ได้ไปเที่ยวลาวตั้งแต่ช่วงหยุดปีใหม่ โดยหาข้อมูลจากพันทิปนี่แหละ ช่วงอยู่บ้านโควิดจึงเป็นโอกาสอันดีที่จะเปิดกระทู้รีวิวแรกในพันทิปของเราหลังจากสิงสถิตย์ในพันทิปเป็นสิบปี ปกติไม่เคยตั้งกระทู้ในพันทิป ส่วนมากไปเที่ยวแล้วชอบแชร์เรื่องราวใน Facebook ส่วนตัว นี่มีเวลาเลยลองทำดู รูปไม่สวยมาก บางขั้นตอนก็ไม่ได้ถ่ายไว้ รีวิวแบบบ้านๆ ยังพอจำข้อมูลได้อยู่ เผื่อเพื่อนๆจะมีแพลนไปลาวหลังโควิดซาจะได้เป็นข้อมูลเนอะ ไม่พูดพร่ำทำเพลง ขอเชิญรับชมเลยค่าาา

ทริปลาวครั้งนี้ ไม่ยากมาก แต่เหนื่อยจากการเดินทางเล็กน้อยและหลายเหตุการณ์ก็นอกเหนือจากแผนที่วางไว้ เป็นรสชาติของชีวิตกรุบๆ
หลังจากหาข้อมูลในเน็ตมาสักพัก ก็สะกิดแฟนไปผจญภัยแดนลาวสิ้นปี...แฟนหวังว่าจะเป็นทริปฮันนีมูน....หราาา
#วันแรก เดินทางสู่เวียงจันทน์
การเดินทาง คือ นั่งเครื่องบินหางแดงจากดอนเมือง ลงสนามบินอุดรไฟลท์เช้า แล้วหารถไปบขส.อุดรเพื่อนั่งรถบัสจากอุดรไปเวียงจันทน์ มาผ่านตม.ที่ด่านหนองคาย ที่อ่านมาคือให้แลกตังค์ที่นี่เลย แต่พนักงานรถบอกว่า พี่ยังไม่ต้องแลกตังค์ที่ด่านนะ คนขับรีบ ให้ไปหาแลกเอาที่เวียงจันทน์แทน แล้วก็ไปกันต่อโล้ด นั่งรถรวม 1 ชม. 30 นาที พอถึงบขส.ตลาดเช้าที่เวียงจันทน์ ความสนุกก็เริ่มต้น...
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว จ.หนองคาย
แผนเดิม คือ จะหารถไปสายเหนือเพื่อนั่งรถไปที่หลวงพระบาง แต่ผิดแผน พอลงจากรถบัสที่เวียงจันทน์ปุ๊บ เรากับแฟนรู้สึกถึงความเป็นซุปตาร์ เพราะสามล้อเวียงจันทน์มารุมถาม ไปไสๆๆๆๆ เราจะบ่ไปๆๆๆๆ ก็ตามตื๊อ แฟนเราก็อ่ะ คุยกับพี่สามล้อว่า จะหารถไปหลวงพระบาง เขาบอกว่าแผนเรานั่งรถบัสไปหลวงพระบางมันช้ามาก อาจถึงหลวงพระบางตี 2 ไปรถตู้ไปลงวังเวียงแล้วต่อรถตู้ที่วังเวียงไปหลวงพระบางจะเร็วกว่า แต่ทั้ง 2 วิธียังไงก็ต้องไปสามล้อพี่ ด้วยความรีบๆ ความจะหารถบัสไปต่อก็งงๆ บวกกับความซื่อของเราสอง พอไปถึงคิวรถตู้ ก็ไปคุยกับคนขับตู้ว่า พอพวกหนูไปถึงวังเวียงพี่ต้องหารถไปหลวงพระบางต่อให้หนูด้วยนะ ไปได้แน่นะ พี่แกก็ย้ำนักย้ำหนาว่า ไปได้ๆ บ่มีปัญหา เดี๋ยวนางจะโทรจองที่นั่งรถตู้ให้ เราก็เออ เอาวะไปก็ไป ตู้ก็ตู้!! เงินกีบก็ยังไม่ได้แลกเลยนะเพราะใช้เงินไทยที่นี่ได้
ถามว่าทำไมไม่บินตรงไปหลวงพระบางเลย.....ความงกไง แล้วคิดปุ๊ปจะไปปั๊บ ก็เจอตั๋วแพง งานเยอะเวลาวางแผนก็น้อย ก็เลยมาดูรีวิวต่างๆก็บอกว่ามาวิธีต่อรถแบบนี้กันหลายคน (ตอนเราไปพม่าก็ดูรีวิวเหมือนกัน หน้างานจริงก็จะอีกแบบ 555555) ถ้าให้เราแนะนำจริงๆก็ อยากเที่ยวสบายๆบินมาเหอะ บินมาเริ่มต้นที่หลวงพระบาง เที่ยวเสร็จจะบินกลับ หรือค่อยนั่งรถต่อไปเมืองอื่นก็ว่าไป
มาบันเทิงต่อ นั่งรถตู้ไปวังเวียง ด้วยทาง 2 เลนสวนกัน ถนนเหี้ยมมากกกก ดึ๋งๆๆๆๆ 4 ชม. ระหว่างจอดแวะพักกลางทาง ก็คุยกับพี่คนขับ ว่าไงพี่ ไปต่ออีกกี่ชม. ยังไม่ทันไร พี่คนขับก็บอกว่า ไปถึงอาจจะไม่มีรถต่อ ช่วงปีใหม่คนกลับบ้านเยอะมันเต็มหมด เราก็ อ่าววววว อ่าววววววววว พี่ขาาาาา นี่มันกลางทางพี่มาบอกอย่างงี้แล้วพวกหนูจะทำยังไงล่ะคะ พวกเราก็เริ่มเครียด แฟนเราบอกกับพี่คนขับว่า พี่ช่วยพวกผมหน่อยนะ โทรไปหารถยังไงก็ได้ พวกผมจองที่พักที่หลวงพระบางไว้แล้ว 2 คืน ยังไงพวกผมก็ต้องไปหลวงพระบาง พี่แกก็รับปากแบบกึ่งรับกึ่งสู้ว่า เดี๋ยวจะพยายามโทรหาให้ ทีนี้พอขึ้นรถไปถึงวังเวียง ลางกาลกิณีก็เป็นผล....เขาหารถให้ไม่ได้จริงๆ ถ้าจะเหมารถก็แพงมากกกก ใกล้มืดแล้วด้วย ทางอันตราย เราก็เลยตัดใจทิ้งห้องที่หลวงพระบางไปคืนนึง แล้วนอนวังเวียงนี่แทน
ความโชคดีคือ พี่ที่วังเวียงที่เป็นคนหารถตู้ให้ รับแลกตังค์ เรท 1 บาท = 300 กีบ แล้วก็ช่วยคุยกับห้องพักแถวนั้นให้ได้ราคาต่อคืนไม่ถึง 500 บาท สงสัยเค้าคงเห็นเราเสียค่ารถกันมาเยอะแล้ว พักกันที่โรงแรมวังเวียงเซ็นทรัล จำชื่อได้ไม่เป๊ะ สภาพห้องพอใช้ได้ แล้วก็จองรถตู้ไปหลวงพระบางให้ตอนเช้าวันต่อไป (ค่ารถตู้คนละ 400 บาท) งานนี้หมดค่ารถเยอะมาก
#คืนแรก นอนวังเวียง
ไปย้อมใจกันที่ ซากุระบาร์ ช่วง 2-3 ทุ่มมีเครื่องดื่มฟรีจ้าา บุฟเฟต์กันไปเลย ดูไม่งกว็อดก้าด้วย เดินเวียนไปเติมคนละ 4 รอบ ดึกๆหน่อยมีโอปป้า อนนี่เกาหลี มาเต้นๆอยู่กลางเวที เพลงมิกซ์ก็โอเคเลย เปิดโลกเลยไม่เคยเห็น ผับเป็นเพิงไม้กับสังกะสีธรรมดา แต่นักท่องเที่ยวหลายคนต้องไปเยือน

