ฮัลโหล!!! สวัสดีเพื่อนๆทุกคน … นี่เป็นกระทู้แรกของเราในพันทิปเลยนะ ก็คือว่าเราพึ่งเรียนจบ นิเทศ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ มา พึ่งรับปริญญาไปหมาดๆ เรียนจบปุ๊บ ก็ได้งานทำปั๊บ ชีวิตการทำงานบอกเลยว่าสนุกมาก แต่ดั้นนน ต้องมาอยู่ในสถานการณ์ Work From Home ช่วงนี้ทำงานอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้เจอเพื่อนๆ ที่ออฟฟิศ โชคดีที่ยังได้เงินเดือนครบ แต่มันเหงามากกกกกกก อยู่ดีๆก็นึกถึงสมัยเรียน คิดถึงทั้งมหาลัย เพื่อนๆ และก็อาจารย์ บวกกับว่าช่วงนี้เริ่มเห็นน้องๆ ตั้งกระทู้ถามเรื่องเรียนต่อมหาลัย ไม่ก็มาถามส่วนตัวกันเยอะ เราก็เอ้อ!!! มาเขียนรีวิวมหาลัยบอกความรู้สึกตอนเรียนให้น้องๆ อ่านดีกว่า จะได้รู้สึกว่าได้ทำอะไรให้มหาลัยบ้าง (ฟีลแบบคณะนิเทศ ต้องภูมิใจในตัวฉัน 5555) กระทู้นี้เราจะขอเล่าแบบภาพรวมของมหาลัยก่อนนะ เพราะว่าแค่ภาพรวมนี่ก็เยอะมากๆแล้ว ถ้าใครอยากได้แบบลงดีเทล เล่าว่าเรียน 4 ปีเจออะไรบ้างก็รัวคอมเม้นมาเลยจ้าเดี๋ยวจะมาเขียนให้อ่าน งั้นเราเริ่มเลยนะ
ปล. ก่อนอ่านขอออกตัวก่อนเลยน้าว่ารูปไม่ใช่รูปของเราทั้งหมดจ้า มีรูปของเราและก็รูปจากเพจของมอน้า ที่เราเอามาแปะเพื่อที่จะให้ทุกคนเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นเด้อ
อันนี้ทางเข้าประตูมอเราเอง อลังการดาวล้านดวงมากๆ เดินเข้าไปทีไรก็ได้ฟีลว่าเป็นเจ้านาง 555555
ทำไมถึงเลือกเรียนที่ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์?
ต้องบอกก่อนเลยว่าฐานะทางบ้านของเราอยู่ในระดับปานกลาง ไม่ได้รวยมาก ถึงแม้ว่าลุคจะดูเป็นลูกคุณ ไฮโซ บ้านมีธุรกิจหมื่นล้านก็เหอะ 555555 (ล้อเล่น) พอพิมพ์มาแบบนี้คนก็จะสงสัยแล้วใช่มั้ยว่า แล้วทำไมถึงเรียนเอกชน? ขอตอบแบบอกผายไหล่ผึ่งเลยว่า พี่ทำการบ้านมาดีค่ะ 5555555 เวลาจะหามหาลัยเรียนนี่เราดูหลายอย่างนะ แต่ก่อนอื่นเราต้องใช้ใจตัดสินก่อนว่าเราชอบที่จะเป็นอะไร เพราะว่านั่นคือทั้งชีวิตที่เราจะต้องอยู่กับมันเลย และยิ่งเรื่องฐานะทางบ้านที่ไม่เอื้ออำนวยให้เป็นคนสวยเลือกได้แล้วด้วย ยิ่งต้องคิดแบบ วนไปวนมา แต่โชคดีที่เรารู้ตัวไวว่าเราชอบทำคลิป เวลาได้ยินเพลงอะไรจะชอบจินตนาการภาพเป็นฉากๆ ได้ น่าจะเหมาะกับการเป็น ผู้กำกับ, editor หรือไม่ก็ creative เราก็เลยเลือกเรียนนิเทศ พอรู้ว่าจะเรียนนิเทศเราก็ดูว่ามอไหนมีนิเทศที่มีสาขาตรงกับที่เราอยากเรียนบ้าง