กระทู้นี้เป็นการแบ่งปันข้อมูลในการเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ หลายๆ ที่รวมๆ กันนะ เจ้าของกระทู้มีโอกาสได้ไปเที่ยวตอนไปทำงานแล้วมีเวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เลยอยากแบ่งปัน เผื่อจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่จะไปเที่ยว
ที่แรกเลยคือสนามบินซูริค บินกับเจ้าป้าตลอดเพราะไฟท์ค่อนข้างดี ออกกลางดึกบ้านเรา ไปถึงซูริคตอนเช้ามืด เราจะมีเวลาเที่ยวหนึ่งวันเต็ม แต่ก็จะแอบง่วงๆ หน่อย ถ้าใครนอนบนเครื่องไม่ค่อยหลับ เช่นเราเป็นต้น
ถึงสนามบินซูริคจะต้องนั่งรถไฟเข้าอาคารผู้สาร เดินตามเค้ามาเรื่อยๆ ลงบันไดเลื่อนมาก็จะเจอรถไฟ รับรองไม่มีหลว วิ่งเรื่อยๆ รับคนจากอาคารผู้โดยสารมาขึ้นเครื่อง แล้วรับคนกลับไป มีตลอด รอไม่นาน
พอเข้ามาในอาคารผู้โดยสารอาคารใหญ่ ก็ต้องลงไปชั้นขายตั๋วรถไฟของ SBB ซึ่งเราซื้อจากตู้ก็ได้ จากเคาท์เตอร์ขายตั๋วก็ได้ หรือซื้อใน SBB app เลยก็ได้เหมือนกัน คือรถไฟที่นี่สะดวกและง่ายมาก ใครรอดจากรถไฟที่ญี่ปุ่น เกาหลี รถไฟสวิสนี่เด็กๆ เลยจ๊ะ
ของเราเลือกซื้อที่เคาท์เตอร์ล่ะ ซื้อเป็นสวิสพาส ซึ่งมีอยู่หลายแบบ เลือกได้เลยตามความคุ้มของการใช้งานเรา อย่างเคสเราอยู่สองอาทิตย์ก็จริง แต่เที่ยวหนัก นั่งรถไฟเยอะ ขึ้นเขาแพง ก็แค่เสาร์อาทิตย์ เลือกแบบ flexible สามวัน คุ้มสุด
คุยเรื่องสวิสพาสนิดนึง ราคามันจะค่อนข้างสูง แล้วแต่ประเภท แต่มันแลกกับความสะดวก และส่วนลดสำหรับการขึ้นเขา เข้าพิพิธภัณฑ์ หรืออื่นๆ ซึ่งแต่ละปีจะไม่เหมือนกัน ต้องเช็คก่อนไป ว่าไป ราคาตั๋วรถไฟที่สวิสนี่ ก็ทำให้เราล่มจมได้เหมือนกันนะ เพราะงั้น เราต้องวางแผนการเดินทางนิดนึงสำหรับประเทศนี้
อันนี้เป็นที่เคาท์เตอร์ขายตั๋ว ซึ่งเราสามารถคุยกับคนขายตั๋วได้ ว่าเราจะไปตรงไหน ให้เค้าแนะนำเส้นทางที่วิวสวยๆ ได้

ได้ตั๋วแล้วไปต่อเลย ทริปแรกของเรา ลงเครื่องปุ๊บ เจอฝนปั๊บ บรรยากาศอึมครึมดีแท้ เลยตัดสินใจนั่งรถไฟไป Bern เลย เพราะใกล้ที่ทำงาน บรรยากาศเมือง Bern ฝนตกปรอยๆ ก็ไม่ได้แย่มากนะ เพียงแต่ถ่ายรูปลำบาก แล้ววันที่เราไปถึงเป็นวันจันทร์ ทุกอย่างปิดหมด ใครจะเที่ยวเช็ควันเปิดปิดดีๆ นะ สวิสนี่ส่วนมากเค้าปิดวันจันทร์กัน
เมืองเบิร์น ในวันฝนพรำ