กลางเวทีคือที่ให้เต้น

น้องหมาเฝ้าผับ
#วันที่สอง เตรียมตัวออกจากวังเวียง ไปสู่หลวงพระบาง
เช้าวันที่สอง กินเฝอ กับโจ๊ก ร้านโลคอลๆแถวที่พัก แต่อร่อยเลย แล้วก็เดินทางต่อไปหลวงพระบาง อีก 4 ชม. ด้วยถนนแบบเดิม เพิ่มเติมคือทางพันโค้งขึ้นเขา ดึ๋งๆๆๆ ส่ายไปส่ายมา แต่วิวระหว่างทางสวยมากกก ที่จอดแวะพัก คือ วิวหลักล้านบนภูเขา
เฝอมื้อเช้าที่วังเวียง
บนรถตู้ระหว่างทางจากวังเวียงไปหลวงพระบาง ดูมือพี่ฝรั่งด้านหน้าสิ จับแน่นเชียว เรานั่งหลังสุดก็จะเวียนๆหน่อย

ระหว่างทางพักรถไปหลวงพระบาง อากาศเย็นมากๆ พักดื่มน้ำปัสสาวะกันที่นี่
เราถึงหลวงพระบางประมาณบ่ายโมงครึ่ง คราวนี้ไม่เป็นซุปตาร์ไม่มีสามล้อรุม ลงจากรถตู้มา ก็เดินจ้ำถึงที่พักไปเก็บของเช็คอินเลย เราพักกันที่ โรงแรมมายลาวโฮม ห้องโอเค น่ารัก ลืมถ่ายรูปในห้องมา ทำเลเดินทางสะดวก มาถึงก็เหวี่ยงกระเป๋า แล้วเดินออกมาข้างๆโรงแรม มาเช่าจักรยานปั่นรอบเมือง ค่าเช่าคนละ 15000 กีบ ขอแผนที่พี่เค้ามาด้วย สถานที่ที่ไปตามนี้ ปั่นออกไปกินข้าวที่ Bakery Cafe ริมโขง - วัดเซียงทอง (เสียค่าเข้าคนละ 20000 กีบ) สวยมากๆ สีทองตัดกับสีแดงเข้ม - วัดแสนสุขาราม - พระราชวังหลวงพระบาง - พระธาตุพูสี จุดชมวิวเมือง - ร้าน Joma Bakery - เดินตลาดมืด จบวันด้วยแพคเกจโรงแรม นวดฟรี 1 ชม.
ในตัวเมืองหลวงพระบางไม่ใหญ่มาก เราสามารถเดิน หรือเช่าจักรยานได้ทั่วเลยค่ะ
บ้านเมืองเค้าประมาณนี้
มื้อแรกที่หลวงพระบาง กินข้าวที่ร้าน Bakery Cafe ริมโขง

เมนูที่สั่งก็เป็นพวกส้มตำ ลาบ ไก่ย่าง ที่เราคุ้นเคย แต่รสชาติต่างกันเล็กน้อย อย่างลาบหมูของเขาจะไม่เปรี้ยวเลย ลองกินร้านอื่นก็จะรสชาติประมาณนี้ อร่อยยยยย

ส้มตำบ้านเค้าจะนัวปลาร้ากว่า ที่นี่เค้าจะถามเราว่าเอาปลาร้ามากหรือน้อย จริงๆจะมีตำหลวงพระบางดั้งเดิมแบบที่ฝานมะละกอเป็นแผ่นๆ เดี๋ยวจะมีรูปตอนกินร้านอื่นค่า
หลังจากกินอิ่ม ก็มีแรงปั่นจักรยานต่อ มาที่วัดเซียงทองค่ะ
วัดเซียงทอง - เป็นวัดที่เขาเคลมว่าสวยสุดๆในหลวงพระบาง เราก็ว่าสวยจริง ของจริงสวยกว่าในรูปมาก

วัดแสนสุขาราม อย่าถามประวัติความเป็นมานะไม่รู้จริงๆ >< แต่ที่รู้ๆคือวัดสวย สวยทุกวัดเลย

ปั่นต่อมาที่ พระราชวังหลวงพระบาง ในบริเวณรั้วก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เราไปเย็นๆแล้ว เลยถ่ายได้แต่ด้านนอกค่ะ

จอดจักรยานไว้ด้านหน้าประตูพระราชวัง แล้วเดินข้ามถนนไปขึ้นพระธาตุพูสี

มองหันหลังลงมาจะเห็นว่า ตลาดมืดเริ่มตั้งแผงกันแล้ว ถนนตรงนั้นจะปิดเป็นถนนคนเดินตอนกลางคืนค่ะ

ถึงแล้ว นี่ตัวพระธาตุ ข้างในมีพระพุทธรูปและพระธาตุให้สักการะเป็นสิริมงคล
พอนั่งหายเหนื่อย ก็มาชมวิวเมืองหลวงพระบางมุมสูงกัน

