[CR] สวัสดี...อัลไต ไซบีเรีย  / เรื่องโดย: The Trek

สวัสดี...อัลไต เพี้ยนลาเวนเดอร์

กางแผนที่โลกออกมาดูทีไร แผ่นดินของมหาอาณาจักรรัสเซียมักจะโดดเด่นสะดุดตามากที่สุดเสมอ สมกับเป็นประเทศที่ครองอันดับใหญ่ที่สุดในโลก โดยกินพื้นที่ถึง 17 ล้านตารางกิโลเมตร มีชายแดนติดกับ 14 ประเทศ มีระบบนิเวศวิทยาบนผืนดินใหญ่ที่สุดในโลก มีปริมาณทรัพยากรแร่ธาตุและพลังงานสำรองใหญ่ที่สุด ผลิตก๊าซธรรมชาติเป็นอันดับหนึ่งของโลก มีป่าไม้สำรองใหญ่ที่สุด และทะเลสาบในรัสเซียบรรจุน้ำจืดประมาณหนึ่งในสี่ของโลก ในความเป็นที่สุดของที่สุดนี้ อาณาบริเวณของ 'ไซบีเรีย' ดินแดนหนาวจัดของรัสเซีย กินพื้นที่ประเทศมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายถึง ถ้าเราแบ่งแยกแผ่นดินไซบีเรียออกมาเป็นอิสระ ไซบีเรียก็จะครองอันดับประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปทันที

อ่านเรื่องราวของไซบีเรียครั้งใด ก็จะมีแต่คำว่า “หนาว หนาวและหนาว” น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ภายใต้ผืนหิมะที่ปกคลุมนั้น มีขุมทรัพย์ล้ำค่าคือธรรมชาติอันงดงาม ทั้งป่าไม้ ภูเขา ทุ่งหญ้า และทะเลสาบชื่อดังอีกหลายแห่ง เมื่อไอเดียปิ๊งเข้ามาในหัวว่า “ของมันต้องลอง!” แผนสำรวจไซบีเรียของกลุ่ม The Trek จึงบังเกิดขึ้น เราศึกษาข้อมูลและเส้นทางกันพอสังเขป ก่อนตัดสินใจบินลัดฟ้าไปไซบีเรียทันที เรียกได้ว่า นี่คือทริปร้อน ทริปเร่ง ปักหมุดเอง ขับรถเอง หลงทางเอง นักเลงพอ เพี้ยนแข็งแรง

 
ดินแดนไซบีเรียมีความหลากหลายทางภูมิประเทศ วัฒธรรมและความเป็นอยู่สูงมาก หากต้องการสำรวจให้ทั่ว คงกินเวลาแรมเดือน กลุ่มเราจึงลงสำรวจเฉพาะทางใต้ มุ่งตรงไปเทือกเขาอัลไตและอาณาบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น ชนเผ่าอัลไตในแถบนี้มีวิถีชีวิตผูกพันกับเทือกเขาอัลไตมานาน ยังคงรักษาอัตลักษณ์ของตนไว้ได้อย่างเด่นชัด คนเชื้อสายอัลไตมีลักษณะต่างจากคนรัสเซียชัดเจน พวกเขามีผมดำ ผิวเหลือง และตาชั้นเดียวคล้ายชาวมองโกเลีย

