ดูจากตัวอย่างเหมือนหนังจะเน้นการย้อนเวลาซะมากกว่า
แต่ไม่ใช่การย้อนเวลาไปหาอดีต แต่ให้เราคิดแทนว่าย้อนอดีตจะไปเจอกับอะไร
มันเหมือนกับเรารู้เรื่องของอดีต แต่เราไม่รู้เรื่องของอนาคต
แต่กลับกันกลายเป็นความจริงแล้วแล้วเราอยู่ในอนาคต แล้วพาย้อนไปในอดีต
งงไหม (ผมเองก็ใช้ศัพท์ไม่เก่งต้องขออภัย เขียนตามความเข้าใจ วิเคราะห์เล่นๆนะคร๊าบ)
เข้าเรื่องเช่น
แต่ไม่ใช่ว่าเราอยู่ในอนาคต แล้วย้อนเวลาไปในสิ่งที่เรารู้เช่น ผมขับรถฝ่าไฟแดงมา 2 แยก
แล้วมาชนรถสิบล้อตายข้างหน้า ก็เลยย้อนเวลาไปเพื่อที่จะไม่ฝ่าไฟแดงละผมก็รอด
แต่ Tenet จะบอกว่า ย้อนเวลาไปคุณจะเจอกับอะไรระหว่างที่ย้อนเวลาตอนฝ่าไฟแดงมา 2 แยก
มันเหมือนกับคุณไม่สามารถเดาอนาคตข้างหน้าได้ แต่หนังพยายามถ่ายทอดออกมาให้สวนทางกัน
คือถ้าย้อนไปได้คุณจะเปลี่ยนแปลงมันได้หรือ
ก็อะไรประมาณนี้ที่ผมวิเคราะห์ดูนะ ตัวอย่างแรกที่ปล่อยผมติดใจตรงที่คำพูด
นี่คือจุดที่โลกมาประสานกัน แล้วเป็นฉากรถไฟสองข้างมันสวนทางกัน
ทำไมก็ไม่รู้ต้องนึกถึงเรื่อง source code
หนังเรื่อง TENET ผมลองวิเคราะห์ออกมาแบบนี้ครับ
แต่ไม่ใช่การย้อนเวลาไปหาอดีต แต่ให้เราคิดแทนว่าย้อนอดีตจะไปเจอกับอะไร
มันเหมือนกับเรารู้เรื่องของอดีต แต่เราไม่รู้เรื่องของอนาคต
แต่กลับกันกลายเป็นความจริงแล้วแล้วเราอยู่ในอนาคต แล้วพาย้อนไปในอดีต
งงไหม (ผมเองก็ใช้ศัพท์ไม่เก่งต้องขออภัย เขียนตามความเข้าใจ วิเคราะห์เล่นๆนะคร๊าบ)
เข้าเรื่องเช่น
แต่ไม่ใช่ว่าเราอยู่ในอนาคต แล้วย้อนเวลาไปในสิ่งที่เรารู้เช่น ผมขับรถฝ่าไฟแดงมา 2 แยก
แล้วมาชนรถสิบล้อตายข้างหน้า ก็เลยย้อนเวลาไปเพื่อที่จะไม่ฝ่าไฟแดงละผมก็รอด
แต่ Tenet จะบอกว่า ย้อนเวลาไปคุณจะเจอกับอะไรระหว่างที่ย้อนเวลาตอนฝ่าไฟแดงมา 2 แยก
มันเหมือนกับคุณไม่สามารถเดาอนาคตข้างหน้าได้ แต่หนังพยายามถ่ายทอดออกมาให้สวนทางกัน
คือถ้าย้อนไปได้คุณจะเปลี่ยนแปลงมันได้หรือ
ก็อะไรประมาณนี้ที่ผมวิเคราะห์ดูนะ ตัวอย่างแรกที่ปล่อยผมติดใจตรงที่คำพูด
นี่คือจุดที่โลกมาประสานกัน แล้วเป็นฉากรถไฟสองข้างมันสวนทางกัน
ทำไมก็ไม่รู้ต้องนึกถึงเรื่อง source code