ข้างบนอากาศเย็นดี ยิ่งเย็นคนยิ่งเยอะ พอนั่งพักแป๊บนึงก็ลงมาเอาจักรยานเพื่อเอาไปคืนร้านค่ะ
แล้วก็เดินไปนั่งกินขนมรองท้องกันที่ Joma Bakery ขนมอร่อยสมคำร่ำลือ ร้านก็น่ารักนะ ลืมบอกไปว่า โรงแรมที่เราพัก ปากซอยก็คือร้านนี้ค่ะ
เสร็จแล้วก็ออกมาเดินเล่นที่ตลาดมืดต่อ อย่างที่บอกเมืองเล็กสามารถเดินได้ทั่วเมืองเลย จะหาซื้อของฝากก็ซื้อได้ที่นี่เลย แต่ของก็จะคล้ายๆไทยหน่อย งานศิลปะเก๋ๆก็มี

มาช่วงปีใหม่ ก็จะมีลานเบียร์ มีงานแสดงเวที ก่อนหน้าเป็นโชว์ลาวกระทบไม้ดูเพลินๆ จะหาของกินก็หาได้ที่นี่
#วันที่สาม
เริ่มต้นด้วยการตักบาตรข้าวเหนียว ที่จองชุดใส่บาตรไว้กับโรงแรมตั้งแต่เมื่อวาน มีผ้าให้พาดไหล่ด้วย เขาจะเริ่มใส่กัน 05.30น. นักท่องเที่ยวบางส่วนมาใส่นิดเดียว ที่เหลือถ่ายรูป คืออีกฟากของเรานี่เต็มไปด้วยตากล้อง พอพระมา ก็รัวชัตเตอร์เลย ประหนึ่งว่าเป็นเซเลบ แล้วพระท่านก็สปีดมาก จกข้าวเหนียวไม่ทันเลยทีเดียว การใส่บาตรคือใส่แต่ข้าวเหนียวจริงๆ เอามือจกข้าวเหนียวใส่บาตรไปเลย

ตรงโซนเราจะมีแต่นักท่องเที่ยว มีลาวท้องถิ่นมาใส่จริงๆบางส่วน ใส่เสร็จ เดินไปหาของกิน ก็เจอแบบที่ชาวบ้านเขาใส่บาตรจริงๆตามซอย
จากที่อ่านมาคือ พระจะออกบิณบาตรรับแต่ข้าวเหนียว ส่วนกับข้าวชาวบ้านเขาจะไปทำบุญถวายอีกทีที่วัดจ้าา
อันนี้คือเรียล
ใส่บาตรเสร็จ เดินไปหาของกิน กินข้าวต้ม ปาท่องโก๋ โอเลี้ยง ที่ร้านกาแฟประชานิยม ที่ใครๆเขาแนะนำกัน - เดินตลาดเช้า - กินแฟร้าน Safron Coffee ที่ได้แพคเกจฟรี 1 แก้วจากโรงแรม กลับมาเช็คเอ๊าท์ เพื่อเดินทางไปน้ำตกตาดกวงสี โดยเช่ารถส่วนตัวนำเที่ยว น้ำตกตาดกวงสี เขาบอกว่าเป็นน้ำตกที่สวยมาก น้ำใสไหลเย็น มาหลวงพระบางต้องมาที่นี่ห้ามพลาดเด็ดขาด และทางเข้าน้ำตกมีน้องหมีควายที่มีคนช่วยเหลือจากการถูกฆ่าและเลี้ยงไว้ต้อนรับตรงทางเข้าน้ำตก
กาแฟประชานิยม คนนิยมจริงๆ

อากาศเย็นๆตอนเช้ากินเมนูนี้มันฟินมาก

ตลาดเช้าหลวงพระบาง คือตลาดสด สินค้าอาหารสดท้องถิ่นมีให้เลือกสรร บังเอิญเดินตามหลังแหม่มคนเดิมกับที่เจอบนพระธาตุพูสีเลย

กลับมากินกาแฟฟรีก่อนเช็คเอ๊าท์ ฟรี 1 แก้ว อีก 1 แก้วของแฟน ซื้อเองฮะ
หลังจากกินกาแฟเสร็จเช็คเอ๊าท์เรียบร้อย รถตู้ที่จะพาเราไปน้ำตกตาดกวงสีก็มารับที่ล็อบบี้โรงแรมเลย
ระหว่างทางไปน้ำตก พี่คนขับบอกว่าชาวบ้านเค้ากำลังจะไปแสดงในเมือง

