เรื่องเล่าจากนรก EP1 (ทะเลน้ำกรด)

การเผยแพร่เรื่องเล่าจากนรกนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ละอายและเกรงกลัวต่อบาป มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาผลประโยชน์แต่อย่างใด 
       นรกขุมนี้ล้อมรอบไปด้วยน้ำทะเลกรดสีดำสนิทที่ไม่มีที่สิ้นสุด สัตว์นรกที่บังเกิดในขุมนี้ราวกับถูกโยนลงมาจากผาสูงตกลงสู่ทะเลกรดแล้วจะต้องเวียนว่ายอยู่ในทะเลกรด ผิวกายของเหล่าสัตว์นรกล้วนถูกน้ำทะเลกรดกัดกร่อนจนพุพองเลือดและน้ำเหลืองไหลออกมาจากร่างอย่างน่าสยดสยองเสมือนกับหนอนนับล้านที่ถูกโยนลงหม้อและถูกต้มในน้ำที่เดือดจัด ใต้เบื้องล่างของทะเลกรดที่สงบนิ่งนั้นมีอสูรกายตัวใหญ่มหึมารูปร่างน่ากลัวที่แสนหิวโหยอาศัยอยู่ อสูรกายเหล่านั้นมีนิสัยดุร้ายอยู่เป็นนิจและหิวโหยอยู่ตลอดเวลา อสูรกายเหล่านี้จะคอยกระชากแขนและขาของสัตว์นรกมากินและเมื่อสัตว์นรกไร้ซึ่งแขนขาไม่สามารถที่จะว่ายต่อไปได้ร่างจึงจมลงสู่ใต้ทะเลกรดและถูกอสูรกายเบื้องล่างฉีกกระชากกัดกินร่างจนสิ้นซาก วนเวียนอยู่เช่นนี้จนกว่าจะหมดกรรม   
      ใจกลางทะเลกรดที่กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุดนั้น มีเกาะขนาดสามคนยืนเป็นที่ปรารถนาของสัตว์นรกที่หวังจะขึ้นไปนั่งพักเสียบ้างเมื่อว่ายไปถึงเกาะขนาดเล็กนั้นแล้วเพียงไม่ถึงเสียววินาทีก็ถูกฉุดกระชากลงมาจากเกาะและถูกเหวี่ยงไปไกลจากเกาะนั้นโดยสัตว์นรกตนอื่นที่ต้องการจะขึ้นเกาะ ขี่คอ ผลักหลัง ฉุดกระชากขา กระชากมือ กระชากหัว กระชากคอ แก่งแย่งชิงดีเพื่อให้มีพื้นที่ที่จะยืนอยู่บนเกาะขนาดเล็กแม้เพียงสักเล็กน้อยก็ยังดี
       ถึงแม้บนเกาะนั้นจะมีอีกาสีดำทะมึนตัวใหญ่คอยจิกทึ้งหัวจนเห็นกะโหลก แต่ในสายตาของสัตว์นรกนั้นการได้ขึ้นไปอยู่บนเกาะย่อมดีกว่าการแหวกว่ายในเทละกรดที่มีอสูรกายดุร้ายค่อยกระชากกัดกินเนื้อเป็นไหนๆ วนเวียนอยู่เช่นนี้ ทุกข์ทรมานอยู่เช่นนี้นานแสนนานจนกว่าจะหมดวิบากกรรมที่กระทำไว้
       ครานั้นได้ปรากฏภิกษุนิรนามผู้หนึ่งที่ลอยล่องอยู่เหนือทะเลกรด เปล่งแสงบารมีแสวงไสวไปทั่วบริเวณ ภิกษุนิรนามรูปนั้นยื่นปลายเท้าลงแตะบนทะเลกรดพลันน้ำทะเลก็กระเพื่อมเป็นคลื่นวงกลมกระจายขยายวงกว้าง ออกไปน้ำทะเลกรดสีดำสนิทแปรเปลี่ยนกลายเป็นน้ำสีใสสะอาด และยังช่วยบรรเทาความเจ็บปวดแก่สัตว์นรกทั้งหลายอีกด้วย  อสูรกายใต้ทะเลก็พลันสงบนิ่ง 
