สวัสดีค่ะเราจะมาเล่าประสบการณ์การไปเที่ยวที่อังกฤษเมืองทอร์คีย์(Torquay)กับครอบครัวค่ะ
(เจ้าของกระทู้อายุยังไม่ถึง18 แน่นอนว่าภาษาอย่าพูดถึงค่ะ ไม่รอด)
ช่วงเราไปคือช่วงฤดูหนาวกำลังจะฤดูร้อนแต่สภาพอากาศประเทศเขายังหนาวอยู่ เรามาเที่ยวประมาณ3เดือนค่ะ ส่วนเรื่องที่พักเราพักอยู่กับพ่อค่ะ(พ่อเลี้ยงนะคะ)
ทุกคนคงสงสัยเรามีพ่อเป็นคนต่างชาติแต่ทำไมพูดภาษาไม่ได้ เหตุผลก็ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ เพราะพ่อเราเก่งภาษาไทย พ่อเราเคยมาไทยบ่อยมากกกกกก เลยพูดภาษาไทยได้ปรื๋อเลยค่ะ พ่อเราเคยพูดอังกฤษกับเราอยู่นะคะตอนเด็กๆ แต่เราฟังไม่รู้เรื่องและมันยุ่งยากบวกกับพ่อพูดไทยได้ สุดท้ายก็ลงเอยอย่างที่เห็นค่ะ
มาต่อเรื่องไปเที่ยว
ไปถึงประมาณเที่ยงคืนเวลาอังกฤษ
เราพักกับพ่อซึ่งเป็นบ้านที่ติดกันกับคนอื่นๆ คือบ้านเราอยู่ชั้นสอง บ้านอีกคนก็อยู่ชั้นหนึ่งอะไรแบบนี้อะค่ะ
วันแรกที่เราไปก็ตรงดิ่งไปที่นอนเลย เหนื่อยง่วงมากๆ นอนไปได้สักพักตื่นมาตอน6โมงเช้า เวลาที่ไทยก็ประมาณ เที่ยง อากาศคือยังหนาวอยู่ประมาณ8-9องศาได้ แล้วคือสภาพตอนเรามาที่นี้บอกเลยเหมือนศพมาก ปากซีด ปากแตก น้ำไม่อาบ ผมไม่สระไปหลายวัน เพราะอากาศหนาว เราใส่เสื้อผ้าที5-6ตัวทับกัน
วันนึง วันไหนไม่รู้ เราเดินลงไปตากผ้า ซึ่งมันอยู่ชั้นล่างคือเราหยิบๆรีบๆตากเพราะอากาศหนาว ลมเย็นด้วย สักพักมีผู้ชายเดินมาทักทาย บ้านเขาน่าจะติดกันแถวๆนี้แหละ ดูมีอายุหน่อย เดินมาทักทายเราแล้วถามอะไรสักอย่างซึ่งเราแปลไม่ออก!!! ยังไงล่ะทีนี้ ในใจคือแบบฉันต้องตอบอะไรดีวะ หรือจะวิ่งหนีเลย ด้วยความที่เราตากผ้าเสร็จพอดีเราเลยยิ้มๆให้เขานิดหน่อย แล้ววิ่งขึ้นข้างบนเลย เป็นสถานะการที่แบบทั้งอายทั้งทำตัวไม่ถูก ในใจคือถ้าเราเก่งภาษากว่านี้ก็คงดี
วันนึง ไม่รู้วันไหน พวกเราไปร้านมือสอง เออใช่ เราจะบอกว่าร้านมือสองที่นี่เยอะมากก เดินไปที่ไหนก็เจอตลอด คงเป็นคล้ายๆร้ายขายของเก่าอะไรแบบนี้ เป็นร้านเล็กๆติดกันยาวววๆๆ แล้วคือของข้างในสะอาด ราคาถูกด้วย พ่อกับแม่เราชอบมากร้านแบบนี้ เข้าแทบทุกร้านที่เดินผ่าน มีอยู่ร้านนึง เราซื้อของแล้วเดินไปจ่ายเงิน ครั้งแรกไม่กล้าเพราะกลัวเขารัวภาษาอังกฤษใส่ เราเลยให้น้องชายไปจ่ายก่อน ก็แบบ เออ ง่ายดี จ่ายๆก็จบ ทีนี้ตอนเราไปจ่าย ในใจคือภาวนาอย่าถามอะไรเลยนะ จ่ายเสร็จเราหยิบเอาของ ในใจคือโล่งละ สักพักพนักงานรัวภาษาอังกฤษใส่ เอ๋อ-เลยจ้า ฟังไม่รู้เรื่อง เราแบบ เงียบกริบ นังน้องชายตัวดีก็ไปไหนแล้วก็ไม่รู้ สักพักพนักงานพูดประโยคนึงขึ้นซึ่งเราฟังออกนิดหน่อย ทำนองว่า เราพูดอังกฤษไม่ได้อะไรงี้ คือเรารีบเดินออกจากร้านเลย อายมากตอนนั้น เป็นอีกประสบการณ์นึงที่เราแบบ นอยไปเลย