เมื่อไปถึงทางเข้าน้ำตก จะมีน้องหมีควายคอยต้อนรับ

แล้วก็เดินตามทางไปเรื่อยๆก็จะถึงน้ำตกตาดกวงสี
[CR] สบายดีทริปลาวยาวๆหน่อย 5 วัน 4 คืน 27/12/2019-01/01/2020 ก่อนโควิด
ทริปลาวครั้งนี้ ไม่ยากมาก แต่เหนื่อยจากการเดินทางเล็กน้อยและหลายเหตุการณ์ก็นอกเหนือจากแผนที่วางไว้ เป็นรสชาติของชีวิตกรุบๆ
หลังจากหาข้อมูลในเน็ตมาสักพัก ก็สะกิดแฟนไปผจญภัยแดนลาวสิ้นปี...แฟนหวังว่าจะเป็นทริปฮันนีมูน....หราาา
#วันแรก เดินทางสู่เวียงจันทน์
การเดินทาง คือ นั่งเครื่องบินหางแดงจากดอนเมือง ลงสนามบินอุดรไฟลท์เช้า แล้วหารถไปบขส.อุดรเพื่อนั่งรถบัสจากอุดรไปเวียงจันทน์ มาผ่านตม.ที่ด่านหนองคาย ที่อ่านมาคือให้แลกตังค์ที่นี่เลย แต่พนักงานรถบอกว่า พี่ยังไม่ต้องแลกตังค์ที่ด่านนะ คนขับรีบ ให้ไปหาแลกเอาที่เวียงจันทน์แทน แล้วก็ไปกันต่อโล้ด นั่งรถรวม 1 ชม. 30 นาที พอถึงบขส.ตลาดเช้าที่เวียงจันทน์ ความสนุกก็เริ่มต้น...
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว จ.หนองคาย
แผนเดิม คือ จะหารถไปสายเหนือเพื่อนั่งรถไปที่หลวงพระบาง แต่ผิดแผน พอลงจากรถบัสที่เวียงจันทน์ปุ๊บ เรากับแฟนรู้สึกถึงความเป็นซุปตาร์ เพราะสามล้อเวียงจันทน์มารุมถาม ไปไสๆๆๆๆ เราจะบ่ไปๆๆๆๆ ก็ตามตื๊อ แฟนเราก็อ่ะ คุยกับพี่สามล้อว่า จะหารถไปหลวงพระบาง เขาบอกว่าแผนเรานั่งรถบัสไปหลวงพระบางมันช้ามาก อาจถึงหลวงพระบางตี 2 ไปรถตู้ไปลงวังเวียงแล้วต่อรถตู้ที่วังเวียงไปหลวงพระบางจะเร็วกว่า แต่ทั้ง 2 วิธียังไงก็ต้องไปสามล้อพี่ ด้วยความรีบๆ ความจะหารถบัสไปต่อก็งงๆ บวกกับความซื่อของเราสอง พอไปถึงคิวรถตู้ ก็ไปคุยกับคนขับตู้ว่า พอพวกหนูไปถึงวังเวียงพี่ต้องหารถไปหลวงพระบางต่อให้หนูด้วยนะ ไปได้แน่นะ พี่แกก็ย้ำนักย้ำหนาว่า ไปได้ๆ บ่มีปัญหา เดี๋ยวนางจะโทรจองที่นั่งรถตู้ให้ เราก็เออ เอาวะไปก็ไป ตู้ก็ตู้!! เงินกีบก็ยังไม่ได้แลกเลยนะเพราะใช้เงินไทยที่นี่ได้
ถามว่าทำไมไม่บินตรงไปหลวงพระบางเลย.....ความงกไง แล้วคิดปุ๊ปจะไปปั๊บ ก็เจอตั๋วแพง งานเยอะเวลาวางแผนก็น้อย ก็เลยมาดูรีวิวต่างๆก็บอกว่ามาวิธีต่อรถแบบนี้กันหลายคน (ตอนเราไปพม่าก็ดูรีวิวเหมือนกัน หน้างานจริงก็จะอีกแบบ 555555) ถ้าให้เราแนะนำจริงๆก็ อยากเที่ยวสบายๆบินมาเหอะ บินมาเริ่มต้นที่หลวงพระบาง เที่ยวเสร็จจะบินกลับ หรือค่อยนั่งรถต่อไปเมืองอื่นก็ว่าไป
