คือผมไม่รุ้ว่าตัวเองเป็นอะไรตอนนี้มันสับสนมึนงง และ ตกอยู่ในวังวนแห่งความเศร้าและความพลัดพราก จากคนอันเป็นที่รัก ที่เรียกว่าแม่
หากแท็กผิดห้องกราบขออภัยด้วยครับ
ผมเป็นบุตรคนที่6 จากพี่น้องทั้งหมด6คนคนที่1ถึง4เป็นชาย คนที่5เป็นหญิง และผมคนที่6
ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยได้เรียกพ่อ เพราะพ่อเสียตั้งแต่เกิดมาได้ประมาน3เดือน พ่อก็จากไป
พี่ชาย4คน คนละพ่อ มีผมกับพี่สาวที่พ่อเดียวกัน แต่เราทั้งหมดรักกันมาก
แม่แต่งงานกับพ่อของพี่ชาย จนมีลูกคนที่4 พ่อของพี่ก็เสียชีวิต ปล่อยไห้แม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวโดยลำพัง
เมื่อเป็นหม้าย แม่ต้องทำงานหนัก ทำทุกอย่าง งานรับจ้าง ตัดอ้อย ทำนา20ไร่โดยได้รับการแบ่งมาจากทางฝ่ายพ่อของพี่ชาย โดยไช้ควายไถนาโดยแม่เป็นผู้นำและลูกๆทั้ง4 ที่พอจะช่วยงานได้ ก็ประคับประคองกันไป
ต่อมาพ่อของผมเอง ได้กับแม่และมีผมกับพี่สาว เพิ่มขึ้นมาแต่ว่าชีวิตแม่หาได้สบายกว่าเดิมไม่ เพราะลํกเยอะ พ่อของผมเองก็ไม่เคยช่วยงานเลย เป็นทักอย่างยกเว้นการดูแลครอบครัว เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะพ่อเจ้าชู้ เจ้าชู้ขนาดที่ว่า
พ่อมีครอบครัวอยุ่ก่อนแล้วและสมัยก่อน40กว่าปีที่แล้ว เห็นแม่เป็นหม้ายอยู่เลยย่องขึ้นหาแม่เอามาทำเมีย ทั้งๆที่บ้านที่1 อยู่กันคนละฝั่งถนนตรงกันข้ามเอง
ความเจ้าชู้ของพ่อ เจ้าชู้ขนาดที่ว่า มีเมียคนที่3 เพิ่มมาอีก และ ด้วยความบังเอิญหรืออย่างไรดีล่ะ เมียพ่อทั้ง3คน ตั้งท้องพร้อมกัน ในตอนที่แม่ ตั้งท้องผมพอดี
สรุปได้ว่า คนที่1 มีลุก4คน
แม่ผมมีลุก2 คน
คนที่3 มี3 คน
ทั้ง3คนในรุ่นผมมีลูกเกิดในปีเดียวกัน3 คน ห่างกันไม่เกิน1เดือน
ที่ร่ายยาวขนาดนี้เพราะว่า จะได้เห้นว่าผุ้ชายคนนึงที่ไม่เคยรับผิดชอบต่อครอบครัวของตัวเองเลย ทำไห้บรรดาเมียๆ ทั้ง3 ต้องกลายมาเป็นผู้นำครอบครัวแทน
ทั้งนี้จะพูดถึงแต่ในส่วนบ้านผมเท่านั้น
แม่มาจากครอบครัวไหญ่โดยที่แม่เป้นพี่คนโต ในบรรดาลูกๆทุกคนของยายที่มีถึง9 คน
แน่นอนยายลุกเยอะ แม่ได้เรียนถึงป4 ซึ่งเป้นการเรียนระดับสูงสุดในขณะนั้น
ต่อมาพอจบจากการเรียน ก็ได้แต่งงานกับ พ่อของพี่ลายผม และได้ที่ดินมา1แแปลง20ไร่ และเป็นแปลงที่บรรดาญาติๆไม่มีไครเอา เพราะเป็นที่สุงต่ำไม่เท่ากัน ดินแข็ง กดปักกล้าไม่ลงแม้จะมีน้ำก็ตามต้องไช้ไม้ปัดกนำทางก่อนเอากล้าลงทิ่ม
นั่นคือความยากลำบากของผุ้หญิงคนนึงและลุกๆที่โตพอจะช่วยทำงานได้ต้องทำกันเองหฃังจาก ที่พ่อ ของพี่ชายได้เสียไปด้วยอาการป่วย
แม่ทำงานทุกวันไห้ลุกได้เรียนทักคนในระดับชั้นสุงสุดตอนนั้น