และแต่ละที่ค่าเทอมประมาณเท่าไหร่ กู้ กยศ. ได้มั้ย และพอกู้เสร็จหักลบกับค่าเทอมแล้ว เราจะต้องเสียค่าส่วนต่างเท่าไหร่ ดูไปดูมาก็มาจิ้มเลือกที่ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ที่รู้สึกว่าโอเคที่สุด เพราะค่าเทอมไม่แพงมาก กู้ กยศ. ได้ ค่าส่วนต่างไม่แรง ไม่ต้องหาเงินก้อนมาสำรองจ่ายค่าเทอมก่อน แล้วพวกวิชาก็ดูน่าเรียน มีพวกวิชาสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหม่มากๆ ในตอนนั้นด้วย เราเลยรู้สึกว่าที่นี่เหมาะสมกับเราทั้งเรื่องวิชาเรียนที่อัพเดทให้ทันสมัย บรรยากาศของมหาลัย และก็ราคา เราเลยเลือกเรียนที่นี่จ้า

บรรยากาศของมอเราเองจ้า เขียวชอุ่ม ชุ่มหัวใจมาก
ยิ่งฝนตกยิ่งฟิน
ทุนการศึกษา
สามารถ กู้ กยศ และ กรอ. ได้ 100% (ตามวงเงินที่กำหนด) แล้ว ที่นี่มีทุนการศึกษาให้เยอะมาก!!!! ทั้งทุนเรียนดี ทุนความสามารถพิเศษ ทุนประธานนักเรียน ทุนเสริมโอกาส (สำหรับนักศึกษาที่ขัดสน) หรือแม้กระทั่งที่เวลาหาเงินมาจ่ายค่าเทอมไม่ทัน ยังมีทุนเพื่อนช่วยเพื่อน ที่มีไว้สำหรับให้นักศึกษายืมกะทันหันอีกด้วย
ซึ่งแน่นอนค่ะ ไฮโซ โบว์ใหญ่ อย่างดิฉันนั้น กู้ กยศ. อย่างเดียวไม่พอค่ะ 5555555 ตอนเราไปสมัครเรียน เราก็เลยถามพี่ๆ ที่รับสมัครเราว่า มีทุนอะไรอีกบ้างเขาก็แนะนำมาหลายทุนมาก เราก็เลยเลือกทุนเสริมโอกาสที่มีไว้สำหรับนักศึกษาที่ขาดสภาพคล่อง 555 ใช้คำดูดีมะ ขั้นตอนการขอทุนนี้ก็ง่ายๆ เลยค่ะ เขาให้เขียนเรียงความแนะนำตัว อาชีพที่พ่อแม่ทำ เหตุผลที่จำเป็นต้องขอทุน พอเขียนเสร็จแล้วก็นำมาส่ง แล้วเขาจะนัดสัมภาษณ์ ตอนที่สัมภาษณ์ ตอนแรกนึกว่าอาจารย์จะดุ ไม่เลยจ้า อาจารย์คุยกับเราดีมาก น่ารัก สุดท้ายเขาก็รอเขาประกาศผล สรุปคือเราได้ทุน 50% จากค่าเทอม ซึ่งหมายความว่า เรากู้ กยศ. ได้ 100% (ตามวงเงินที่กำหนด) ซึ่งคณะนิเทศ วงเงิน 50,000 บาทต่อปี และเราก็ทุนเสริมโอกาสอีก 50% เท่ากับว่าเราไม่ต้องจ่ายค่าเทอมเลย ใช่ เราไม่ต้องจ่ายค่าเทอมสักบาทเลยจ้า (แต่ต้องไปใช้คืน กยศ. หลังจากเรียนจบนะ อิอิ) งงมั้ยล่ะ ใครจะไปคิดอยู่ดีๆ ก็เป็นมาดามได้เรียนในมหาลัยเอกชนที่ใฝ่ฝัน ในราคาสบายกระเป๋า เริ่ดๆ เชิ่ดๆ
อันนี้รายละเอียดทุนสองทุนที่เราได้จ้า มีทุนอื่นอีกเยอะเลยถ้าอยากรู้คลิ๊กลิงก์นี้เลยจ้า ทุนเยอะมาก
สังคมในมหาลัย
