ซึมเศร้าของสาวใจแตก

สวัสดีผู้อ่านทุกคน  ดิฉันขออธิบายลักษณะชีวิตจะเกิดขึ้นกับตัวฉัน 
 
      ครอบครัวของฉันแตกแยกเพราะพ่อกับแม่หย่าร้างกัน  ฉันได้อยู่กับแม่ถือว่าเป็นการเลือกที่ดีเพราะแม่มีทุกอย่างสำหรับคนที่เป็นแม่มอบให้ลูกได้   มันน่ามันเลวร้ายขึ้นตั้งแต่ตอนที่ฉันอยู่ป.3  ต้องบอกเลยว่าครอบครัวของฉันเริ่มจากศูนย์  จากบ้านกระต๊อบแรงงาน  ไม่ได้ทำทุกอย่างเพื่อฉันฉันอยู่อย่างมีความสุขพ่อท่านทำงานหลายอย่างเพื่อให้ฉันได้มีเหมือนคนอื่นเขา  แต่ฉันไม่เคยรู้เลยว่าความรักคืออะไร  ฉันเรียนหนังสือทำการบ้านรู้ตัวคนเดียว  เพราะว่าแม่ของฉันทำงานเลิกเกือบเช้า  ฉันก็เหมือนขาดความอบอุ่นไม่มีใครสอนไม่มีใครใส่ใจไม่มีใครถามถึงความต้องการของฉันถึงความรู้สึกของฉัน   วนกลับมาตอนป 3 ฉันได้เริ่มขโมยเงินของแม่มาซื้อขนมซื้อของเล่น,เลี้ยงเพื่อนๆบ้างอะไรบ้าง  ฉันคิดอยู่ตอนนั้นว่าจะต้องมีเงินเพื่อนถึงจะคบ  เพราะด้วยที่ว่าฉันตัวใหญ่ ตัวสูงกว่าคนอื่น  เลยไม่ค่อยมีใครเล่นกับฉัน  ฉันอยู่ตัวคนเดียวกับของเล่นที่ซื้อมา  ตอนเด็กๆฉันเคยโดนกล่าวหาว่าขโมยของเล่นเพื่อน  โดนแม่เขาตราหน้าว่าเป็นเด็กขี้ขโมยครอบครัวไม่สั่งสอน  แต่ฉันไม่เคยบอกแม่เลย  จนผ่านมาหลายปีตอนม 1  ฉันเสียบริสุทธิ์ให้กับใครก็ไม่รู้ที่รู้จักกันแค่สัปดาห์เดียว  มันไม่ได้รู้สึกเสียวหรือมีความสุข  มันมีแต่ความเจ็บแล้วเสียน้ำตา  แม่ของฉันไม่เคยรู้เลยเพราะถ้ารู้ท่านคงจะหัวใจวาย  เราเป็นคนที่ไม่ชอบปรึกษาเพราะปรึกษาแม่ทีไรก็โดนด่าโดนว่าสุดท้ายก็ทะเลาะกัน   พอขึ้นม. 2 ฉันก็มีแฟนคนแรกเราก็มีอะไรกัน  ตอนนั้นฉันรู้สึกมีความสุขมากๆเหมือนไม่เคยมีใครให้ฉันมาก่อน  ฉันได้แต่ดีใจว่าในที่สุดก็มีคนเข้าใจฉัน   แต่ความสุขมักอยู่ไม่นาน...ฉันโดนหักหลับจากคนที่ฉันรักมากที่สุด  เขากลับไปให้ของขวัญในวันวาเลนไทน์กับเพื่อนสนิทของฉัน  และในวันนั้นฉันก็โดนเพื่อนที่อยู่ในห้องเดียวกันหมั่นไส้ ตบหน้าฉัน   ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมาตบฉัน   ฉันไม่ได้ตอบโต้ได้แต่นั่งร้องไห้ฟุกไปกับโต๊ะเรียน  แล้ววันต่อมาฉันก็ได้โดดเรียนเป็นครั้งแรก  มันหายไปกับผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันรู้จักได้เพียงแค่เดือนเดียว  ยอมรับว่าฉันเจ้าชู้มากในเวลานั้น  บอกเลยวาฉันก็ไม่ใช่คนดีอะไร  แย่งแฟนเพื่อนก็ทำอะไรแล้ว จนกลายเป็นคนไม่มีเพื่อน  
       
