สวัสดีผู้อ่านทุกคน ดิฉันขออธิบายลักษณะชีวิตจะเกิดขึ้นกับตัวฉัน
ครอบครัวของฉันแตกแยกเพราะพ่อกับแม่หย่าร้างกัน ฉันได้อยู่กับแม่ถือว่าเป็นการเลือกที่ดีเพราะแม่มีทุกอย่างสำหรับคนที่เป็นแม่มอบให้ลูกได้ มันน่ามันเลวร้ายขึ้นตั้งแต่ตอนที่ฉันอยู่ป.3 ต้องบอกเลยว่าครอบครัวของฉันเริ่มจากศูนย์ จากบ้านกระต๊อบแรงงาน ไม่ได้ทำทุกอย่างเพื่อฉันฉันอยู่อย่างมีความสุขพ่อท่านทำงานหลายอย่างเพื่อให้ฉันได้มีเหมือนคนอื่นเขา แต่ฉันไม่เคยรู้เลยว่าความรักคืออะไร ฉันเรียนหนังสือทำการบ้านรู้ตัวคนเดียว เพราะว่าแม่ของฉันทำงานเลิกเกือบเช้า ฉันก็เหมือนขาดความอบอุ่นไม่มีใครสอนไม่มีใครใส่ใจไม่มีใครถามถึงความต้องการของฉันถึงความรู้สึกของฉัน วนกลับมาตอนป 3 ฉันได้เริ่มขโมยเงินของแม่มาซื้อขนมซื้อของเล่น,เลี้ยงเพื่อนๆบ้างอะไรบ้าง ฉันคิดอยู่ตอนนั้นว่าจะต้องมีเงินเพื่อนถึงจะคบ เพราะด้วยที่ว่าฉันตัวใหญ่ ตัวสูงกว่าคนอื่น เลยไม่ค่อยมีใครเล่นกับฉัน ฉันอยู่ตัวคนเดียวกับของเล่นที่ซื้อมา ตอนเด็กๆฉันเคยโดนกล่าวหาว่าขโมยของเล่นเพื่อน โดนแม่เขาตราหน้าว่าเป็นเด็กขี้ขโมยครอบครัวไม่สั่งสอน แต่ฉันไม่เคยบอกแม่เลย จนผ่านมาหลายปีตอนม 1 ฉันเสียบริสุทธิ์ให้กับใครก็ไม่รู้ที่รู้จักกันแค่สัปดาห์เดียว มันไม่ได้รู้สึกเสียวหรือมีความสุข มันมีแต่ความเจ็บแล้วเสียน้ำตา แม่ของฉันไม่เคยรู้เลยเพราะถ้ารู้ท่านคงจะหัวใจวาย เราเป็นคนที่ไม่ชอบปรึกษาเพราะปรึกษาแม่ทีไรก็โดนด่าโดนว่าสุดท้ายก็ทะเลาะกัน พอขึ้นม. 2 ฉันก็มีแฟนคนแรกเราก็มีอะไรกัน ตอนนั้นฉันรู้สึกมีความสุขมากๆเหมือนไม่เคยมีใครให้ฉันมาก่อน ฉันได้แต่ดีใจว่าในที่สุดก็มีคนเข้าใจฉัน แต่ความสุขมักอยู่ไม่นาน...ฉันโดนหักหลับจากคนที่ฉันรักมากที่สุด เขากลับไปให้ของขวัญในวันวาเลนไทน์กับเพื่อนสนิทของฉัน และในวันนั้นฉันก็โดนเพื่อนที่อยู่ในห้องเดียวกันหมั่นไส้ ตบหน้าฉัน ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมาตบฉัน ฉันไม่ได้ตอบโต้ได้แต่นั่งร้องไห้ฟุกไปกับโต๊ะเรียน แล้ววันต่อมาฉันก็ได้โดดเรียนเป็นครั้งแรก มันหายไปกับผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันรู้จักได้เพียงแค่เดือนเดียว ยอมรับว่าฉันเจ้าชู้มากในเวลานั้น บอกเลยวาฉันก็ไม่ใช่คนดีอะไร แย่งแฟนเพื่อนก็ทำอะไรแล้ว จนกลายเป็นคนไม่มีเพื่อน