ว๊าปไปอีกที่เลยล่ะกัน เป็นการตัดสินใจลงใต้เพื่อไปชื่นชม Maternhorn เปิดใช้สวิสพาสวันแรก ซึ่งก็ใช้ง่ายมาก แค่เขียนวันที่ลงไป จะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋วเรื่อยๆ นะ ที่สำคัญขึ้นให้ถูก class ตามที่ซื้อ รากหญ้าอย่างเรานั่งชั้นสองพอ แต่เอาจริงถ้าขึ้นผิด (เคยครั้งนึง) ตอนเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋วเค้าจะบอกว่า ยูว์ นี่เฟิร์สคลาสนะ ยูว์จะย้ายไปชั้นสอง หรือจะจ่ายตังค์เพิ่ม เลือกได้เลยฮะ รออะไรล่ะ ย้ายสิคร๊าบบบบ
ไปถึง Zermatt เมืองที่ไม่มีรถยนต์และมลภาวะใดๆ สวยมากจริงๆ ดูวิวในเมืองเค้ากัน
เดินเล่นในเมืองนิดหน่อย แล้วก็ไปขึ้นรถไฟเพื่อไปหา Mr. Maternhorn กัน เราสามารถขึ้นได้สองวิธีคือ รถไฟ และกระเช้า จะได้วิวกันคนละแบบ ถ้าขึ้นรถไฟ แนะนำให้นั่งฝั่งขวานะ วิวมันสวยกว่าจริงๆ นี่วิวจากรถไฟ


รูปจากมุมบนสุด (ที่ขึ้นไปได้) หลังจากลงรถไฟที่ Gornergrat เป็นวันที่ฟ้าเปิดสุดๆ แดดดีมากๆ ถ่ายรูปออกมาสวยม๊ากกกก

ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด แล้วเราจะพบว่า มีคนถือช็อคโกแล็ต TOBLERONE มาถ่ายรูปคู่กับยอดเขาคึกคักมาก

แล้วก็ลงมานั่งกระเช้าอีกรอบนึง วิวจากกระเช้า สวยไปอีกแบบ เนื่องจากกระเช้าสูงมาก เลยได้เห็นเมือง Zermatt ที่อยู่ในหุบเขาทั้งเมือง

สถานีปลายทางของการมาด้วยกระเช้าคือ Glacier Paradise อากาศเบาบางมาก รู้สึกได้เลยว่าหายใจลำบาก ต้องค่อยๆ เดิน อันนี้ต้องระวังหน่อยนะ
แต่พอออกมาเจอแดนลับแลนด์ ขาวโพลน มองไปเห็นอีกประเทศนึงเลย นี่หายใจคล่อยเลยนะ


มาเปลี่ยนเที่ยวพื้นราบกันบ้าง เรามุ่งมั่นมากว่าเราจะต้องไป Lausanne ให้ได้ อยากไปที่ที่พ่อเคยอยู่ เราใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่นี่ ไม่ได้ไปตามแลนด์มาร์คทั้งหมดนะ เดินเรื่อยๆ ข้อดีคือเจอนักท่องเที่ยวน้อย จุดแรกก็ต้องไปคือวิหารเลย มุมมหาชน

เดินเรื่อยๆ มาเจอตลาดนัดเล็กๆ มีทุกอย่าง ผลไม้เมืองหนาวนี่อร่อยเหาะไปเลย ถูกและดี ลองมันทุกอย่าง จนคนขายหัวเราะ (ก็บ้านหนูไม่มีนี่ค้าาาา)