        ไม่นานฉันก็ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน  ไปกับผู้ชายที่ฉันรู้จักผ่านทางเกม  เด็กอายุ 14 15 ไม่เคยทำงานอะไรมาก่อน  หนีออกจากบ้านไปช่วยงานล้างจาน,เตรียมอาหาร,เด็กเสิร์ฟ  ในรีสอร์ทแถวเขาใหญ่แห่งหนึ่ง  ทำอยู่มาประมาณ 4-5 เดือน  ก็หนีผู้ชายคนนั้นกลับมาอยู่ที่นนทบุรี  กลับมาอยู่ที่นนท์อยู่ได้คนเดียวเพราะแม่อยู่บ้านอีกหลัง(กับเจ้านาย)  เราเลยต้องอยู่บ้านนี้คนเดียวเป็นเวลา 4 ปี เด็กอายุ 15 ไปเดินเที่ยวแถวบิ๊กซีวงศ์สว่าง  โดนฉุดไปข่มขืนรุมโทรม ทั้งวัยรุ่นผู้ชายและผู้ใหญ่ ประมาณ 8 ถึง 10 คน  จนพยายามหนีออกมาได้ด้วยตัวเองตอนเวลา ตี2  ตอนนั้นจะใจบอกช้ำมาก  ไม่กล้าไปแจ้งความด้วยซ้ำเพราะอายคนอื่นและกลัวแม่จะโกรธ   หลายเดือนผ่านไป  ฉันมีแฟนคนนึงเป็นลูกของผู้รับเหมาก่อสร้าง  ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดจะคบตาฉันเห็นของที่เขาเปย์มาให้ฉัน  ทั้งทองทั้งเงิน  ฉันก็เลยตกลงคบกับเขา  เราคบกันประมาณ 6 เดือน  ตอนไปทำงานกับเขา เขาก็ถามว่าทำไมต้องกลัวคนอยู่เยอะๆด้วย  ฉันก็บอกว่ามันร้อนอึดอัด  แต่เปล่าเลยฉันกลัวคนงานของเขาด้วยสายตาที่พวกเขามองฉันมันหื่นกามมาก  วันนั้นฝนตกหนักมากฉันกลับไปที่บ้านไม่ได้ต้องอยู่ที่แคมป์คนงานกับแฟน  ซึ่งต้องนอนในห้องที่กำลังจะสร้างเล็กๆไม่มีประตูไม่มีหน้าต่าง  เป็นห้องโล่งๆที่มองเห็นทะลุถึงกัน  ในระหว่างที่ฉันกำลังนอนกับแฟนนั้น  หนึ่งในคนงานพยายาทมุดเข้ามาในมุ้งที่เรานอนดูที่แฟนของฉันนอนหลับไม่รู้เรื่อง  ฉันก็เลยพยายามสะกิดบอกให้เขาว่ามีคนพยายามเข้ามาในมือเราแต่เขาก็บอกว่าไม่มีอะไรหรอกนะ  แต่คนงานนั้นยังไม่ยอมหยุดมันลูบขาฉันฉันเลยต้องพักแฟนแรงๆเพื่อให้เขาตื่น  จนคนงานนั้นเดินกลับไปที่มุ้งตัวเอง   ในใจฉันกลัวมากจนร้องไห้ไม่หยุด  แฟนก็เลยด่าฉันว่า"หยุดร้องไห้ได้แล้วกูจะนอน!!"  ตอนนั้นฉันรู้สึกทั้งกลัวทั้งโกรธที่แฟนไม่สนใจไม่ปกป้องฉัน  เช้าวันรุ่งขึ้นฉันได้คุยกับแฟนเรื่องเมื่อคืน  เขากลบด่าและตบตีฉันหาว่าฉันหน่อยไอ้พวกคนงานหื่นกามใส่  เขาตบหน้าฉัน,ต่อยเข้ามาที่ท้องฉัน แล้วพอฉันกุมท้องคุกเข่า เขาก็เตะเข้ามาที่แขนฉันจนฉันนอนลงไปแล้วเขาก็เตะเข้าที่ชายโครงฉันจนช้ำจุก  ในใจคิดดูอย่างเดียวว่ากูจะต้องตายแน่ๆ  แต่เขาก็หยุดทำแล้วก็ไล่คนงานไปกินข้าวตรงโรงอาหาร   เขาปล่อยให้ฉันนอนอยู่ตรงนั้นฉันก็เลยตั้งสติประคองร่างตัวเองวิ่งออกนอกประตูแคมป์คนงานเพื่อไปโบกรถที่ทานจากเส้นหลักถึง 2 กิโล  พอเขารู้..เขาก็ขับรถเพื่อจะมาตามฉันกลับไปแต่ฉันได้ขึ้นรถเมล์ จากคลอง 13ไปเมเจอร์รังสิต แล้วต่อรถเมล์ไปเดอะมอลล์งามวงศ์วาน  ต่อรถเมล์จากงามวงศ์วานไปท่าน้ำนนท์  ตอนนั้นฉันคิดอะไรไม่ออกพยายามนั่งมองไปเรื่อยๆหาอะไรกินประทังชีวิตในทั้งตัวมีแค่ 120  ฉันจึงนึกได้โทรหาแม่ถ้าแม่กลับมารับแม่ยังไม่เห็นสภาพของฉันที่มันช้ำอยู่ข้างใน  แม่พาฉันมาที่บ้านแล้วก็ให้เงินหาข้าวหาน้ำให้กินแล้วก็กลับไปทำงานต่อปล่อยให้ฉันอยู่บ้านคนเดียว   ตอนนั้นฉันคิดได้ว่าจะตั้งใจเรียน  แต่มันก็ยังไม่หยุดพ่อเลี้ยงของฉัน(คนที่ 1) ท่านเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็กทารก   พ่อท่านรู้ว่าฉันไม่บริสุทธิ์แล้ว  ท่านเรียกให้ฉันไปหาที่ทำงาน  ข้างห้องทำงานนั้นพอได้ยินฉันไปจุกปากแลกลิ้นเพื่อจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง  ก็ตอนนั้นฉันงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  หลังจากนั้นฉันก็กลัวว่าจะทำกับฉันอีกหรือเปล่า   ระหว่างฉันเดินกลับบ้านตอนกลางคืน ก็มีแก๊งวินมอเตอร์ไซค์ 4-5 คนได้ขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาในซอยซึ่งมันค่อนข้างเปลี่ยว  แล้วฉันเดินอยู่คนเดียวกำลังเดินเข้าบ้าน  แจ้งวินมอเตอร์ไซค์ได้ฉุกฉันไปข่มขืนรุมโทรมอีกครั้ง   ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้แจ้งความปล่อยให้มันเงียบหายไปเอง  ฉันไม่กล้าที่จะเดินออกไปคนเดียวต่อให้เป็นกลางวันก็ตาม   ฉันบอกตัวอยู่ในบ้าน 3เดือน  ไม่ออกไปไหนเลยยิ่งกว่ากับตัวในโควิดซะอีก   