เส้นทางสำรวจเทือกเขาอัลไตของเรากินเวลา11วัน (รวมวันบินไป-กลับ) แบ่งเป็นสามช่วงเดินทาง สต๊อปแรกคือ กรุงเทพฯ-โนโวซิเบิร์ก เมืองหลวงหลักของไซบีเรีย จากนั้นจึงเดินทางต่อไปยังเมืองกอร์โน-อัลไตสค์ ซึ่งเป็นด่านแรกของอาณาจักรอัลไตไซบีเรีย การสำรวจดินแดนอัลไตอย่างเป็นทางการเริ่มต้นจากจุดนี้ เส้นทางยอดฮิตมีชื่อว่า the golden circle of Chuysky Trakt ได้ชื่อว่าเป็นเส้นทางสวยที่สุดของไซบีเรีย สำรวจครบวงแหวน Chuysky Trakt ก็เดินทางกลับเข้าสู่เมืองโนโวซิเบิร์ก เพื่อบินกลับกรุงเทพฯ และถือเป็นอันสิ้นสุดโรดทริปภูมิภาคอัลไตตอนใต้
สายการบิน S7 พาเราบินตรงจากสุวรรณภูมิมายังโนโวซิเบิร์ก เมืองหลวงของไซบีเรีย เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 รองจากมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ได้รับฉายาว่า 'ซิลิคอนวัลเลย์แห่งรัสเซีย' ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัลไต อโนคิน (Anokhin Museum) ที่เก็บร่างมัมมี่น้ำแข็งของเจ้าหญิงแห่งไซบีเรีย ซึ่งขุดพบในที่ราบสูงอูกก (Ukok Plateau) นักโบราณคดีเชื่อว่าหญิงสาวผู้นี้มีชีวิตอยู่ในราวศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล ด้วยความหนาวเย็นที่ปกคลุมไซบีเรีย บวกกับความห่างไกลของดินแดน ปราศจากสิ่งรบกวนใดๆ ทำให้ศพมัมมี่นี้เป็นหนึ่งในมัมมี่ที่มีความสมบูรณ์มากที่สุดในโลก หลังจากสำรวจเมืองกันเล็กน้อย เราก็ตัดสินใจขับรถลงใต้สู่เมืองกอร์โน-อัลไตสค์ ประตูสู่ความมหัศจรรย์ของอัลไต ไซบีเรีย ในวันต่อมา
ระยะทางจากเมืองโนโวซิเบิร์กถึงเมืองกอร์โน-อัลไตสค์ ยาวประมาณ 450 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมงโดยรถยนต์ เราเลือกเดินทางมาสำรวจอัลไตไซบีเรียในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูไม้ผลัดใบ ต้นไม้สองฝั่งถนนกำลังเปลี่ยนสีสวยงาม พ้นทิวป่าจะเห็นทุ่งโล่งสุดลูกหูลูกตา เป็นทุ่งข้าวบั๊ควีทสีแดงเข้มบ้าง ทุ่งดอกทานตะวันเหลืองอร่ามบ้าง ฟาร์มพืชผล ทุ่งปศุสัตว์กว้างใหญ่ สลับสับเปลี่ยนกันไปตามความสูงของพื้นที่

เมื่อขับเข้าสู่เมืองกอร์โน-อัลไตสค์ จะเห็นป้ายต้อนรับสู่ภูมิภาคอัลไตขนาดใหญ่ เปรียบเสมือนประตูบ้านที่เปิดต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเป็นทางการ เราขับลัดเลาะเข้าสู่ Chuysky Trakt หรือทางหลวงชูยา (Chuya  Highway) หรือทางหลวง P256 เส้นทางหลักที่เชื่อมแคว้นโนโวซีบีสค์และเขตการปกครองตนเองอัลไต (Altai Republic) เข้าด้วยกัน ชูยาไฮเวย์มีความยาวประมาณ 955 กิโลเมตร เริ่มต้นจากเมืองกอร์โน-อัลไตสค์ ดิ่งตรงลงใต้ไปสิ้นสุดที่ชายแดนประเทศมองโกเลีย  ยกนิ้วให้เป็นถนนที่สวยที่สุดในไซบีเรีย สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำคาตุนในมุมโค้งได้เกือบตลอดสาย ในอดีตทางหลวงชูยาถือเป็นเส้นทางการค้าขายผลิตผลจากป่า ขนสัตว์ ชา แร่ และอัญมณีต่างๆ ปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งของถนนสายเอเชียที่เชื่อมไปยังเมืองยารันโดของมองโกเลีย อุรุมฉีในจีน อิสลามาบัดและการาจีในประเทศปากีสถาน

คืนแรกเราพักค้างแรมกันบนฝั่งแม่น้ำคาตุน ใกล้จุดชมวิวหินฟันมังกร (Dragon Teeth) หนึ่งในจุดท่องเที่ยวดังในโซนแม่น้ำคาตุน ระยะ 50-60 กิโลเมตรแรกของถนนเรียบแม่น้ำคาตุนเต็มไปด้วยที่พักแรม มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมรับนักท่องเที่ยว ทุก 50-100 เมตรจะพบร้านค้าและรีสอร์ทตลอดทาง มีทั้งแบบทันสมัยและแบบแคมป์ปิ้งในป่า แม่น้ำคาตุนมีความยาวรวมประมาณ 688 กิโลเมตร เป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของชนชาติอัลไตมานานหลายพันปี ต้นกำเนิดมาจากธารน้ำแข็งบนยอดเขาเบลูกา (Belukha) ที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี ถือเป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับ 4 ในรัสเซีย สายน้ำเชี่ยวแรง ใสสะอาด และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก

โขดหินฟันมังกร มีลักษณะเป็นโขดหินสามเหลี่ยม โผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำ เรียงตัวเป็นแนวยาวใกล้ฝั่งแม่น้ำ มีตำนานเรื่องเล่าเก่าแก่ที่น่าสนใจหลายเรื่อง ไม่ไกลจากโขดหินฟันมังกร คือหุบเขาวิญญาณ หรือ Valley of Spirits เป็นจุดชมวิวพาโนรามาของแม่น้ำคาตุน มีเกาะแก่งสวยงาม เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมักแวะเวียนมาเก็บภาพความทรงจำก่อนเดินทางสู่จุดอื่น