มาบันเทิงต่อ นั่งรถตู้ไปวังเวียง ด้วยทาง 2 เลนสวนกัน ถนนเหี้ยมมากกกก ดึ๋งๆๆๆๆ 4 ชม. ระหว่างจอดแวะพักกลางทาง ก็คุยกับพี่คนขับ ว่าไงพี่ ไปต่ออีกกี่ชม. ยังไม่ทันไร พี่คนขับก็บอกว่า ไปถึงอาจจะไม่มีรถต่อ ช่วงปีใหม่คนกลับบ้านเยอะมันเต็มหมด เราก็ อ่าววววว อ่าววววววววว พี่ขาาาาา นี่มันกลางทางพี่มาบอกอย่างงี้แล้วพวกหนูจะทำยังไงล่ะคะ พวกเราก็เริ่มเครียด แฟนเราบอกกับพี่คนขับว่า พี่ช่วยพวกผมหน่อยนะ โทรไปหารถยังไงก็ได้ พวกผมจองที่พักที่หลวงพระบางไว้แล้ว 2 คืน ยังไงพวกผมก็ต้องไปหลวงพระบาง พี่แกก็รับปากแบบกึ่งรับกึ่งสู้ว่า เดี๋ยวจะพยายามโทรหาให้ ทีนี้พอขึ้นรถไปถึงวังเวียง ลางกาลกิณีก็เป็นผล....เขาหารถให้ไม่ได้จริงๆ ถ้าจะเหมารถก็แพงมากกกก ใกล้มืดแล้วด้วย ทางอันตราย เราก็เลยตัดใจทิ้งห้องที่หลวงพระบางไปคืนนึง แล้วนอนวังเวียงนี่แทน
ความโชคดีคือ พี่ที่วังเวียงที่เป็นคนหารถตู้ให้ รับแลกตังค์ เรท 1 บาท = 300 กีบ แล้วก็ช่วยคุยกับห้องพักแถวนั้นให้ได้ราคาต่อคืนไม่ถึง 500 บาท สงสัยเค้าคงเห็นเราเสียค่ารถกันมาเยอะแล้ว พักกันที่โรงแรมวังเวียงเซ็นทรัล จำชื่อได้ไม่เป๊ะ สภาพห้องพอใช้ได้ แล้วก็จองรถตู้ไปหลวงพระบางให้ตอนเช้าวันต่อไป (ค่ารถตู้คนละ 400 บาท) งานนี้หมดค่ารถเยอะมาก
#คืนแรก นอนวังเวียง
ไปย้อมใจกันที่ ซากุระบาร์ ช่วง 2-3 ทุ่มมีเครื่องดื่มฟรีจ้าา บุฟเฟต์กันไปเลย ดูไม่งกว็อดก้าด้วย เดินเวียนไปเติมคนละ 4 รอบ ดึกๆหน่อยมีโอปป้า อนนี่เกาหลี มาเต้นๆอยู่กลางเวที เพลงมิกซ์ก็โอเคเลย เปิดโลกเลยไม่เคยเห็น ผับเป็นเพิงไม้กับสังกะสีธรรมดา แต่นักท่องเที่ยวหลายคนต้องไปเยือน
กลางเวทีคือที่ให้เต้น
น้องหมาเฝ้าผับ
#วันที่สอง เตรียมตัวออกจากวังเวียง ไปสู่หลวงพระบาง
เช้าวันที่สอง กินเฝอ กับโจ๊ก ร้านโลคอลๆแถวที่พัก แต่อร่อยเลย แล้วก็เดินทางต่อไปหลวงพระบาง อีก 4 ชม. ด้วยถนนแบบเดิม เพิ่มเติมคือทางพันโค้งขึ้นเขา ดึ๋งๆๆๆ ส่ายไปส่ายมา แต่วิวระหว่างทางสวยมากกก ที่จอดแวะพัก คือ วิวหลักล้านบนภูเขา
เฝอมื้อเช้าที่วังเวียง
บนรถตู้ระหว่างทางจากวังเวียงไปหลวงพระบาง ดูมือพี่ฝรั่งด้านหน้าสิ จับแน่นเชียว เรานั่งหลังสุดก็จะเวียนๆหน่อย
ระหว่างทางพักรถไปหลวงพระบาง อากาศเย็นมากๆ พักดื่มน้ำปัสสาวะกันที่นี่
