[CR] แพลนเที่ยวเกียวโต-โอซาก้าด้วยตัวเอง เดือนกันยายน

กระทู้รีวิว

ทริปนี้เป็นทริปแรกที่ จขกท ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น สำหรับสายกินอย่าง จขกท จึงเลือกโอซาก้าเป็นจุดหมายปลายทาง จขกท เลือกไปเที่ยวเดือนกันยายน เพราะราคาตั๋วเครื่องบินจะถูกกว่าช่วงอื่น แต่ช่วงเดือนนี้ก็ต้องไปลุ้นกันว่าจะมีมรสุมเข้าอีกหรือเปล่า โชคดีของ จขกท ที่ตอนไป เจอแค่ฝนประปรายและอากาศกำลังสบาย
** จขกท แนะนำหนังสือเล่มนี้ ช่วยวางแผนได้เยอะเลยคะ

แพลนเที่ยวของ จขกท จะมีประมาณนี้ค่ะ อาจมีการเปลี่ยนแปลงแล้วแต่ความเหนื่อยของ จขกท : )

DAY 1

BKK - KIX - เกียวโต - วัดน้ำใส - ย่านกิออน

จขกท ขึ้นเครื่องจากสุวรรณภูมิ ประมาณ เที่ยงคืน ไปถึง สนามบินคันไซ ประมาณ เจ็ดโมงเช้า

ตอนอยู่บนเครื่องนอนไม่หลับเลยค่ะ พอถึงเลยรู้สึกเพลียมาก จขกท เลยคิดว่าเราจะต้องไปหาที่อาบน้ำให้สดชื่นก่อนเข้าเมือง โดย จขกท เลือกใช้บริการ KIX AIRPORT LOUNGE จะอยู่ติดกับ Mc cafe ชั้น2 ของสนามบิน ค่าบริการ 510 เยน /15 น. ( 150 บ. )

*** แปะลิ้งที่ จขกท หารายละเอียดไว้ให้นะคะ (ขออนุญาตนำรูปมาใช้จ้า)

https://www.talonjapan.com/kix-airport-shower-rooms/
https://www.mprabin.com/2018/05/01/kansai_airport/
https://www.japankakkoii.com/japan-travel/shower-rooms-kansai-airport/

สดชื่นแล้วก็เข้าเกียวโตด้วย JR haruka express กันเลย

_{ภาพโรงแรมจาก agoda}

ซึ่ง Hokke club kyoto เป็นโรงแรมที่ จขกท พักอยู่ติดกับตึก kyoto tower ฝั่งซ้ายมือ เดินออกมาจากสถานีรถไฟก็เห็นเลยคะ หาง่าย สะดวกสบาย ใกล้สถานีรถบัสและสถานีรถไฟ แถมราคาไม่แรงมากด้วย ใกล้เที่ยงแล้ว ก่อนไปเที่ยวก็หาอะไรรองท้องกันก่อน เลยเลือกร้านอาหารใน kyoto station มีหลายร้านเลือกไม่ถูกเลย สุดท้ายมาจบที่ ippodo ramen

อันที่จริงวันนี้ จขกท แพลนไว้หลายที่ แต่จากที่เรามาถึงเกียวโตเกือบเที่ยงแล้ว เวลาเที่ยวน้อย เลยตัดสินใจเลือกไป วัดน้ำใส เพียงที่เดียว

เริ่มต้นที่สถานีรถบัสหน้า kyoto sta. ขึ้นบัสสาย 206 ไปลง ป้าย Kiyomizu-michi

มื้อค่ำวันนี้เราเดินเลือกร้านกันอยู่นานทีเดียว เพราะคนต่อแถวเยอะมาก เราเลยเลือกร้านที่คนต่อแถวกันไม่มาก ร้านนี้อยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินเกียวโต ชื่อร้าน Machiya porta เป็นร้านโอโคโนมิยากิ มีหลายหน้าให้เลือกและยังมีเนื้อย่างเป็นเซตด้วย

