคในทุก ๆ อย่าง ถึงกลายเป็นคนแบบนี้ไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจโทร (Facebook) ไปถามเขาอีกทีแบบเปิดใจ และได้คำตอบ (ไม่รู้เรื่องจริงหรือโกหก) ว่า "ช่วงที่เรียน (ผู้ช่วยพยาบาล)ใกล้จบมันต้องได้ฝึกงาน และช่วงฝึกงานไม่มีเงินไม่มีเวลาเลย ช่วงนั้นเลยไปลงทุนกับการทำขนมเยอะถึงขั้นต้องจ้างเด็กมาขายให้ มาวันหนึ่งเด็กเบี้ยว หอบตังหนี ร้านเลยเจ๊ง ติดหนี้เขา เลยไปกู้หนี้นอกระบบมาใช้หนี้ดอกร้อยละ 10 ต่อ 3 วัน แล้วถ้าเลยกำหนดจะมีค่าติดตามทวงถามครั้งละ 1,000 เขาก็รับข้อเสนอได้เพราะตอนนั้นไม่รู้จะไปหาตังจากไหนมาใช้หนี้ค่าขนม เลยไปกู้มา 10,000 พอกู้มาแล้วไม่รู้เอาตังที่ไหนไปใช้หนี้ พอพวกทวงหนี้มาทวงบ่อย ๆ หนี้เลยทับถมมาเป็น 30,000 จนสุดท้ายเจ้าหนี้ยื่นข้อเสนอให้มันไปขัดดอกแล้วจะล้างหนี้ให้ แต่มันกลัวมันไม่ยอมพวกทวงหนี้เลยมายึดรถของผมไปแทน" พอได้ยินมันพูดมาแบบนี้ ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อไปเลยครับ ถามมันแล้วว่าเจ้าหนี้คนนี้เจ้าไหน จะไปเอารถ มันก็บอกไม่รู้ ๆ ๆ ๆ ๆ อย่างเดียว ถามว่าเขาไปยึดรถจากตรงไหน ก็ตอบแบบปัด ๆ มาว่า "ตลาดมั้ง แต่จำไม่ได้เหมือนกันว่าตลาดไหน" ดูคำตอบสิครับ
กลายเป็นว่าผมตอนนี้ ต้องมานั่งใช้หนี้เกือบล้านให้มัน ทั้งที่เงินสักบาทผมก็ไม่ได้ใช้กับมัน รถคันนี้สตาร์ทสักครั้งก็ยังไม่เคยเลย ผมพยายามปรึกษากับทางไฟแนนซ์ เขาก็แนะนำให้ผมไปแจ้งความยักยอกทรัพย์ แต่ถแม้จะแจ้งความ จะดำเนินคดี จะเอาเข้าคุกเข้าตาราง แต่สุดท้ายผมก็ต้องมานั่งใช้หนี้อยู่ดี เงินค่างวดก็ไม่จ่ายตั้งแต่ออกรถมา แถมรถตอนนี้ก็อยู่ไหนก็ไม่รู้ ผมไม่รู้จะหาทางออกยังไงแล้วครับ ผมเครียดมาก เพราะความไว้ใจ เพราะความโง่ของผมเองทั้งนั้น ใครพอจะมีประสบการณ์หรือทางออกเรื่องนี้บ้างครับ ช่วยผมหน่อยครับ
ออกรถให้เพื่อน เพื่อนไม่จ่ายค่างวด แถมตามรถก็ไม่ได้ ทำอย่างไรดีครับ
มาวันหนึ่งเขามาขอร้องให้ผมไปออกรถให้เขา โดยเขาบอกว่าจะเป็นคนจ่ายค่างวดให้ ด้วยความที่ไว้ใจ รู้จักกันมานาน ประกอบกับในยามเราเดือดร้อนเขาก็ยื่นมือเข้าช่วยเราตลอด และตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยมีปัญหาเดือดร้อนทางการเงินให้เห็นเลย ผมเลยไม่ได้คิดอะไรมากก็เลยตัดสินใจไปซื้อรถให้เขา โดยเขาออกเงินดาวน์เอง