เราถึงหลวงพระบางประมาณบ่ายโมงครึ่ง คราวนี้ไม่เป็นซุปตาร์ไม่มีสามล้อรุม ลงจากรถตู้มา ก็เดินจ้ำถึงที่พักไปเก็บของเช็คอินเลย เราพักกันที่ โรงแรมมายลาวโฮม ห้องโอเค น่ารัก ลืมถ่ายรูปในห้องมา ทำเลเดินทางสะดวก มาถึงก็เหวี่ยงกระเป๋า แล้วเดินออกมาข้างๆโรงแรม มาเช่าจักรยานปั่นรอบเมือง ค่าเช่าคนละ 15000 กีบ ขอแผนที่พี่เค้ามาด้วย สถานที่ที่ไปตามนี้ ปั่นออกไปกินข้าวที่ Bakery Cafe ริมโขง - วัดเซียงทอง (เสียค่าเข้าคนละ 20000 กีบ) สวยมากๆ สีทองตัดกับสีแดงเข้ม - วัดแสนสุขาราม - พระราชวังหลวงพระบาง - พระธาตุพูสี จุดชมวิวเมือง - ร้าน Joma Bakery - เดินตลาดมืด จบวันด้วยแพคเกจโรงแรม นวดฟรี 1 ชม.
ในตัวเมืองหลวงพระบางไม่ใหญ่มาก เราสามารถเดิน หรือเช่าจักรยานได้ทั่วเลยค่ะ
บ้านเมืองเค้าประมาณนี้
มื้อแรกที่หลวงพระบาง กินข้าวที่ร้าน Bakery Cafe ริมโขง
เมนูที่สั่งก็เป็นพวกส้มตำ ลาบ ไก่ย่าง ที่เราคุ้นเคย แต่รสชาติต่างกันเล็กน้อย อย่างลาบหมูของเขาจะไม่เปรี้ยวเลย ลองกินร้านอื่นก็จะรสชาติประมาณนี้ อร่อยยยยย
ส้มตำบ้านเค้าจะนัวปลาร้ากว่า ที่นี่เค้าจะถามเราว่าเอาปลาร้ามากหรือน้อย จริงๆจะมีตำหลวงพระบางดั้งเดิมแบบที่ฝานมะละกอเป็นแผ่นๆ เดี๋ยวจะมีรูปตอนกินร้านอื่นค่า
หลังจากกินอิ่ม ก็มีแรงปั่นจักรยานต่อ มาที่วัดเซียงทองค่ะ
วัดเซียงทอง - เป็นวัดที่เขาเคลมว่าสวยสุดๆในหลวงพระบาง เราก็ว่าสวยจริง ของจริงสวยกว่าในรูปมาก
วัดแสนสุขาราม อย่าถามประวัติความเป็นมานะไม่รู้จริงๆ >< แต่ที่รู้ๆคือวัดสวย สวยทุกวัดเลย
ปั่นต่อมาที่ พระราชวังหลวงพระบาง ในบริเวณรั้วก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เราไปเย็นๆแล้ว เลยถ่ายได้แต่ด้านนอกค่ะ
จอดจักรยานไว้ด้านหน้าประตูพระราชวัง แล้วเดินข้ามถนนไปขึ้นพระธาตุพูสี
มองหันหลังลงมาจะเห็นว่า ตลาดมืดเริ่มตั้งแผงกันแล้ว ถนนตรงนั้นจะปิดเป็นถนนคนเดินตอนกลางคืนค่ะ
ถึงแล้ว นี่ตัวพระธาตุ ข้างในมีพระพุทธรูปและพระธาตุให้สักการะเป็นสิริมงคล
พอนั่งหายเหนื่อย ก็มาชมวิวเมืองหลวงพระบางมุมสูงกัน
ข้างบนอากาศเย็นดี ยิ่งเย็นคนยิ่งเยอะ พอนั่งพักแป๊บนึงก็ลงมาเอาจักรยานเพื่อเอาไปคืนร้านค่ะ
แล้วก็เดินไปนั่งกินขนมรองท้องกันที่ Joma Bakery ขนมอร่อยสมคำร่ำลือ ร้านก็น่ารักนะ ลืมบอกไปว่า โรงแรมที่เราพัก ปากซอยก็คือร้านนี้ค่ะ
