ชีวิตคนไทยในต่างแดน >> เริ่มต้นการเดินทางในปักกิ่ง EP.2

ต้องออกตัวก่อนว่าจาก EP.1 ที่เล่าเรื่องการเดินทางมาเรียน ป.ตรี ที่ปักกิ่ง เป็นเรื่องราวของเราที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2012 จนตอนนี้จบ ป.โท แล้ว แต่ด้วยความที่พึ่งเล่นพันทิป เราเลยรู้สึกว่าอยากจะเล่า แชร์ประสบการณ์ให้ฟังกัน

ลองย้อนไปปี พ.ศ.2555 ในความคิดทุกคนคือไปเรียนที่จีน มันต้องไปลำบากแน่ๆ 555 การมาอยู่ประเทศจีนในครั้งนี้ ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ ผิดกับที่คิดไว้เยอะ ปักกิ่งเป็นมหานครที่มีความเจริญในด้านวิทยาการต่างๆ มันทำให้การใช้ชีวิตของเราเปลี่ยนไปมากๆ เรายกตัวอย่างให้ฟังนะ เราเด็กชล (ชลบุรี) ไปไหนมาไหนคือ ขับรถ ขี่มอไซ มาอยู่ที่นี่.. จะไปไหนมาไหน ทำไงล่ะฮะ เดินดิฮะ! นึกดิคนไทยอ่ะ จะออกไปไหน ถึงจะใกล้ก็ขี่มอไซอ่ะ ไม่มีใครเดินหร๊อกกก มาอยู่เดินไม่ต่ำกว่าวันละ 2 กิโลจ้าาาา ถามว่าทำไมเดินเยอะขนาดนั้น เพราะเราไม่มีรถ ต่อให้มีรถก็ไม่มีใบขับขี่ ต่อให้มีใบขับขี่ ก็ไม่มีปัญญาจ่ายค่าที่จอดรถ ค่าเติมน้ำมัน บลาๆๆๆ อีกเยอะแยะมากมาย เพราะฉะนั้นเดินค่ะ อีกหนึ่งตัวเลือก ที่เรียกว่าเป็น Best choice เลยก็คือต้องมีบัตร 1 ใบ (北京市政交通一卡通) เพื่อที่จะไปได้ทุกที่ หน้าตาเป็นแบบการ์ดแข็งๆสีฟ้า เหมือนขึ้น MRT บ้านเราแหละ

หรือจะใช้เป็นการซื้อการ์ดผูกไว้กับโทรศัพท์มือถือ แค่หยิบขึ้นมาแสกน ตึ้ดดด ก็ได้เหมือนกัน สะดวกแบบไหนเอาแบบนั้นเลย

สามารถซื้อบัตรนี้ได้ตามสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือ ตามป้ายรถประจำทางที่มีตู้ๆแบบนี้ ตอนซื้อบัตรจะมีค่าบัตรด้วย จำไม่ได้ว่า 20 หรือ 30 หยวน แล้วก็ต้องเติมเงินใส่บัตรไว้นะ คือถ้าเราเงินหมดก็เติมตามสถานที่ที่เราซื้อบัตรมา หรือจะเติมตามตู้ที่เขามีไว้บริการตามสถานีรถไฟใต้ดินก็ได้ เติมจากบัญชีที่ผูกในโทรศัพท์ก็ได้ ได้ทุกอย่าง

เซอร์วิส เซนเตอร์ ในสถานีรถไฟใต้ดินทุกที่จะหน้าตาแบบนี้เหมือนกันหมด

ส่วนเซอร์วิส เซนเตอร์ ตามป้ายรถประจำทางจะหน้าตาเป็นตู้ๆแบบนี้

จะซื้อบัตรหรือจะเติมเงินที่ตู้อัตโนมัติแบบนี้ก็ได้

เข้าสถานีรถไฟใต้ดินจะใช้บัตรมั้ย? หรือ จะใช้แสกนจากแอปในมือถือ? ก็ได้หมด..