พอวันที่ต้องชำระเงินค่างวดงวดแรก ไฟแนนซ์ก็โทรมาบอกให้เราจ่ายค่างวด เราก็รับทราบ วางสายแล้วก็โทรไปบอกเพื่อน เพื่อนก็บอกตกลง เดี๋ยวไปจ่ายให้ พอผ่านไป 3-4 วัน ไฟแนนซ์โทรมาทวงอีก เราก็ยังไม่เอะใจคิดว่า เดี๋ยวก็คงจ่ายมั้ง เลยโทรไปย้ำกับเขา เขาก็โอเค ๆ เดี๋ยวไปจ่าย แล้วก็ผ่านไป
พอเข้าเดือนที่สอง ไฟแนนซ์โทรมาทวงอีกแล้วบอกเราว่าค้างค่างวด 2 งวดแล้วนะ ตอนนี้เราก็เริ่มแปลกใจละว่าทำไมเพื่อนไม่จ่าย ก็โทรไปถามเพื่อน เขาก็บอก (อ้าง) ว่าตอนนี้เปลี่ยนงานใหม่ ไม่ได้เป็นผู้ช่วยพยาบาลที่ รพ. แล้ว แต่มีคนมาจ้างให้ดูแลคนแก่โดยจ้างเป็นรายเดือน เดือนละ 35,000 ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คุยอะไรมาก ก็แค่บอกไปว่าช่วยจ่ายให้หน่อยละกัน เขาก็บอกได้ ๆ เดี๋ยวจัดการให้ไม่ทำให้เราเสียหรอก....แล้วก็ผ่านไป
พอเข้าเดือนที่ 3 คราวนี้เขาตามมายันที่บ้านผม เลยตัดสินใจบอกไฟแนนซ์ไปว่าออกรถให้เพื่อน ไม่ได้เอามาใช้เอง ในใจก็คิดเอ้าทำไมที่ผ่านมาไม่จ่ายวะ ก็เลยตั้งใจจะโทรไปเคลียร์กับเพื่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ติดปัญหาตรงไหนหรือเปล่า ก็ยืนโทรต่อหน้าไฟแนนซ์นั่นแหละครับ คำตอบที่ได้จากเพื่อนคือ "ตอนย้ายมาทำงานดูแลคนแก่ ทางบ้านเขาให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร UOB แล้วจะโอนเงินเดือนเข้าไปให้ แต่ตอนนี้เงินเดือนยังไม่เข้า เขายังไม่โอนมา (ถ้าจำไม่ผิดวันนั้นน่าจะช่วงวันที่ 5 - 6 แล้ว) ถ้าเงินเข้าจะรีบไปจัดการให้ ไม่ทำให้ผมเสียเครดิตแน่นอน" พอวางสายผมก็คุยกับไฟแนนซ์เขานัดวันชำระประมาณวันที่ 10 นะ จะไปชำระให้....แล้วก็ผ่านไป
พอถึงวันที่ 10 ไฟแนนซ์โทรมาตามกับผมอีก รอบนี้ผมเริ่มจะโมโหละ เพราะมันเริ่มรู้สึกบ่อยมาก บ่อยจนเกินไปละที่ต้องมารับสายไฟแนนซ์ คอยบ่ายเบี่ยงให้เพื่อนตลอดแบบนี้ พอวางสายไฟแนนซ์ปุ๊บก็โทรไปถามเพื่อนว่าเงินเดือนยังไม่เข้าอีกเหรอ นี่ก็วันที่ 10 แล้วนะ เพื่อนก็ตอบมาว่า "เงินเข้าแล้วแต่ยังโอนให้ไม่ได้ โทรศัพท์หายเพิ่งเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ พวกเลยเข้าแอพเน็ตแบงค์ไม่ได้" ผมก็ให้คำแนะนำไปว่าให้โทรไปที่ Call center ของธนาคารสิ ให้เขาจัดการให้ เขาก็บอกเขาทำไม่เป็น ผมก็บอกว่าเอาข้อมูลส่วนตัวมาเดี๋ยวจะทำให้ เขาก็บอกไม่เป็นไรเดี๋ยวเขาจะลองทำเอง ผมก็โอเค ถ้าเสร็จแล้วรีบไปจ่ายให้ด้วยนะ เขาก็รับปากว่า "ได้ ๆ ยังไงวันนี้ก็จะจ่ายให้แน่นอนไม่ต้องห่วง ถ้าวันนี้ไม่ทัน พรุ่งนี้เช้าจะออกไปกดตังแล้วเอาไปจ่ายที่เซเว่นให้" และย้ำกับผมอีกว่ายังไงเขาก็ไม่ทำให้ผมเสียหรอก...ด้วยความที่ยังไว้ใจ ผมก็เลยปล่อยผ่านไป
