คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
การแถลงข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) วันที่ 31 พ.ค. 2563





การแถลงข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)
ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 31 พฤษภาคม 2563





รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ณ วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม 2563
ประเทศไทย
ผู้ติดเชื้อสะสม 3,081 ราย ใน 68 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 4 ราย)
-ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากภายในประเทศ
-มีผู้ติดเชื้อในกลุ่มผู้ที่กลับจากต่างประเทศใน State quarantine เพิ่มขึ้น 4 ราย
เสียชีวิตรวม 57 ราย (ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในวันนี้)
รักษาหายป่วยแล้ว 2,963 ราย (96.17%) (เพิ่มขึ้น 2 ราย)
ผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ 4 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และอยู่ใน State Quarantine ทุกราย
- มาจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย เข้ารับการรักษาที่กรุงเทพมหานคร (State quarantine)
- มาจากประเทศตุรกี 2 ราย เข้ารับการรักษาที่จังหวัดชลบุรี (State quarantine)
- มาจากประเทศซาอุดิอาระเบีย 1 ราย เข้ารับการรักษาที่จังหวัดนราธิวาส (State quarantine)
กรุงเทพมหานคร มีผู้ป่วยที่รับรักษาสะสมมากที่สุด (1,535 ราย) ตามด้วย ภูเก็ต (227), นนทบุรี (158), ยะลา (125), สมุทรปราการ (112), ชลบุรี (86), ปัตตานี (79), สงขลา (44), เชียงใหม่ (41) และ ปทุมธานี (39) โดยมีผู้ติดเชื้อที่อยู่ระหว่าง state quarantine ในจังหวัดต่างๆ รวม 144 ราย
ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.)
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/2819214581537429
นายกรัฐมนตรียืนยัน พรก.กู้เงินเพื่อการเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจ วงเงิน 1 ล้านล้านบาท

นายกรัฐมนตรียืนยัน พรก.กู้เงินเพื่อการเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจ
วงเงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อการเยียวยาและฟื้นฟู จากผลกระทบจากโควิด 19
ขอ ส.ส. ร่วมกันสร้างความเข้าใจกับประชาชน
วันที่ 30 พฤษภาคม 2563

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการะทรวงกลาโหมชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ทำเศรษฐกิจพังจนต้องมากู้เงิน แต่เป็นการนำเงินไปแก้ปัญหาเร่งด่วนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทั้งนี้ที่ผ่านมารัฐบาลแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ พร้อมยอมรับว่าการมีหนี้ครัวเรือนสูงเพราะไม่สามารถไปจำกัดผู้มีรายได้น้อยไม่ให้เป็นหนี้ได้ แต่ก็พยายามสร้างความมั่นคงในอาชีพ สร้างจิตสำนึกด้านการออม รัฐบาลพยายามแก้ปัญหา และพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายแม้จะทำให้การแก้ปัญหาบางอย่างล่าช้าออกไปบ้างก็ตาม
.
นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่าหากไม่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รัฐบาลก็คงไม่มากู้เงินดังกล่าว พร้อมขอให้แยกระหว่างผู้เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 กับ ผู้ที่เดือดร้อนก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งกลุ่มหลังนี้มีงบประมาณปกติดูแลอยู่แล้วตามนโยบายของแต่ละกระทรวงในการแก้ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่การดูแลผู้เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นการเยียวยาเร่งด่วน ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน ยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลประชาชนให้ดีที่สุด การออกพ.ร.ก.การเงินครั้งนี้ก็เพื่อให้เงินเยียวยาถึงมือประชาชนให้เร็วที่สุดซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนในสภาจะร่วมมือกัน
.
สำหรับกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกรงว่าจะมีการทุจริตจากพ.ร.ก.การเงินนั้นเห็นว่ามีหน่วยงานตรวจสอบและตนเองในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ไม่เคยแทรกแซงหน่วยงานตรวจสอบทุจริต และเชื่อว่าสิ่งที่จะอยู่ได้ขณะนี้คือดำเนินการทุกอย่างด้วยความโปร่งใส พร้อมขอให้มองประเทศชาติ และประชาชนเป็นหลัก เงินกู้ดังกล่าวเป็นเงินก้อนเดียวเท่านั้นที่จะมาช่วยเสริมในสถานการณ์ที่ไม่ปกติขณะนี้ ทุกคนควรจะออกมาช่วยกันดูแลประชาชน ให้ประชาชนเข้มแข็ง
https://www.facebook.com/DrNarumonP/posts/586148868972796