อีกเรื่องคือเราอยู่นอกเมืองไม่ได้อยู่ในเมือง ซึ่งมันก็ค่อนข้างสงบไม่เสียงดัง ส่วนใหญ่มีแต่คนแก่คนสูงอายุทั้งนั้น อากาศดีมากด้วย พ่อเราจะชอบพาเรากับน้องไปปั่นจักรยาน มันก็ทั้งสนุกทั้งเหนื่อยแหละ แถมบางทีแวะสุสานเล็กๆด้วย มันเป็นสุสานที่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่บรรยากาศก็ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว แถมช่วง6โมงเย็นเสียงนาฬิกาคือจะดังไปทั่วเมืองเลย ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างนึงเลย
เออ แล้วอีกอย่างเราพึ่งรู้เรื่องนึง คือคนส่วนใหญ่ที่เราเห็นนะ เขาจะไม่ค่อยกินอาหารตามร้าน ก็มีบ้างแหละ แต่ส่วนน้อย อย่างกรณีพ่อเราจะซื้ออาหารแช่แข็งมาทำกินเอง ไม่ค่อยไปกินที่ร้าน หรือนอกบ้าน สาเหตุคืออาหารที่ร้านแพงมาก ไม่สู้ซื้ออาหารมาทำกินเองถูกกว่า ตอนเราไปก็ได้กินอาหารที่ร้านแค่2-3รอบเอง ส่วนที่เหลือคือซื้ออาหารแช่แข็งมาทำกินเองที่บ้าน แต่ที่เราชอบมากที่สุดคือช็อคโกแลตที่นี้ คืออันถูกๆมีเยอะมาก ต่ำสุดประมาณ50pหรือ1P ประมาณ40กว่าบาทไทย ซึ่งเราจะซื้อมากินบ่อยๆแต่ไม่ใช่จะไม่มีอันแพงนะ อันแพงก็มี แต่แค่อันถูกๆก็อร่อยแล้ว
อีกเรื่องคือเรื่องความเป็นระเบียบ คือมีวันนึงเราเอาโฟมไปทิ้งที่ขยะและด้วยที่มันใหญ่แล้วถังขยะก็เต็ม เราเลยเอาวางไว้ข้างๆถังขยะ ทีนี้รถเก็บขยะมาปรากฏว่าเขาไม่เอาทิ้งด้วย คือแบบประมาณว่าเธอไม่ใส่ในขยะฉันก็ไม่เอาไปด้วยไรงี้ แล้วเขาแยกขยะด้วย แบบขยะเปียก ขยะแห้ง กล่องโฟม ขยะอันตราย หรือพวกเศษอาหาร ถือว่าเขาแยกกันจริงจังกว่าบ้านเราเยอะเลย
อะต่อ อีกเรื่องคือเราจะชอบไปพวกร้านเกม เป็นเกมพวกหยอดเหรียญ ยอดให้เหรียญเยอะๆแล้วเหรียญก็จะหล่นลงมา หล่นมากหล่นน้อยก็อีกเรื่อง บางที่ก็มีพวกของมาล่อ เช่น สร้อย กำไล สกุชชี่ของเล่น แพงๆหน่อยก็พวกหูฟังหรืออื่นๆค่าหยอดเหรียญก็เเพงขึ้น แต่ที่รู้ๆคือเล่นทีไรหมดตัวทุกที ถ้าโชคดีหน่อยเดินๆอยู่เฉยก็จะมีเหรียญตกลงมา อะไรงี้ สนุกมาก ชอบ
อีกเหตุการณ์ความแตกต่างระหว่างเมืองลอนดอนกับทอร์คีย์
