(30 พ.ค. 2563)
จรวดฟอนคอน 9 (Falcon 9) ที่ใส่โลโก้นาซาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สหรัฐอเมริกาตัดสินใจส่งนักบินอวกาศไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station; ISS) ด้วยจรวดสัญชาติอเมริกาอีกครั้ง ตามแผนในโครงการนำส่งนักบินอวกาศโดยภาคเอกชน (Commercial Crew Program) ของนาซา
นักบินอวกาศ โรเบิร์ต เบนเคน (Robert Behnken) และดักลาส เฮอร์ลีย์ (Doug Hurley) จะเดินทางขึ้นสู่อวกาศด้วยจรวดฟอลคอน 9 (Falcon 9) ของบริษัทสเปซเอกซ์ (SpaceX) ของ Elon Musk เวลา 16.33 น. ตามเวลาท้องถิ่น (EDT) ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 จากฐานปล่อยจรวด 39A (Launch Complex 39A) รัฐฟลอริดา หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน พวกเขาจะเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่นั่งยานอวกาศจากภาคเอกชนขึ้นสู่วงโคจรรอบโลก
ภารกิจพานักบินอวกาศอเมริกาไปสถานีอวกาศนานาชาติครั้งนี้ มีนามว่า “Crew Dragon Demo-2” หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “Demo-2” มีจุดมุ่งหมายของภารกิจคือการทดสอบเที่ยวบิน นักบินอวกาศจะต้องตรวจสอบระบบการขนส่งลูกเรือของบริษัท SpaceX ซึ่งรวมไปถึงการยิงจรวด เครื่องยนต์จรวด ยานอวกาศ และสมรรถนะและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ต่าง ๆ ภารกิจดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่นักบินอวกาศนาซ่าจะทดสอบระบบยานอวกาศในวงโคจร
สำหรับนักบินอวกาศ เบนเคนและเฮอร์ลีย์ ทั้งคู่ถือเป็นนักบินอวกาศชุดแรกที่เริ่มทำงานและฝึกการใช้ยานอวกาศรุ่นถัดไปของ SpaceX โดยได้รับการคัดเลือก เนื่องจากผ่านบททดสอบด้านการบินที่เข้มข้น รวมทั้งยังมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับกระสวยอวกาศในหลายภารกิจด้วย
เบนเคนจะรับหน้าที่หลักเป็นผู้บัญชาการปฏิบัติการร่วม รับผิดชอบการเชื่อมต่อและถอดถอนยานเข้ากับสถานีอวกาศนานาชาติ ณ จุดนัดพบ หลังจากได้รับเลือกให้เป็นนักบินอวกาศของนาซาเมื่อปี ค.ศ. 2000 และผ่านภารกิจการบินด้วยกระสวยอวกาศสองเที่ยว เขาเข้าร่วมในภารกิจส่งกระสวยอวกาศไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ STS-123 เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2008 และภารกิจ STS-130 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 ทั้งยังเดินในอวกาศ (Spacewalks) ถึงสามครั้งระหว่างปฏิบัติภารกิจด้วย
โรเบิร์ต เบนเคน (Robert Behnken)
ส่วนเฮอร์ลีย์ได้รับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการยานอวกาศ รับผิดชอบการปล่อยตัวออกจากฐาน การลงจอด และการกู้คืน เขาได้รับเลือกเป็นนักบินอวกาศในปี ค.ศ. 2000 และผ่านภารกิจการบินด้วยกระสวยอวกาศสองเที่ยวเช่นกัน เฮอร์ลีย์เป็นนักบินและเป็นผู้ควบคุมหุ่นยนต์หลักทั้งในภารกิจ STS‐127 เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2009 และภารกิจ STS‐135 ซึ่งเป็นภารกิจครั้งสุดท้ายในโครงการกระสวยอวกาศอเมริกัน เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2011
ดักลาส เฮอร์ลีย์ (Doug Hurley)