ตัดมาที่ผมในวันที่พอจำความได้ แม่จะเล่าไห้ฟังถึฝความยากลำบากที่ต้องพบเจอว่าความจนมันน่ากลัวอย่างไรบ้างแม้แต่ว่าขนาดนำ้ปลา ยังไม่มีทางหาเงินมาซื้อได้ เพราะเมื่อ40ถึง50ปีก่อนนั้นการหาเงินยากมาก รับจ้างวันนึงได้ไม่ถึง5บาท
แต่พอมารุ่นที่ผมราวๆปีพศ 2531 เป็นช่วงที่ผมเข้า รร และพอจะรุ้เรื่องราวและจดจำได้
ผมมีหน้าที่เรียน พี่ๆก้เริ่มโต อายุก็จะห่างกันหปตามลำดับประมาน5-7ปี พี่ๆก้ช่วยแม่ทำงาน ทำนา รับจ้าง ตัดไม้ มาทำบ้าน บางทีต้องทิ้งลุกๆไว้กะญาติๆไห้คอยดูและเพราะแม่ไปรับจ้างตัดอ้อยไปนานหลายสิบวันกว่าจะกลับมาที ซึ่งนั่นคือพี่ๆต้องดูแลน้องๆกันเอง
จนเมื่อเวลาผ่านมาจนผมเองเรียนจบป6 และคงไม่มีโอกาศได้เรียนต่อ ทั้งๆที่อยากเรียนเหมือนเพื่อนๆ แต่แล้ววันนึงผมก็ได้เรียนต่อเนื่องจาก รร มีการเปิดสอนต่อถึง ม3 และมีครูมาหาถึงบ้าน มาหาเด้กๆไปเรียน ซึ่งแม่ก็ไม่อยากไห้เรียนเพราะไม่มีเงิน แต่ก้เกรงใจครู จึงปรึกษาพี่ๆและยอมไห้ผมไปเรีวนได้ แต่ต้องรออีก1ปีเพื่อ รอไห้สร้างอาคารเสร็จก่อน ถึงจะเปิดเรียนได้ เท่ากับว่าผมต้องทิ้งการเรียน1ปี รอเรียนต่อ
ระหว่างว่าง1ปีก้ไปช่วยแม่ทำนา
เมื่อผมเรียนก้มีหน้าที่แค่ตั้งใจเรียน และคอยหุงหาข้าวปลาไว้ไห้พี่ๆได้กินนอนกลับมาจากนาเท่านั้น งานอื่นๆไม่ต้องทำ พี่ๆผู้ชาย1-4 จะทำกันกับแม่
ส่วนพี่สาวคนที่5 อายุ16ก้ได้ไปทำงานที่ กทม โดยไปกะคนรุ้จักในหมู่บ้านที่เขาไปทำงานที่กทม ช่วยหางานไห้
พอผมจบ ม3 ก็ได้เข้ามาทำงานที่กทม ซึ่งแม่มาด้วย ระหว่างชล่วงเวลานั้นพี่ๆชายก็ทยอยแต่งงานมีครอบครัวกันหมด ยกเว้นพี่คนที่1 ที่ไม่ได้แตงงานและเป้นโสดจนทุกวันนี้
ผมทำงานได้เงินก็จะไห้แม่ และเก้บไว้ส่วนนึง และไปสมัครเรียนน่อ กศน จนจบ ม6 และต่อปวส 2 ปี และต่อ ป.ตรีอีก2 ปี โดยที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยด้วย
ทำไมถึงเรียนต่อเพราะว่าตั้งใจไว้ว่าอยากไห้แม่ได้ภูมิใจสักครั้งที่มีลูกเรียนจบ ป.ตรี เป็นคน แรกๆ ในหมู่บ้าน เมื่อเกือบจะ20ปีก่อน เพราะไม่ค่อยมีไครเรียนระดับนี้
จนผมเองได้ทำงานเก้บเงินและมีกิจดฝการเล็กๆเป็นบองตนเอง เราก็จะไห้แม่ตลอดเวลากลับไปหา โดยที่พี่ๆ ทั้งชายและหญิง ที่แต่งานก็จะไห้เงินแม่ ในวาระสำคัญๆทุกๆปี คือแม่ก็จะไม่ลำบากแล้วต่อจากนี้
แต่แม่ก็ไม่เคยที่จะหยุดทำวานนะ ยังทำนา2 คนกับพี่ชายคนโต ว่างจากทำนาก็มารับจ้างงานอื่นๆต่อ
ทั้งๆที่ลูกๆก็บอกไห้หยุดได้แล้วในวัย70กว่าปี แต่แม่ไม่หยุด แม่บอกเสมอว่า ความจนมันน่ากลัวมาก หาเงินมาได้ต้องรุ้จักแบ่งเก็บแบ่งไช้ ยามลำบากจะได้มีไช้ยามจำเป็น
มีครั้งนึงผมป่วยด้วยโรคปอดติดเชื้อ เหมือนว่าจะตายไห้ได้ คิดอยุ่ว่า ถ้าตายตอนนี้คงไม่ได้ทดแทนคุณแม่แน่ๆ จึงตั้งใจว่าจะบวชไห้แม่หากหายป่วย