ไม่นานฉันก็ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน ไปกับผู้ชายที่ฉันรู้จักผ่านทางเกม เด็กอายุ 14 15 ไม่เคยทำงานอะไรมาก่อน หนีออกจากบ้านไปช่วยงานล้างจาน,เตรียมอาหาร,เด็กเสิร์ฟ ในรีสอร์ทแถวเขาใหญ่แห่งหนึ่ง ทำอยู่มาประมาณ 4-5 เดือน ก็หนีผู้ชายคนนั้นกลับมาอยู่ที่นนทบุรี กลับมาอยู่ที่นนท์อยู่ได้คนเดียวเพราะแม่อยู่บ้านอีกหลัง(กับเจ้านาย) เราเลยต้องอยู่บ้านนี้คนเดียวเป็นเวลา 4 ปี เด็กอายุ 15 ไปเดินเที่ยวแถวบิ๊กซีวงศ์สว่าง โดนฉุดไปข่มขืนรุมโทรม ทั้งวัยรุ่นผู้ชายและผู้ใหญ่ ประมาณ 8 ถึง 10 คน จนพยายามหนีออกมาได้ด้วยตัวเองตอนเวลา ตี2 ตอนนั้นจะใจบอกช้ำมาก ไม่กล้าไปแจ้งความด้วยซ้ำเพราะอายคนอื่นและกลัวแม่จะโกรธ หลายเดือนผ่านไป ฉันมีแฟนคนนึงเป็นลูกของผู้รับเหมาก่อสร้าง ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดจะคบตาฉันเห็นของที่เขาเปย์มาให้ฉัน ทั้งทองทั้งเงิน ฉันก็เลยตกลงคบกับเขา เราคบกันประมาณ 6 เดือน ตอนไปทำงานกับเขา เขาก็ถามว่าทำไมต้องกลัวคนอยู่เยอะๆด้วย ฉันก็บอกว่ามันร้อนอึดอัด แต่เปล่าเลยฉันกลัวคนงานของเขาด้วยสายตาที่พวกเขามองฉันมันหื่นกามมาก วันนั้นฝนตกหนักมากฉันกลับไปที่บ้านไม่ได้ต้องอยู่ที่แคมป์คนงานกับแฟน ซึ่งต้องนอนในห้องที่กำลังจะสร้างเล็กๆไม่มีประตูไม่มีหน้าต่าง เป็นห้องโล่งๆที่มองเห็นทะลุถึงกัน ในระหว่างที่ฉันกำลังนอนกับแฟนนั้น หนึ่งในคนงานพยายาทมุดเข้ามาในมุ้งที่เรานอนดูที่แฟนของฉันนอนหลับไม่รู้เรื่อง ฉันก็เลยพยายามสะกิดบอกให้เขาว่ามีคนพยายามเข้ามาในมือเราแต่เขาก็บอกว่าไม่มีอะไรหรอกนะ แต่คนงานนั้นยังไม่ยอมหยุดมันลูบขาฉันฉันเลยต้องพักแฟนแรงๆเพื่อให้เขาตื่น จนคนงานนั้นเดินกลับไปที่มุ้งตัวเอง ในใจฉันกลัวมากจนร้องไห้ไม่หยุด แฟนก็เลยด่าฉันว่า"หยุดร้องไห้ได้แล้วกูจะนอน!!" ตอนนั้นฉันรู้สึกทั้งกลัวทั้งโกรธที่แฟนไม่สนใจไม่ปกป้องฉัน เช้าวันรุ่งขึ้นฉันได้คุยกับแฟนเรื่องเมื่อคืน เขากลบด่าและตบตีฉันหาว่าฉันหน่อยไอ้พวกคนงานหื่นกามใส่ เขาตบหน้าฉัน,ต่อยเข้ามาที่ท้องฉัน แล้วพอฉันกุมท้องคุกเข่า เขาก็เตะเข้ามาที่แขนฉันจนฉันนอนลงไปแล้วเขาก็เตะเข้าที่ชายโครงฉันจนช้ำจุก ในใจคิดดูอย่างเดียวว่ากูจะต้องตายแน่ๆ แต่เขาก็หยุดทำแล้วก็ไล่คนงานไปกินข้าวตรงโรงอาหาร เขาปล่อยให้ฉันนอนอยู่ตรงนั้นฉันก็เลยตั้งสติประคองร่างตัวเองวิ่งออกนอกประตูแคมป์คนงานเพื่อไปโบกรถที่ทานจากเส้นหลักถึง 2 กิโล พอเขารู้..