เมื่อจรวดฟอลคอน 9 ถูกปล่อยจากฐาน มันจะนำพายานดรากอน 2 (Dragon 2) ในส่วนที่เรียกว่า ‘Crew Dragon’ พร้อมลูกเรืออีกสองคน ไปยังสถานีอวกาศนานาชาติด้วยความเร็วประมาณ 17,000 ไมล์ต่อชั่วโมง และเมื่อเข้าสู่วงโคจรแล้ว ลูกเรือและผู้ควบคุมภารกิจของ SpaceX จะตรวจสอบการทำงานของยานอวกาศว่าเป็นไปตามที่กำหนดไว้หรือไม่ ด้วยการทดสอบระบบควบคุมสภาพแวดล้อม การแสดงผลระบบควบคุม ระบบขับเคลื่อน และสิ่งต่าง ๆ ได้
จากนั้นภายในเวลา 24 ชั่วโมง ยาน Crew Dragon จะเข้าเทียบท่า ณ จุดนัดพบ และเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศนานาชาติ ยานดังกล่าวได้รับการออกแบบให้เชื่อมต่อกับสถานีอวกาศแบบอัติโนมัติ อย่างไรก็ตาม นักบินอวกาศทั้งจากยาน Crew Dragon และสถานีอวกาศจะจับตา คอยสังเกตการณ์การเชื่อมต่อนี้อย่างใกล้ชิด และจะเข้าควบคุมยานทันทีหากเกิดเหตุจำเป็น
หลังการเทียบท่า เบนเคน และเฮอร์ลีย์ จะกลายเป็นหนึ่งในนักบินอวกาศบนสถานีอวกาศนานาชาติและสมาชิกของภารกิจการเดินทางระยะยาว 63 (Expedition 63) พวกเขาจะทำการทดสอบต่าง ๆ บนยาน Crew Dragon เพื่อการทำงานวิจัยและงานอื่น ๆ ร่วมกับลูกเรือของสถานีอวกาศคนอื่น
แม้ว่ายาน Crew Dragon จะถูกใช้สำหรับทดสอบการเดินทางในครั้งนี้ และตามแผนจะอยู่ในวงโคจรเพียง 110 วัน แต่จะมีการกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนบนสถานีอวกาศนานาชาติอีกครั้ง และขึ้นอยู่กับความพร้อมของโครงการนำส่งนักบินอวกาศโดยภาคเอกชนในครั้งถัดไป ยานอวกาศจึงอาจจะอยู่ในวงโคจรได้ถึง 210 วัน หากมีการร้องขอจากนาซา
จากนั้น ยาน Crew Dragon พร้อมนักบินอวกาศทั้งสองจะออกจากสถานีอวกาศนานาชาติ และกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก โดยมีจุดลงจอดที่นอกชายฝั่งแอตแลนติกของฟลอริดา และเรือกู้คืน Go Navigator ของ SpaceX จะไปรับลูกเรือทั้งสองพากลับเข้าสู่แหลมคานาวารัลต่อไป
ภาพตัวอย่างแสดงการกลับคืนสู่โลกของยานอวกาศ
ภารกิจ Demo-2 จะเป็นก้าวครั้งสำคัญสุดท้ายก่อนที่โครงการนำส่งนักบินอวกาศโดยภาคเอกชนของนาซาจะรับรองยาน Crew Dragon สำหรับทำภารกิจรับ-ส่งนักบินอวกาศไปยังสถานีอวกาศนานาชาติในอนาคต การรับรองนี้รวมทั้งการใช้ยาน Crew Dragon
ในอนาคตจะทำให้นาซาสามารถดำเนินงานวิจัยและค้นคว้าเทคโนโลยีที่สำคัญบนสถานีอวกาศนานาชาติต่อไปได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นประโยชน์ ทั้งแก่คนบนโลก และการสำรวจดวงจันทร์และดาวอังคารในโครงการอาร์ทีมิส (Artemis program) ซึ่งเป็นโครงการของนาซา มีเป้าหมายพานักบินอวกาศหญิงคนแรกและนักบินอวกาศชายไปเหยียบดวงจันทร์ ในปี ค.ศ. 2024 ต่อไปด้วย
ยาน Dragon 2 ของ SpaceX เลื่อนการส่งมนุษย์ขึ้นอวกาศหลังสภาพอากาศไม่เป็นใจ
หลังมีการประกาศว่ายาน Dragon 2 ของ SpaceX บริษัทสัญชาติอเมริกาที่ร่วมมือกับ NASA จะส่งนักบินอวกาศขึ้นไปบน ISS หรือสถานีอวกาศนานาชาติ หลังสหรัฐห่างหายการส่งนักบินอวกาศขึ้นจากแผ่นดินอเมริกาเกือบ 10 ปี แต่เนื่องจากสภาพอากาศแถบฟลอริดาที่พายุพัดโหมกระหน่ำทำให้การปล่อยยานอวกาศสู่นอกโลกต้องเลื่อนออกไปก่อนอย่างน่าเสียดาย
กำหนดการใหม่สำหรับการปล่อยยานกวกาศภายใต้ความร่วมมือระหว่าง NASA และ SpaceX จะถูกจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม เวลา 3:22:45 p.m. EDT และอีกหนึ่งโอกาสคือในวันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม เวลา 3:00:11 p.m. EDT
สถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station หรือ ISS)
เป็นห้องทดลองและสถานที่อำนวยความสะดวกสำหรับงานค้นคว้าวิจัยในระดับนานาชาติ ที่อยู่ในวงโคจรต่ำของโลก การก่อสร้างเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 และมีแผนดำเนินการเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 2012 โดยปฏิบัติการจะดำเนินต่อไปอย่างน้อยถึงปี ค.ศ. 2020 หรืออาจเป็นไปได้ถึงปี ค.ศ. 2028 เราสามารถมองเห็นสถานีอวกาศนานาชาติได้ด้วยตาเปล่าจากพื้นโลก
โดยสถานีอวกาศนานาชาติทำหน้าที่เป็นห้องทดลองวิจัยอย่างถาวรในอวกาศ ทำการทดลองด้านต่าง ๆ ได้แก่ ชีววิทยา ชีววิทยามนุษย์ ฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ และ อุตุนิยมวิทยา
สถานีอวกาศนานาชาติเป็นโครงการร่วมกันระหว่างหน่วยงานด้านอวกาศ 5 หน่วยจากชาติต่างๆ ได้แก่ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA, สหรัฐอเมริกา), องค์การอวกาศสหพันธรัฐรัสเซีย (RKA, รัสเซีย) ,องค์การอวกาศแคนาดา (CSA, แคนาดา) ,องค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (JAXA, ญี่ปุ่น) และ องค์การอวกาศยุโรป (ESA, สหภาพยุโรป)
ตัวสถานีอวกาศนานาชาติประกอบด้วยสถานีอวกาศในโครงการต่าง ๆ ของหลายประเทศ ซึ่งรวมไปถึง เมียร์-2 ของอดีตสหภาพโซเวียต, ฟรีดอม ของสหรัฐ, โคลัมบัส ของชาติยุโรป และ คิโบ ของญี่ปุ่น
ระบบไฟฟ้าของสถานีมาจากแผงรับแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ 16 แผงติดตั้งอยู่บนโครงสร้างภายนอก และมีแผงขนาดเล็กกว่าอีก 4 แผงอยู่บนโมดูลของรัสเซีย สถานีอวกาศนานาชาติลอยอยู่ในวงโคจรที่ความสูงระดับ 278-460 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก เคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วเฉลี่ย 27,724 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โคจรรอบโลก 15.77 รอบต่อวัน
ลูกเรือถาวรของสถานีอวกาศแต่ละรุ่นจะมีหมายเลขเอ็กซ์เพดิชั่นเรียงตามลำดับ เอ็กซ์เพดิชั่นแต่ละรุ่นใช้เวลาปฏิบัติภารกิจประมาณ 6 เดือน โดยแต่ละรุ่นประกอบด้วยลูกเรือ ไม่เกิน 6 คน โดยมีการรับมอบและส่งมอบงานกันอย่างเป็นทางการระหว่างผู้บัญชาการเอ็กซ์เพดิชั่นรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง
สถานีอวกาศนานาชาติจัดเป็นยานอวกาศที่มีผู้ไปเยือนมากที่สุดในประวัติศาสตร์การบินอวกาศ นับถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2009 มีผู้ไปเยือนแล้วทั้งสิ้น 266 คน (ภาพ : nasa.gov/gallery/images)
ปัจจุบันมีผู้ปฏิบัติการบนสถานีอวกาศนานาชาติ 3 คน เป็นชาวอเมริกัน 1 คน (Chris Cassidy) และรัสเซีย 2 คน (Anatoly Ivanishin กับ Ivan Vagner)
(ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่:
https://youtu.be/DDU-rZs-Ic4)
อ้างอิง CBSNews
อ้างอิง NASA SpaceX Wikipedia
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส
Cr.
https://www.beartai.com/news/sci-news/438441
Cr.
https://www.beartai.com/news/sci-news/438833
Cr.