เสร็จแล้วก็ออกมาเดินเล่นที่ตลาดมืดต่อ อย่างที่บอกเมืองเล็กสามารถเดินได้ทั่วเมืองเลย จะหาซื้อของฝากก็ซื้อได้ที่นี่เลย แต่ของก็จะคล้ายๆไทยหน่อย งานศิลปะเก๋ๆก็มี
มาช่วงปีใหม่ ก็จะมีลานเบียร์ มีงานแสดงเวที ก่อนหน้าเป็นโชว์ลาวกระทบไม้ดูเพลินๆ จะหาของกินก็หาได้ที่นี่
#วันที่สาม
เริ่มต้นด้วยการตักบาตรข้าวเหนียว ที่จองชุดใส่บาตรไว้กับโรงแรมตั้งแต่เมื่อวาน มีผ้าให้พาดไหล่ด้วย เขาจะเริ่มใส่กัน 05.30น. นักท่องเที่ยวบางส่วนมาใส่นิดเดียว ที่เหลือถ่ายรูป คืออีกฟากของเรานี่เต็มไปด้วยตากล้อง พอพระมา ก็รัวชัตเตอร์เลย ประหนึ่งว่าเป็นเซเลบ แล้วพระท่านก็สปีดมาก จกข้าวเหนียวไม่ทันเลยทีเดียว การใส่บาตรคือใส่แต่ข้าวเหนียวจริงๆ เอามือจกข้าวเหนียวใส่บาตรไปเลย
ตรงโซนเราจะมีแต่นักท่องเที่ยว มีลาวท้องถิ่นมาใส่จริงๆบางส่วน ใส่เสร็จ เดินไปหาของกิน ก็เจอแบบที่ชาวบ้านเขาใส่บาตรจริงๆตามซอย
จากที่อ่านมาคือ พระจะออกบิณบาตรรับแต่ข้าวเหนียว ส่วนกับข้าวชาวบ้านเขาจะไปทำบุญถวายอีกทีที่วัดจ้าา
อันนี้คือเรียล
ใส่บาตรเสร็จ เดินไปหาของกิน กินข้าวต้ม ปาท่องโก๋ โอเลี้ยง ที่ร้านกาแฟประชานิยม ที่ใครๆเขาแนะนำกัน - เดินตลาดเช้า - กินแฟร้าน Safron Coffee ที่ได้แพคเกจฟรี 1 แก้วจากโรงแรม กลับมาเช็คเอ๊าท์ เพื่อเดินทางไปน้ำตกตาดกวงสี โดยเช่ารถส่วนตัวนำเที่ยว น้ำตกตาดกวงสี เขาบอกว่าเป็นน้ำตกที่สวยมาก น้ำใสไหลเย็น มาหลวงพระบางต้องมาที่นี่ห้ามพลาดเด็ดขาด และทางเข้าน้ำตกมีน้องหมีควายที่มีคนช่วยเหลือจากการถูกฆ่าและเลี้ยงไว้ต้อนรับตรงทางเข้าน้ำตก
กาแฟประชานิยม คนนิยมจริงๆ
อากาศเย็นๆตอนเช้ากินเมนูนี้มันฟินมาก
ตลาดเช้าหลวงพระบาง คือตลาดสด สินค้าอาหารสดท้องถิ่นมีให้เลือกสรร บังเอิญเดินตามหลังแหม่มคนเดิมกับที่เจอบนพระธาตุพูสีเลย
กลับมากินกาแฟฟรีก่อนเช็คเอ๊าท์ ฟรี 1 แก้ว อีก 1 แก้วของแฟน ซื้อเองฮะ
หลังจากกินกาแฟเสร็จเช็คเอ๊าท์เรียบร้อย รถตู้ที่จะพาเราไปน้ำตกตาดกวงสีก็มารับที่ล็อบบี้โรงแรมเลย
ระหว่างทางไปน้ำตก พี่คนขับบอกว่าชาวบ้านเค้ากำลังจะไปแสดงในเมือง
เมื่อไปถึงทางเข้าน้ำตก จะมีน้องหมีควายคอยต้อนรับ
แล้วก็เดินตามทางไปเรื่อยๆก็จะถึงน้ำตกตาดกวงสี
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้