JJNY : พท.ชี้ ศก.ไทยถอยหนัก/อ๋อยชี้พรรคใหม่จุดยืนปชต.ไม่ใช่สาขาใคร/แล้งหนัก เนินทรายโผล่/มหานครผลไม้โลกล่ม

เพื่อไทยชี้ ศก.ไทยถอยหนัก ความเสียสละของ ปชช.-ความทุ่มเทของแพทย์ ถูกหักล้างด้วยมาตรการที่ผิดพลาดของ รบ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_2199674
 

 
เพื่อไทยชี้ ศก.ไทยถอยหนัก ความเสียสละของ ปชช.-ความทุ่มเทของแพทย์ ถูกหักล้างด้วยมาตรการที่ผิดพลาดของ รบ.
 
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า IMF ประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจของไทยอยู่ที่ -6.7% “กระทบจากโควิดมากสุดในภูมิภาค และติดลบเป็นอันดับต้นๆของโลก” คำถามที่เกิดขึ้นต่อ คือ ไทยคุมเชื้อเร็วกว่าคนอื่น ทำไมเศรษฐกิจจึงทรุดหนักกว่า เรื่องนี้มี 3 เหตุผล  
 
1.เหตุผลเชยๆ ที่ใครๆ ก็พูดกัน ซึ่งจริง แต่ไม่ทั้งหมด คือไทยมีเศรษฐกิจที่เปิดต่อเศรษฐกิจโลกสูง พึ่งพิงส่งออก และภาคบริการสูง ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากโควิด 
   
2.ข้อนี้สำคัญกว่า นั่นคือ มาตรการที่ผิดพลาด
  
โดยในช่วงแรกของการระบาด และให้หยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ มีสามสิ่งที่รัฐบาลต้องทำ คือ 
1) ป้องกันธุรกิจล้ม 
2) หยุดเลือดการตกงาน 
และ 3) ป้องกันความเสียหายไหลสู่สถาบันการเงิน 
 
รัฐบาลเลือกทำในส่วนที่ 1, 3 แต่ละเลยในส่วนที่ 2 โดยปล่อยให้มีการตกงานตามยถากรรมจำนวนมหาศาล ปล่อยให้นายจ้างเลิกจ้างได้ตามใจชอบ ซึ่งตรงนี้สำคัญและอันตราย มาตรการที่พรรค พท.เคยเสนอ คือ รัฐช่วยจ่ายค่าจ้าง โดยมีข้อแม้ว่านายจ้างต้องคงการจ้างงานไว้ หรือแม้กระทั่งสินเชื่อสำหรับพยุงการจ้างงานโดยเฉพาะ เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญ แต่รัฐบาลเลือกที่จะไม่ทำ การดำรงการจ้างงานสามารถเอาไปผูกเป็นเงื่อนไขได้ในเกือบทุกมาตรการที่ช่วยเหลือภาคธุรกิจ ก็ไม่ทำอีก เมื่อไม่มีมาตรการหยุดเลือดการตกงาน การว่างงานจึงกลายเป็นปัญหาใหญ่มหึมา เหมือนน้ำที่ทะลักแล้วหยุดไม่อยู่ ผลต่อเศรษฐกิจจึงสูง ดิ่งลึกกว่าประเทศอื่น การแก้ไขจึงต้องหันไปใช้งบประมาณเยียวยามากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะรัฐไม่เลือกที่จะป้องกัน แต่เน้นมาเยียวยาทีหลัง
 
นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า ข้อ 3.การแช่แข็งเศรษฐกิจประเทศ ทำเกินความจำเป็นไปมาก พึงระลึกว่า รัฐบาลที่น่าชื่นชมไม่ใช่รัฐที่หยุดการระบาดด้วยต้นทุนทางเศรษฐกิจที่มหาศาล และไม่ใช่รัฐที่ไม่ยอมแลกต้นทุนอะไรเลยในการควบคุมโรค แต่ผู้ที่ชนะในศึกนี้ คือ รัฐที่สมดุล คุมการระบาดอยู่ในระดับที่รับไหวและประคองเศรษฐกิจให้พอยืนอยู่ได้ในวันที่โลกยังไม่มีวัคซีน ทั้งหมดตอบคำถามที่ว่า ทำไมไทย โควิคคลี่คลายเร็ว แต่สร้างรอยแผลฉกรรจ์กว่าประเทศอื่นๆ เลยเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และน่าเศร้าที่ความเสียสละของประชาชน และความทุ่มเทของแพทย์ ถูกหักล้างหมดสิ้นด้วยมาตรการที่ผิดพลาดของรัฐบาล
 