https://www.facebook.com/NARITpage/photos/มาทำความรู้จักกับสถานีอวกาศนานาชาติ-iss-กันก่อนสถานีอวกาศนานาชาติ-international-/1426547324075544/
ภารกิจ " Crew Dragon Demo-2 " ครั้งแรกในประวัติศาสตร์
นักบินอวกาศ โรเบิร์ต เบนเคน (Robert Behnken) และดักลาส เฮอร์ลีย์ (Doug Hurley) จะเดินทางขึ้นสู่อวกาศด้วยจรวดฟอลคอน 9 (Falcon 9) ของบริษัทสเปซเอกซ์ (SpaceX) ของ Elon Musk เวลา 16.33 น. ตามเวลาท้องถิ่น (EDT) ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 จากฐานปล่อยจรวด 39A (Launch Complex 39A) รัฐฟลอริดา หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน พวกเขาจะเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่นั่งยานอวกาศจากภาคเอกชนขึ้นสู่วงโคจรรอบโลก
ภารกิจพานักบินอวกาศอเมริกาไปสถานีอวกาศนานาชาติครั้งนี้ มีนามว่า “Crew Dragon Demo-2” หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “Demo-2” มีจุดมุ่งหมายของภารกิจคือการทดสอบเที่ยวบิน นักบินอวกาศจะต้องตรวจสอบระบบการขนส่งลูกเรือของบริษัท SpaceX ซึ่งรวมไปถึงการยิงจรวด เครื่องยนต์จรวด ยานอวกาศ และสมรรถนะและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ต่าง ๆ ภารกิจดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่นักบินอวกาศนาซ่าจะทดสอบระบบยานอวกาศในวงโคจร
สำหรับนักบินอวกาศ เบนเคนและเฮอร์ลีย์ ทั้งคู่ถือเป็นนักบินอวกาศชุดแรกที่เริ่มทำงานและฝึกการใช้ยานอวกาศรุ่นถัดไปของ SpaceX โดยได้รับการคัดเลือก เนื่องจากผ่านบททดสอบด้านการบินที่เข้มข้น รวมทั้งยังมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับกระสวยอวกาศในหลายภารกิจด้วย
เบนเคนจะรับหน้าที่หลักเป็นผู้บัญชาการปฏิบัติการร่วม รับผิดชอบการเชื่อมต่อและถอดถอนยานเข้ากับสถานีอวกาศนานาชาติ ณ จุดนัดพบ หลังจากได้รับเลือกให้เป็นนักบินอวกาศของนาซาเมื่อปี ค.ศ. 2000 และผ่านภารกิจการบินด้วยกระสวยอวกาศสองเที่ยว เขาเข้าร่วมในภารกิจส่งกระสวยอวกาศไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ STS-123 เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2008 และภารกิจ STS-130 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 ทั้งยังเดินในอวกาศ (Spacewalks) ถึงสามครั้งระหว่างปฏิบัติภารกิจด้วย
จากนั้นภายในเวลา 24 ชั่วโมง ยาน Crew Dragon จะเข้าเทียบท่า ณ จุดนัดพบ และเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศนานาชาติ ยานดังกล่าวได้รับการออกแบบให้เชื่อมต่อกับสถานีอวกาศแบบอัติโนมัติ อย่างไรก็ตาม นักบินอวกาศทั้งจากยาน Crew Dragon และสถานีอวกาศจะจับตา คอยสังเกตการณ์การเชื่อมต่อนี้อย่างใกล้ชิด และจะเข้าควบคุมยานทันทีหากเกิดเหตุจำเป็น
หลังการเทียบท่า เบนเคน และเฮอร์ลีย์ จะกลายเป็นหนึ่งในนักบินอวกาศบนสถานีอวกาศนานาชาติและสมาชิกของภารกิจการเดินทางระยะยาว 63 (Expedition 63) พวกเขาจะทำการทดสอบต่าง ๆ บนยาน Crew Dragon เพื่อการทำงานวิจัยและงานอื่น ๆ ร่วมกับลูกเรือของสถานีอวกาศคนอื่น
แม้ว่ายาน Crew Dragon จะถูกใช้สำหรับทดสอบการเดินทางในครั้งนี้ และตามแผนจะอยู่ในวงโคจรเพียง 110 วัน แต่จะมีการกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนบนสถานีอวกาศนานาชาติอีกครั้ง และขึ้นอยู่กับความพร้อมของโครงการนำส่งนักบินอวกาศโดยภาคเอกชนในครั้งถัดไป ยานอวกาศจึงอาจจะอยู่ในวงโคจรได้ถึง 210 วัน หากมีการร้องขอจากนาซา
