เนื่องด้วยความจำเป็นต้องพลัดถิ่นมาเรียนต่อที่ปักกิ่ง จึงนำมาซึ่งการรีวิวสถานที่ต่างๆและข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ ให้เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับคนที่ต้องการเที่ยวปักกิ่งด้วยตัวเอง เพื่อความสะดวกและประหยัด ^^
เริ่มต้นด้วยการเดินทางจากสุวรรณภูมิ ขึ้นเครื่องไปปักกิ่ง จากไทยไปใช้เวลาในการเดินทางรวมๆประมาณ 4 ชั่วโมงนิดๆ (แบบบินตรง ไม่เปลี่ยนเครื่อง) อาจเร็วกว่าหรือนานกว่านี้แล้วแต่เส้นทางการบิน และสายการบิน ส่วนใหญ่เราจะเลือกบินตรงเพราะขี้เกียจเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง แต่จะเลือกเป็นสายการบิน Low cost สัญชาติจีนเพื่อความประหยัด 555 สำหรับคนที่พูดภาษาจีนไม่ได้ ไม่ต้องห่วงค่ะ แอร์โฮสเตสพูดภาษาอังกฤษได้ สบายบรื๋อออ~
ปักกิ่ง ขนมเวเฟอร์ช็อคโกแลตที่ใครๆก็รู้จัก
อ๊ะ ม่ายช่ายยยยยย! ที่เราจะพูดถึงกันคือ
กรุงปักกิ่ง หรือ
เป่ยจิง (Pekin/Beijing) เป็นเมืองหลวงของประเทศจีน กรุงปักกิ่งเป็นศูนย์การเมือง วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ การศึกษาและเขตชุมทางการคมนาคมทั่วประเทศจีน และก็เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อดังทั้งในประเทศจีน และในโลก มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญมีกำแพงเมืองจีน พระราชวังต้องห้าม จัตุรัสเทียนอันเหมิน หอสักการะฟ้าดิน สุสานจักรพรรดิสมัยราชวงศ์หมิง พระราชวังฤดูร้อน และภูเขาเซียงซาน เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันปักกิ่งเป็นเขตการปกครองพิเศษแบบมหานคร 1 ใน 4 แห่งของจีน โดยเฉพาะหลังจากสมัย 80 ศตวรรษที่ 20 เมืองปักกิ่งได้พัฒนาอย่างรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ และหลังจากได้เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนเมื่อปี 2008 ก็ถูกปรับโฉมเสียจนสวยงามน่าดู มีการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ ปัจจุบันนี้ปักกิ่งมีถนนที่สลับกัน ตึกสูงๆ โดยไม่เพียงแต่รักษาสภาพเมืองโบราณ และยังแสดงถึงสภาพเมืองที่ทันสมัย (ไม่เหมือนภาพจินตนาการที่เวลาพูดถึงเมืองจีนแล้วต้องอี๋!!!! ไม่เหมือนจริงๆ)

จากสุวรรณภูมิบินไปถึงท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง (Beijing Capital International Airport: ตัวย่อ PEK) ลงเครื่องที่ Terminal 3 ออกมาจากเครื่องเพื่อเดินไปด่าน ตม ตอนนี้แหละตื่นเต้นสุดๆ กลัวไปไม่ถูก 55 เดินตามๆเขาไป ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าห้องน้ำ แล้วง่ะ.. ครั้งแรกของการมาปักกิ่งคือ ต้องต่อรถไฟเข้าไปในตัวอาคารเว่ยยยย คิดในใจคือจะพาตูไปไหนฟะ ที่เดินตามมานี่ถูกใช่มั้ย จะขึ้นรถไฟไปไหน สุดท้ายก็คือไป คนอื่นไป เราก็ไป ไปได้แหละ เชื่อดิ! บรรยากาศบนรถไฟส่วนใหญ่เป็นที่ยืน ที่นั่งก็มี แต่น้อยมาก (ก็เหมือนๆกับรถไฟฟ้าบ้านเรา) บวกกับคนจีนที่ทำอะไรเร็ว ต่อให้มองเห็นก็นั่งไม่ทันหรอกจ้ะ ยืนไป! แป๊บเดียวก็ถึงตัวอาคารแล้ว หลังจากที่ผ่านด่าน ตม เรียบร้อย จากนั้นก็เดินไปรับกระเป๋าที่สายพานกันเลย

บรรยากาศใน Beijing Capital International Airport (สนามบินเก่า)
เมื่อกระเป๋าพร้อม คนพร้อม ก็ได้เวลาเดินทางต่อ คราวนี้ก่อนออกจากสนามบินไปหอพัก ซึ่งการเดินทางเราสามารถเลือกวิธีการเดินทางได้หลายแบบ แล้วแต่คนถนัด เนื่องจากสนามบินมีสถานีรถไฟใต้ดิน (地铁) รถบัสประจำทาง(大巴) หรือแม้กระทั่งเรียกแท็กซี่ (打车) การเดินทางไม่ยากอย่างที่คิด ส่วนครั้งแรกของเราก็แท็กซี่เหมือนกัน เพราะกระเป๋าใหญ่ บวกกับไม่รู้จักทาง จากสนามบินไปหอพักเราก็ไม่ไกลเท่าไหร่ เพราะสนามบินอยู่นอกเมืองเลยจ้าาาา ส่วนเราอยู่วงแหวนที่ 4 ทิศเหนือ (北四环) แอบไกลความศิวิไลซ์อยู่เหมือนกันนะ
ต้องอธิบายว่า ปักกิ่ง จะแบ่งพื้นที่แบบดูตามแผนที่ง่ายๆเลย นับเป็นวงแหวน พื้นที่ตรงกลางคือใจกลางปักกิ่งเจ้าค่ะ ที่เป็นพระราชวังต้องห้าม จัตุรัสเทียนอันเหมินนั่นแหละ บอกเลยว่า พื้นที่ใจกลางตรงนั้นคือ แพงที่สุด แพงที่สุดไม่ได้แปลว่าหรูที่สุดนะ มันเป็นพื้นที่ที่เก่าแก่ และยังคงเก็บรักษาสถาปัตยกรรมต่างๆให้คงเดิมเหมือนก่อน บ้านเรือนเก่าๆ ตึกเก่าๆ แต่ยังคงถูกดูแลโดยรัฐบาลเป็นอย่างดี ไม่เสื่อมโทรม แถมยังพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วย
ต้องบอกว่าบ้านเมืองเขาคือสะอาดมากนะ
ช่วงไหนที่ถนนโล่งก็คือโล่งมาก แต่ช่วงไหนที่รถติดก็คือไม่ขยับเลยฮะ
มาถึงหอพัก ก็ไม่ถึงกับแย่ แต่ก็ไม่ได้หรู หอพักนักเรียนต่างชาติ หอรวม รวมชายรวมหญิง รวมทุกสัญชาติ ไทย เวียดนาม ลาว พม่า กัมพูชา อินโดนเซีย มองโกเลีย เกาหลี ญี่ปุ่น อังกฤษ บาฮาม่า แอฟริกา อาเซอร์ไบจาน บลาๆๆ เยอะแยะมากมาย (อ่ะๆๆๆ คิดภาพตามนะ สมมติว่าใน 1 ชั้นมี 10 ห้อง 1 ห้องมี 2 คน เท่ากับสองสัญชาติแล้วนะ! เลือกรูมเมทไม่ได้จ้ะ randomกันไปเลยนัวๆ สหประชาชาติ ภาษาอะไรก็ไปสื่อสารกันเอาเด้อ แล้วคิดดูห้องแรกเป็นผู้หญิง ห้องถัดไปอาจเป็นผู้ชาย เงี้ยยยย หอรวม รวมมิตร รวมแบบเอ๊ะ จะอยู่ได้ป่ะวะ สนุกแน่งานนี้)
บรรยากาศหน้าหอพัก มองข้างนอกจะเป็นตึกเก่าๆ แต่ประทางเข้าออกคือใช้ระบบคีย์การ์ดทั้งหมด
เข้ามาถึงด้านในของหอพักนักศึกษาต่างชาติ กลิ่นไอพี่จีนเบาๆ (ลองนึกตาม.. กลิ่นจีนๆ มันๆ 55)
หอปลอดภัย สะอาด มีอาอี๋ '阿姨' (คุณป้าดูแลหอ)ที่ดุกว่าแม่ คอยเฝ้าอยู่ที่ล็อบบี้ด้านล่างตลอด 24 ชั่วโมง มีปัญหาปรึกษาอาอี๋ ทำอะไรไม่ดีอาจโดนอาอี๋ด่าได้ 555