ซึ่งเมื่อก่อนคิดว่าจะไม่บวชเพราะไม่อยากหัวโล้น คิดว่าตอบแทนบุญคุณด้านอื่นๆแทนก็ได้ แต่ วันที่ป่วยไกล้จะตายขึ้นมามันก็ได้คิดว่า ถ้าตายก่อนแม่ แล้วเราก็จะไม่มีโอกาสอีก
จึงตัดสินใจบวชไห้แม่หลังจากรักษาอาการป่วยหาย
ก่อนนี้คิดว่ามีเงินก็หยิบยื่นไห้แม่ ก็คงเพียงพอแล้ว ผมได้เจอแม่ปีละ2ครั้ง สงกรานและออกพรรษา จะกลับไปหา ทักครั้งที่จะกลับมาทำงานต่อแม่ก็จะไหศีลไห้พร ทุกครั้งที่ต้องจากกันมาทำงานมันก็อดสงสารแม่ไม่ได้ที่ต้องอยั่บ้าน ไม่ได้ทำอะไรมาก จักสาน เสื่อ ชะลอมบ้าง ทำทุกวัน ไม่เคยหยุด แม่บอกหยุดไม่ได้ มันว่างไม่ได้
ปี2562แม่อายุได้74ปี ยังทำงานสานชะลอมสานเสื่อขายทุกวัน พี่ๆบอกไห้ไม่ต้องทำก็ไม่ยอม
จริงๆก่อนหน้านี้ตอนแม่ราวๆอายุ70 เราก็คิดอยํ่ว่าแม่แก่แล้วแถมเจอกันปีละไม่เกิน6วัน เวฃาอื่นก็ไช้การโทรบ้าง คุยกะแม่ที คุยเป็นชั่วโมงไม่เคยเบื่อคุยจนแบตหมด
พักหลังไมานี้ก้จะไปรับแม่มาอยุด้วยบ้างที่กทม 1-2เดือนก็พาไปส่งกลับไห้ไปอยุ่กับพี่ชายคนโต ระหว่างที่มาอยุ่กับผมเองแม่ก็ทำงานตลอด รับจ้างลํกๆบ้าง ข้างๆร้านบ้าง เพราะแกไม่ชอบอยํ่เฉยๆบอกก็ห้ามไม่ได้ก็เลยปล่อยไห้แกได้ทำำ ได้ออกกำลังกายด้วย วันว่างๆก็พาแกขับรถไปวัด ไปตลาด เปิดหูเปิดตา บ้างตามวาระและโอกาส
ช่วกันยา 62 แม่เริ่มบ่นปวดหลัง เจ็บแบบแปลบๆ ที่สันหลัง ผมเองคิดว่าแม่คงนั่งนานเลยเมื่อย
ก็ดูแล รักษาตามอาการกันไป และพาแม่กลับบ้านตจว ไปพักที่บ้านนอก
26 ตค แม่ต้องมาที่กทม มางานขึ้นบ้านไหม่หลานชาย ทั้งๆที่ป่วยแต่ก็จะมา พี่ๆจะไม่ไห้เดินทางก็ยะมา ผมเองก็ได้บอกพี่ๆว่า แกอยากมาก็ไห้มา เพราะไม่แยากขัดใจแก และผมเองอยากเจอแม่ด้วย
วันที่แม่มาถึงกทม ก็ยังเวะเที่ยวที่อุทัยธานีก่อนเลย้า กทม โดยมีน้า น้องแม่คอยดูและ น้าคือแม่ของคนที่จะขึ้นบ้านไหม่
พอแม่มาถึงกทม ผมก็ไปรับแม่มานอนกับผม ที่บ้าน ระหว่างทางแม่มีไข้อ่อนๆมาถึงก็ไห้แกกินยาและนอนพัก คิดว่าวันงานค่อยพาไปส่งตอนเช้า
เช้ามาวันงานแม่มีไข้ ไปงานไม่ได้ผมไปคนเดียวเสร็จงานก็รีบกลับมาดํแม่ แม่นอนทั้งวัน เรียกไห้ทานข้าวก็ไม่อยากตื่นอยากแต่จะนอน
วันที่30 น้าเดินทางกลับตจว แต่ผมอยากไห้แม่หาหมอที่กทม ก่อน ไว้แกหายป่วยจะไปส่งที่บ้านเอง
31ตค พาแม่ไป รพ อาการปกติ ไม่มีไข้ แต่ไห้หมอตรวจเลือดดูโรคอื่นๆ
กลับมาบ้านบ่าย4โมง แม่มีอาการไข้ กินยาและไห้นอน
6โมงเย็นปลุกแม่ทานยากินข้าว แม่ไม่ตื่สเหมือนคนที่ง่วงจัดๆลืมตาไม่ขึ้นไม่สามารถนั่งตรงได้ด้วยตัวเองได้ VDO call หาน้าน้องแม่ น้าดูอาการแล้วตัดสินใจตีรถมารับแม่กลับทันที ระยะทางไปกลับ800 กว่ากม.ผมเองไปส่งด้วยไม่ได้ เนื่องจากต้องทำงานในตอนเช้า
1 พคแม่เข้ารับการรักษาที่ รพ ใน จังหวัด บอกเล่าอาารหมอตรวจไม่พบอะไร รักษาตามอาการ และผมเองเดินทางมาถึงช่วงค่ำๆ
