( คัดลอกมาเพียงบางส่วน...)
"...เรื่องที่ไม่ยอมสลายการชุมนุมนั้นหาอ่านได้จากบันทึกของวิสา คัญทัพ
เพราะวิสากับแกนนำบางกลุ่ม เช่น วีระกานต์ มุสิกพงศ์ ประกาศถอยจากการชุมนุมในวันนั้นทันที
เพราะไม่เห็นด้วยกับที่แกนนำบางคนไม่ยอมยุติการชุมนุม
โดยบันทึกของวิสาอ้างว่า แกนนำบางคน “ต้องการชัยชนะที่มากกว่านั้น”
ถ้าจะตามหาความจริงว่า ใครยิงประชาชนในเหตุการณ์สลายการชุมนุมพฤษภาคม 2553
ก็ควรจะตามหาความจริงด้วยการเริ่มตั้งแต่จากบันทึกของวิสา คัญทัพว่า
ทำไมแกนนำจึงไม่ยอมสลายการชุมนุม และเป้าหมายที่ต้องการมากกว่านั้นคืออะไร
เพราะอาจจะพบว่า นี่อาจเป็นสาเหตุที่นำมาสู่การเสียชีวิตของประชาชนจำนวนมาก..."
"...คณะก้าวหน้าที่ตามหาความจริงจะได้มีความเป็นมนุษย์ที่มองเห็นคุณค่าของมนุษย์
ไม่ใช่เห็นแต่คุณค่าชีวิตของมวลชนฝ่ายที่มีจุดยืนทางการเมืองเดียวกับตัวเองเท่านั้นที่เป็นมนุษย์..."
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
●● ตามหาความจริงให้ทุกด้าน ●●
( เผยแพร่: 21 พ.ค. 2563 10:07 โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ )
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ข้อความ
ต้องยอมรับว่า ความขัดแย้งในชาตินั้นไม่ใช่เป็นความขัดแย้งระหว่างผู้มีอำนาจทางการเมืองกับประชาชนอย่างเดียว
แต่เป็นความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับประชาชนด้วย
และความขัดแย้งนั้นเริ่มมาตั้งแต่ประชาชนชุดหนึ่งออกมาขับไล่รัฐบาลทักษิณ และฝั่งผู้มีอำนาจก็ได้จัดตั้ง
ประชาชนที่สนับสนุนตัวเองออกมาปะทะขัดขวาง
จนวันนี้ความแตกแยกของประชาชนที่แบ่งเป็นสองฝ่ายยังปรากฏร่องรอยชัดเจนอยู่
นับเป็นเรื่องที่ดีที่คณะก้าวหน้าได้ลุกขึ้นมาถามหาความจริงในเดือนพฤษภาคม 2563 แต่ดูเหมือนว่า
คณะก้าวหน้าจะถามหาความจริงเพียงด้านเดียว ก็คือด้านที่คณะก้าวหน้ามีจุดยืนทางการเมืองร่วมกันนั่นเอง
พูดให้ชัดลงไปในที่สุด ก็คือ คณะก้าวหน้านั้นมีจุดยืนร่วมกับระบอบทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดงที่เป็นมวลชนของ
ระบอบทักษิณ ดังนั้นวันนี้คณะก้าวหน้าจึงลุกขึ้นมาถามหาแต่เรื่องที่กลุ่มคนเสื้อแดงเสียชีวิตจากการเข้าสลาย
การชุมนุมของทหารเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2553
ถ้าคณะก้าวหน้ามองเห็นว่า การใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของทหารจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรม
ถ้านี่เป็นการมองด้วยสายตาที่เป็นธรรม คณะก้าวหน้าต้องตั้งคำถามต่อการเสียชีวิตของมวลชนพันธมิตรประชาชน