มีห้องซักผ้าให้พร้อม ใช้คีย์การ์ดแตะสำหรับการซักผ้า แต่ไม่ฟรีนะจ๊ะ 555 (เติมตังมาด้วยคีย์การ์ดน่ะ)

ห้องครัวรวมก็มีให้ใช้ บริการตลอด 24 ชั่วโมง ใครอยากกินอะไรก็มาทำเอา เอาให้หายอยาก แต่กรุณาเปิดหน้าต่างกับที่ดูดควันด้วย ไม่งั้นทำกับข้าวเผลอๆ อาจมีรถดับเพลิงมา เนื่องจากอาหารไทยของเราต้ม ผัด แกง ทอด หอมควันฟุ้งกว่าชาติใดในโลก
ห้องพักเป็นแบบนี้ มันก็โอเคนะ โอเคตรงที่มันคือหอพัก แต่ผ้าปูที่นอน ปลอกผ้าห่มไรเงี้ย เราสามารถแจ้งอาอี๋ได้ ถ้าเราจะเปลี่ยนชุดใหม่ คือเซอร์วิสแบบโรงแรม เปลี่ยนบ่อยแค่ไหนก็ได้ ถ้าไม่เกรงใจอาอี๋เขาน่ะ อิอิ พออยู่ไปอยู่มาก็จะเริ่มซื้อของมาแต่งห้อง แต่งจนได้ห้องใหม่เป็นแบบนี้
ผ้าปู ตุ๊กตา วอลเปเปอร์ ประโคมกันเข้าไป ข้าวของเครื่องใช้ ลำโพง ตู้กดน้ำ ซื้อมาหมด ทำให้เหมือนบ้านที่สุด เพราะต้องเรียนที่นี่ 2 ปี
โชคดีที่เจอรูมเมทดี เลยอยู่กันแบบสนุกสุดเหวี่ยง ห้องพักเราเป็นแบบราคาถูก คือไม่มีห้องน้ำในตัว ใช้เป็นห้องน้ำรวม (ห้องอาบน้ำ-ห้องสุขา) ต้องเดินไปเข้า ในหนึ่งชั้นจะมีห้องที่ไม่มีห้องน้ำอยู่ประมาณ 3-4 ห้อง เพราะฉะนั้น ไม่ต้องแย่งกัน ห้องน้ำแยกชาย-หญิง ชั้นนึงชาย ชั้นนึงหญิง สลับๆไป
สะอาด แต่ห้องอาบน้ำมีแค่ชั้นละ 1 ห้อง ต้องต่อคิวนิดนึง หน้าหนาวโชคไม่ดีก็น้ำร้อนหมด อาบน้ำเย็นไปจ่ะ 555
รูปภาพไม่สวยต้องขออภัยด้วย เราใช้กล้องจากมือถือถ่ายซะส่วนใหญ่
#ไว้มาต่อEPถัดไป
ชีวิตคนไทยในต่างแดน >> กรุงปักกิ่ง EP.1
เริ่มต้นด้วยการเดินทางจากสุวรรณภูมิ ขึ้นเครื่องไปปักกิ่ง จากไทยไปใช้เวลาในการเดินทางรวมๆประมาณ 4 ชั่วโมงนิดๆ (แบบบินตรง ไม่เปลี่ยนเครื่อง) อาจเร็วกว่าหรือนานกว่านี้แล้วแต่เส้นทางการบิน และสายการบิน ส่วนใหญ่เราจะเลือกบินตรงเพราะขี้เกียจเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง แต่จะเลือกเป็นสายการบิน Low cost สัญชาติจีนเพื่อความประหยัด 555 สำหรับคนที่พูดภาษาจีนไม่ได้ ไม่ต้องห่วงค่ะ แอร์โฮสเตสพูดภาษาอังกฤษได้ สบายบรื๋อออ~
ปักกิ่ง ขนมเวเฟอร์ช็อคโกแลตที่ใครๆก็รู้จัก อ๊ะ ม่ายช่ายยยยยย! ที่เราจะพูดถึงกันคือ กรุงปักกิ่ง หรือ เป่ยจิง (Pekin/Beijing) เป็นเมืองหลวงของประเทศจีน กรุงปักกิ่งเป็นศูนย์การเมือง วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ การศึกษาและเขตชุมทางการคมนาคมทั่วประเทศจีน และก็เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อดังทั้งในประเทศจีน และในโลก มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญมีกำแพงเมืองจีน พระราชวังต้องห้าม จัตุรัสเทียนอันเหมิน หอสักการะฟ้าดิน สุสานจักรพรรดิสมัยราชวงศ์หมิง