***สรุปแล้วฉันโดนรุมโทรมมาแล้ว 2 ครั้งจากผู้ชายเป็น 10 คนและโดนทำร้ายร่างกาย***  ฉันคิดทุกครั้งนะฉันเกิดมาทำไม?...กลับมารองรับอารมณ์ของผู้ชายเหล่านี้นั้นหรอ?  แล้วจะมีคนไหนที่รักฉันจริงมอบความสุขให้กับฉันได้จริงๆ   แม่ฉันยังไม่รู้เรื่องเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันมามากมาย  มากกว่าที่ฉันบรรยายลงในพันทิปนี้อีก  ตอนนี้ฉันมีพ่อเลี้ยงคนใหม่(คนที่ 1 ได้เสียชีวิตไปแล้ว)  ตอนที่ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จเขาก็แอบถ่ายรูปฉันตอนใส่ผ้าขนหนูตัวเดียวเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้า  ซึ่งฉันทำอะไรไม่ได้   ได้แต่เงียบและเก็บมันเอาไว้  ห้องส่วนตัวเพราะความสัมพันธ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในครอบครัวมันจะพังทลายไป   ฉันเคยกรีดข้อมือตัวเองตั้งหลายครั้งหลายหน  พยายามกดหัวตัวเองให้จมน้ำ  ขับรถชนต้นไม้เพื่อให้ตัวเองเจ็บ  กระโดดลงแม่น้ำเพื่อให้ตัวเองตาย  กดหัวตัวเองกระแทกกับผนังบ้าน  มันตายยากตายเย็นนะ...ฉันอยู่กับความกลัวและเกลียดตัวเอง   ฉันพยายามลืมทุกอย่างแล้วลุกขึ้นสู้ใหม่  ฉันโดนบูลจากที่ต่างๆทั้งๆที่เขาไม่เคยรู้จักตัวตนของฉันเลย  ทำดีผิดที่ไม่เคยได้ดี  โดนหักหลังซ้ำๆ  ฉันเข้าใจว่า " มันเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยก่อไว้ทั้งชาติที่แล้วและชาตินี้"  จนตอนนี้  ฉันยังรู้สึกกลัวและไม่กล้าเผชิญหน้าไม่กล้าที่จะเข้าสังคมกับใคร   ยังจมอยู่กับความทุกข์์กับอดีตที่มันเลวร้าย  
 
 
บทความข้างต้นนี้ เป็นการบรรยายจากประสบการณ์จริงของตัวฉันเอง  ไม่ได้ปรับปรุงหรือแก้ไข  ทั้งหมดนี้มาจากเรื่องจริงชีวิตจริงของผู้บรรยายเอง  อาจจะใช้คำที่ไม่เหมาะสม  ขออภัย ณ ที่นี่ด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่