สังคมนักศึกษาที่นี่ส่วนใหญ่มีความเฟรนด์ลี่แบบมากๆ เพื่อนคณะอื่นก็ไม่ถือตัว ถ้ามาเรียนที่นี่ รับรองว่า จบไป ต้องมีเพื่อนเพิ่มไม่ต่ำกว่า 200 คนแน่นอน ตอนอยู่ในมอเรานี่เหมือนวิญญาณ ส.ส. เข้าประทับมาก เดินไปสามก้าว เจอเพื่อแวะคุย เดินอีกสามก้าวเจอเพื่อนแวะคุย สรุป เข้าเรียนสาย 5555555
นอกจากเรื่องเฟรนด์ลี่แล้ว เด็กที่นี่น่าตาดีเยอะมาก ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง หรือแม้แต่ LGBTQ+ ก็คือดูดีมากๆ (โดยเฉพาะเรา อิอิ ) อ่อ มีดารา และ ก็ The Face ด้วยนะ (รุ่นเราเด็ดๆ ก็จะมี เข้ม หัสวีร์, พี่เฟรม มิสเกณฑ์ทหาร, พี่เจเล่ มิสทิฟฟานี่, ซาบีน่า The Face, ฟิลลิป The Face, กันย์ The Face, ฟลุ๊ค ณธัช, มาร์ค วัชร, จอย ไกอา)
เข้ม หัสวีร์
(IG: hussaweee)
ฟลุ๊ค ณธัช
(IG: fluke_natouch)
มาร์ค วัชร
(IG: mark_vachara)
พี่เจเล่ มิสทิฟฟานี่
ซาบีน่า the face Thailand ss.1
(IG: sabinameisinger)
ฟิลลิป the face men Thailiand ss.1
(IG: philipthinroj)
กันย์ the face men Thailand ss.1
(IG: 9un_virgo)
พี่เฟรม มิสเกณฑ์ทหาร ตัวจริงสวยมาก ละมุนมาก เนียนนีสุดๆ ความโป๊ะเป็น 0
(IG: fameworanun)
จอย ไกอา
(IG: nattanitaa)
และที่สำคัญคือ ไม่ได้มีแค่นักศึกษาคนไทย ยุโรป เอเชีย อเมริกา แอฟริกา มีหมดเลยจ้า ให้พวกเราได้ตามจีบกันตามสเปคเลยจ้า
สังคมในคณะเราค่อนข้างอยู่กันแบบครอบครัว ครอบครัวจริงๆนะ ไม่ใช่แบบ กาสะลอง ซ้องปีบเด้อ เพราะว่านิเทศ ส่วนใหญ่ต้องทำงานเป็นกลุ่ม เราก็เลยคลุกคลีกัน บางครั้งก็มีไม่เข้าใจกันบ้างแต่ดีที่เราและเพื่อนจะปรับความเข้าใจกันทันทีทำให้ไม่เกิดปัญหายืดเยื้อ เพื่อนทุกคนก็ช่วยงานกันดี ตามงานที่แต่ละคนถนัด มันเลยทำให้เราและเพื่อนๆ รักและสนิทกันมากๆ ยิ่งตอนที่ ทุกคนจะต้องแยกย้ายไปฝึกงานคือแบบกอดคอร้องไห้กันเลย T.T
อันนี้เรากับเพื่อนๆ ในสาขา ไม่บอกหรอกว่าคนไหน 55555
รุ่นพี่ที่นี่คือใจดีมาก รับน้องกันแบบใสๆ น่ารัก ขึ้นแสตนร้องเพลง บูม เต้น กลับบ้าน มีอยู่แค่นี้เลย 555555 ไม่มีว้ากใดๆทั้งสิ้น เราชอบเวลาขึ้นแสตนมากเพราะอยากเต้น มัดหมี่ 555555 นอกจากเรื่องรับน้องแล้ว พี่ๆ ยังมาช่วยงานเวลาที่น้องๆต้องการความช่วยเหลืออีก เวลาทำ MV สารคดี หนังสั้น ก็ได้พวกพี่ๆ นี่แหละที่คอยซัพพอร์ท จริงๆ ได้ใบปริญญามาอยากจะซีร็อกซ์ แจกพี่ๆ ทุกคน เพราะพี่ คือส่วนหนึ่งในการจบของเรา ที่สำคัญคือรุ่นพี่เราทำงานในแวดวงสื่อเยอะมาก จบไปหางานสมัครง่ายเวอร์
