JJNY : 4in1 คปน.อีสานจี้เลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน/หญิงหน่อยโพสต์#วัดใจลุง/ปชป.เผยพรรคร่วมเว้น พปชร.หนุนตั้งกมธ./พปชร.เดือดอีก

คปน.อีสาน บุกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่น จี้เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คืนเสรีภาพให้ประชาชนโดยเร็ว
https://www.matichon.co.th/region/news_2208843
 

 
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 30 พฤษภาคม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจังหวัดขอนแก่น นายสิริศักดิ์ สะดวก ผู้ประสานงานประชาชนคัดค้านโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลภาคอีสาน (คปน.) พร้อมด้วยตัวแทน คปน.ภาคอีสาน จำนวน 10 คน เดินทางมาอ่านแถลงแถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการประกาศใช้ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และคืนสิทธิ เสรีภาพแก่ประชาชน
​ 
นายสิริศักดิ์กล่าวว่า จากสถานการณ์การประกาศขยายเวลา การใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไปจนถึงปลายเดือนมิถุนายน 2563 โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นกฎหมายฉบับนี้ถูกบังคับใช้เพื่อกำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ดังที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ เคยใช้การจำกัดสิทธิของประชาชนในลักษณะนี้ในการรัฐประหารปี 2557 ที่ผ่านมา
 
นายสิริศักดิ์กล่าวว่า การประกาศขยายเวลาการใช้กฎหมายฉบับนี้จะส่งผลให้การเข้าถึงสิทธิ การมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมีแผนการดำเนินโครงการโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลภาคอีสานยิ่งถูกกีดกันอยู่แล้วนั้น จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีกในระดับพื้นที่ ทั้งการไม่สามารถรวมกลุ่มเพื่อแสดงออกของสิทธิอันพึงมีต่อนโยบายต่างๆ ในพื้นที่ภาคอีสาน โดยเฉพาะกรณีโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล การประกาศขยายเวลาของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อาจเป็นการเปิดช่องทางให้ทุนและรัฐใช้ช่องว่างทางกฏหมายในการเดินหน้าโครงการ แต่ชาวบ้านในพื้นที่กลับไม่สามารถที่จะออกมาคัดค้านหรือปกป้องฐานทรัพยากรบ้านเกิดได้เลย ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า การประกาศหรือขยายเวลาการใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต่อไปอีกหนึ่งเดือนนั้นเปรียบเสมือนเป็นการควบคุมอำนาจในการเข้าถึงสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิการแสดงออก มากกว่าการควบคุมโรค
 
“คปน.ภาคอีสาน จึงมีข้อเรียกร้องว่า รัฐบาลต้องยกเลิกการประกาศใช้ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 คืนสิทธิและเสรีภาพแก่ประชาชนโดยเร็วที่สุด” นายสิริศักดิ์กล่าวว่า
 

 
'หญิงหน่อย' โพสต์ #วัดใจลุง เงิน1.9 ล้านล้าน คือน้ำมันถังสุดท้าย
https://www.matichon.co.th/politics/news_2208792
 
‘หญิงหน่อย’ โพสต์ #วัดใจลุง เงิน1.9 ล้านล้าน คือน้ำมันถังสุดท้าย
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan” ว่า
 
เงิน1.9 ล้านล้าน คือน้ำมันถังสุดท้าย
ที่จะใช้ #รีสตาร์ทเครื่องยนต์ประเทศไทย
จึงต้องใช้ให้มีประสิทธิภาพ และต้องไร้ทุจริต เสนอ3แนวทาง ขับเคลื่อนการใช้งบ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
 
ดิฉันยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย เห็นด้วยกับความจำเป็นในการใช้เงิน
มาเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ
เพื่อช่วยพี่น้องประชาชน
จากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมาก่อน
COVID-19 และมาถูกซ้ำเติมด้วย COVID-19 ที่เกิดขึ้น
 