เพื่อประชาธิปไตยที่ถูกยิงด้วยเอ็ม 79 ครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนหน้านี้ด้วย
ไม่เช่นนั้นเท่ากับว่า คณะก้าวหน้ามองเห็นแต่ชีวิตของคนที่มีจุดยืนทางการเมืองร่วมกันเท่านั้น ที่มีแต่คุณค่า
และต้องเสียชีวิตลงอย่างไม่ยุติธรรม
เท่ากับว่าคณะก้าวหน้ามองว่ามวลชนที่ไม่มีจุดยืนร่วมหรืออยู่ตรงข้ามกับอุดมการณ์ของตัวเอง
ชีวิตของพวกเขาเหล่านี้ไม่มีคุณค่า หรือมองว่าคนไม่เท่ากัน
เรื่องที่มวลชนพันธมิตรฯ ถูกยิงด้วยเอ็ม 79 เสียชีวิตจำนวนมากนั้น แม้ไม่ได้เกิดจากการกระทำของอำนาจรัฐ
อย่างเปิดเผย แต่เป็นการกระทำที่มีอำนาจรัฐขณะนั้นหนุนหลังอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะไม่มีการดำเนินคดีหรือสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย และต้องยอมรับจากจุดนั้นว่า กองกำลังลับที่อยู่ตรงข้าม
กับพันธมิตรฯ นั้นได้รับสนับสนุนจากอำนาจฝั่งการเมืองที่คณะก้าวหน้าสนับสนุน
ในทางกลับกันระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดงมีการระดมยิงอาวุธสงครามใส่สถานที่ต่างๆ หลายครั้ง และยังเป็น
การยิงใส่ประชาชนฝั่งตรงข้ามออกมาจากที่ชุมนุมอย่างชัดแจ้งจนมีผู้เสียชีวิตในบริเวณศาลาแดงด้วย
เรื่องเล่านี้เป็นประวัติศาสตร์ระยะสั้นที่ใครๆ ก็ยังจำกันได้
ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผู้ชุมนุมเสื้อแดงบางกลุ่มมีอาวุธปืนสงครามหรือไม่
เป็นที่รู้กันว่า เมื่อมวลชนฝั่งตรงข้ามของเสื้อแดงชุมนุมจะมีอาวุธสงครามมายิงถล่มตั้งแต่การชุมนุมของพันธมิตรฯ
มาจนถึงการชุมนุมของ กปปส.ในยุคหลัง แต่คณะก้าวหน้าไม่เคยพูดถึงชีวิตที่สูญไปของคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ
ตัวเองเลย
จุดเริ่มของโศกนาฏกรรมที่คณะก้าวหน้าจะตามหาความจริงนั้น ควรเริ่มต้นขึ้นเมื่อกองกำลังชุดนี้มาปรากฏตัว
อย่างชัดเจนในวันที่ 10 เมษายน 2553 ที่บริเวณสี่แยกคอกวัวและถนนดินสอ และใช้อาวุธสงครามยิงใส่ทหารที่
พยายามเข้าไปสลายการชุมนุมในวันนั้น จนมีทหารเสียชีวิตหลายคนหนึ่งในนั้นคือพ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม
(ยศในขณะนั้น)
นั่นต่างหากที่เป็นชนวนสำคัญที่ต้องตามหาความจริงว่า ความรุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
มีคลิปจำนวนมากที่ปรากฏให้เห็นกลุ่มชายชุดดำอย่างชัดเจน และชายชุดดำเหล่านั้นก็ห้อมล้อมด้วยมวลชนเสื้อแดงนั่นเอง ไม่มีใครหรอกที่จะกล้าปฏิเสธความจริงในเรื่องนี้
เมื่อเกิดเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน รัฐบาลในขณะนั้นได้ยอมอ่อนข้อแล้ว เพราะรู้ว่าจะต้องเกิดการสูญเสียเกิดขึ้น