ครอบครัวเราพากันไปเที่ยวที่ลอนดอน ซึ่งความแตกต่างคือเห็นได้ชัด คนเยอะ เสียงดัง มีพวกร้านเหล้าแอลกอฮอร์ถือว่าเยอะ พวกวัยรุ่นคือเยอะมาก แต่สถานที่สนุกๆก็มีเยอะเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ทุกที่ในลอนดอนหรอกก็แค่บางสถานที่ใหญ่ๆเท่านั้น
ตอนไปก็คิดว่า เออ จะได้เห็นหอนาฬิกาใหญ่ แต่ไปถึงคือเฟลมาก หอนาฬิกาคือยังซ่อมไม่เสร็จใช้งานไม่ได้ แล้วคือพ่อเล่าให้ฟังว่าซ่อมมาหลายปีแล้วไม่เสร็จสักที
อีกเหตุการณ์นึงคือการประท้วง คือคนประท้วงกันเยอะมาก ตอนนั้นเหมือนจะเป็นเรื่องคนผิวสีนี้แหละ ประมาณว่าคนผิวสีเยอะมากแบบมากๆจนทำให้คนผิวขาวหรือคนประเทศเขาไม่พอใจอะไรแบบนี้ แล้วรัฐบาลเขาก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีกไม่ให้คำตอบสักทีว่าจะเอายังไงเหมือนจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มระหว่างเห็นด้วยกับคนผิวดำที่จะอยู่ที่นี้กับไม่เห็นด้วย แต่คนไม่ได้ประท้วงกันน่ากลัวนะ แค่ยืนประท้วงกันเป็นกลุ่มๆบางคนก็ถือไบเบิลมาอ่านบ้าง บางคนถือธงเดินอ้อมเมือง ค่อนข้างวุ่นวายเลย แถมมีนักข่าวมาทำข่าวด้วย
อีกเรื่องนึงคือเราสงสัย ทำไมผู้ชายฝรั่งคือหล่อๆกันทั้งนั้นอะ แบบหล่อทั้งกลุ่ม โอ้ยคือดีย์ อยากหอบกลับบ้านไปฝากเพื่อนอยู่555 แล้วฝรั่งคืออายุ14-15คืออย่างกับคนอายุ19-20กว่าๆ สาวหล่อกันมากกกก
ต่อด้วยการบุลลี่ ซึ่งเราบังเอิญเจอที่สาธารณะ
น่าจะที่แมนยู คือเราไปเที่ยวที่นั่น เราเห็นเด็กผู้ชายเป็นกลุ่มประมาณ3-4คน ผู้ชายในกลุ่มคนนึงถือกระเป๋าอยู่ซึ่งน่าจะเป็นกระเป๋าที่ซื้อมาจากในแมนยูมั้งไม่แน่ใจ (ประเด็นคือของในนั้นแพงม๊ากก)เพื่อนคนนึงก็ไปแย่งกระเป๋ามา ซึ่งคนที่โดนแย่งก็พยายามจะเอาคืน คือดูจากหน้าก็รู้ว่าไม่เล่นด้วย
อีกเหตุการณ์ฝั่งของผู้หญิงบ้าง เหตุการณ์นี้เกิดตรงที่ลิเวอร์พูลมั้ง คือเราก็ไปเที่ยวถ่ายรูปกับครอบครัวนั้นแหละ เราเห็นผู้หญิงกลุ่มนึง มีประมาณ3คน อีกคนหอบหนังสืออยู่ เพื่อนผญ.อีกสองคนคือขอให้ผญ.ที่หอบหนังสืออยู่ถ่ายรูปให้ แต่มือผญ.คือไม่ว่างเพราะหอบหนังสืออยู่ หนึ่งในผู้หญิงในกลุ่มเลยปัดหนังสือในมืออกจนหนังสือหล่นกระจายทั่วพื้น แล้วยัดทรศ.ให้อีกฝ่ายถ่ายรูปให้ แค่นี้แหละที่เราเห็น
ก็มีแค่นี้แหละค่ะ ประสบการณ์ที่เราไป อาจจะไม่ทั่งหมดเพราะเราขก.เขียน555 ยังไงครั้งหน้าถ้าเราไปเราจะต้องพูดอังกฤษและสื่อสารให้ได้ค่ะ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ☺️