เรามาที่อาจารย์กันบ้างค่ะ อาจารย์ อาจารย์ที่นี่ดูแลเอาใจใส่ดี ค่อนข้างสนิทกับนักศึกษา เม้าท์มอยกันได้ทุกเรื่อง แม้กระทั่งจบไปแล้วก็ยังเม้าท์มอยกันอยู่ เหมาะสำหรับนักศึกษาที่อยากมีอาจารย์ที่คอยรับฟังปัญหาทุกอย่าง ทั้งการเรียน การเงิน (ยกเว้นเรื่องยืม) ปัญหาครอบครัว ความรัก บางครั้งอาจารย์มาช่วยนั่งจัดตารางสอนให้ด้วย ใส่ใจขนาดที่ว่าทุกๆเช้าเราจะเจออาจารย์มายืนอยู่ที่ฟุตปาธหน้ามอเพื่อมาคอยดูไม่ให้นักศึกษาเดินข้ามถนน แต่ให้ใช้สะพานลอยแทน 555555
ที่นี่เรียนกันยังไง
การเรียนของที่นี่ จะเอาพวกความรู้เกี่ยวกับธุรกิจมาแทรกอยู่ในเนื้อหาของวิชาต่างๆ ด้วย เด็กทุกคณะต้องมีความรู้พื้นฐานในการทำธุรกิจ วางแผนธุรกิจ อย่างเราเรียนนิเทศ นอกจากผลิตสื่อแล้ว ยังต้องรู้ด้วยว่า สื่อที่เราทำ ทำยังไงให้ขายของได้ เอาไปลงช่องทางไหน โพสต์เวลาไหนถึงจะปัง ตอนเรียนก็งงว่า จะเรียนไปทำไม พอจบมา อ๋ออออ........ มันได้ใช้จริงๆ
นอกจากเรื่องธุรกิจแล้วที่นี่ยังสอนเกี่ยวกับอนาคต มักสอนสิ่งที่นำไปต่อยอดได้ อย่างเราเรียนการผลิตรายการโทรทัศน์ อาจารย์ก็บอกว่า หลักพวกนี้ไม่จำเป็นต้องทำเฉพาะในโทรทัศน์ ทำรายการลง youtube หรือช่องทางไหน ก็เอาหลักพวกนี้ไปใช้ได้หมด
การเรียนการสอนที่นี่ค่อนข้างเน้นเรื่องใหม่ๆ นะ บางทีวิชาที่รุ่นน้องเรียนก็ไม่เหมือนกับเรา ตอนเราปี 4 รุ่นน้องมีวิชา Robot วิชาบังคับโดรน ซึ่งเราคิดว่ามันคูลมากเลยนะ บางทีก็แอบอิจฉารุ่นน้อง ขนาดตอนนั้นยังไม่จบเลย การเรียนการสอนเปลี่ยนไปไวมาก
อาจารย์ที่ DPU ส่วนใหญ่จบมาจากมหาลัยชั้นนำ ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัว อาจารย์มีคุณภาพแน่นอน และถึงแม้ว่าอาจารย์จะดูแลเอาใจใส่ดี แต่เวลาสอนไม่ปวกเปียกนะจ๊ะ สอนแบบเต็มแม็กซ์มาก อธิบาย เน้นๆ ย้ำๆ ถามซ้ำๆ จนกว่าเราจะเข้าใจ แหม่..... ไม่ปล่อยสักเรื่องเลยจริงๆ 55555
การเรียนของคณะนิเทศที่นี่เรียนสนุกมาก มีผลงานได้ลงมือทำ ตั้งแต่ ปี 1 ได้สร้าง ทีม Production ของตัวเอง ได้บริหารทีม ได้ทดลองขายงานแบบจริงจัง พอจบมาก็เลยมีภูมิคุ้มกัน ลูกค้าจะมารูปแบบไหนก็ไม่กลัวค่า
[CR] [รีวิว ม.ธุรกิจบัณฑิตย์] เรียนที่นี่ดีมั้ย?? จากใจรุ่นพี่ รวบตึง ปี1-ปี4 ในกระทู้เดียว
ปล. ก่อนอ่านขอออกตัวก่อนเลยน้าว่ารูปไม่ใช่รูปของเราทั้งหมดจ้า มีรูปของเราและก็รูปจากเพจของมอน้า ที่เราเอามาแปะเพื่อที่จะให้ทุกคนเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นเด้อ
ทำไมถึงเลือกเรียนที่ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์?