พอมาอีกวันหนึ่ง (ช่วงเย็น) ไฟแนนซ์โทรมาบอกว่ายังไม่มียอดเข้ามาเลย ผมนี่ตกใจและโมโหมาก อะไรวะทำไมไม่จ่ายซักที ก็โทรไปถามเพื่อนว่าทำไมยังไม่จ่าย คำตอบที่ได้คือ "แถวบ้านคุณยาย (คนแก่ที่ดูแล) ไม่มีธนาคาร UOB เลย (มันบอกว่าตอนเปิดบัญชีไม่ได้ทำ ATM เพราะส่วนมากถอนเงินสดผ่านแอพ) ต้องไปถอนเงินสดที่ธนาคาร" ผมเลยบอกให้เขาไปถอนสาขาที่เขาเปิดบัญชีสิ หรือไม่งั้นก็ในห้าง เขาก็โอเคเดี๋ยวจัดการให้
พอมาอีกวันหนึ่ง (ช่วงเช้า) ผมรีบโทรหาเพื่อนให้เขารีบไปห้างไปถอนเงินมาจ่ายค่างวด เขาก็โอเคเดี๋ยวไป จากนั้นผมก็เร่งเขาเรื่อย ๆ ให้รีบไปรีบจัดการให้เสร็จ พอถึงช่วงบ่ายแก่ ๆ (ประมาณ 4 -5 โมงเย็น) ก็โทรหาเขาอีกทีว่าจัดการเสร็จหรือยัง คำตอบที่ได้คือ "ธนาคารปิดช่วงโควิด" (ซึ่งมันก็เป็นความจริงที่ช่วงนั้นธนาคารปิดจริง อะไรมันจะพอเหมาะพอเจาะขนาดนั้น) ผมก็เลยหาวิธีแก้ปัญหาคือให้เขาไปหายืมตังใครมาก่อนก็ได้ไปจ่ายค่างวดสักงวดหนึ่งก่อน พอธนาคารกลับมาทำการปกติค่อยเอาตังไปคืนเขา เขาก็โอเค ๆ เดี๋ยวจัดการให้ วันนี้แหละจะจ่ายให้ ผมก็คิดว่ามันก็น่าจะซาลงสักนิดแต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเลย
พอมาถึงวันที่ธนาคารเปิดทำการ (ตามมาตรการโควิด) ผมก็รีบบอกให้เขารีบไปจ่ายจะได้จบ ๆ เขาก็บอกโอเคเดี๋ยวไปถอนตังละจะไปจ่าย พอถึงตอนบ่ายโทรไปถามอีกที เขาบอก "ถอนตังมาแล้ว ตอนนี้แฟนกำลังไปจ่ายให้ (เหมือนจะมีแฟนละ) เพราะตอนนี้คุณยายอาการหนักต้องดูแลใกล้ชิด ลูกคุณยาย (ผู้จ้างทำงาน) เขาไม่ยอมให้ฉันไปไหนเลย ให้นอนที่บ้านนั่น ให้อยู่เป็นเพื่อนคุณยายตลอดเวลา" เราก็โอเค จ่ายแล้วส่งสลิปมาให้ด้วย เขาก็ได้ ๆ จะส่งรูปให้
ผ่านไปชั่วโมงหนึ่งยังเงียบ เลยไลน์ไปถามว่าได้สลิปหรือยัง มันก็ตอบกลับมาว่า "ไม่รู้ว่าแฟนไปจ่ายให้หรือยัง แฟนมันยังไม่อ่านไลน์ น่าจะจ่ายให้แล้วแหละ แต่สงสัยคงขับรถอยู่ ถ้ามันอ่านไลน์จะส่งสลิปไปให้นะ" ผมก็คิดว่าโอเคน่าจะจบละเพราะแฟนเขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ เป็นตำรวจด้วย หน้าจะมีความรับผิดชอบ ผมก็เลยชะล่าใจและปล่อยผ่านไป