ประสบการณ์ไปเที่ยวต่างประเทศ เพื่อนๆมาแชร์กัน
(เจ้าของกระทู้อายุยังไม่ถึง18 แน่นอนว่าภาษาอย่าพูดถึงค่ะ ไม่รอด)
ช่วงเราไปคือช่วงฤดูหนาวกำลังจะฤดูร้อนแต่สภาพอากาศประเทศเขายังหนาวอยู่ เรามาเที่ยวประมาณ3เดือนค่ะ ส่วนเรื่องที่พักเราพักอยู่กับพ่อค่ะ(พ่อเลี้ยงนะคะ)
ทุกคนคงสงสัยเรามีพ่อเป็นคนต่างชาติแต่ทำไมพูดภาษาไม่ได้ เหตุผลก็ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ เพราะพ่อเราเก่งภาษาไทย พ่อเราเคยมาไทยบ่อยมากกกกกก เลยพูดภาษาไทยได้ปรื๋อเลยค่ะ พ่อเราเคยพูดอังกฤษกับเราอยู่นะคะตอนเด็กๆ แต่เราฟังไม่รู้เรื่องและมันยุ่งยากบวกกับพ่อพูดไทยได้ สุดท้ายก็ลงเอยอย่างที่เห็นค่ะ
มาต่อเรื่องไปเที่ยว
ไปถึงประมาณเที่ยงคืนเวลาอังกฤษ
เราพักกับพ่อซึ่งเป็นบ้านที่ติดกันกับคนอื่นๆ คือบ้านเราอยู่ชั้นสอง บ้านอีกคนก็อยู่ชั้นหนึ่งอะไรแบบนี้อะค่ะ
วันแรกที่เราไปก็ตรงดิ่งไปที่นอนเลย เหนื่อยง่วงมากๆ นอนไปได้สักพักตื่นมาตอน6โมงเช้า เวลาที่ไทยก็ประมาณ เที่ยง อากาศคือยังหนาวอยู่ประมาณ8-9องศาได้ แล้วคือสภาพตอนเรามาที่นี้บอกเลยเหมือนศพมาก ปากซีด ปากแตก น้ำไม่อาบ ผมไม่สระไปหลายวัน เพราะอากาศหนาว เราใส่เสื้อผ้าที5-6ตัวทับกัน
วันนึง วันไหนไม่รู้ เราเดินลงไปตากผ้า ซึ่งมันอยู่ชั้นล่างคือเราหยิบๆรีบๆตากเพราะอากาศหนาว ลมเย็นด้วย สักพักมีผู้ชายเดินมาทักทาย บ้านเขาน่าจะติดกันแถวๆนี้แหละ ดูมีอายุหน่อย เดินมาทักทายเราแล้วถามอะไรสักอย่างซึ่งเราแปลไม่ออก!!! ยังไงล่ะทีนี้ ในใจคือแบบฉันต้องตอบอะไรดีวะ หรือจะวิ่งหนีเลย ด้วยความที่เราตากผ้าเสร็จพอดีเราเลยยิ้มๆให้เขานิดหน่อย แล้ววิ่งขึ้นข้างบนเลย เป็นสถานะการที่แบบทั้งอายทั้งทำตัวไม่ถูก ในใจคือถ้าเราเก่งภาษากว่านี้ก็คงดี
วันนึง ไม่รู้วันไหน พวกเราไปร้านมือสอง เออใช่ เราจะบอกว่าร้านมือสองที่นี่เยอะมากก เดินไปที่ไหนก็เจอตลอด คงเป็นคล้ายๆร้ายขายของเก่าอะไรแบบนี้ เป็นร้านเล็กๆติดกันยาวววๆๆ แล้วคือของข้างในสะอาด ราคาถูกด้วย พ่อกับแม่เราชอบมากร้านแบบนี้ เข้าแทบทุกร้านที่เดินผ่าน มีอยู่ร้านนึง เราซื้อของแล้วเดินไปจ่ายเงิน ครั้งแรกไม่กล้าเพราะกลัวเขารัวภาษาอังกฤษใส่ เราเลยให้น้องชายไปจ่ายก่อน ก็แบบ เออ ง่ายดี จ่ายๆก็จบ ทีนี้ตอนเราไปจ่าย ในใจคือภาวนาอย่าถามอะไรเลยนะ จ่ายเสร็จเราหยิบเอาของ ในใจคือโล่งละ สักพักพนักงานรัวภาษาอังกฤษใส่ เอ๋อ-เลยจ้า ฟังไม่รู้เรื่อง เราแบบ เงียบกริบ นังน้องชายตัวดีก็ไปไหนแล้วก็ไม่รู้ สักพักพนักงานพูดประโยคนึงขึ้นซึ่งเราฟังออกนิดหน่อย ทำนองว่า เราพูดอังกฤษไม่ได้อะไรงี้ คือเรารีบเดินออกจากร้านเลย อายมากตอนนั้น เป็นอีกประสบการณ์นึงที่เราแบบ นอยไปเลย