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด- ๑๙) ที่ ๔/๒๕๖๓ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓)
ดาวน์โหลดได้ที่ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/E/127/T_0038.PDF
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/147554790196187

เข้าใจง่าย ข้อกำหนด ฉบับที่ 9
มาตรการผ่อนคลาย ระยะที่ 3
เริ่ม 1 มิถุนายน 2563
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/283093399742656





การแถลงข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)
ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 31 พฤษภาคม 2563





รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ณ วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม 2563
ประเทศไทย
ผู้ติดเชื้อสะสม 3,081 ราย ใน 68 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 4 ราย)
-ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากภายในประเทศ
-มีผู้ติดเชื้อในกลุ่มผู้ที่กลับจากต่างประเทศใน State quarantine เพิ่มขึ้น 4 ราย
เสียชีวิตรวม 57 ราย (ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในวันนี้)
รักษาหายป่วยแล้ว 2,963 ราย (96.17%) (เพิ่มขึ้น 2 ราย)
ผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ 4 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และอยู่ใน State Quarantine ทุกราย
- มาจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย เข้ารับการรักษาที่กรุงเทพมหานคร (State quarantine)
- มาจากประเทศตุรกี 2 ราย เข้ารับการรักษาที่จังหวัดชลบุรี (State quarantine)
- มาจากประเทศซาอุดิอาระเบีย 1 ราย เข้ารับการรักษาที่จังหวัดนราธิวาส (State quarantine)
กรุงเทพมหานคร มีผู้ป่วยที่รับรักษาสะสมมากที่สุด (1,535 ราย) ตามด้วย ภูเก็ต (227), นนทบุรี (158), ยะลา (125), สมุทรปราการ (112), ชลบุรี (86), ปัตตานี (79), สงขลา (44), เชียงใหม่ (41) และ ปทุมธานี (39) โดยมีผู้ติดเชื้อที่อยู่ระหว่าง state quarantine ในจังหวัดต่างๆ รวม 144 ราย
ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.)
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/2819214581537429
นายกรัฐมนตรียืนยัน พรก.กู้เงินเพื่อการเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจ วงเงิน 1 ล้านล้านบาท

นายกรัฐมนตรียืนยัน พรก.กู้เงินเพื่อการเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจ
วงเงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อการเยียวยาและฟื้นฟู จากผลกระทบจากโควิด 19
ขอ ส.ส. ร่วมกันสร้างความเข้าใจกับประชาชน
วันที่ 30 พฤษภาคม 2563