ผ่านมา8 วันอาการมีขึ้นมีลง เป็นระยะๆผมนอนกับแม่ที่ รพ ทุกวัน นั่งหลับปลายเตียงบ้าง บางวันก็ไต้เตียง คนป่วยเยอะแออัด
9-12ได้ห้องพิเศษที่จองไว้ เพื่อที่จะได้สะดวกเวลาทำกิจกรรม และญาติๆมาเยี่ยม
12ค่ำๆ แม่อาการไม่ดี มีไข้และสิ่งเรียกไม่ตื่น ลืมตา แต่ตาลอย ไม่กระพริบ. ต้องย้ายลงมาห้องรวมเพื่อไห้ไกล้หมอและพยาบาล
วันถัดมาพาไปทำำ mri.ผลออกมาตรวจพบว่าเป็นฝีหนองในไขกระดูกสันหลัง หมอไห้ยาฆ่าเชื้อตัวไหม่ แม่ฟื้น กลับมารับรุ้อีกครั้ง
15 พย-20 ธค 62 ส่งตัวมาไห้ยาฆ่าเชื่อต่อที่ รพ ใน อำเภอ
21ธค กลับมาบ้าน แต่อาการไม่ดีขึ้น แต่ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะไกล้ปีไหม่ หมอนัดตรวจผลรอบ2 วันที่9 มค63
9 มค ผลตรวจหนองไม่ยุบ แม่ช่วงเอวลงไปขาอ่อนแรง ขยับไม่ได้ หมอแนะนำไห้ผ่า ตัด
10 มค รพ ที่ พิษณุโลก เข้ารักษารอริวผ่าตัด ระหว่างรอ ก็รักษาตามอาการ แม่ไม่ดีขึ้น เริ่มทานอะไรไม่ได้ ร่างกายไม่มีแรง คิวผ่าห้องยังไม่ได้ ลูกๆประเมินผลกันเองแล้ว แม่คงไม่ไหว ยาไม่ช่วยอะไร ร่างกายไม่พร้อมผ่าตัดไหญ่
17มค ตัด สินใจพาแม่กลับบ้านที่ๆเป็นบ้านแม่ ที่ๆแม่รักและรักแม่จะได้มาหาแม่ได้
ระหว่างนี้แม่กลับมาพูดได้บางช่วงแต่ขยับช่วงล่างไม่ได้ ทานได้นิดหน่อย ปกติแม่ทานน้อยอยุ่แล้ว ร่างกายเริ่มอ่อนล้า ผอม คล้ำ ผมร่วงเยอะมาก ๆ เริ่มมีแผลกดทับ อากาศเดือนกพ มีค ร้อน 40-41องศา กินได้แค่ของเหลว แม่ไม่มีฟัน เคี้ยวไม่ได้ ที่ทานได้คือยาคูลท์ วันละ2-3 ขวด สลับกับรังนก หรืออาหาร
เสริมชงแบบร้อน
ตลอดเวลาที่แม่ป่วย แม่ไม่พูดอะไร ไม่สั่งเสีย ไม่บอกอะไรเลยกับลูกๆทุกคน แค่บ่นว่าห่วงพี่คนโต กับผม คนเล็ก พี่ๆคนอื่นมีครอบครัวแล้วแกไม่ค่อยห่วง
22มีค ช่วงเช้า10โมงกว่าแม่มีอาการไม่ดีหายใจถี่เป็นระยะๆสลับช้าและเร็ว เท้าที่มีอาการบวมก่อนหน้านี้ เริ่มคล้ำออกสีชมพู เล็บมือเริ่มซีดตาลอยค้างแบเหม่อ หายใจช้าๆสลับหยุดเป็นระยะๆ รอบๆเตียง รายร้อมด้วยลูกๆ น้องๆของแม่ และญาติๆท่ามกลางเสียงร้องไห้ทั้งบ้าน ทักอย่างมีวันจบ แม่สงบลงและจากไปด้วยเวลา13.15
ตลอด5เดือนเต็มๆที่ได้ดูแล บอกว่ามันยังไมเพียงพอสำหรับลูกคนนี้ ที่ยังไม่ได้ตอบแทน ไห้แม่ได้สุขสบายมากพอเลย
ขอบคุณพี่ๆที่รักกันเสมอและมาดูแลแม่สลับผลัดเปลี่ยนกันตลอด ขอบคุณที่ได้เกิดมาในครอบครัวนี้
ที่ผมเขียนเล่ามาทั้งหมดนี้มันเป็นแค่ส่วนนึงที่ถ่าวทอดออกมาเพื่อไห้คนทุกๆคนที่ยังมีแม่ หากคุณมีเวลาอย่าลืมที่จะไปดูแลท่านกันนะครับ
ผ่านมา2เดือนแล้วผมไม่อาจที่จะลืมหรืออดคิดถึงวันนั้นได้เลย ร้องไห้ทุกวัน หลับตาก็คิดถึง อยู่คนเดียวก็คิดถึง เห็นคนที่เดินกับแม่น้ำตามันจะไหลไห้ได้เลยครับ