 
อ๋อย ชี้ พรรคใหม่จุดยืนปชต.ไม่ใช่สาขาใคร เน้นหลากหลาย ไม่ได้รียูเนียนคนเดือนตุลา
https://www.matichon.co.th/politics/news_2200043
 
“จาตุรนต์” รับ แนวทางหลักของพรรคในอนาคตยังคงอยู่บนหลัก ปชต. ย้ำชัด ไม่เกี่ยวกับพรรคฝั่ง “ทรท.” อุดมการณ์เดียวกัน แต่เป็นอิสระต่อกัน
 
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการตั้งพรรคการเมืองใหม่ ว่า ขอชี้แจงกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ในนามส่วนตัว ดังนี้ ตนได้ออกจากพรรคเพื่อไทย มาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ ปี 2562 ในช่วงปลายปี 2561 เพื่อมาอยู่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ต่อมาพรรคทษช.ถูกยุบ ตนไม่ได้ถูกเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง เพราะไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค จึงยังทำงานการเมืองต่อได้ หลังจากการเลือกตั้ง ตนไม่ได้กลับไปพรรคเพื่อไทย และได้ใช้เวลาทั้งหมด ในฐานะนักการเมืองที่ไม่มีสังกัดพรรค ในการพูดคุยกับนักการเมือง นักธุรกิจ อดีตข้าราชการ รวมถึงคนรุ่นใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนปัญหาบ้านเมือง ปรับความคิด ซึ่งบางทีก็ใช้ความรู้เหล่านี้ ในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเรื่อยมา จนกระทั่ง มีความเห็นร่วมกันว่าจะต้องตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาอีก เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน
 
นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า แนวทางหลักๆของพรรคที่กำลังจะมีขึ้นในอนาคต ก็ยังคงอยู่บนแนวทางหลัก คือแนวทางประชาธิปไตย พัฒนาบ้านเมือง แก้ปัญหาเศรษฐกิจด้านต่างๆ อาศัยบุคคลและประสบการณ์ต่างๆจากในอดีต ประสานกับคนรุ่นใหม่เพื่อนำมาต่อยอดเป็นนโยบายที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนในอนาคต พรรคการเมืองดังกล่าว ที่จะจัดตั้งขึ้นในอนาคต ไม่ใช่พรรคสาขาของพรรคเพื่อไทย และเป็นอิสระจากพรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่ใช่พรรคไทยรักษาชาติ 2 ไม่ใช่พรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาให้เพื่อไทย อันเนื่องด้วยรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ไม่ใช่การรวมกันของกลุ่มคนเดือนตุลา ไม่ใช่การรียูเนียน แต่จะเป็นรวมคนที่หลากหลาย ที่จะร่วมกันสร้างพรรคการเมืองเพื่อประชาชน
 
เมื่อถามว่า มีการพูดคุย เพื่อร่วมงานหรือตั้งพรรค กับ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงค์ลี น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุรเดช หรือ นายภูมิธรรม เวชชยชัย ที่มีกระแสข่าวว่าจะตั้งพรรคการเมือง ในแนวทางเดียวกันหรือไม่ นายจาตรุนต์กล่าวว่า ตนกับทั้ง 3 เป็นเพื่อนกันมานาน เคยร่วมงานการเมืองด้วยกันมาหลายสิบปี แต่ไม่ได้มีการพูดคุยเพื่อจะตั้งพรรคการเมืองร่วมกัน เราเป็นอิสระต่อกัน แต่ยังเดินบนวิถีทางประชาธิปไตยร่วมกัน ซึ่งถ้าหากในอนาคต หากจะมีโอกาสร่วมงานทางการเมืองกัน ก็มีความเป็นไปได้อยู่แล้ว เช่นเดียวกับการร่วมงานกับทุกพรรค และทุกกลุ่มการเมือง ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน
 
สำหรับกรณีก่อนหน้านี้ ที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ออกมายอมรับในกรณีการพูดคุยเพื่อตั้งพรรคการเมือง นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ก็มีการพูดคุย พบปะ กันเป็นประจำปกติ ในเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง เช่นเดียวกับคนอื่นๆ แต่ไม่ได้คุยถึงเรื่องแผนการทำพรรคการเมืองที่ชัดเจน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่