       สัตว์นรกนับล้านต่างหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวหันกายมองภิกษุนิรนาม หยาดน้ำตาที่ไม่เคยได้หลั่งไหลกลับหลั่งไหลออกจากดวงตาที่ใหญ่โตจนแทบถลนออกจากเบ้าด้วยความปลื้มปิติของสัตว์นรกเหล่านั้น  ภิกษุนิรนามรูปนั้นหยิบผ้าสังฆาฏิที่พาดบนบ่าข้างซ้ายแล้ววางลงบนพื้นน้ำ  ผ้าสังฆาฏิขยายใหญ่ขึ้นประมาณหนึ่งสัตว์นรกต่างยื่นมืออันสั่นเทาจับลงบนผ้าอย่างแผ่วเบา
            หากแต่ผ้าสังฆาฏิไม่มีพื้นที่เพียงพอให้สัตว์นรกได้จับทุกตน ภิกษุนิรนามรูปนั้นจึงเปล่งวาจากล่าวกับสัตว์นรกที่ได้จับผ้าสังฆาฏิว่า ” เราช่วยท่าน ท่านพ้นแล้วจากความทุกข์ทรมาน ท่านรู้สึกเช่นไร ผู้อื่นก็จะรู้สึกเช่นท่าน เมื่อท่านช่วยพวกเขา ” 
           เมื่อสัตว์นรกได้ยินเช่นนั้นสัตว์นรกที่เคยแก่งแย่งชิงดี แข่งขันกันว่ายน้ำเพื่อไปยังเกาะ ทำร้ายสัตว์นรกตนอื่นเพื่อให้ได้ยืนบนเกาะ บัดนี้สัตว์นรกเหล่านั้นกลับจับมือกัน สัตว์นรกกลุ่มที่ได้จับสังฆาฏิโดยตรงนั้นยืนมือออกไปเพื่อจับมือกับสัตว์นรกอีกตน และสัตว์นรกตนนั้นยืนออกไปอีกเพื่อจับมือกับสัตว์นรกอีกตนหนึ่งเป็นแบบนี้ จับต่อกันไปเป็นทอดๆ แผ่กว้างออกไป เปรียบเสมือนกับรากของต้นไม้ใหญ่ที่แผ่ขยายหยั่งรากลึกในดิน เพื่อให้ต้นไม้ใหญ่ได้เจริญงอกงามอย่างแข็งแรงและมั่นคง
           จนในที่สุดสัตว์นรกทุกตนจับมือกันหมดทั้งขุมนรก นับเป็นเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง ภิกษุนิรนามได้สอนสัตว์นรกเหล่านี้ให้มีเมตตาช่วยเหลือกันและกัน ไม่แก่งแย่งชิงดี ทำร้ายซึ่งกันและกัน แล้วท่านจึงพาสัตว์นรกทั้งหลายออกจากนรกขุมนี้จนไม่มีเหลือสักตน
           ซึ่งในความเป็นจริงนั้นท่านสามารถทำให้สังฆาฏิขยายใหญ่ได้ทั่วขุมนรกเพียงพอให้สัตว์นรกสามารถจับได้ทุกตน แต่ท่านไม่ทำเช่นนั้นทั้งนี้ก็เพื่อสอนให้รู้จัก ความเมตตา ความสามัคคี และการช่วยเหลือกันและกัน.
          วิบากกรรมของสัตว์นรกขุมนี้เกิดจาก....การแสวงหาอำนาจหน้าที่ ลาภยศ ด้วยกดขี่ข่มเหง เบียดเบียน ผู้อื่น.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่