ผมคิดว่าผมคงจะตกอยู่ในวังวนความคิดนี้ไปตลอดกาล
แม่ครับ ผมกับความเศร้าที่ไม่ยอมหลุดพ้น
หากแท็กผิดห้องกราบขออภัยด้วยครับ
ผมเป็นบุตรคนที่6 จากพี่น้องทั้งหมด6คนคนที่1ถึง4เป็นชาย คนที่5เป็นหญิง และผมคนที่6
ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยได้เรียกพ่อ เพราะพ่อเสียตั้งแต่เกิดมาได้ประมาน3เดือน พ่อก็จากไป
พี่ชาย4คน คนละพ่อ มีผมกับพี่สาวที่พ่อเดียวกัน แต่เราทั้งหมดรักกันมาก
แม่แต่งงานกับพ่อของพี่ชาย จนมีลูกคนที่4 พ่อของพี่ก็เสียชีวิต ปล่อยไห้แม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวโดยลำพัง
เมื่อเป็นหม้าย แม่ต้องทำงานหนัก ทำทุกอย่าง งานรับจ้าง ตัดอ้อย ทำนา20ไร่โดยได้รับการแบ่งมาจากทางฝ่ายพ่อของพี่ชาย โดยไช้ควายไถนาโดยแม่เป็นผู้นำและลูกๆทั้ง4 ที่พอจะช่วยงานได้ ก็ประคับประคองกันไป
ต่อมาพ่อของผมเอง ได้กับแม่และมีผมกับพี่สาว เพิ่มขึ้นมาแต่ว่าชีวิตแม่หาได้สบายกว่าเดิมไม่ เพราะลํกเยอะ พ่อของผมเองก็ไม่เคยช่วยงานเลย เป็นทักอย่างยกเว้นการดูแลครอบครัว เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะพ่อเจ้าชู้ เจ้าชู้ขนาดที่ว่า
พ่อมีครอบครัวอยุ่ก่อนแล้วและสมัยก่อน40กว่าปีที่แล้ว เห็นแม่เป็นหม้ายอยู่เลยย่องขึ้นหาแม่เอามาทำเมีย ทั้งๆที่บ้านที่1 อยู่กันคนละฝั่งถนนตรงกันข้ามเอง
ความเจ้าชู้ของพ่อ เจ้าชู้ขนาดที่ว่า มีเมียคนที่3 เพิ่มมาอีก และ ด้วยความบังเอิญหรืออย่างไรดีล่ะ เมียพ่อทั้ง3คน ตั้งท้องพร้อมกัน ในตอนที่แม่ ตั้งท้องผมพอดี
สรุปได้ว่า คนที่1 มีลุก4คน
แม่ผมมีลุก2 คน
คนที่3 มี3 คน
ทั้ง3คนในรุ่นผมมีลูกเกิดในปีเดียวกัน3 คน ห่างกันไม่เกิน1เดือน
ที่ร่ายยาวขนาดนี้เพราะว่า จะได้เห้นว่าผุ้ชายคนนึงที่ไม่เคยรับผิดชอบต่อครอบครัวของตัวเองเลย ทำไห้บรรดาเมียๆ ทั้ง3 ต้องกลายมาเป็นผู้นำครอบครัวแทน
ทั้งนี้จะพูดถึงแต่ในส่วนบ้านผมเท่านั้น
แม่มาจากครอบครัวไหญ่โดยที่แม่เป้นพี่คนโต ในบรรดาลูกๆทุกคนของยายที่มีถึง9 คน
แน่นอนยายลุกเยอะ แม่ได้เรียนถึงป4 ซึ่งเป้นการเรียนระดับสูงสุดในขณะนั้น
ต่อมาพอจบจากการเรียน ก็ได้แต่งงานกับ พ่อของพี่ลายผม และได้ที่ดินมา1แแปลง20ไร่ และเป็นแปลงที่บรรดาญาติๆไม่มีไครเอา เพราะเป็นที่สุงต่ำไม่เท่ากัน ดินแข็ง กดปักกล้าไม่ลงแม้จะมีน้ำก็ตามต้องไช้ไม้ปัดกนำทางก่อนเอากล้าลงทิ่ม
นั่นคือความยากลำบากของผุ้หญิงคนนึงและลุกๆที่โตพอจะช่วยทำงานได้ต้องทำกันเองหฃังจาก ที่พ่อ ของพี่ชายได้เสียไปด้วยอาการป่วย
แม่ทำงานทุกวันไห้ลุกได้เรียนทักคนในระดับชั้นสุงสุดตอนนั้น