เขาก็ขับรถเพื่อจะมาตามฉันกลับไปแต่ฉันได้ขึ้นรถเมล์ จากคลอง 13ไปเมเจอร์รังสิต แล้วต่อรถเมล์ไปเดอะมอลล์งามวงศ์วาน ต่อรถเมล์จากงามวงศ์วานไปท่าน้ำนนท์ ตอนนั้นฉันคิดอะไรไม่ออกพยายามนั่งมองไปเรื่อยๆหาอะไรกินประทังชีวิตในทั้งตัวมีแค่ 120 ฉันจึงนึกได้โทรหาแม่ถ้าแม่กลับมารับแม่ยังไม่เห็นสภาพของฉันที่มันช้ำอยู่ข้างใน แม่พาฉันมาที่บ้านแล้วก็ให้เงินหาข้าวหาน้ำให้กินแล้วก็กลับไปทำงานต่อปล่อยให้ฉันอยู่บ้านคนเดียว ตอนนั้นฉันคิดได้ว่าจะตั้งใจเรียน แต่มันก็ยังไม่หยุดพ่อเลี้ยงของฉัน(คนที่ 1) ท่านเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็กทารก พ่อท่านรู้ว่าฉันไม่บริสุทธิ์แล้ว ท่านเรียกให้ฉันไปหาที่ทำงาน ข้างห้องทำงานนั้นพอได้ยินฉันไปจุกปากแลกลิ้นเพื่อจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง ก็ตอนนั้นฉันงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นฉันก็กลัวว่าจะทำกับฉันอีกหรือเปล่า ระหว่างฉันเดินกลับบ้านตอนกลางคืน ก็มีแก๊งวินมอเตอร์ไซค์ 4-5 คนได้ขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาในซอยซึ่งมันค่อนข้างเปลี่ยว แล้วฉันเดินอยู่คนเดียวกำลังเดินเข้าบ้าน แจ้งวินมอเตอร์ไซค์ได้ฉุกฉันไปข่มขืนรุมโทรมอีกครั้ง ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้แจ้งความปล่อยให้มันเงียบหายไปเอง ฉันไม่กล้าที่จะเดินออกไปคนเดียวต่อให้เป็นกลางวันก็ตาม ฉันบอกตัวอยู่ในบ้าน 3เดือน ไม่ออกไปไหนเลยยิ่งกว่ากับตัวในโควิดซะอีก
***สรุปแล้วฉันโดนรุมโทรมมาแล้ว 2 ครั้งจากผู้ชายเป็น 10 คนและโดนทำร้ายร่างกาย*** ฉันคิดทุกครั้งนะฉันเกิดมาทำไม?...กลับมารองรับอารมณ์ของผู้ชายเหล่านี้นั้นหรอ? แล้วจะมีคนไหนที่รักฉันจริงมอบความสุขให้กับฉันได้จริงๆ แม่ฉันยังไม่รู้เรื่องเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันมามากมาย มากกว่าที่ฉันบรรยายลงในพันทิปนี้อีก ตอนนี้ฉันมีพ่อเลี้ยงคนใหม่(คนที่ 1 ได้เสียชีวิตไปแล้ว) ตอนที่ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จเขาก็แอบถ่ายรูปฉันตอนใส่ผ้าขนหนูตัวเดียวเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้า