ผ่านไปประมาณ 2 - 3 วัน ไฟแนนซ์โทรมาตามอีกว่าไม่มียอดเข้ามาเลย รอบนี้ผมโมโหขั้นสุดละ เลยโทรไปหาเขา ไม่รับสาย เลยทักไลน์ไปถามว่า "ผ่านไป 3 วันแล้วนะ ได้คุยกับแฟนบ้างไหม แฟนยังอ่านไลน์อีกเหรอ แล้วไหนหล่ะสลิป ไฟแนนซ์เขาโทรมาตามอีกแล้วบอกยอดไม่เข้า" แต่เขาก็ไม่อ่านไลน์ผมเลย จากนั้นก็โทรก็ทักจี้เขาตลอด ไม่อ่านเลย
ผ่านไปอีก 2 วัน เบอร์โทรศัพท์โทรไปไม่ติดละ ไลน์ก็ยังไม่อ่าน แต่เข้าไปส่องเฟส
ระหว่างทางที่ไปเอารถ ได้คุยกับพี่ที่ทำงานเก่ายิ่งกระวนกระวายใจเข้าไปใหญ่ เขาเล่าให้ฟังว่าเพื่อนผมคนนี้เคยไปเรี่ยไรเงินทำบุญที่ทำงานเก่า คนในกลุ่มก็โอนไปหวังได้บุญมารู้ทีหลังว่าไม่ได้เอาไปทำบุญจริง แถมยังไปหลอกขายหน้ากากอนามัยให้พี่ในกลุ่มอีกคนด้วย ของก็ไม่ได้ ตังก็ไม่คืน แล้วยังเที่ยวไปยืมตังคนนั้นคนนี้คนละ 2 - 3 พัน แล้วไม่คืนเขาอีกด้วย พอไปถึงบ้านเขาเท่านั้นแหละครับ กระจ่างเลย
ผมไปกดกริ่งบ้านเขา พ่อแม่เขาลงมาเปิดประตูให้ (ทราบทีหลังว่าเป็นพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยง ไปขอเพื่อนผมจากแม่แท้ ๆ มาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก) พอประตูเปิด ผมมองเข้าไปข้างในบ้าน ไม่เห็นแม้แต่เงารถผม ผมเลยเปิดใจบอกทุกอย่างให้ทางบ้านเขารับทราบ แล้วถามว่ารถอยู่ไหน คำตอบที่ได้จากปากของแม่คือ ไม่เคยเห็นรถคนที่ผมพูดถึงเลยสักครั้ง และเพื่อนผมคนนี้ไม่ได้กลับบ้านมา 3 อาทิตย์แล้วเพราะไปหลอกลูกชายเขา (ลูกชายแท้ ๆ) ให้ไปรูดซื้อโทรศัพท์ให้ ครั้งแรกบอกว่าจะผ่อนเองรูดให้หน่อยไม่มีบัตรดอกมันแพง ลูกชายก็ใจดีรูดให้ พอรูดได้เดือนนึง มาบอกโทรศัพท์หายจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ในการทำงานขออีกเครื่องได้ไหม เขาก็รูดให้อีก สุดท้ายหายไปเลย แถมก่อนหน้านี้ เขาส่งเรียนผู้ช่วยพยาบาลหมดเงินไป 70,000 (สวนสุนันทา) จนจบ(หรือเปล่าก็ไม่รู้ที่บ้านเขาก็ไม่แน่ใจ) แล้วพอบอกให้เอาวุฒิการศึกษามาให้เพื่อที่ทางบ้าาจะเอาไปฝากงานก็อ้างมาตลอดว่าที่มหาลัยเขายังไม่ออกให้ แล้วบ่ายเบี่ยงมาตลอด ทางบ้านเขาเลยคิดว่าน่าจะเรียนไม่จบ เอาเงินไปใช้อย่างอื่นหมด แล้วตอนนี้ทางบ้านไลน์ไปก็ไม่อ่าน ติดต่อไม่ได้ ได้ยินข่าวจากคนรู้จักบอกมาว่าเขาไปอยู่กับแฟนเป็นตำรวจ ตชด. แถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วก็มาเจอผมนี่แหละถึงเพิ่งรู้การกระทำของลูกสาว