ตัดมาที่ผมในวันที่พอจำความได้ แม่จะเล่าไห้ฟังถึฝความยากลำบากที่ต้องพบเจอว่าความจนมันน่ากลัวอย่างไรบ้างแม้แต่ว่าขนาดนำ้ปลา ยังไม่มีทางหาเงินมาซื้อได้ เพราะเมื่อ40ถึง50ปีก่อนนั้นการหาเงินยากมาก รับจ้างวันนึงได้ไม่ถึง5บาท
แต่พอมารุ่นที่ผมราวๆปีพศ 2531 เป็นช่วงที่ผมเข้า รร และพอจะรุ้เรื่องราวและจดจำได้
ผมมีหน้าที่เรียน พี่ๆก้เริ่มโต อายุก็จะห่างกันหปตามลำดับประมาน5-7ปี พี่ๆก้ช่วยแม่ทำงาน ทำนา รับจ้าง ตัดไม้ มาทำบ้าน บางทีต้องทิ้งลุกๆไว้กะญาติๆไห้คอยดูและเพราะแม่ไปรับจ้างตัดอ้อยไปนานหลายสิบวันกว่าจะกลับมาที ซึ่งนั่นคือพี่ๆต้องดูแลน้องๆกันเอง
จนเมื่อเวลาผ่านมาจนผมเองเรียนจบป6 และคงไม่มีโอกาศได้เรียนต่อ ทั้งๆที่อยากเรียนเหมือนเพื่อนๆ แต่แล้ววันนึงผมก็ได้เรียนต่อเนื่องจาก รร มีการเปิดสอนต่อถึง ม3 และมีครูมาหาถึงบ้าน มาหาเด้กๆไปเรียน ซึ่งแม่ก็ไม่อยากไห้เรียนเพราะไม่มีเงิน แต่ก้เกรงใจครู จึงปรึกษาพี่ๆและยอมไห้ผมไปเรีวนได้ แต่ต้องรออีก1ปีเพื่อ รอไห้สร้างอาคารเสร็จก่อน ถึงจะเปิดเรียนได้ เท่ากับว่าผมต้องทิ้งการเรียน1ปี รอเรียนต่อ
ระหว่างว่าง1ปีก้ไปช่วยแม่ทำนา
เมื่อผมเรียนก้มีหน้าที่แค่ตั้งใจเรียน และคอยหุงหาข้าวปลาไว้ไห้พี่ๆได้กินนอนกลับมาจากนาเท่านั้น งานอื่นๆไม่ต้องทำ พี่ๆผู้ชาย1-4 จะทำกันกับแม่
ส่วนพี่สาวคนที่5 อายุ16ก้ได้ไปทำงานที่ กทม โดยไปกะคนรุ้จักในหมู่บ้านที่เขาไปทำงานที่กทม ช่วยหางานไห้
พอผมจบ ม3 ก็ได้เข้ามาทำงานที่กทม ซึ่งแม่มาด้วย ระหว่างชล่วงเวลานั้นพี่ๆชายก็ทยอยแต่งงานมีครอบครัวกันหมด ยกเว้นพี่คนที่1 ที่ไม่ได้แตงงานและเป้นโสดจนทุกวันนี้
ผมทำงานได้เงินก็จะไห้แม่ และเก้บไว้ส่วนนึง และไปสมัครเรียนน่อ กศน จนจบ ม6 และต่อปวส 2 ปี และต่อ ป.ตรีอีก2 ปี โดยที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยด้วย
ทำไมถึงเรียนต่อเพราะว่าตั้งใจไว้ว่าอยากไห้แม่ได้ภูมิใจสักครั้งที่มีลูกเรียนจบ ป.ตรี เป็นคน แรกๆ ในหมู่บ้าน เมื่อเกือบจะ20ปีก่อน เพราะไม่ค่อยมีไครเรียนระดับนี้
จนผมเองได้ทำงานเก้บเงินและมีกิจดฝการเล็กๆเป็นบองตนเอง เราก็จะไห้แม่ตลอดเวลากลับไปหา โดยที่พี่ๆ ทั้งชายและหญิง ที่แต่งานก็จะไห้เงินแม่ ในวาระสำคัญๆทุกๆปี คือแม่ก็จะไม่ลำบากแล้วต่อจากนี้
แต่แม่ก็ไม่เคยที่จะหยุดทำวานนะ ยังทำนา2 คนกับพี่ชายคนโต ว่างจากทำนาก็มารับจ้างงานอื่นๆต่อ
ทั้งๆที่ลูกๆก็บอกไห้หยุดได้แล้วในวัย70กว่าปี แต่แม่ไม่หยุด แม่บอกเสมอว่า ความจนมันน่ากลัวมาก หาเงินมาได้ต้องรุ้จักแบ่งเก็บแบ่งไช้ ยามลำบากจะได้มีไช้ยามจำเป็น
มีครั้งนึงผมป่วยด้วยโรคปอดติดเชื้อ เหมือนว่าจะตายไห้ได้ คิดอยุ่ว่า ถ้าตายตอนนี้คงไม่ได้ทดแทนคุณแม่แน่ๆ จึงตั้งใจว่าจะบวชไห้แม่หากหายป่วย
