อากาศร้อนๆ แบบนี้ นึกถึงน้ำหวานๆเย็นๆ เนอะ ปะ!.... วันนี้เราจะพาย้อนเวลากันหน่อย นี้เลยจ้า....น้ำอัดลมโบราณ (หรือบางคนเรียก🚀น้ำจรวจโบราณ) สูตรดั้งเดิม 50 ปี ตกทอดมายังรุ่นต่อไป รสชาติคงความเป็นน้ำอัดลมโบราณได้ครบ

น้ำอัดลมโบราณ : ----->

 

วิธีการอัดลมใส่เข้าไปในน้ำหวาน ที่อัดลมออกมาจากท้ายจรวดดูเหมือน จรวจกำลังทะยานขึ้นฟ้า 555 เท่อะ...

นึกถึงตอนเด็กๆ เราจะตื่นเต้นมาก เพราะน้ำมันซ่าลิ้นดี

           น้ำอัดลมโบราณมีประวัติยาววววว นานนนนน มาก น้ำซ่า หรือน้ำอัดลมโบราณ จะรู้จักกันดีในชื่อของ น้ำจรวด เพราะมีหัวฉีดโซดา เป็นรูปจรวด แรกเริ่มที่ได้มีน้ำอัดลมโบราณ เข้ามานั้น สมัย ร.5 ได้โปรดให้มีการก่อตั้งทุนเล่าเรียนหลวง ส่งให้ราชวงศ์ ข้าราชบริพารไปศึกษาเล่าเรียนต่อที่ต่างประเทศ เพื่อจะได้กลับมาพัฒนาบ้านเมือง สืบเนื่องมาถึงสมัย ร.6 นักเรียนทุนได้กลับมาจากต่างประเทศ ได้นำหลายสิ่งหลายอย่าง เข้ามาเผยแพร่ในเมืองไทย และมีสิ่งนึงที่ได้นำเข้ามาก็คือ เครื่องดื่มรสซ่า เรียกขนานกันว่า น้ำมะเน็ด ซึ่งเพี้ยนมาจากคำว่า lemonade นั่นเอง

(ขวดน้ำมะเน็ต จากเพจ "เจาะเวลาหาอดีต")

             ขวดน้ำมะเน็ดที่เข้ามาในยุคแรก มีลักษณะเป็นขวดแก้วที่มีลูกแก้วอัดอยู่ตรงปากขวด เวลาจะดื่มจะต้องเขย่าขวดก่อนแล้วหาไม้แหลม ๆ

มากระทุ้งให้ลูกแก้วตกลงไป แล้วต้องหมุนขวดให้ลูกแก้วลงไปที่รอยหยักตรงคอขวด จากนั้นจึงจะรินน้ำออกมาได้สะดวก ขวดที่ใช้นี้ได้ถูกประดิษฐ์

คิดค้น โดยนาย HIRRAM CODD เมื่อปี ค.ศ. 1875 หรือ พ.ศ. 2418 จะเรียกขวดแบบนี้ว่า Codd bottles ตามชื่อคนที่คิดขึ้นมานั่นเอง

              ต่อมาการขนส่งทางเรือได้เกิดปัญหาการแตกหักขึ้น ทำให้ต้องสั่งซื้อหัวน้ำหวานเข้ามาแทน พร้อมกับระบบอัดอากาศด้วย และสมัยนั้นน้ำมะเน็ดยังเป็นเครื่องดื่มของชนชั้นสูงด้วย ต่อมาเครื่องอัดอากาศเสืยหายต้องส่งมาซ่อมตามร้านจึงได้เกิดการลอกเลียนแบบเครื่องไม้เครื่องมือเกิดขึ้น จนเป็นเหตุให้ น้ำมะเน็ดหรือน้ำอัดลมโบราณแพร่หลาย กันในหมู่สามัญชนทั้วไป แต่ก็ยังเป็นเครื่องดื่มที่ราคาแพงอยู่ดี ทำให้ไม่ค่อยนิยมกันมากนัก

น้ำหวานที่รออัดลม หลายรสชาติ

เช่น น้ำซาสี่ น้ำองุ่น น้ำบ๊วย น้ำสละ น้ำครีมโซดา น้ำสัปรส น้ำกล้วย น้ำแอบเปิ้ล ฯลฯ

รูปนี้กำลังอัดลมในน้ำบ๊วย

ร้านนี้เป็นร้านที่มีอายุยาวนานถึง 50 ปีแล้วนะ ส่งผ่านมายังรุ่นต่อรุ่น

ร้านตั้งอยู่ทางเข้าตลาด หน้าวิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์

น้ำบ๊วยและน้ำซาซี่ รสชาติหวานกำลังดี ไม่แสบคอ กินตอนร้อนๆ เย็นชื่นใจ

ซึ่งในปัจจุบันหารสชาติแบบนี้ไม่มีแล้วนะ.... ส่วนใหญ๋ดัดแปลงรสชาติไปหมดแล้ว ถ้าใครสงสัยว่ารสชาติแบบดั้งเดิมเป็นยังไง ต้องลองแวะชิมดูจ้า

อันนี้ เพจรีวิวอาหาร "แวะกินข้างถนน" แวะไปทักทายกันได้ ลิงค์นี้เลยจ้า https://www.facebook.com/EatOnStreetFood/