อีกเรื่องคือเราอยู่นอกเมืองไม่ได้อยู่ในเมือง ซึ่งมันก็ค่อนข้างสงบไม่เสียงดัง ส่วนใหญ่มีแต่คนแก่คนสูงอายุทั้งนั้น อากาศดีมากด้วย พ่อเราจะชอบพาเรากับน้องไปปั่นจักรยาน มันก็ทั้งสนุกทั้งเหนื่อยแหละ แถมบางทีแวะสุสานเล็กๆด้วย มันเป็นสุสานที่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่บรรยากาศก็ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว แถมช่วง6โมงเย็นเสียงนาฬิกาคือจะดังไปทั่วเมืองเลย ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างนึงเลย
เออ แล้วอีกอย่างเราพึ่งรู้เรื่องนึง คือคนส่วนใหญ่ที่เราเห็นนะ เขาจะไม่ค่อยกินอาหารตามร้าน ก็มีบ้างแหละ แต่ส่วนน้อย อย่างกรณีพ่อเราจะซื้ออาหารแช่แข็งมาทำกินเอง ไม่ค่อยไปกินที่ร้าน หรือนอกบ้าน สาเหตุคืออาหารที่ร้านแพงมาก ไม่สู้ซื้ออาหารมาทำกินเองถูกกว่า ตอนเราไปก็ได้กินอาหารที่ร้านแค่2-3รอบเอง ส่วนที่เหลือคือซื้ออาหารแช่แข็งมาทำกินเองที่บ้าน แต่ที่เราชอบมากที่สุดคือช็อคโกแลตที่นี้ คืออันถูกๆมีเยอะมาก ต่ำสุดประมาณ50pหรือ1P ประมาณ40กว่าบาทไทย ซึ่งเราจะซื้อมากินบ่อยๆแต่ไม่ใช่จะไม่มีอันแพงนะ อันแพงก็มี แต่แค่อันถูกๆก็อร่อยแล้ว
อีกเรื่องคือเรื่องความเป็นระเบียบ คือมีวันนึงเราเอาโฟมไปทิ้งที่ขยะและด้วยที่มันใหญ่แล้วถังขยะก็เต็ม เราเลยเอาวางไว้ข้างๆถังขยะ ทีนี้รถเก็บขยะมาปรากฏว่าเขาไม่เอาทิ้งด้วย คือแบบประมาณว่าเธอไม่ใส่ในขยะฉันก็ไม่เอาไปด้วยไรงี้ แล้วเขาแยกขยะด้วย แบบขยะเปียก ขยะแห้ง กล่องโฟม ขยะอันตราย หรือพวกเศษอาหาร ถือว่าเขาแยกกันจริงจังกว่าบ้านเราเยอะเลย
อะต่อ อีกเรื่องคือเราจะชอบไปพวกร้านเกม เป็นเกมพวกหยอดเหรียญ ยอดให้เหรียญเยอะๆแล้วเหรียญก็จะหล่นลงมา หล่นมากหล่นน้อยก็อีกเรื่อง บางที่ก็มีพวกของมาล่อ เช่น สร้อย กำไล สกุชชี่ของเล่น แพงๆหน่อยก็พวกหูฟังหรืออื่นๆค่าหยอดเหรียญก็เเพงขึ้น แต่ที่รู้ๆคือเล่นทีไรหมดตัวทุกที ถ้าโชคดีหน่อยเดินๆอยู่เฉยก็จะมีเหรียญตกลงมา อะไรงี้ สนุกมาก ชอบ
อีกเหตุการณ์ความแตกต่างระหว่างเมืองลอนดอนกับทอร์คีย์