ซึ่งเมื่อก่อนคิดว่าจะไม่บวชเพราะไม่อยากหัวโล้น คิดว่าตอบแทนบุญคุณด้านอื่นๆแทนก็ได้ แต่ วันที่ป่วยไกล้จะตายขึ้นมามันก็ได้คิดว่า ถ้าตายก่อนแม่ แล้วเราก็จะไม่มีโอกาสอีก
จึงตัดสินใจบวชไห้แม่หลังจากรักษาอาการป่วยหาย
ก่อนนี้คิดว่ามีเงินก็หยิบยื่นไห้แม่ ก็คงเพียงพอแล้ว ผมได้เจอแม่ปีละ2ครั้ง สงกรานและออกพรรษา จะกลับไปหา ทักครั้งที่จะกลับมาทำงานต่อแม่ก็จะไหศีลไห้พร ทุกครั้งที่ต้องจากกันมาทำงานมันก็อดสงสารแม่ไม่ได้ที่ต้องอยั่บ้าน ไม่ได้ทำอะไรมาก จักสาน เสื่อ ชะลอมบ้าง ทำทุกวัน ไม่เคยหยุด แม่บอกหยุดไม่ได้ มันว่างไม่ได้
ปี2562แม่อายุได้74ปี ยังทำงานสานชะลอมสานเสื่อขายทุกวัน พี่ๆบอกไห้ไม่ต้องทำก็ไม่ยอม
จริงๆก่อนหน้านี้ตอนแม่ราวๆอายุ70 เราก็คิดอยํ่ว่าแม่แก่แล้วแถมเจอกันปีละไม่เกิน6วัน เวฃาอื่นก็ไช้การโทรบ้าง คุยกะแม่ที คุยเป็นชั่วโมงไม่เคยเบื่อคุยจนแบตหมด
พักหลังไมานี้ก้จะไปรับแม่มาอยุด้วยบ้างที่กทม 1-2เดือนก็พาไปส่งกลับไห้ไปอยุ่กับพี่ชายคนโต ระหว่างที่มาอยุ่กับผมเองแม่ก็ทำงานตลอด รับจ้างลํกๆบ้าง ข้างๆร้านบ้าง เพราะแกไม่ชอบอยํ่เฉยๆบอกก็ห้ามไม่ได้ก็เลยปล่อยไห้แกได้ทำำ ได้ออกกำลังกายด้วย วันว่างๆก็พาแกขับรถไปวัด ไปตลาด เปิดหูเปิดตา บ้างตามวาระและโอกาส
ช่วกันยา 62 แม่เริ่มบ่นปวดหลัง เจ็บแบบแปลบๆ ที่สันหลัง ผมเองคิดว่าแม่คงนั่งนานเลยเมื่อย
ก็ดูแล รักษาตามอาการกันไป และพาแม่กลับบ้านตจว ไปพักที่บ้านนอก
26 ตค แม่ต้องมาที่กทม มางานขึ้นบ้านไหม่หลานชาย ทั้งๆที่ป่วยแต่ก็จะมา พี่ๆจะไม่ไห้เดินทางก็ยะมา ผมเองก็ได้บอกพี่ๆว่า แกอยากมาก็ไห้มา เพราะไม่แยากขัดใจแก และผมเองอยากเจอแม่ด้วย
วันที่แม่มาถึงกทม ก็ยังเวะเที่ยวที่อุทัยธานีก่อนเลย้า กทม โดยมีน้า น้องแม่คอยดูและ น้าคือแม่ของคนที่จะขึ้นบ้านไหม่
พอแม่มาถึงกทม ผมก็ไปรับแม่มานอนกับผม ที่บ้าน ระหว่างทางแม่มีไข้อ่อนๆมาถึงก็ไห้แกกินยาและนอนพัก คิดว่าวันงานค่อยพาไปส่งตอนเช้า
เช้ามาวันงานแม่มีไข้ ไปงานไม่ได้ผมไปคนเดียวเสร็จงานก็รีบกลับมาดํแม่ แม่นอนทั้งวัน เรียกไห้ทานข้าวก็ไม่อยากตื่นอยากแต่จะนอน
วันที่30 น้าเดินทางกลับตจว แต่ผมอยากไห้แม่หาหมอที่กทม ก่อน ไว้แกหายป่วยจะไปส่งที่บ้านเอง
31ตค พาแม่ไป รพ อาการปกติ ไม่มีไข้ แต่ไห้หมอตรวจเลือดดูโรคอื่นๆ
กลับมาบ้านบ่าย4โมง แม่มีอาการไข้ กินยาและไห้นอน
6โมงเย็นปลุกแม่ทานยากินข้าว แม่ไม่ตื่สเหมือนคนที่ง่วงจัดๆลืมตาไม่ขึ้นไม่สามารถนั่งตรงได้ด้วยตัวเองได้ VDO call หาน้าน้องแม่ น้าดูอาการแล้วตัดสินใจตีรถมารับแม่กลับทันที ระยะทางไปกลับ800 กว่ากม.ผมเองไปส่งด้วยไม่ได้ เนื่องจากต้องทำงานในตอนเช้า
1 พคแม่เข้ารับการรักษาที่ รพ ใน จังหวัด บอกเล่าอาารหมอตรวจไม่พบอะไร รักษาตามอาการ และผมเองเดินทางมาถึงช่วงค่ำๆ