ซึ่งฉันทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เงียบและเก็บมันเอาไว้ ห้องส่วนตัวเพราะความสัมพันธ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในครอบครัวมันจะพังทลายไป ฉันเคยกรีดข้อมือตัวเองตั้งหลายครั้งหลายหน พยายามกดหัวตัวเองให้จมน้ำ ขับรถชนต้นไม้เพื่อให้ตัวเองเจ็บ กระโดดลงแม่น้ำเพื่อให้ตัวเองตาย กดหัวตัวเองกระแทกกับผนังบ้าน มันตายยากตายเย็นนะ...ฉันอยู่กับความกลัวและเกลียดตัวเอง ฉันพยายามลืมทุกอย่างแล้วลุกขึ้นสู้ใหม่ ฉันโดนบูลจากที่ต่างๆทั้งๆที่เขาไม่เคยรู้จักตัวตนของฉันเลย ทำดีผิดที่ไม่เคยได้ดี โดนหักหลังซ้ำๆ ฉันเข้าใจว่า " มันเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยก่อไว้ทั้งชาติที่แล้วและชาตินี้" จนตอนนี้ ฉันยังรู้สึกกลัวและไม่กล้าเผชิญหน้าไม่กล้าที่จะเข้าสังคมกับใคร ยังจมอยู่กับความทุกข์์กับอดีตที่มันเลวร้าย
บทความข้างต้นนี้ เป็นการบรรยายจากประสบการณ์จริงของตัวฉันเอง ไม่ได้ปรับปรุงหรือแก้ไข ทั้งหมดนี้มาจากเรื่องจริงชีวิตจริงของผู้บรรยายเอง อาจจะใช้คำที่ไม่เหมาะสม ขออภัย ณ ที่นี่ด้วย
ซึมเศร้าของสาวใจแตก
ครอบครัวของฉันแตกแยกเพราะพ่อกับแม่หย่าร้างกัน ฉันได้อยู่กับแม่ถือว่าเป็นการเลือกที่ดีเพราะแม่มีทุกอย่างสำหรับคนที่เป็นแม่มอบให้ลูกได้ มันน่ามันเลวร้ายขึ้นตั้งแต่ตอนที่ฉันอยู่ป.3 ต้องบอกเลยว่าครอบครัวของฉันเริ่มจากศูนย์ จากบ้านกระต๊อบแรงงาน ไม่ได้ทำทุกอย่างเพื่อฉันฉันอยู่อย่างมีความสุขพ่อท่านทำงานหลายอย่างเพื่อให้ฉันได้มีเหมือนคนอื่นเขา แต่ฉันไม่เคยรู้เลยว่าความรักคืออะไร ฉันเรียนหนังสือทำการบ้านรู้ตัวคนเดียว เพราะว่าแม่ของฉันทำงานเลิกเกือบเช้า ฉันก็เหมือนขาดความอบอุ่นไม่มีใครสอนไม่มีใครใส่ใจไม่มีใครถามถึงความต้องการของฉันถึงความรู้สึกของฉัน วนกลับมาตอนป 3 ฉันได้เริ่มขโมยเงินของแม่มาซื้อขนมซื้อของเล่น,เลี้ยงเพื่อนๆบ้างอะไรบ้าง ฉันคิดอยู่ตอนนั้นว่าจะต้องมีเงินเพื่อนถึงจะคบ เพราะด้วยที่ว่าฉันตัวใหญ่ ตัวสูงกว่าคนอื่น เลยไม่ค่อยมีใครเล่นกับฉัน ฉันอยู่ตัวคนเดียวกับของเล่นที่ซื้อมา ตอนเด็กๆฉันเคยโดนกล่าวหาว่าขโมยของเล่นเพื่อน โดนแม่เขาตราหน้าว่าเป็นเด็กขี้ขโมยครอบครัวไม่สั่งสอน แต่ฉันไม่เคยบอกแม่เลย