อีกหนึ่งสถานที่ที่ควรแวะไปใช้เวลาเดินเล่นสักชั่วโมงสองชั่วโมง คือเกาะปัตมอส (Patmos) เรียกตามชื่อเกาะปัตมอสในประเทศกรีฃ บนเกาะมีโบสถ์เล็กๆ ชื่อว่า  St. John Church มีตำนานเล่ากันว่า ในปี ค.ศ. 1915 มีนักบุญไปสร้างโบสถ์ไว้บนเกาะ แต่ถูกรื้อทำลายลงในช่วงปี ค.ศ. 1920 และได้รับการบูรณะขึ้นอีกครั้งในอีก 80 ปีต่อมา ตัววัดสร้างอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำ มีสะพานแขวนเล็กๆ เชื่อมระหว่างแผ่นดินไปที่เกาะ จากจุดนี้นักท่องเที่ยวสามารถเดินไฮกิ้งเบาๆ เลียบริมน้ำตามเส้นทางแพะเดิน (GOAT Trail) ไปยังเขื่อนเชมาลได้ ที่เรียกว่าทางแพะเดิน ก็เพราะสมัยก่อนเป็นเพียงเส้นทางแคบๆและอันตราย มีแต่แพะเท่านั้นที่เดินได้ เส้นทางยาวประมาณ 1กิโลเมตรเท่านั้น แต่สามารถมองเห็นความคดเคี้ยวของสายน้ำได้ตลอดเส้นทางเดิน มีร้านรวงขายสินค้าท้องถิ่นขนมนมเนยให้ซื้อหาเพลินๆไปตลอดทางเช่นกัน  เขื่อนเชมาลเป็นแหล่งผลิตฟ้าแห่งแรกในเขตอัลไต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1935 แต่ปัจจุบันไม่ได้เปิดใช้งานแล้ว
 
การขับรถสำรวจความงดงามของเทือกเขาอัลไตนั้นไม่ยากเลย แล่นรถไปตามเส้นทางหลวงชูยา ค่อยๆ ขับลงทิศใต้ไปเรื่อยๆ จะมีจุดท่องเที่ยวสวยๆให้ชมตลอดเส้นทาง หลงรักพิกัดไหนเป็นพิเศษ ก็ใช้เวลาเที่ยว กิน นอน นั่ง เดินกันนานหน่อย เรียกว่าอิมโพไวส์ตามใจสั่งมา นอกจากนี้ความอัศจรรย์ของป่าเปลี่ยนสีตามฤดูกาลยังสวยงามน่าหลงใหล ขับรถไป ชมวิวไป แวะจอดซื้อผลิตภัณฑ์จากชุมชนที่ชาวบ้านนำมาวางขายตามสองข้างทางได้อย่างเพลิดเพลิน ทำให้ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย 

เราขับรถตามทางหลวงชูยาไปเรื่อยๆ นอกจากเสน่ห์ของภูมิทัศน์สองข้างทางแล้ว เรายังได้แวะชมอารยธรรมโบราณหลายจุด หนึ่งในพิกัดที่น่าสนใจคือ ภาพสลักหินคัลบัคตาช (Kalbak-Tash) แหล่งเรื่องราวอารยธรรมสามยุค คือยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยุคไซเธียนและยุคเติร์กโบราณ เขาคัลบัคตาชเปรียบเสมือนอนุสาวรีย์หินธรรมชาติที่มีร่องรอยของภาพสลักและตัวอักษรอายุมากกว่า 2,000 ปีอยู่บนหินกว่า 5,000 ภาพ ไล่เลียงไปตามความสูงของโขดหิน มีทั้งภาพแกะสลักมนุษย์ การล่าสัตว์ ภาพสัตว์ ตลอดจนสัญลักษณ์ต่างๆ กระจายไปตามหินผาและซอกเขา 

ดื่มด่ำกับอารยธรรมดึกดำบบรพ์กันพอประมาณ เราก็ขับรถแวะไปเก็บภาพที่ช่องเขาชิเกทามาน (Chike Taman Pass) และมุมมหาชนที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือน นั่นคือจุดพบกันของแม่น้ำสองสาย คือแม่น้ำชูยาและแม่น้ำคาตุน เมื่อฤดูหนาวมาเยือน แม่น้ำทั้งสองเส้นจะเริ่มกลายเป็นน้ำแข็ง แต่ในฤดูอื่น แม่น้ำทั้งสองจะมีสีต่างกัน และไหลมารวมเป็นหนึ่งเดียวที่ปากแม่น้ำแห่งนี้ 

ชื่อสินค้า:   อัลไต ไซบีเรีย รัสเซีย
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่