ต้องบอกก่อนเลยว่าฐานะทางบ้านของเราอยู่ในระดับปานกลาง ไม่ได้รวยมาก ถึงแม้ว่าลุคจะดูเป็นลูกคุณ ไฮโซ บ้านมีธุรกิจหมื่นล้านก็เหอะ 555555 (ล้อเล่น) พอพิมพ์มาแบบนี้คนก็จะสงสัยแล้วใช่มั้ยว่า แล้วทำไมถึงเรียนเอกชน? ขอตอบแบบอกผายไหล่ผึ่งเลยว่า พี่ทำการบ้านมาดีค่ะ 5555555 เวลาจะหามหาลัยเรียนนี่เราดูหลายอย่างนะ แต่ก่อนอื่นเราต้องใช้ใจตัดสินก่อนว่าเราชอบที่จะเป็นอะไร เพราะว่านั่นคือทั้งชีวิตที่เราจะต้องอยู่กับมันเลย และยิ่งเรื่องฐานะทางบ้านที่ไม่เอื้ออำนวยให้เป็นคนสวยเลือกได้แล้วด้วย ยิ่งต้องคิดแบบ วนไปวนมา แต่โชคดีที่เรารู้ตัวไวว่าเราชอบทำคลิป เวลาได้ยินเพลงอะไรจะชอบจินตนาการภาพเป็นฉากๆ ได้ น่าจะเหมาะกับการเป็น ผู้กำกับ, editor หรือไม่ก็ creative เราก็เลยเลือกเรียนนิเทศ พอรู้ว่าจะเรียนนิเทศเราก็ดูว่ามอไหนมีนิเทศที่มีสาขาตรงกับที่เราอยากเรียนบ้าง และแต่ละที่ค่าเทอมประมาณเท่าไหร่ กู้ กยศ. ได้มั้ย และพอกู้เสร็จหักลบกับค่าเทอมแล้ว เราจะต้องเสียค่าส่วนต่างเท่าไหร่ ดูไปดูมาก็มาจิ้มเลือกที่ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ที่รู้สึกว่าโอเคที่สุด เพราะค่าเทอมไม่แพงมาก กู้ กยศ. ได้ ค่าส่วนต่างไม่แรง ไม่ต้องหาเงินก้อนมาสำรองจ่ายค่าเทอมก่อน แล้วพวกวิชาก็ดูน่าเรียน มีพวกวิชาสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหม่มากๆ ในตอนนั้นด้วย เราเลยรู้สึกว่าที่นี่เหมาะสมกับเราทั้งเรื่องวิชาเรียนที่อัพเดทให้ทันสมัย บรรยากาศของมหาลัย และก็ราคา เราเลยเลือกเรียนที่นี่จ้า
ทุนการศึกษา
สามารถ กู้ กยศ และ กรอ. ได้ 100% (ตามวงเงินที่กำหนด) แล้ว ที่นี่มีทุนการศึกษาให้เยอะมาก!!!! ทั้งทุนเรียนดี ทุนความสามารถพิเศษ ทุนประธานนักเรียน ทุนเสริมโอกาส (สำหรับนักศึกษาที่ขัดสน) หรือแม้กระทั่งที่เวลาหาเงินมาจ่ายค่าเทอมไม่ทัน ยังมีทุนเพื่อนช่วยเพื่อน ที่มีไว้สำหรับให้นักศึกษายืมกะทันหันอีกด้วย
ซึ่งแน่นอนค่ะ ไฮโซ โบว์ใหญ่ อย่างดิฉันนั้น กู้ กยศ. อย่างเดียวไม่พอค่ะ 5555555 ตอนเราไปสมัครเรียน เราก็เลยถามพี่ๆ ที่รับสมัครเราว่า มีทุนอะไรอีกบ้างเขาก็แนะนำมาหลายทุนมาก เราก็เลยเลือกทุนเสริมโอกาสที่มีไว้สำหรับนักศึกษาที่ขาดสภาพคล่อง 555 ใช้คำดูดีมะ ขั้นตอนการขอทุนนี้ก็ง่ายๆ เลยค่ะ เขาให้เขียนเรียงความแนะนำตัว อาชีพที่พ่อแม่ทำ เหตุผลที่จำเป็นต้องขอทุน พอเขียนเสร็จแล้วก็นำมาส่ง แล้วเขาจะนัดสัมภาษณ์ ตอนที่สัมภาษณ์ ตอนแรกนึกว่าอาจารย์จะดุ ไม่เลยจ้า อาจารย์คุยกับเราดีมาก น่ารัก สุดท้ายเขาก็รอเขาประกาศผล สรุปคือเราได้ทุน 50% จากค่าเทอม ซึ่งหมายความว่า เรากู้ กยศ. ได้ 100% (ตามวงเงินที่กำหนด) ซึ่งคณะนิเทศ วงเงิน 50,000 บาทต่อปี และเราก็ทุนเสริมโอกาสอีก 50% เท่ากับว่าเราไม่ต้องจ่ายค่าเทอมเลย ใช่ เราไม่ต้องจ่ายค่าเทอมสักบาทเลยจ้า (แต่ต้องไปใช้คืน กยศ. หลังจากเรียนจบนะ อิอิ) งงมั้ยล่ะ ใครจะไปคิดอยู่ดีๆ ก็เป็นมาดามได้เรียนในมหาลัยเอกชนที่ใฝ่ฝัน ในราคาสบายกระเป๋า เริ่ดๆ เชิ่ดๆ
สังคมในมหาลัย
สังคมนักศึกษาที่นี่ส่วนใหญ่มีความเฟรนด์ลี่แบบมากๆ เพื่อนคณะอื่นก็ไม่ถือตัว ถ้ามาเรียนที่นี่ รับรองว่า จบไป ต้องมีเพื่อนเพิ่มไม่ต่ำกว่า 200 คนแน่นอน ตอนอยู่ในมอเรานี่เหมือนวิญญาณ ส.ส. เข้าประทับมาก เดินไปสามก้าว เจอเพื่อแวะคุย เดินอีกสามก้าวเจอเพื่อนแวะคุย สรุป เข้าเรียนสาย 5555555
นอกจากเรื่องเฟรนด์ลี่แล้ว เด็กที่นี่น่าตาดีเยอะมาก ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง หรือแม้แต่ LGBTQ+ ก็คือดูดีมากๆ (โดยเฉพาะเรา อิอิ ) อ่อ มีดารา และ ก็ The Face ด้วยนะ (รุ่นเราเด็ดๆ ก็จะมี เข้ม หัสวีร์, พี่เฟรม มิสเกณฑ์ทหาร, พี่เจเล่ มิสทิฟฟานี่, ซาบีน่า The Face, ฟิลลิป The Face, กันย์ The Face, ฟลุ๊ค ณธัช, มาร์ค วัชร, จอย ไกอา)
สังคมในคณะเราค่อนข้างอยู่กันแบบครอบครัว ครอบครัวจริงๆนะ ไม่ใช่แบบ กาสะลอง ซ้องปีบเด้อ เพราะว่านิเทศ ส่วนใหญ่ต้องทำงานเป็นกลุ่ม เราก็เลยคลุกคลีกัน บางครั้งก็มีไม่เข้าใจกันบ้างแต่ดีที่เราและเพื่อนจะปรับความเข้าใจกันทันทีทำให้ไม่เกิดปัญหายืดเยื้อ เพื่อนทุกคนก็ช่วยงานกันดี ตามงานที่แต่ละคนถนัด มันเลยทำให้เราและเพื่อนๆ รักและสนิทกันมากๆ ยิ่งตอนที่ ทุกคนจะต้องแยกย้ายไปฝึกงานคือแบบกอดคอร้องไห้กันเลย T.T
รุ่นพี่ที่นี่คือใจดีมาก รับน้องกันแบบใสๆ น่ารัก ขึ้นแสตนร้องเพลง บูม เต้น กลับบ้าน มีอยู่แค่นี้เลย 555555 ไม่มีว้ากใดๆทั้งสิ้น เราชอบเวลาขึ้นแสตนมากเพราะอยากเต้น มัดหมี่ 555555 นอกจากเรื่องรับน้องแล้ว พี่ๆ ยังมาช่วยงานเวลาที่น้องๆต้องการความช่วยเหลืออีก เวลาทำ MV สารคดี หนังสั้น ก็ได้พวกพี่ๆ นี่แหละที่คอยซัพพอร์ท จริงๆ ได้ใบปริญญามาอยากจะซีร็อกซ์ แจกพี่ๆ ทุกคน เพราะพี่ คือส่วนหนึ่งในการจบของเรา ที่สำคัญคือรุ่นพี่เราทำงานในแวดวงสื่อเยอะมาก จบไปหางานสมัครง่ายเวอร์