จนผ่านมาหลายปีตอนม 1 ฉันเสียบริสุทธิ์ให้กับใครก็ไม่รู้ที่รู้จักกันแค่สัปดาห์เดียว มันไม่ได้รู้สึกเสียวหรือมีความสุข มันมีแต่ความเจ็บแล้วเสียน้ำตา แม่ของฉันไม่เคยรู้เลยเพราะถ้ารู้ท่านคงจะหัวใจวาย เราเป็นคนที่ไม่ชอบปรึกษาเพราะปรึกษาแม่ทีไรก็โดนด่าโดนว่าสุดท้ายก็ทะเลาะกัน พอขึ้นม. 2 ฉันก็มีแฟนคนแรกเราก็มีอะไรกัน ตอนนั้นฉันรู้สึกมีความสุขมากๆเหมือนไม่เคยมีใครให้ฉันมาก่อน ฉันได้แต่ดีใจว่าในที่สุดก็มีคนเข้าใจฉัน แต่ความสุขมักอยู่ไม่นาน...ฉันโดนหักหลับจากคนที่ฉันรักมากที่สุด เขากลับไปให้ของขวัญในวันวาเลนไทน์กับเพื่อนสนิทของฉัน และในวันนั้นฉันก็โดนเพื่อนที่อยู่ในห้องเดียวกันหมั่นไส้ ตบหน้าฉัน ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมาตบฉัน ฉันไม่ได้ตอบโต้ได้แต่นั่งร้องไห้ฟุกไปกับโต๊ะเรียน แล้ววันต่อมาฉันก็ได้โดดเรียนเป็นครั้งแรก มันหายไปกับผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันรู้จักได้เพียงแค่เดือนเดียว ยอมรับว่าฉันเจ้าชู้มากในเวลานั้น บอกเลยวาฉันก็ไม่ใช่คนดีอะไร แย่งแฟนเพื่อนก็ทำอะไรแล้ว จนกลายเป็นคนไม่มีเพื่อน
ไม่นานฉันก็ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน ไปกับผู้ชายที่ฉันรู้จักผ่านทางเกม เด็กอายุ 14 15 ไม่เคยทำงานอะไรมาก่อน หนีออกจากบ้านไปช่วยงานล้างจาน,เตรียมอาหาร,เด็กเสิร์ฟ ในรีสอร์ทแถวเขาใหญ่แห่งหนึ่ง ทำอยู่มาประมาณ 4-5 เดือน ก็หนีผู้ชายคนนั้นกลับมาอยู่ที่นนทบุรี กลับมาอยู่ที่นนท์อยู่ได้คนเดียวเพราะแม่อยู่บ้านอีกหลัง(กับเจ้านาย) เราเลยต้องอยู่บ้านนี้คนเดียวเป็นเวลา 4 ปี เด็กอายุ 15 ไปเดินเที่ยวแถวบิ๊กซีวงศ์สว่าง โดนฉุดไปข่มขืนรุมโทรม ทั้งวัยรุ่นผู้ชายและผู้ใหญ่ ประมาณ 8 ถึง 10 คน จนพยายามหนีออกมาได้ด้วยตัวเองตอนเวลา ตี2 ตอนนั้นจะใจบอกช้ำมาก ไม่กล้าไปแจ้งความด้วยซ้ำเพราะอายคนอื่นและกลัวแม่จะโกรธ หลายเดือนผ่านไป ฉันมีแฟนคนนึงเป็นลูกของผู้รับเหมาก่อสร้าง ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดจะคบตาฉันเห็นของที่เขาเปย์มาให้ฉัน ทั้งทองทั้งเงิน ฉันก็เลยตกลงคบกับเขา เราคบกันประมาณ 6 เดือน ตอนไปทำงานกับเขา เขาก็ถามว่าทำไมต้องกลัวคนอยู่เยอะๆด้วย ฉันก็บอกว่ามันร้อนอึดอัด แต่เปล่าเลยฉันกลัวคนงานของเขาด้วยสายตาที่พวกเขามองฉันมันหื่นกามมาก