จากนั้น ยาน Crew Dragon พร้อมนักบินอวกาศทั้งสองจะออกจากสถานีอวกาศนานาชาติ และกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก โดยมีจุดลงจอดที่นอกชายฝั่งแอตแลนติกของฟลอริดา และเรือกู้คืน Go Navigator ของ SpaceX จะไปรับลูกเรือทั้งสองพากลับเข้าสู่แหลมคานาวารัลต่อไป
ในอนาคตจะทำให้นาซาสามารถดำเนินงานวิจัยและค้นคว้าเทคโนโลยีที่สำคัญบนสถานีอวกาศนานาชาติต่อไปได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นประโยชน์ ทั้งแก่คนบนโลก และการสำรวจดวงจันทร์และดาวอังคารในโครงการอาร์ทีมิส (Artemis program) ซึ่งเป็นโครงการของนาซา มีเป้าหมายพานักบินอวกาศหญิงคนแรกและนักบินอวกาศชายไปเหยียบดวงจันทร์ ในปี ค.ศ. 2024 ต่อไปด้วย
กำหนดการใหม่สำหรับการปล่อยยานกวกาศภายใต้ความร่วมมือระหว่าง NASA และ SpaceX จะถูกจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม เวลา 3:22:45 p.m. EDT และอีกหนึ่งโอกาสคือในวันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม เวลา 3:00:11 p.m. EDT
สถานีอวกาศนานาชาติเป็นโครงการร่วมกันระหว่างหน่วยงานด้านอวกาศ 5 หน่วยจากชาติต่างๆ ได้แก่ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA, สหรัฐอเมริกา), องค์การอวกาศสหพันธรัฐรัสเซีย (RKA, รัสเซีย) ,องค์การอวกาศแคนาดา (CSA, แคนาดา) ,องค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (JAXA, ญี่ปุ่น) และ องค์การอวกาศยุโรป (ESA, สหภาพยุโรป)
ตัวสถานีอวกาศนานาชาติประกอบด้วยสถานีอวกาศในโครงการต่าง ๆ ของหลายประเทศ ซึ่งรวมไปถึง เมียร์-2 ของอดีตสหภาพโซเวียต, ฟรีดอม ของสหรัฐ, โคลัมบัส ของชาติยุโรป และ คิโบ ของญี่ปุ่น
ระบบไฟฟ้าของสถานีมาจากแผงรับแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ 16 แผงติดตั้งอยู่บนโครงสร้างภายนอก และมีแผงขนาดเล็กกว่าอีก 4 แผงอยู่บนโมดูลของรัสเซีย สถานีอวกาศนานาชาติลอยอยู่ในวงโคจรที่ความสูงระดับ 278-460 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก เคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วเฉลี่ย 27,724 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โคจรรอบโลก 15.77 รอบต่อวัน
ลูกเรือถาวรของสถานีอวกาศแต่ละรุ่นจะมีหมายเลขเอ็กซ์เพดิชั่นเรียงตามลำดับ เอ็กซ์เพดิชั่นแต่ละรุ่นใช้เวลาปฏิบัติภารกิจประมาณ 6 เดือน โดยแต่ละรุ่นประกอบด้วยลูกเรือ ไม่เกิน 6 คน โดยมีการรับมอบและส่งมอบงานกันอย่างเป็นทางการระหว่างผู้บัญชาการเอ็กซ์เพดิชั่นรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง
สถานีอวกาศนานาชาติจัดเป็นยานอวกาศที่มีผู้ไปเยือนมากที่สุดในประวัติศาสตร์การบินอวกาศ นับถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2009 มีผู้ไปเยือนแล้วทั้งสิ้น 266 คน (ภาพ : nasa.gov/gallery/images)
ปัจจุบันมีผู้ปฏิบัติการบนสถานีอวกาศนานาชาติ 3 คน เป็นชาวอเมริกัน 1 คน (Chris Cassidy) และรัสเซีย 2 คน (Anatoly Ivanishin กับ Ivan Vagner)
(ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: https://youtu.be/DDU-rZs-Ic4)
อ้างอิง CBSNews
อ้างอิง NASA SpaceX Wikipedia
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส
Cr.https://www.beartai.com/news/sci-news/438441
Cr.https://www.beartai.com/news/sci-news/438833
Cr.https://www.facebook.com/NARITpage/photos/มาทำความรู้จักกับสถานีอวกาศนานาชาติ-iss-กันก่อนสถานีอวกาศนานาชาติ-international-/1426547324075544/