เรามาที่อาจารย์กันบ้างค่ะ อาจารย์ อาจารย์ที่นี่ดูแลเอาใจใส่ดี ค่อนข้างสนิทกับนักศึกษา เม้าท์มอยกันได้ทุกเรื่อง แม้กระทั่งจบไปแล้วก็ยังเม้าท์มอยกันอยู่ เหมาะสำหรับนักศึกษาที่อยากมีอาจารย์ที่คอยรับฟังปัญหาทุกอย่าง ทั้งการเรียน การเงิน (ยกเว้นเรื่องยืม) ปัญหาครอบครัว ความรัก บางครั้งอาจารย์มาช่วยนั่งจัดตารางสอนให้ด้วย ใส่ใจขนาดที่ว่าทุกๆเช้าเราจะเจออาจารย์มายืนอยู่ที่ฟุตปาธหน้ามอเพื่อมาคอยดูไม่ให้นักศึกษาเดินข้ามถนน แต่ให้ใช้สะพานลอยแทน 555555
ที่นี่เรียนกันยังไง
การเรียนของที่นี่ จะเอาพวกความรู้เกี่ยวกับธุรกิจมาแทรกอยู่ในเนื้อหาของวิชาต่างๆ ด้วย เด็กทุกคณะต้องมีความรู้พื้นฐานในการทำธุรกิจ วางแผนธุรกิจ อย่างเราเรียนนิเทศ นอกจากผลิตสื่อแล้ว ยังต้องรู้ด้วยว่า สื่อที่เราทำ ทำยังไงให้ขายของได้ เอาไปลงช่องทางไหน โพสต์เวลาไหนถึงจะปัง ตอนเรียนก็งงว่า จะเรียนไปทำไม พอจบมา อ๋ออออ........ มันได้ใช้จริงๆ
นอกจากเรื่องธุรกิจแล้วที่นี่ยังสอนเกี่ยวกับอนาคต มักสอนสิ่งที่นำไปต่อยอดได้ อย่างเราเรียนการผลิตรายการโทรทัศน์ อาจารย์ก็บอกว่า หลักพวกนี้ไม่จำเป็นต้องทำเฉพาะในโทรทัศน์ ทำรายการลง youtube หรือช่องทางไหน ก็เอาหลักพวกนี้ไปใช้ได้หมด
การเรียนการสอนที่นี่ค่อนข้างเน้นเรื่องใหม่ๆ นะ บางทีวิชาที่รุ่นน้องเรียนก็ไม่เหมือนกับเรา ตอนเราปี 4 รุ่นน้องมีวิชา Robot วิชาบังคับโดรน ซึ่งเราคิดว่ามันคูลมากเลยนะ บางทีก็แอบอิจฉารุ่นน้อง ขนาดตอนนั้นยังไม่จบเลย การเรียนการสอนเปลี่ยนไปไวมาก
อาจารย์ที่ DPU ส่วนใหญ่จบมาจากมหาลัยชั้นนำ ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัว อาจารย์มีคุณภาพแน่นอน และถึงแม้ว่าอาจารย์จะดูแลเอาใจใส่ดี แต่เวลาสอนไม่ปวกเปียกนะจ๊ะ สอนแบบเต็มแม็กซ์มาก อธิบาย เน้นๆ ย้ำๆ ถามซ้ำๆ จนกว่าเราจะเข้าใจ แหม่..... ไม่ปล่อยสักเรื่องเลยจริงๆ 55555
การเรียนของคณะนิเทศที่นี่เรียนสนุกมาก มีผลงานได้ลงมือทำ ตั้งแต่ ปี 1 ได้สร้าง ทีม Production ของตัวเอง ได้บริหารทีม ได้ทดลองขายงานแบบจริงจัง พอจบมาก็เลยมีภูมิคุ้มกัน ลูกค้าจะมารูปแบบไหนก็ไม่กลัวค่า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้