พระราชวังฤดูร้อน และภูเขาเซียงซาน เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันปักกิ่งเป็นเขตการปกครองพิเศษแบบมหานคร 1 ใน 4 แห่งของจีน โดยเฉพาะหลังจากสมัย 80 ศตวรรษที่ 20 เมืองปักกิ่งได้พัฒนาอย่างรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ และหลังจากได้เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนเมื่อปี 2008 ก็ถูกปรับโฉมเสียจนสวยงามน่าดู มีการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ ปัจจุบันนี้ปักกิ่งมีถนนที่สลับกัน ตึกสูงๆ โดยไม่เพียงแต่รักษาสภาพเมืองโบราณ และยังแสดงถึงสภาพเมืองที่ทันสมัย (ไม่เหมือนภาพจินตนาการที่เวลาพูดถึงเมืองจีนแล้วต้องอี๋!!!! ไม่เหมือนจริงๆ)
จากสุวรรณภูมิบินไปถึงท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง (Beijing Capital International Airport: ตัวย่อ PEK) ลงเครื่องที่ Terminal 3 ออกมาจากเครื่องเพื่อเดินไปด่าน ตม ตอนนี้แหละตื่นเต้นสุดๆ กลัวไปไม่ถูก 55 เดินตามๆเขาไป ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าห้องน้ำ แล้วง่ะ.. ครั้งแรกของการมาปักกิ่งคือ ต้องต่อรถไฟเข้าไปในตัวอาคารเว่ยยยย คิดในใจคือจะพาตูไปไหนฟะ ที่เดินตามมานี่ถูกใช่มั้ย จะขึ้นรถไฟไปไหน สุดท้ายก็คือไป คนอื่นไป เราก็ไป ไปได้แหละ เชื่อดิ! บรรยากาศบนรถไฟส่วนใหญ่เป็นที่ยืน ที่นั่งก็มี แต่น้อยมาก (ก็เหมือนๆกับรถไฟฟ้าบ้านเรา) บวกกับคนจีนที่ทำอะไรเร็ว ต่อให้มองเห็นก็นั่งไม่ทันหรอกจ้ะ ยืนไป! แป๊บเดียวก็ถึงตัวอาคารแล้ว หลังจากที่ผ่านด่าน ตม เรียบร้อย จากนั้นก็เดินไปรับกระเป๋าที่สายพานกันเลย
บรรยากาศใน Beijing Capital International Airport (สนามบินเก่า)
เมื่อกระเป๋าพร้อม คนพร้อม ก็ได้เวลาเดินทางต่อ คราวนี้ก่อนออกจากสนามบินไปหอพัก ซึ่งการเดินทางเราสามารถเลือกวิธีการเดินทางได้หลายแบบ แล้วแต่คนถนัด เนื่องจากสนามบินมีสถานีรถไฟใต้ดิน (地铁) รถบัสประจำทาง(大巴) หรือแม้กระทั่งเรียกแท็กซี่ (打车) การเดินทางไม่ยากอย่างที่คิด ส่วนครั้งแรกของเราก็แท็กซี่เหมือนกัน เพราะกระเป๋าใหญ่ บวกกับไม่รู้จักทาง จากสนามบินไปหอพักเราก็ไม่ไกลเท่าไหร่ เพราะสนามบินอยู่นอกเมืองเลยจ้าาาา ส่วนเราอยู่วงแหวนที่ 4 ทิศเหนือ (北四环) แอบไกลความศิวิไลซ์อยู่เหมือนกันนะ
ต้องอธิบายว่า ปักกิ่ง จะแบ่งพื้นที่แบบดูตามแผนที่ง่ายๆเลย นับเป็นวงแหวน พื้นที่ตรงกลางคือใจกลางปักกิ่งเจ้าค่ะ ที่เป็นพระราชวังต้องห้าม จัตุรัสเทียนอันเหมินนั่นแหละ บอกเลยว่า พื้นที่ใจกลางตรงนั้นคือ แพงที่สุด แพงที่สุดไม่ได้แปลว่าหรูที่สุดนะ มันเป็นพื้นที่ที่เก่าแก่ และยังคงเก็บรักษาสถาปัตยกรรมต่างๆให้คงเดิมเหมือนก่อน บ้านเรือนเก่าๆ ตึกเก่าๆ แต่ยังคงถูกดูแลโดยรัฐบาลเป็นอย่างดี ไม่เสื่อมโทรม แถมยังพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วย