สภาพเศรษฐกิจของไทยแย่มาก่อนจะเกิดโควิด-19 เมื่อเจอเข้ากับวิกฤติCOVID-19 ผลกระทบด้านเศรษฐกิจจึงสาหัสหนัก เหมือนตัวปิดฉากเศรษฐกิจไทย
 
สิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนในขณะนี้ คือการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้ได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้นจึงต้องใช้เงิน 1.9 ล้านล้านอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และไร้ทุจริต
 
ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีความห่วงใยเรื่องประสิทธิภาพการใช้เงิน เพราะได้เล็งเห็นแล้วว่า แม้แต่การเยียวยา ก็เกิดปัญหามากมาย ทั้งไม่ทั่วถึง ล่าช้า หรือส่อทุจริตหรือไม่ และเงินกู้จำนวน 1 ล้านล้านบาทที่เสนอเข้าสภา รัฐบาลก็ไม่เสนอแผนงานการใช้เงินกู้ที่ชัดเจน โดยเฉพาะแผนฟื้นฟูที่ใช้เม็ดเงินจำนวน 4แสนล้านบาท
 
ซึ่งถูกจัดสรรไปใช้ในแผนฝึกอบรม ใช้ขุดลอกแหล่งน้ำ ซึ่งล้วนแต่เคยเกิดปัญหาการทุจริตมาแล้วทั้ง และกังวลว่างบในส่วนดังกล่าว จะเป็นงบที่ตรวจสอบยาก มีช่องทางทุจริตได้ง่าย
 
“เงิน 1.9 ล้านล้านบาท เป็นเสมือนน้ำมันถังสุดท้าย ในการรีสตาร์ทเครื่องยนต์ประเทศไทย จึงต้องใช้น้ำมันถังสุดท้ายนี้ อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย และต้องไร้ทุจริต เครื่องยนต์ประเทศไทยจึงจะสตาร์ทติด เพราะขณะนี้เพดาน เงินกู้ใกล้ชน 60เปอร์เซ็นต์ของ GDP น้ำมันถังนี้จึงเป็นน้ำมันถังใหญ่ ถังสุดท้าย ที่จะใส่รถ สำหรับรีสตาร์ทประเทศไทย ถ้าใช้น้ำมันถังนี้อย่างสุรุ่ยสุร่าย ไม่มีประสิทธิภาพ ปล่อยให้รั่วไหล จะฟื้นเศรษฐกิจไทยไม่ได้
 
และถ้าหมดนำ้มันถังนี้ หมดเงินกู้ก้อนนี้แล้ว เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น จะเอาเงินกู้ก้อนไหนมาใช้อีก เงินกู้ก้อนนี้จึงต้องใช้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ”
 
พรรคเพื่อไทย จึงมีข้อเสนอเพื่อให้การกำกับ การควบคุมการใช้เงิน 1.9.ล้านล้าน ให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใส ตรวจสอบได้ 3ข้อ คือ
 
1 ให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาเงินกู้ดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
 
2.พรรคเพื่อไทยจะยื่นพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.ก. กู้เงิน 1.9ล้านล้านบาท เพื่อเปิดโอกาสให้ตรวจสอบการใช้เงิน และป้องกันการทุจริต
 
3.ขอให้รัฐบาลรายงานการใช้เงินต่อสภาฯทุก 3 เดือน หากเกิดปัญหาจะได้แก้ไขทัน
 
ดังนั้นหากนายกรัฐมนตรีมีความจริงใจ ไม่เห็นประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง และอยากเห็นประเทศฟื้นเดินหน้าได้จริง ขอให้รับเงื่อนไขดังกล่าว ของพรรคฝ่ายค้านซึ่งไม่ได้เสียหาย แต่จะเป็นประโยชน์ กับรัฐบาล เป็นประโยชน์ต่อประชาชนคนไทย
 
#รอวัดใจลุง
 
https://www.facebook.com/sudaratofficial/photos/a.484034281675370/2972902602788513/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่