DAY 2

ศาลเจ้าจิ้งจอก - วัดคินคะคุจิ - สวนป่าไผ่

เช้านี้ จขกท ฝากท้องกับ Lawson ก่อนเริ่มที่แรกที่ศาลเจ้าจิงจอก ( Fushimi inari)
นั่ง JR สายสีน้ำตาล - ลง สถานี Inari ( 5 น. )

ใช้เวลาอยู่ที่ศาลเจ้าจิงจอกประมาณ 2 ชม. แล้วเราก็นั่งรถไฟกลับไปที่ kyoto sta. เพื่อไปต่อรถบัส สาย 205 ลงที่ป้าย Kinkakuji

เดินกันจนเหนื่อย ถึงฝนจะตกปรอยๆแต่เราก็ไปย่อท้อคะ ขึ้นรถกลับไปที่ Kyoto sta. เพื่อขึ้นJR สายสีม่วง ลง สถานี Saga-Arashiyama ออกประตู 1

ปิดท้ายวันด้วย ข้าวหน้าปลาไหล กับ ข้าวหน้าเนื้อ ที่สถานีรถไฟใต้ดิน สถานีเกียวโต ชื่อร้าน Edogawa Kintetsu Kyoto sta. จขกท คิดว่ารสชาติอาหารอร่อยเลย แนะนำไว้เป็นอีกตัวเลือกค่ะ

DAY 3

ปราสาทนิโจ - โอซาก้า - ไคยูคัง อควาเรียม

หลังจากซื้อของกินจาก Family แล้ว วันนี้เรามีเวลาเดินชมปราสาทไม่มาก ก่อนที่เราจะเข้าโอซาก้ากัน ซึ่งเราก็จะใช้บริการรถบัสเหมือนเดิม

ขึ้นบัสสาย 101 หน้าสถานีเกียวโต ลง ป้าย Shijo-Kawaramachi ประมาณ 20 นาที ขากลับขึ้นบัสสาย 12 ฝั่งตรงข้าม

^{ภาพจาก google}

ปราสาทนิโจเป็นปราสาทไม้เก่าแก่ ในอดีตเคยเป็นที่พักและที่ทำงานของโชกุน ซึ่งยังมีสภาพคงเดิมเหมือนในช่วงแรกที่สร้าง ใครที่ไปเกียวโตแล้วไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหน จขกท ขอแนะนำเลยค่ะ

เดินกันจนเมื่อยแล้ว เราย้ายไปเที่ยวโซนโอซาก้ากันบ้าง เดินทางจากสถานีเกียวโต ด้วย JR สายสีน้ำเงิน ไปลง สถานี Shin- Osaka และเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟใต้ดินสายสีแดง Midosuji ลง สถานี Osaka - Namba

จขกท เลือกพักโรงแรม Sotetsu Fresa Inn Osaka - Namba อยู่ย่านนัมบะ ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน เดินออกทาง Exit 7 จะเจอโรงแรมเลย หาง่าย สะดวกสบาย ไม่ต้องลากกระเป๋าไกล

^{ภาพจาก agoda}

เราฝากของและเช็คอินไว้ก่อน เพราะเข้าห้องพักได้ประมาณสี่โมงเย็น เมื่อหาอะไรรองท้องแล้ว ก็ต้องทำเวลาหน่อย กว่าจะไปถึงอควาเรียม เรือ Santa Maria เที่ยวสุดท้ายที่พาทัวร์อ่าวโอซาก้าก็ออกไปแล้ว อดเลย แต่ไม่เป็นไร ความตื่นเต้นยังรอเราอยู่ข้างใน

เดินเล่นดูปลากันเพลินเลยคะ ออกมาจากอควาเรียมก็มืดซะแล้ว แถมยังหิวมากๆด้วย เราเลยจะกลับไปหาอะไรกินย่านโดตมบุริ ซึ่งเดินไม่ไกลจากที่พัก งานนี้คงต้องพึ่งร้านเด็ดในเน็ตบอกมา