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการะทรวงกลาโหมชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ทำเศรษฐกิจพังจนต้องมากู้เงิน แต่เป็นการนำเงินไปแก้ปัญหาเร่งด่วนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทั้งนี้ที่ผ่านมารัฐบาลแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ พร้อมยอมรับว่าการมีหนี้ครัวเรือนสูงเพราะไม่สามารถไปจำกัดผู้มีรายได้น้อยไม่ให้เป็นหนี้ได้ แต่ก็พยายามสร้างความมั่นคงในอาชีพ สร้างจิตสำนึกด้านการออม รัฐบาลพยายามแก้ปัญหา และพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายแม้จะทำให้การแก้ปัญหาบางอย่างล่าช้าออกไปบ้างก็ตาม
.
นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่าหากไม่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รัฐบาลก็คงไม่มากู้เงินดังกล่าว พร้อมขอให้แยกระหว่างผู้เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 กับ ผู้ที่เดือดร้อนก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งกลุ่มหลังนี้มีงบประมาณปกติดูแลอยู่แล้วตามนโยบายของแต่ละกระทรวงในการแก้ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่การดูแลผู้เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นการเยียวยาเร่งด่วน ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน ยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลประชาชนให้ดีที่สุด การออกพ.ร.ก.การเงินครั้งนี้ก็เพื่อให้เงินเยียวยาถึงมือประชาชนให้เร็วที่สุดซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนในสภาจะร่วมมือกัน
.
สำหรับกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกรงว่าจะมีการทุจริตจากพ.ร.ก.การเงินนั้นเห็นว่ามีหน่วยงานตรวจสอบและตนเองในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ไม่เคยแทรกแซงหน่วยงานตรวจสอบทุจริต และเชื่อว่าสิ่งที่จะอยู่ได้ขณะนี้คือดำเนินการทุกอย่างด้วยความโปร่งใส พร้อมขอให้มองประเทศชาติ และประชาชนเป็นหลัก เงินกู้ดังกล่าวเป็นเงินก้อนเดียวเท่านั้นที่จะมาช่วยเสริมในสถานการณ์ที่ไม่ปกติขณะนี้ ทุกคนควรจะออกมาช่วยกันดูแลประชาชน ให้ประชาชนเข้มแข็ง
https://www.facebook.com/DrNarumonP/posts/586148868972796

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด- ๑๙) ที่ ๔/๒๕๖๓ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓)
ดาวน์โหลดได้ที่ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/E/127/T_0038.PDF
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/147554790196187

เข้าใจง่าย ข้อกำหนด ฉบับที่ 9
มาตรการผ่อนคลาย ระยะที่ 3
เริ่ม 1 มิถุนายน 2563
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/283093399742656
แสดงความคิดเห็น



