เมืองสุดท้ายสำหรับทริปนี้คือ Luzern พอออกจากสถานีรถไฟ ก็จะเห็นวิวนี้เลย

สะพานที่ใครๆ ก็ต้องมา แต่ทำใหม่แล้ว

และอีกหนึ่งมุมมหาชน ถ่ายคู่กับเกาหลัด เข้ากั๊น เข้ากัน

เราเดินทางด้วยรถไฟทั้งหมด อาหารก็กินง่ายๆ ตาม Kiosk ที่มีอยู่ตามสถานีรถไฟ ที่สำคัญที่สวิสนี่มีสตาร์บัคอยู่ตามมินิมาร์ท หากาแฟกินง่ายมาก คนสวิสไม่นิยมกินสตาร์บัค เพราะเค้ามีเนสเปรสโซ่ ที่เค้าภาคภูมิใจว่ามันดีมากกกก คนที่ชอบกินชีสน่าจะเอ็นจอยกับอาหาร แต่สำหรับเราเรา คือความลำบากขั้นสุด เพราะเราอยากแต่ส้มตำ
ร้านอาหารไทยก็ไม่ถึงกับหายากนะ มีอยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟตามเมืองใหญ่ๆ เยอะ เหมือนกัน
ส่วนเรื่องห้องน้ำ ห้องน้ำฟรีแทบไม่มีเลย ต้องจ่ายตังค์หนึ่งฟรังก์ (1 CHF) แต่มีให้เข้าฟรีบนรถไฟ
โดยรวมแล้ว สำหรับทริปสวิสแรกของเรา คือประทับใจมาก แค่นั่งรถไฟก็ฟินแล้ววว
สวิสเซอร์แลนด์...คนเดียวก็เที่ยวง่าย
ที่แรกเลยคือสนามบินซูริค บินกับเจ้าป้าตลอดเพราะไฟท์ค่อนข้างดี ออกกลางดึกบ้านเรา ไปถึงซูริคตอนเช้ามืด เราจะมีเวลาเที่ยวหนึ่งวันเต็ม แต่ก็จะแอบง่วงๆ หน่อย ถ้าใครนอนบนเครื่องไม่ค่อยหลับ เช่นเราเป็นต้น
ถึงสนามบินซูริคจะต้องนั่งรถไฟเข้าอาคารผู้สาร เดินตามเค้ามาเรื่อยๆ ลงบันไดเลื่อนมาก็จะเจอรถไฟ รับรองไม่มีหลว วิ่งเรื่อยๆ รับคนจากอาคารผู้โดยสารมาขึ้นเครื่อง แล้วรับคนกลับไป มีตลอด รอไม่นาน
พอเข้ามาในอาคารผู้โดยสารอาคารใหญ่ ก็ต้องลงไปชั้นขายตั๋วรถไฟของ SBB ซึ่งเราซื้อจากตู้ก็ได้ จากเคาท์เตอร์ขายตั๋วก็ได้ หรือซื้อใน SBB app เลยก็ได้เหมือนกัน คือรถไฟที่นี่สะดวกและง่ายมาก ใครรอดจากรถไฟที่ญี่ปุ่น เกาหลี รถไฟสวิสนี่เด็กๆ เลยจ๊ะ
ของเราเลือกซื้อที่เคาท์เตอร์ล่ะ ซื้อเป็นสวิสพาส ซึ่งมีอยู่หลายแบบ เลือกได้เลยตามความคุ้มของการใช้งานเรา อย่างเคสเราอยู่สองอาทิตย์ก็จริง แต่เที่ยวหนัก นั่งรถไฟเยอะ ขึ้นเขาแพง ก็แค่เสาร์อาทิตย์ เลือกแบบ flexible สามวัน คุ้มสุด
คุยเรื่องสวิสพาสนิดนึง ราคามันจะค่อนข้างสูง แล้วแต่ประเภท แต่มันแลกกับความสะดวก และส่วนลดสำหรับการขึ้นเขา เข้าพิพิธภัณฑ์ หรืออื่นๆ ซึ่งแต่ละปีจะไม่เหมือนกัน ต้องเช็คก่อนไป ว่าไป ราคาตั๋วรถไฟที่สวิสนี่ ก็ทำให้เราล่มจมได้เหมือนกันนะ เพราะงั้น เราต้องวางแผนการเดินทางนิดนึงสำหรับประเทศนี้
อันนี้เป็นที่เคาท์เตอร์ขายตั๋ว ซึ่งเราสามารถคุยกับคนขายตั๋วได้ ว่าเราจะไปตรงไหน ให้เค้าแนะนำเส้นทางที่วิวสวยๆ ได้
ได้ตั๋วแล้วไปต่อเลย ทริปแรกของเรา ลงเครื่องปุ๊บ เจอฝนปั๊บ บรรยากาศอึมครึมดีแท้ เลยตัดสินใจนั่งรถไฟไป Bern เลย เพราะใกล้ที่ทำงาน บรรยากาศเมือง Bern ฝนตกปรอยๆ ก็ไม่ได้แย่มากนะ เพียงแต่ถ่ายรูปลำบาก แล้ววันที่เราไปถึงเป็นวันจันทร์ ทุกอย่างปิดหมด ใครจะเที่ยวเช็ควันเปิดปิดดีๆ นะ สวิสนี่ส่วนมากเค้าปิดวันจันทร์กัน
เมืองเบิร์น ในวันฝนพรำ