ร้านข้าวด้งร้านนี้ชื่อร้าน Wakasaya Nankai Namba อยู่ในตลาดโดตมบุริ ราคาน่าคบหามาก สองชามนี้หมดไป 600 กว่าบาท ถ้ามาเปิดสาขาที่ไทยคงได้ตามไปเป็นลูกค้าประจำแน่ๆ

DAY 4

นารา - นัมบะ

ตารางวันนี้ของ จขกท ไม่แน่นมาก เนื่องจากสามวันแรกดูดพลังไปหมดแล้ว (เดินเยอะมากจริงๆค่ะ แนะนำหารองเท้าผ้าใบดีๆสักคู่ ช่วยได้เยอะเลยค่ะ) เช้านี้ จขกท เลยแอบตื่นสาย พักให้หายเหนื่อย แล้วไปลุยต่อที่นารา

เดินทางด้วย รถไฟใต้ดินสายสีส้ม Kintetsu-Nara ลง สถานี Kintetsu-Nara ทางออก2

เดินออกจากสถานีจะเจอร้านซูชิสายพาน Totogin sushi go around อยู่หน้าทางเข้าตลาด ราคาถูกและรสชาติอร่อย ซึ่งเป็นร้านแนะนำในหนังสือท่องเที่ยว

จากร้านซูชิเดินไปไม่ไกล เราก็จะเจอน้องกวางที่มายืนรอขนมเซ็มเบตลอดสองข้างทางและน้องๆจะมีมากแถวหน้าวัดโทไดจิ

ปิดท้ายวันด้วยเนื้อย่าง ร้าน BBQ Eekatei Namba เป็นบุฟเฟ่ต์เนื้อย่างมีให้เลือกหลายราคา รสชาติถือว่าคุ้มราคาเลย ส่วนร้านขนมหวาน Strawberry mania รสชาติอาจจะไม่เข้มข้นมากแล้วแต่คนชอบ แต่สำหรับ จขกท ถือว่าผ่านค่ะ

DAY 5

โกเบ - นัมบะ (ชินไซบาชิ)

เช้านี้ จขกท ตื่นสายกว่าทุกวันเลยค่ะ

แพลนวไว้ว่าจะไปโกเบครึ่งวันและกลับมาเดินซื้อของที่ชินไซบาชิอีกครึ่งวัน เลยต้องรีบกันหน่อยเพราะรถไฟจากนัมบะไปโกเบใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง ระหว่างทาง จขกท แวะซื้อสเบียงในสถานีไว้ไปกินบนรถไฟ

จขกท ขึ้นรถไฟสาย Hanshin main ลง สถานี Sanyo-Himaji ดูขบวนที่เขียนว่า Himaji ออก Exit 1 จะเห็นปราสาทอยู่ทางซ้ายมือไกลๆ ตอนแรก จขกท คิดไว้ว่าจะไปปราสาทและร้านเนื้อย่างชื่อดัง แต่สองสถานที่ไกลกันและใช้เวลานาน จขกท จึงได้ไปแค่ปราสาทฮิเมจิ

ถ้าอยากเที่ยวหลายๆที่ จขกท แนะนำให้มาเช้าๆจะเก็บที่เที่ยวได้เกือบหมด เดินเที่ยวทั่วปราสาทฮิเมจิแล้วก็ถึงเวลากลับนัมบะ

จขกท กลับมากินข้าวกลางวันที่ร้านแกงกระหรี่ Coco ส่วนตอนเย็นกินที่ร้าน Ichiran ramen รสชาติเหมือนที่ไทย แต่ท็อปปิ้งบางอย่างไม่เหมือนกัน ตบท้ายด้วยทาโกยากิร้านตรงข้ามป้ายกุลิโกะอยู่หัวสะพาน ซึ่งร้านนี้จะเป็นทาโกะแบบนิ่ม