👠มาลาริน/ไทยพบผู้ป่วยโควิด 4 ราย กลับจาก "ยูเออี-ตุรกี-ซาอุฯ" สหรัฐตายวันเดียวกว่าพันคน...โพลเฟส 2 คนไทยการ์ดยังไม่ตก
เจอผู้ป่วยโควิดอีก 4 ราย กลับจากต่างประเทศทั้งหมด มาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย ตุรกี 2 ราย และซาอุดิอาระเบีย 1 ราย เป็นกลุ่มเดียวกับผู้ป่วยรายก่อนหน้า ผู้ป่วยสะสมรวม 3,081 ราย กลับบ้านรวม 2,963 ราย ศบค.เผยเกาหลีใต้ปิด ร.ร.อีกกว่า 500 แห่ง หลังเจอติดเชื้ออีกหลังเปิดเรียน ยันผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดส่องกล้อง ต้องตรวจเชื้อก่อน แต่ไม่เสียค่าใช้จ่าย
วันนี้ (31 พ.ค.) พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวประจำวัน ว่า วันนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 4 ราย หายกลับบ้านเพิ่ม 2 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสมรวม 3,081 ราย มาจากการติดเชื้อในประเทศ 2,444 ราย มาจากต่างประเทศ 637 กลับบ้านรวม 2,963 ราย เสียชีวิตรวม 57 ราย ยังรักษาใน รพ. 61 ราย
📍สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ ประกอบด้วย...👇
1.กลับมาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย เป็นหญิงอายุ 37 ปี เป็นพนักงานนวด เดินทางมาถึงวันที่ 24 พ.ค. เข้าพักโรงแรมใน กทม. วันที่ 24 พ.ค. มีน้ำมูก หายใจลำบาก ปวดศีรษะ ปวดท้อง วันที่ 29 พ.ค.ตรวจพบเชื้อและเข้ารับการรักษา รพ.เลิดสิน
2. มาจากประเทศตุรกี 2 ราย เป็นเพศชายทั้งคู่ อายุ 18 และ 19 ปี เดินทางมาถึงไทยวันที่ 29 พ.ค. เข้าพักโรงแรม จ.ชลบุรี วันที่ 29 พ.ค. ตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษา รพ.บางละมุง จ.ชลบุรี
3. กลับมาจากซาอุดิอาระเบีย 1 ราย เป็นเพศชายอายุ 22 ปี เป็นนักศึกษา เดินทางจากกรุงริยาด มายังกัวลาลัมเปอร์ แล้วเดินทางเข้าไทยผ่านด่านปะดังเบซาร์โดยรถบัสวันที่ 21 พ.ค. ซึ่งเป็นคันเดียวกับที่พบผู้ติดเชื้อ 1 รายเมื่อวันที่ 30 พ.ค. โดยถือว่าติดเชื้ออีก 1 รายจาก 39 คนบนรถบัส วันแรกที่มาถึงตรวจไม่พบเชื้อ และตรวจอีกครั้งวันที่ 29 พ.ค. จึงพบเชื้อ เข้ารับการรักาษที่รพ.นราธิวาสราชนครินทร์
พญ.พรรณประภากล่าวว่า สถานการณ์ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาหลังมีมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 2 มีผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนทั้งสิ้น 53 ราย โดยมากกว่า 80% เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเข้าพักในสถานกักกันของรัฐ คือ 44 ราย ติดเชื้อในประเทศ 9 ราย โดย 6 รายสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยก่อนหน้า และเดินทางไปในสถานที่ชุมชน 3 ราย
พญ.พรรณประภากล่าวว่า ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ป่วยยืนยันมากกว่า 6.1 ล้านคน เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 1.2 แสนราย เสียชีวิตมากกว่า 4,000 ราย เสียชีวิตรวม 3.7 แสนราย สหรัฐอเมริกายังคงเป็นอันดับ 1 คือ มีผู้ป่วย 1.8 ล้านราย เสียชีวิต 1.05 แสนราย สำหรับประเทศไทยตกอันดับจาก 77 มาที่ 78 ของโลก ขณะที่ฝั่งเอเชียประเทศที่พบผู้ป่วยต่อเนื่องคือ อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ที่น่าสนใจ คือ พม่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 17 ราย ต้องจับตามองต่อไป
พญ.พรรณประภากล่าวว่า ส่วนประเด็นต่างประเทศที่น่าสนใจ คือ เกาหลีใต้ ประกาศปิดโรงเรียนอีกกว่า 500 แห่ง หลังจากเปิดเรียนได้ไม่กี่วัน เพราะมีการกลับมาระบาดใหม่ที่กรุงโซลและปริมณฑล ซึ่งมีประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศ คือ เกือบ 25 ล้านคน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ระบุว่า การจัดงานต่างๆ ที่รัฐบาลเป็นเจ้าภาพในเขตเทศบาลกรุงโซลจะถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไป และแนะนำสถาบันการศึกษาเอกชน ร้านอินเทอร์เน็ต คาเฟ่ ปิดให้บริการถึงวันที่ 14 มิ.ย. และเรียกร้องประชาชนกรุงโซลงดออกจากบ้าน งดสังสรรค์ 14 วัน