แน่ถ้าจะเข้าสลายกำลังก็จะต้องมีการปะทะกับกองกำลังติดอาวุธอย่างเช่นที่เกิดขึ้นมาแล้ว
ไม่มีปรากฏการณ์แบบนี้ในโลกบ่อยหรอกครับ ที่ฝั่งรัฐบาลจะยอมลดตัวลงไปเจรจากับฝ่ายผู้ชุมนุม
และดูเหมือนว่าฝ่ายรัฐบาลจะยอมถอยร่นรับเงื่อนไขของฝ่ายผู้ชุมนุม นั่นก็คือ การให้ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่นั่นเอง
ถ้าเหตุการณ์จบลงตรงนั้นทุกอย่างก็จบลงได้ด้วยดีไม่มีการเสียชีวิตอีก ฝ่ายผู้ชุมนุมก็แยกย้ายกันกลับบ้านแล้ว
รอวันที่ฝ่ายรัฐบาลตกลงว่าจะยุบสภาให้เลือกตั้งกันใหม่ แต่วันนั้นแกนนำเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งกลับไปแล้วเกิดเปลี่ยนใจ
ไม่ยอมสลายการชุมนุมไงครับ
เรื่องที่ไม่ยอมสลายการชุมนุมนั้นหาอ่านได้จากบันทึกของวิสา คัญทัพ เพราะวิสากับแกนนำบางกลุ่ม เช่น
วีระกานต์ มุสิกพงศ์ ประกาศถอยจากการชุมนุมในวันนั้นทันที เพราะไม่เห็นด้วยกับที่แกนนำบางคนไม่ยอมยุติ
การชุมนุม
โดยบันทึกของวิสาอ้างว่า แกนนำบางคน “ต้องการชัยชนะที่มากกว่านั้น”
การต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไม่ยอมสลายการชุมนุมชัดเจนว่าต้องการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองแบบพลิกฟ้า
คว่ำแผ่นดินแบบมีประชาชนผู้ชุมนุมเป็นโล่กำบัง
จากจุดนี้เองที่ทำให้ทหารต้องเข้าสลายการชุมนุม และแน่นอนว่า ทหารที่เข้ามามีอาวุธสงคราม เพราะมีบทเรียน
มาแล้วจากวันที่ 10 เมษายนที่เข้าไปสลายกำลังด้วยมือเปล่ามีแต่โล่กับกระบองแล้วถูกชายชุดดำยิงถล่มอย่าง
ย่อยยับมีคนเจ็บและเสียชีวิต บทเรียนของฝ่ายทหารมีอยู่แล้วตั้งแต่วันนั้น ครั้งนี้จึงต้องมีอาวุธพร้อม แน่นอนว่ากำลัง
ที่เหนือกว่าของทหารจึงเป็นเหตุที่ทำให้ผู้ชุมนุมต้องเสียชีวิตจำนวนมาก
เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทย เป็นความเศร้าสลดและเป็นความสูญเสียอย่าง
ใหญ่หลวง แต่แกนนำเสื้อแดงนั้นรู้อยู่แก่ใจใช่หรือไม่ว่า ต้องการใช้มวลชนเป็นโล่เพื่อต่อสู้แย่งชิงอำนาจรัฐที่
ฝ่ายเขาก็มีความชอบธรรมที่จะตอบโต้เพื่อรักษาอำนาจรัฐและมีการสูญเสียตามมา
ผมเชื่อนะครับว่า ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ไม่ได้มีอาวุธหรอก แต่มีผู้ชุมนุมบางคนนั้นมีอาวุธอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะปรากฏเหตุการณ์หลายครั้งอย่างที่กล่าวมาแล้ว และหลังเข้าสลายการชุมนุมก็พบอาวุธปืนและกระสุนจำนวนมากดังที่
ปรากฏเป็นข่าวอย่างเปิดเผย มีการนำมาแสดงให้ผู้สื่อข่าวและคณะทูตต่างชาติให้เห็นเป็นที่ประจักษ์
ดังนั้นคณะตามหาความจริงในนามคณะก้าวหน้า นอกจากต้องตามหาความจริงของผู้เสียชีวิตฝั่งตรงข้ามที่ถูกยิง