วันนั้นฝนตกหนักมากฉันกลับไปที่บ้านไม่ได้ต้องอยู่ที่แคมป์คนงานกับแฟน ซึ่งต้องนอนในห้องที่กำลังจะสร้างเล็กๆไม่มีประตูไม่มีหน้าต่าง เป็นห้องโล่งๆที่มองเห็นทะลุถึงกัน ในระหว่างที่ฉันกำลังนอนกับแฟนนั้น หนึ่งในคนงานพยายาทมุดเข้ามาในมุ้งที่เรานอนดูที่แฟนของฉันนอนหลับไม่รู้เรื่อง ฉันก็เลยพยายามสะกิดบอกให้เขาว่ามีคนพยายามเข้ามาในมือเราแต่เขาก็บอกว่าไม่มีอะไรหรอกนะ แต่คนงานนั้นยังไม่ยอมหยุดมันลูบขาฉันฉันเลยต้องพักแฟนแรงๆเพื่อให้เขาตื่น จนคนงานนั้นเดินกลับไปที่มุ้งตัวเอง ในใจฉันกลัวมากจนร้องไห้ไม่หยุด แฟนก็เลยด่าฉันว่า"หยุดร้องไห้ได้แล้วกูจะนอน!!" ตอนนั้นฉันรู้สึกทั้งกลัวทั้งโกรธที่แฟนไม่สนใจไม่ปกป้องฉัน เช้าวันรุ่งขึ้นฉันได้คุยกับแฟนเรื่องเมื่อคืน เขากลบด่าและตบตีฉันหาว่าฉันหน่อยไอ้พวกคนงานหื่นกามใส่ เขาตบหน้าฉัน,ต่อยเข้ามาที่ท้องฉัน แล้วพอฉันกุมท้องคุกเข่า เขาก็เตะเข้ามาที่แขนฉันจนฉันนอนลงไปแล้วเขาก็เตะเข้าที่ชายโครงฉันจนช้ำจุก ในใจคิดดูอย่างเดียวว่ากูจะต้องตายแน่ๆ แต่เขาก็หยุดทำแล้วก็ไล่คนงานไปกินข้าวตรงโรงอาหาร เขาปล่อยให้ฉันนอนอยู่ตรงนั้นฉันก็เลยตั้งสติประคองร่างตัวเองวิ่งออกนอกประตูแคมป์คนงานเพื่อไปโบกรถที่ทานจากเส้นหลักถึง 2 กิโล พอเขารู้..เขาก็ขับรถเพื่อจะมาตามฉันกลับไปแต่ฉันได้ขึ้นรถเมล์ จากคลอง 13ไปเมเจอร์รังสิต แล้วต่อรถเมล์ไปเดอะมอลล์งามวงศ์วาน ต่อรถเมล์จากงามวงศ์วานไปท่าน้ำนนท์ ตอนนั้นฉันคิดอะไรไม่ออกพยายามนั่งมองไปเรื่อยๆหาอะไรกินประทังชีวิตในทั้งตัวมีแค่ 120 ฉันจึงนึกได้โทรหาแม่ถ้าแม่กลับมารับแม่ยังไม่เห็นสภาพของฉันที่มันช้ำอยู่ข้างใน แม่พาฉันมาที่บ้านแล้วก็ให้เงินหาข้าวหาน้ำให้กินแล้วก็กลับไปทำงานต่อปล่อยให้ฉันอยู่บ้านคนเดียว ตอนนั้นฉันคิดได้ว่าจะตั้งใจเรียน แต่มันก็ยังไม่หยุดพ่อเลี้ยงของฉัน(คนที่ 1) ท่านเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็กทารก พ่อท่านรู้ว่าฉันไม่บริสุทธิ์แล้ว ท่านเรียกให้ฉันไปหาที่ทำงาน ข้างห้องทำงานนั้นพอได้ยินฉันไปจุกปากแลกลิ้นเพื่อจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง ก็ตอนนั้นฉันงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นฉันก็กลัวว่าจะทำกับฉันอีกหรือเปล่า ระหว่างฉันเดินกลับบ้านตอนกลางคืน