ผ่านมา8 วันอาการมีขึ้นมีลง เป็นระยะๆผมนอนกับแม่ที่ รพ ทุกวัน นั่งหลับปลายเตียงบ้าง บางวันก็ไต้เตียง คนป่วยเยอะแออัด
9-12ได้ห้องพิเศษที่จองไว้ เพื่อที่จะได้สะดวกเวลาทำกิจกรรม และญาติๆมาเยี่ยม
12ค่ำๆ แม่อาการไม่ดี มีไข้และสิ่งเรียกไม่ตื่น ลืมตา แต่ตาลอย ไม่กระพริบ. ต้องย้ายลงมาห้องรวมเพื่อไห้ไกล้หมอและพยาบาล
วันถัดมาพาไปทำำ mri.ผลออกมาตรวจพบว่าเป็นฝีหนองในไขกระดูกสันหลัง หมอไห้ยาฆ่าเชื้อตัวไหม่ แม่ฟื้น กลับมารับรุ้อีกครั้ง
15 พย-20 ธค 62 ส่งตัวมาไห้ยาฆ่าเชื่อต่อที่ รพ ใน อำเภอ
21ธค กลับมาบ้าน แต่อาการไม่ดีขึ้น แต่ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะไกล้ปีไหม่ หมอนัดตรวจผลรอบ2 วันที่9 มค63
9 มค ผลตรวจหนองไม่ยุบ แม่ช่วงเอวลงไปขาอ่อนแรง ขยับไม่ได้ หมอแนะนำไห้ผ่า ตัด
10 มค รพ ที่ พิษณุโลก เข้ารักษารอริวผ่าตัด ระหว่างรอ ก็รักษาตามอาการ แม่ไม่ดีขึ้น เริ่มทานอะไรไม่ได้ ร่างกายไม่มีแรง คิวผ่าห้องยังไม่ได้ ลูกๆประเมินผลกันเองแล้ว แม่คงไม่ไหว ยาไม่ช่วยอะไร ร่างกายไม่พร้อมผ่าตัดไหญ่
17มค ตัด สินใจพาแม่กลับบ้านที่ๆเป็นบ้านแม่ ที่ๆแม่รักและรักแม่จะได้มาหาแม่ได้
ระหว่างนี้แม่กลับมาพูดได้บางช่วงแต่ขยับช่วงล่างไม่ได้ ทานได้นิดหน่อย ปกติแม่ทานน้อยอยุ่แล้ว ร่างกายเริ่มอ่อนล้า ผอม คล้ำ ผมร่วงเยอะมาก ๆ เริ่มมีแผลกดทับ อากาศเดือนกพ มีค ร้อน 40-41องศา กินได้แค่ของเหลว แม่ไม่มีฟัน เคี้ยวไม่ได้ ที่ทานได้คือยาคูลท์ วันละ2-3 ขวด สลับกับรังนก หรืออาหาร
เสริมชงแบบร้อน
ตลอดเวลาที่แม่ป่วย แม่ไม่พูดอะไร ไม่สั่งเสีย ไม่บอกอะไรเลยกับลูกๆทุกคน แค่บ่นว่าห่วงพี่คนโต กับผม คนเล็ก พี่ๆคนอื่นมีครอบครัวแล้วแกไม่ค่อยห่วง
22มีค ช่วงเช้า10โมงกว่าแม่มีอาการไม่ดีหายใจถี่เป็นระยะๆสลับช้าและเร็ว เท้าที่มีอาการบวมก่อนหน้านี้ เริ่มคล้ำออกสีชมพู เล็บมือเริ่มซีดตาลอยค้างแบเหม่อ หายใจช้าๆสลับหยุดเป็นระยะๆ รอบๆเตียง รายร้อมด้วยลูกๆ น้องๆของแม่ และญาติๆท่ามกลางเสียงร้องไห้ทั้งบ้าน ทักอย่างมีวันจบ แม่สงบลงและจากไปด้วยเวลา13.15
ตลอด5เดือนเต็มๆที่ได้ดูแล บอกว่ามันยังไมเพียงพอสำหรับลูกคนนี้ ที่ยังไม่ได้ตอบแทน ไห้แม่ได้สุขสบายมากพอเลย
ขอบคุณพี่ๆที่รักกันเสมอและมาดูแลแม่สลับผลัดเปลี่ยนกันตลอด ขอบคุณที่ได้เกิดมาในครอบครัวนี้
ที่ผมเขียนเล่ามาทั้งหมดนี้มันเป็นแค่ส่วนนึงที่ถ่าวทอดออกมาเพื่อไห้คนทุกๆคนที่ยังมีแม่ หากคุณมีเวลาอย่าลืมที่จะไปดูแลท่านกันนะครับ
ผ่านมา2เดือนแล้วผมไม่อาจที่จะลืมหรืออดคิดถึงวันนั้นได้เลย ร้องไห้ทุกวัน หลับตาก็คิดถึง อยู่คนเดียวก็คิดถึง เห็นคนที่เดินกับแม่น้ำตามันจะไหลไห้ได้เลยครับ