ด้วยเอ็ม 79 รวมถึงความรุนแรงในเหตุการณ์ 7 ตุลาคมแล้ว
ถ้าจะตามหาความจริงว่า ใครยิงประชาชนในเหตุการณ์สลายการชุมนุมพฤษภาคม 2553 ก็ควรจะตามหาความจริง
ด้วยการเริ่มตั้งแต่จากบันทึกของวิสา คัญทัพว่า ทำไมแกนนำจึงไม่ยอมสลายการชุมนุม และเป้าหมายที่ต้องการ
มากกว่านั้นคืออะไร เพราะอาจจะพบว่า นี่อาจเป็นสาเหตุที่นำมาสู่การเสียชีวิตของประชาชนจำนวนมาก
ต้องตามหาความจริงว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเริ่มจากปี 2549 จากการที่ประชาชนฝั่งหนึ่งมองว่า รัฐบาลในขณะนั้น
ใช้อำนาจอย่างไม่ชอบจนมีการจัดตั้งมวลชนขึ้นมาปะทะ และปลุกปั่นมวลชนเรื่อยมาจนใช้ประชาชนของตัวเองเป็น
เกราะกำบังสลับไปกับการจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธขึ้นมาปะทะเพื่อช่วงชิงอำนาจรัฐนั่นต่างหาก ที่เป็นสาเหตุให้
ประชาชนล้มตายเสียชีวิตใช่หรือไม่
คณะก้าวหน้าที่ตามหาความจริงจะได้มีความเป็นมนุษย์ที่มองเห็นคุณค่าของมนุษย์
ไม่ใช่เห็นแต่คุณค่าชีวิตของมวลชนฝ่ายที่มีจุดยืนทางการเมืองเดียวกับตัวเองเท่านั้นที่เป็นมนุษย์
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan
Cr. :
https://mgronline.com/daily/detail/9630000052887
●● ตามหาความจริงให้ทุกด้าน ...โดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ ●●
"...เรื่องที่ไม่ยอมสลายการชุมนุมนั้นหาอ่านได้จากบันทึกของวิสา คัญทัพ
เพราะวิสากับแกนนำบางกลุ่ม เช่น วีระกานต์ มุสิกพงศ์ ประกาศถอยจากการชุมนุมในวันนั้นทันที
เพราะไม่เห็นด้วยกับที่แกนนำบางคนไม่ยอมยุติการชุมนุม
โดยบันทึกของวิสาอ้างว่า แกนนำบางคน “ต้องการชัยชนะที่มากกว่านั้น”
ถ้าจะตามหาความจริงว่า ใครยิงประชาชนในเหตุการณ์สลายการชุมนุมพฤษภาคม 2553
ก็ควรจะตามหาความจริงด้วยการเริ่มตั้งแต่จากบันทึกของวิสา คัญทัพว่า
ทำไมแกนนำจึงไม่ยอมสลายการชุมนุม และเป้าหมายที่ต้องการมากกว่านั้นคืออะไร
เพราะอาจจะพบว่า นี่อาจเป็นสาเหตุที่นำมาสู่การเสียชีวิตของประชาชนจำนวนมาก..."
"...คณะก้าวหน้าที่ตามหาความจริงจะได้มีความเป็นมนุษย์ที่มองเห็นคุณค่าของมนุษย์
ไม่ใช่เห็นแต่คุณค่าชีวิตของมวลชนฝ่ายที่มีจุดยืนทางการเมืองเดียวกับตัวเองเท่านั้นที่เป็นมนุษย์..."
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
●● ตามหาความจริงให้ทุกด้าน ●●
( เผยแพร่: 21 พ.ค. 2563 10:07 โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ )
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Cr. : https://mgronline.com/daily/detail/9630000052887