เมื่อถามถึงผู้ป่วยที่ต้องตรวจรักษา ส่องกล้อง ผ่าตัด จะต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 และเสียค่าใช้จ่าย 3,600 บาท เหตุใดต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง พญ.พรรณประภากล่าวว่า การตรวจเชื้อเป็นการสั่งตรวจที่จำเป็นในหัตถการที่มีความเสี่ยง ทั้งการผ่าตัดหรือการส่องกล้อง แพทย์ที่ทำหัตถการสามารถสั่งตรวจหาเชื้อได้ โดยค่าใช้จ่าย ผู้ป่วยสามารถเบิกได้ที่ สปสช. ทั้งกรณีเข้า รพ.รัฐและเอกชน หรือไม่เสียค่าใช้จ่าย
https://mgronline.com/qol/detail/9630000056490
'นิด้าโพล'เผยผ่อนปรนเฟส2คนไทย'การ์ดยังไม่ตก'
วันที่ 31 พ.ค.63 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “เข้าห้างหรือยัง การ์ดตกหรือไม่” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 25 – 28 พฤษภาคม 2563 จากประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,258 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการประกาศมาตรการผ่อนปรนระยะ 2 เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95.0 โดยผลสำรวจมีดังนี้
จากการสำรวจเมื่อถามถึงการเข้าไปสถานที่หรือเคยได้ทำกิจกรรมตามที่ได้รับการผ่อนปรน ตั้งแต่รัฐบาลประกาศมาตรการผ่อนปรนระยะ 2 เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา พบว่า..👇
ส่วนใหญ่ ร้อยละ 62.08 ระบุว่า ยังไม่เคยเข้าไปในสถานที่หรือทำกิจกรรมตามที่ได้รับการผ่อนปรนเลย
รองลงมา ร้อยละ 24.80 ระบุว่าเข้าศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์
ร้อยละ 11.61 ระบุว่า ใช้บริการร้านตัดผมชาย ร้านทำผมสตรี
ร้อยละ 8.03 ระบุว่า เข้าร้านค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่
ร้อยละ 6.20 ระบุว่า เข้าไปนั่งทานอาหารในร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม โรงอาหาร ศูนย์อาหาร
ร้อยละ 0.72 ระบุว่า ใช้บริการคลินิกเวชกรรมเสริมความงาม
ร้อยละ 0.48 ระบุว่า ใช้บริการโรงยิม ฟิตเนส สถานที่ออกกำลังกายในร่ม
ร้อยละ 0.32 ระบุว่า ใช้ห้องประชุมโรงแรม ศูนย์ประชุม
ร้อยละ 0.16 ระบุว่า ใช้บริการสระว่ายน้ำสาธารณะ และ
ร้อยละ 0.08 ระบุว่า เข้าห้องสมุดสาธารณะ แกลลอรี่ พิพิธภัณฑ์
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนกับคำว่า การ์ดตก ของคนในสังคม ตั้งแต่รัฐบาลประกาศมาตรการผ่อนปรนระยะ 2 พบว่า...👇
ร้อยละ 6.12 ระบุว่า คนในสังคม การ์ดตกมาก เพราะ คนในสังคมเริ่มไม่มีการป้องกันตัวเอง ไม่สวมหน้ากากอนามัย ตลาดสด ตลาดนัดไม่จำกัดการเข้า-ออกของผู้ซื้อ รถประจำทางเอกชนบางสายไม่มีการเว้นระยะห่างทางสังคม
ร้อยละ 32.99 ระบุว่า คนในสังคม การ์ดค่อนข้างตก เพราะ คนในสังคมขาดความระมัดระวัง ประมาทในการใช้ชีวิต ไม่ค่อยสวมหน้ากากอนามัย เนื่องจากชะล่าใจกับจำนวนของผู้ที่ติดเชื้อที่ลดลงมาก
ร้อยละ 27.66 ระบุว่า คนในสังคม การ์ดไม่ค่อยตก เพราะ คนในสังคมส่วนใหญ่ยังให้ความร่วมมือ มีความตระหนักถึงความปลอดภัย มีการระมัดระวังตัว ป้องกันตัวเองค่อนข้างดี
ร้อยละ 29.18 ระบุว่า คนในสังคม การ์ดไม่ตกเลย เพราะ คนในสังคมส่วนใหญ่มีการปฏิบัติตนตามมาตรการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด มีการเว้นระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากอนามัยเวลาออกนอกบ้านทุกครั้ง
และร้อยละ 4.05 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ
https://siamrath.co.th/n/159265
ทุกวันนี้แม้ไม่มีติดเชื้อโดยตรงในประเทศไทย แต่ก็มีคนไทยที่กลับมาจากต่างประเทศติดเชื้อโควิดให้ต้องรักษาในโรงพยาบาล
เชื้อโควิดในระยะหลังนี้ไม่ค่อยแสดงอาการ จึงยังประมาทไม่ได้ จึงต้องระวังไว้ การ์ดอย่าตก
โพลสำรวจว่าผ่อนปรนระยะที่ 2 คนไทยยังการ์ดไม่ตก แต่ร้อยละของคนการ์ดไม่ตกลดลงไป ไม่น้อย
ผ่อนปรนระยะที่ 3 จะเกิดอะไรขึ้น เราต้องระมัดระวังกันไว้ก่อนนะคะ
ลุงตู่ขอร้องว่า ... อย่าการ์ดตกเด็ดขาดค่ะ