ต้องบอกว่าบ้านเมืองเขาคือสะอาดมากนะ
ช่วงไหนที่ถนนโล่งก็คือโล่งมาก แต่ช่วงไหนที่รถติดก็คือไม่ขยับเลยฮะ
มาถึงหอพัก ก็ไม่ถึงกับแย่ แต่ก็ไม่ได้หรู หอพักนักเรียนต่างชาติ หอรวม รวมชายรวมหญิง รวมทุกสัญชาติ ไทย เวียดนาม ลาว พม่า กัมพูชา อินโดนเซีย มองโกเลีย เกาหลี ญี่ปุ่น อังกฤษ บาฮาม่า แอฟริกา อาเซอร์ไบจาน บลาๆๆ เยอะแยะมากมาย (อ่ะๆๆๆ คิดภาพตามนะ สมมติว่าใน 1 ชั้นมี 10 ห้อง 1 ห้องมี 2 คน เท่ากับสองสัญชาติแล้วนะ! เลือกรูมเมทไม่ได้จ้ะ randomกันไปเลยนัวๆ สหประชาชาติ ภาษาอะไรก็ไปสื่อสารกันเอาเด้อ แล้วคิดดูห้องแรกเป็นผู้หญิง ห้องถัดไปอาจเป็นผู้ชาย เงี้ยยยย หอรวม รวมมิตร รวมแบบเอ๊ะ จะอยู่ได้ป่ะวะ สนุกแน่งานนี้)
บรรยากาศหน้าหอพัก มองข้างนอกจะเป็นตึกเก่าๆ แต่ประทางเข้าออกคือใช้ระบบคีย์การ์ดทั้งหมด
เข้ามาถึงด้านในของหอพักนักศึกษาต่างชาติ กลิ่นไอพี่จีนเบาๆ (ลองนึกตาม.. กลิ่นจีนๆ มันๆ 55)
หอปลอดภัย สะอาด มีอาอี๋ '阿姨' (คุณป้าดูแลหอ)ที่ดุกว่าแม่ คอยเฝ้าอยู่ที่ล็อบบี้ด้านล่างตลอด 24 ชั่วโมง มีปัญหาปรึกษาอาอี๋ ทำอะไรไม่ดีอาจโดนอาอี๋ด่าได้ 555
มีห้องซักผ้าให้พร้อม ใช้คีย์การ์ดแตะสำหรับการซักผ้า แต่ไม่ฟรีนะจ๊ะ 555 (เติมตังมาด้วยคีย์การ์ดน่ะ)
ห้องครัวรวมก็มีให้ใช้ บริการตลอด 24 ชั่วโมง ใครอยากกินอะไรก็มาทำเอา เอาให้หายอยาก แต่กรุณาเปิดหน้าต่างกับที่ดูดควันด้วย ไม่งั้นทำกับข้าวเผลอๆ อาจมีรถดับเพลิงมา เนื่องจากอาหารไทยของเราต้ม ผัด แกง ทอด หอมควันฟุ้งกว่าชาติใดในโลก
ห้องพักเป็นแบบนี้ มันก็โอเคนะ โอเคตรงที่มันคือหอพัก แต่ผ้าปูที่นอน ปลอกผ้าห่มไรเงี้ย เราสามารถแจ้งอาอี๋ได้ ถ้าเราจะเปลี่ยนชุดใหม่ คือเซอร์วิสแบบโรงแรม เปลี่ยนบ่อยแค่ไหนก็ได้ ถ้าไม่เกรงใจอาอี๋เขาน่ะ อิอิ พออยู่ไปอยู่มาก็จะเริ่มซื้อของมาแต่งห้อง แต่งจนได้ห้องใหม่เป็นแบบนี้
ผ้าปู ตุ๊กตา วอลเปเปอร์ ประโคมกันเข้าไป ข้าวของเครื่องใช้ ลำโพง ตู้กดน้ำ ซื้อมาหมด ทำให้เหมือนบ้านที่สุด เพราะต้องเรียนที่นี่ 2 ปี
โชคดีที่เจอรูมเมทดี เลยอยู่กันแบบสนุกสุดเหวี่ยง ห้องพักเราเป็นแบบราคาถูก คือไม่มีห้องน้ำในตัว ใช้เป็นห้องน้ำรวม (ห้องอาบน้ำ-ห้องสุขา) ต้องเดินไปเข้า ในหนึ่งชั้นจะมีห้องที่ไม่มีห้องน้ำอยู่ประมาณ 3-4 ห้อง เพราะฉะนั้น ไม่ต้องแย่งกัน ห้องน้ำแยกชาย-หญิง ชั้นนึงชาย ชั้นนึงหญิง สลับๆไป
สะอาด แต่ห้องอาบน้ำมีแค่ชั้นละ 1 ห้อง ต้องต่อคิวนิดนึง หน้าหนาวโชคไม่ดีก็น้ำร้อนหมด อาบน้ำเย็นไปจ่ะ 555
รูปภาพไม่สวยต้องขออภัยด้วย เราใช้กล้องจากมือถือถ่ายซะส่วนใหญ่
#ไว้มาต่อEPถัดไป