พอคุยกับพ่อกับแม่เขาเสร็จได้ข้อสรุปว่า เขาจะพยายามตามลูกสาวให้ และจะให้ลูกสาวเอารถมาคืนผม เขาจะโทรไปบอกเรื่องนี้กับทางแม่แท้ ๆ ให้และเขาจะพยายามช่วยเท่าที่จะช่วยได้
หลังจากผมทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ผมก็มานั่งคิด ว่าทำไมคน ๆ หนึ่ง ที่แทบจะเพอร์เฟคในทุก ๆ อย่าง ถึงกลายเป็นคนแบบนี้ไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจโทร (Facebook) ไปถามเขาอีกทีแบบเปิดใจ และได้คำตอบ (ไม่รู้เรื่องจริงหรือโกหก) ว่า "ช่วงที่เรียน (ผู้ช่วยพยาบาล)ใกล้จบมันต้องได้ฝึกงาน และช่วงฝึกงานไม่มีเงินไม่มีเวลาเลย ช่วงนั้นเลยไปลงทุนกับการทำขนมเยอะถึงขั้นต้องจ้างเด็กมาขายให้ มาวันหนึ่งเด็กเบี้ยว หอบตังหนี ร้านเลยเจ๊ง ติดหนี้เขา เลยไปกู้หนี้นอกระบบมาใช้หนี้ดอกร้อยละ 10 ต่อ 3 วัน แล้วถ้าเลยกำหนดจะมีค่าติดตามทวงถามครั้งละ 1,000 เขาก็รับข้อเสนอได้เพราะตอนนั้นไม่รู้จะไปหาตังจากไหนมาใช้หนี้ค่าขนม เลยไปกู้มา 10,000 พอกู้มาแล้วไม่รู้เอาตังที่ไหนไปใช้หนี้ พอพวกทวงหนี้มาทวงบ่อย ๆ หนี้เลยทับถมมาเป็น 30,000 จนสุดท้ายเจ้าหนี้ยื่นข้อเสนอให้มันไปขัดดอกแล้วจะล้างหนี้ให้ แต่มันกลัวมันไม่ยอมพวกทวงหนี้เลยมายึดรถของผมไปแทน" พอได้ยินมันพูดมาแบบนี้ ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อไปเลยครับ ถามมันแล้วว่าเจ้าหนี้คนนี้เจ้าไหน จะไปเอารถ มันก็บอกไม่รู้ ๆ ๆ ๆ ๆ อย่างเดียว ถามว่าเขาไปยึดรถจากตรงไหน ก็ตอบแบบปัด ๆ มาว่า "ตลาดมั้ง แต่จำไม่ได้เหมือนกันว่าตลาดไหน" ดูคำตอบสิครับ
กลายเป็นว่าผมตอนนี้ ต้องมานั่งใช้หนี้เกือบล้านให้มัน ทั้งที่เงินสักบาทผมก็ไม่ได้ใช้กับมัน รถคันนี้สตาร์ทสักครั้งก็ยังไม่เคยเลย ผมพยายามปรึกษากับทางไฟแนนซ์ เขาก็แนะนำให้ผมไปแจ้งความยักยอกทรัพย์ แต่ถแม้จะแจ้งความ จะดำเนินคดี จะเอาเข้าคุกเข้าตาราง แต่สุดท้ายผมก็ต้องมานั่งใช้หนี้อยู่ดี เงินค่างวดก็ไม่จ่ายตั้งแต่ออกรถมา แถมรถตอนนี้ก็อยู่ไหนก็ไม่รู้ ผมไม่รู้จะหาทางออกยังไงแล้วครับ ผมเครียดมาก เพราะความไว้ใจ เพราะความโง่ของผมเองทั้งนั้น ใครพอจะมีประสบการณ์หรือทางออกเรื่องนี้บ้างครับ ช่วยผมหน่อยครับ