ครอบครัวเราพากันไปเที่ยวที่ลอนดอน ซึ่งความแตกต่างคือเห็นได้ชัด คนเยอะ เสียงดัง มีพวกร้านเหล้าแอลกอฮอร์ถือว่าเยอะ พวกวัยรุ่นคือเยอะมาก แต่สถานที่สนุกๆก็มีเยอะเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ทุกที่ในลอนดอนหรอกก็แค่บางสถานที่ใหญ่ๆเท่านั้น
ตอนไปก็คิดว่า เออ จะได้เห็นหอนาฬิกาใหญ่ แต่ไปถึงคือเฟลมาก หอนาฬิกาคือยังซ่อมไม่เสร็จใช้งานไม่ได้ แล้วคือพ่อเล่าให้ฟังว่าซ่อมมาหลายปีแล้วไม่เสร็จสักที
อีกเหตุการณ์นึงคือการประท้วง คือคนประท้วงกันเยอะมาก ตอนนั้นเหมือนจะเป็นเรื่องคนผิวสีนี้แหละ ประมาณว่าคนผิวสีเยอะมากแบบมากๆจนทำให้คนผิวขาวหรือคนประเทศเขาไม่พอใจอะไรแบบนี้ แล้วรัฐบาลเขาก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีกไม่ให้คำตอบสักทีว่าจะเอายังไงเหมือนจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มระหว่างเห็นด้วยกับคนผิวดำที่จะอยู่ที่นี้กับไม่เห็นด้วย แต่คนไม่ได้ประท้วงกันน่ากลัวนะ แค่ยืนประท้วงกันเป็นกลุ่มๆบางคนก็ถือไบเบิลมาอ่านบ้าง บางคนถือธงเดินอ้อมเมือง ค่อนข้างวุ่นวายเลย แถมมีนักข่าวมาทำข่าวด้วย
อีกเรื่องนึงคือเราสงสัย ทำไมผู้ชายฝรั่งคือหล่อๆกันทั้งนั้นอะ แบบหล่อทั้งกลุ่ม โอ้ยคือดีย์ อยากหอบกลับบ้านไปฝากเพื่อนอยู่555 แล้วฝรั่งคืออายุ14-15คืออย่างกับคนอายุ19-20กว่าๆ สาวหล่อกันมากกกก
ต่อด้วยการบุลลี่ ซึ่งเราบังเอิญเจอที่สาธารณะ
น่าจะที่แมนยู คือเราไปเที่ยวที่นั่น เราเห็นเด็กผู้ชายเป็นกลุ่มประมาณ3-4คน ผู้ชายในกลุ่มคนนึงถือกระเป๋าอยู่ซึ่งน่าจะเป็นกระเป๋าที่ซื้อมาจากในแมนยูมั้งไม่แน่ใจ (ประเด็นคือของในนั้นแพงม๊ากก)เพื่อนคนนึงก็ไปแย่งกระเป๋ามา ซึ่งคนที่โดนแย่งก็พยายามจะเอาคืน คือดูจากหน้าก็รู้ว่าไม่เล่นด้วย
อีกเหตุการณ์ฝั่งของผู้หญิงบ้าง เหตุการณ์นี้เกิดตรงที่ลิเวอร์พูลมั้ง คือเราก็ไปเที่ยวถ่ายรูปกับครอบครัวนั้นแหละ เราเห็นผู้หญิงกลุ่มนึง มีประมาณ3คน อีกคนหอบหนังสืออยู่ เพื่อนผญ.อีกสองคนคือขอให้ผญ.ที่หอบหนังสืออยู่ถ่ายรูปให้ แต่มือผญ.คือไม่ว่างเพราะหอบหนังสืออยู่ หนึ่งในผู้หญิงในกลุ่มเลยปัดหนังสือในมืออกจนหนังสือหล่นกระจายทั่วพื้น แล้วยัดทรศ.ให้อีกฝ่ายถ่ายรูปให้ แค่นี้แหละที่เราเห็น
ก็มีแค่นี้แหละค่ะ ประสบการณ์ที่เราไป อาจจะไม่ทั่งหมดเพราะเราขก.เขียน555 ยังไงครั้งหน้าถ้าเราไปเราจะต้องพูดอังกฤษและสื่อสารให้ได้ค่ะ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ☺️