ก็มีแก๊งวินมอเตอร์ไซค์ 4-5 คนได้ขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาในซอยซึ่งมันค่อนข้างเปลี่ยว แล้วฉันเดินอยู่คนเดียวกำลังเดินเข้าบ้าน แจ้งวินมอเตอร์ไซค์ได้ฉุกฉันไปข่มขืนรุมโทรมอีกครั้ง ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้แจ้งความปล่อยให้มันเงียบหายไปเอง ฉันไม่กล้าที่จะเดินออกไปคนเดียวต่อให้เป็นกลางวันก็ตาม ฉันบอกตัวอยู่ในบ้าน 3เดือน ไม่ออกไปไหนเลยยิ่งกว่ากับตัวในโควิดซะอีก
***สรุปแล้วฉันโดนรุมโทรมมาแล้ว 2 ครั้งจากผู้ชายเป็น 10 คนและโดนทำร้ายร่างกาย*** ฉันคิดทุกครั้งนะฉันเกิดมาทำไม?...กลับมารองรับอารมณ์ของผู้ชายเหล่านี้นั้นหรอ? แล้วจะมีคนไหนที่รักฉันจริงมอบความสุขให้กับฉันได้จริงๆ แม่ฉันยังไม่รู้เรื่องเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันมามากมาย มากกว่าที่ฉันบรรยายลงในพันทิปนี้อีก ตอนนี้ฉันมีพ่อเลี้ยงคนใหม่(คนที่ 1 ได้เสียชีวิตไปแล้ว) ตอนที่ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จเขาก็แอบถ่ายรูปฉันตอนใส่ผ้าขนหนูตัวเดียวเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้า ซึ่งฉันทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เงียบและเก็บมันเอาไว้ ห้องส่วนตัวเพราะความสัมพันธ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในครอบครัวมันจะพังทลายไป ฉันเคยกรีดข้อมือตัวเองตั้งหลายครั้งหลายหน พยายามกดหัวตัวเองให้จมน้ำ ขับรถชนต้นไม้เพื่อให้ตัวเองเจ็บ กระโดดลงแม่น้ำเพื่อให้ตัวเองตาย กดหัวตัวเองกระแทกกับผนังบ้าน มันตายยากตายเย็นนะ...ฉันอยู่กับความกลัวและเกลียดตัวเอง ฉันพยายามลืมทุกอย่างแล้วลุกขึ้นสู้ใหม่ ฉันโดนบูลจากที่ต่างๆทั้งๆที่เขาไม่เคยรู้จักตัวตนของฉันเลย ทำดีผิดที่ไม่เคยได้ดี โดนหักหลังซ้ำๆ ฉันเข้าใจว่า " มันเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยก่อไว้ทั้งชาติที่แล้วและชาตินี้" จนตอนนี้ ฉันยังรู้สึกกลัวและไม่กล้าเผชิญหน้าไม่กล้าที่จะเข้าสังคมกับใคร ยังจมอยู่กับความทุกข์์กับอดีตที่มันเลวร้าย
บทความข้างต้นนี้ เป็นการบรรยายจากประสบการณ์จริงของตัวฉันเอง ไม่ได้ปรับปรุงหรือแก้ไข ทั้งหมดนี้มาจากเรื่องจริงชีวิตจริงของผู้บรรยายเอง อาจจะใช้คำที่ไม่เหมาะสม ขออภัย ณ ที่นี่ด้วย