ว๊าปไปอีกที่เลยล่ะกัน เป็นการตัดสินใจลงใต้เพื่อไปชื่นชม Maternhorn เปิดใช้สวิสพาสวันแรก ซึ่งก็ใช้ง่ายมาก แค่เขียนวันที่ลงไป จะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋วเรื่อยๆ นะ ที่สำคัญขึ้นให้ถูก class ตามที่ซื้อ รากหญ้าอย่างเรานั่งชั้นสองพอ แต่เอาจริงถ้าขึ้นผิด (เคยครั้งนึง) ตอนเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋วเค้าจะบอกว่า ยูว์ นี่เฟิร์สคลาสนะ ยูว์จะย้ายไปชั้นสอง หรือจะจ่ายตังค์เพิ่ม เลือกได้เลยฮะ รออะไรล่ะ ย้ายสิคร๊าบบบบ
ไปถึง Zermatt เมืองที่ไม่มีรถยนต์และมลภาวะใดๆ สวยมากจริงๆ ดูวิวในเมืองเค้ากัน
เดินเล่นในเมืองนิดหน่อย แล้วก็ไปขึ้นรถไฟเพื่อไปหา Mr. Maternhorn กัน เราสามารถขึ้นได้สองวิธีคือ รถไฟ และกระเช้า จะได้วิวกันคนละแบบ ถ้าขึ้นรถไฟ แนะนำให้นั่งฝั่งขวานะ วิวมันสวยกว่าจริงๆ นี่วิวจากรถไฟ
รูปจากมุมบนสุด (ที่ขึ้นไปได้) หลังจากลงรถไฟที่ Gornergrat เป็นวันที่ฟ้าเปิดสุดๆ แดดดีมากๆ ถ่ายรูปออกมาสวยม๊ากกกก
ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด แล้วเราจะพบว่า มีคนถือช็อคโกแล็ต TOBLERONE มาถ่ายรูปคู่กับยอดเขาคึกคักมาก
แล้วก็ลงมานั่งกระเช้าอีกรอบนึง วิวจากกระเช้า สวยไปอีกแบบ เนื่องจากกระเช้าสูงมาก เลยได้เห็นเมือง Zermatt ที่อยู่ในหุบเขาทั้งเมือง
สถานีปลายทางของการมาด้วยกระเช้าคือ Glacier Paradise อากาศเบาบางมาก รู้สึกได้เลยว่าหายใจลำบาก ต้องค่อยๆ เดิน อันนี้ต้องระวังหน่อยนะ
แต่พอออกมาเจอแดนลับแลนด์ ขาวโพลน มองไปเห็นอีกประเทศนึงเลย นี่หายใจคล่อยเลยนะ
มาเปลี่ยนเที่ยวพื้นราบกันบ้าง เรามุ่งมั่นมากว่าเราจะต้องไป Lausanne ให้ได้ อยากไปที่ที่พ่อเคยอยู่ เราใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่นี่ ไม่ได้ไปตามแลนด์มาร์คทั้งหมดนะ เดินเรื่อยๆ ข้อดีคือเจอนักท่องเที่ยวน้อย จุดแรกก็ต้องไปคือวิหารเลย มุมมหาชน
เดินเรื่อยๆ มาเจอตลาดนัดเล็กๆ มีทุกอย่าง ผลไม้เมืองหนาวนี่อร่อยเหาะไปเลย ถูกและดี ลองมันทุกอย่าง จนคนขายหัวเราะ (ก็บ้านหนูไม่มีนี่ค้าาาา)
เมืองสุดท้ายสำหรับทริปนี้คือ Luzern พอออกจากสถานีรถไฟ ก็จะเห็นวิวนี้เลย
สะพานที่ใครๆ ก็ต้องมา แต่ทำใหม่แล้ว
และอีกหนึ่งมุมมหาชน ถ่ายคู่กับเกาหลัด เข้ากั๊น เข้ากัน
เราเดินทางด้วยรถไฟทั้งหมด อาหารก็กินง่ายๆ ตาม Kiosk ที่มีอยู่ตามสถานีรถไฟ ที่สำคัญที่สวิสนี่มีสตาร์บัคอยู่ตามมินิมาร์ท หากาแฟกินง่ายมาก คนสวิสไม่นิยมกินสตาร์บัค เพราะเค้ามีเนสเปรสโซ่ ที่เค้าภาคภูมิใจว่ามันดีมากกกก คนที่ชอบกินชีสน่าจะเอ็นจอยกับอาหาร แต่สำหรับเราเรา คือความลำบากขั้นสุด เพราะเราอยากแต่ส้มตำ
ร้านอาหารไทยก็ไม่ถึงกับหายากนะ มีอยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟตามเมืองใหญ่ๆ เยอะ เหมือนกัน
ส่วนเรื่องห้องน้ำ ห้องน้ำฟรีแทบไม่มีเลย ต้องจ่ายตังค์หนึ่งฟรังก์ (1 CHF) แต่มีให้เข้าฟรีบนรถไฟ
โดยรวมแล้ว สำหรับทริปสวิสแรกของเรา คือประทับใจมาก แค่นั่งรถไฟก็ฟินแล้ววว