บรรยากาศสวยๆใน Beijing Subway แต่ละ Station










ออกนอกเรื่องไปไกล กลับมาเรื่องเดินต่อ ที่บอกว่าเดินเยอะเพราะว่า 1 ป้ายรถเมล์ ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร ถ้านั่งเลยป้ายคือเดินย้อนกลับมาก็ 1 กิโลแล้วคุณเอ้ยยยยย บอกเลยว่าตอนไปอยู่แรกๆนะ ขึ้นรถเมล์ผิดฝั่งเอย เลยลงป้ายเอย ลงก่อนป้ายที่ต้องลงเอย เดินหมดจ้ะ เดินเก่งมากกกก เดินแข่งกับคนจีน เหมือนแบบจะไปลงแข่งมาราธอน คนจีนเดินเก่งมาก เดินเร็ว แบบสับขากันพั่บๆๆๆ แล้วเราก็เดินตามเขานะ จนทุกวันนี้ก็กลายเป็นคนเดินไวกว่าชาวบ้าน เหมือนจะรีบไปตาม.... แฮร่ ツ แต่สิ่งที่ชอบมากของภาครัฐบาลคือการบริการประชาชน ถึงแม้ว่าเมืองจะใหญ่ คนจะเยอะ แต่รถประจำทางคือไปถึงทุกที่ สถานีรถไฟใต้ดินจะไกลแค่ไหนก็ไปถึง คือมันเจ๋งจริง!!! มันทำให้การเดินทางมันรวดเร็วและสะดวก ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเพียง 8 ปี เราจะเปรียบเทียบสถานีรถไฟใต้ดินของปักกิ่งให้ดูว่ามันเพิ่มขึ้นเยอะขนาดไหน

Beijing Subway ประมาณปี 2014

ส่วนนี่คือ Beijing Subway ในปัจจุบัน สถานีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว สบายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว บอกเลอ!
แล้วความสนุกของการมาอยู่แรกๆคือ เราชอบขึ้นรถไฟใต้ดิน ขึ้นตั้งแต่สถานีที่ใกล้เราที่สุดนั่งมันวนๆ เปลี่ยนสายไปเรื่อยๆ ค่ารถไฟใต้ดินไม่เหมือนเมืองไทยนะ ตั้งแต่เดินย่างเข้าสถานีที่เราขึ้น จะนั่งไป 10 – 20 สถานี เปลี่ยนสายรถไฟใต้ดินสัก 2 - 3 เส้นก็ไม่คิดเงิน เอาแบบที่พอใจ จะตัดเงินต่อเมื่อเดินออกจากสถานีรถไฟใต้ดินออกไปข้างนอก โดยจะคิดเงินตามระยะทางจากสถานีแรกที่เราขึ้น จนถึงสถานีที่เราออก คิดครั้งเดียวเท่านั้น โดยค่าโดยสารจะเริ่มตั้งแต่ราคา 2 หยวน สูงที่สุดคือ 10 หยวน ตอนที่เราเข้าสถานีไปเขาจะมีเป็นตารางแล้วบอกเป็นราคาของค่าโดยสารให้เราดูได้ง่ายๆ

โดยแบ่งราคาตามสี (เมื่อก่อนคิดเป็นครั้ง ไม่ได้คิดเป็นระยะทาง แค่ครั้งละ 2 หยวนเท่านั้น คุ้มเกินคุ้ม! นั่งเล่นทั้งวัน เพราะแต่ละสถานีจะตกแต่งไม่เหมือนกัน เราจะสามารถดูจากสถานีได้ว่า ณ จุดๆนั้นมีสถานที่อะไรเด่นๆ เพราะเขาจะตกแต่งให้เราได้เห็นตั้งแต่ในสถานีรถไฟใต้ดิน) แถบสีๆข้างหลังชื่อสถานี จะบอกเป็นราคา สีเขียว 2 หยวน สีฟ้า 4 หยวน สีม่วง 6 หยวน สีเหลือง 8 หยวน และสีแดง 10 หยวน

ลองมาเที่ยวเล่นดู แล้วจะรู้ว่าปักกิ่งสนุกกว่าที่คิด"
เจอกัน EP หน้านะคะ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่