The Half of It (Alice Wu, 2020)
"ความรัก คือความยุ่งเหยิง เลวร้าย เห็นแก่ตัว กล้าหาญ" The Half of It คือหนังแนว Coming of Age เล่าเรื่องราวของ เอลลี่ ชู กับความสัมพันธ์รักสามเส้า เอลลี่ ชู เป็นคนจีนที่มาอาศัยอยู่ในเมืองสควอเฮมิช เป็นเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง กับพ่อที่พยายามจะเป็นวิศวกรแต่ติดเรื่องภาษาทำให้เป็นได้แค่นายสถานีรถไฟ ความน่าสนใจคือเรากำลังตามติดชีวิตตัวละครสาวชาวจีนที่เดินทางอพยบมาตั้งถิ่นฐาน และด้วยปัญหาการเงินทำให้ เอลลี่ ชู รับจ้างทำการบ้านให้เพื่อน และรับจ้างเขียนจดหมายจีบสาวให้ พอล มันสกี ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญของพล็อตเรื่อง และเป็นตัวละครที่ซื่อบื้อไม่มีทางจีบสาวติดถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือ เอลลี่ช่วยพอลเขียนจดหมายรักและเป็นโค้ชในการจีบแอสเธอร์ หญิงสาวที่พอลหลงรัก ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดทำให้เอลลี่ พอล แอสเธอร์ ค้นพบความหมายของความรักและเปิดใจเรียนรู้ความรู้สึกของตัวเอง
สิ่งที่น่าชื่นชมของภาพยนตร์เรื่องนี้คือบทภาพยนตร์ที่มอบให้ตัวละครแต่ละตัวทำหน้าที่ให้เราเห็นมิติความเป็นคนธรรมดาสามัญจับต้องได้ แต่ความธรรมดาสามัญนั้นมีเสน่ห์น่าหลงใหล ทำให้ช่วงขณะหนึ่งเราหลงรักตัวละครในเรื่องในมุมที่ต่างกัน โดยเฉพาะตัวเอลลี่ ชู เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ ความมีเสน่ห์ของตัวละครค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามพล็อตเรื่องและการเติบโตขึ้นของตัวละครผ่านเหตุการณ์ในเรื่อง เมื่อหนังสรุปจบประเด็นทำให้ตัวละครที่ตอนแรกเรารู้สึกเฉย ๆ กลับทำให้เรารู้สึกหลงรักจดจำตัวละครเหล่านี้เมื่อหนังจบแล้ว
เส้นทางของเรื่องราวทั้งหมดทำให้เราเห็นถึงการเติบโตของตัวละคร ฉะนั้น หนังเรื่องนี้อาจไม่ใช่หนังรักที่ชวนโรแมนติกแต่เป็นเพียงภาพสะท้อนของการเติบโตและเส้นทางที่ตัวละครก้าวข้ามไปเผชิญสิ่งเหล่านั้น งานฉากและเหตุการณ์ต่าง ๆ ในเรื่องสื่ออารมณ์ให้เราคล้อยตามได้ดี ชอบเพลงประกอบสบาย ๆ ในเรื่อง นอกจากประเด็นปัญหาความรักที่ดูยุ่งเหยิงสับสน หนังยังแทรกประเด็นของชุมชนความเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีความเชื่อทางศาสนา โรงเรียน โบสถ์ที่เป็นแหล่งรวมความศรัทธาของชุมชนที่บางครั้งก็สุดโต่งเกินไป ทำให้หนังแอบใส่ประเด็นความหลากหลายและเสียดสีประเด็นความเชื่อทางศาสนาในมุมที่ทำได้ชวนตลก
อย่างไรก็ตาม คำคมเชิงปรัชญาของหนังเรื่องนี้มีเยอะมาก เยอะจนน่าจะดัดแปลงออกมาเป็นหนังสือนิยายได้เลย ความคมคายของไดอะล็อกในเรื่องคือคติให้เราที่เป็นคนดูได้ฉุกคิดและไตร่ตรองถึงความหมายในเรื่องราวความรัก และความรักที่บริสุทธิ์ของมนุษย์ ท้ายสุด The Half of It เป็นภาพยนตร์ที่ให้ความหมายและแง่มุมของเรื่องราวความรักผ่านไดอะล็อกและเป็นเหมือนเสียงสะท้อนให้เรากลับมาขบคิดถึงความหมายของความรัก ความพยายามหรือกระทั่งความล้มเหลวของความรัก และรักที่แท้จริงอาจไม่ใช่การเสแสร้ง ความอดทน ความเมตตา หรือถ่อมตน แต่ความรัก คือความยุ่งเหยิง เลวร้าย เห็นแก่ตัว 'กล้าหาญ' และมันไม่ใช่การตามหาคู่แท้ของเรา ความรักคือความยินดีที่จะทำลายภาพวาดที่ดีของเราเพื่อโอกาสที่จะวาดผลงานชิ้นเยี่ยมโดยไม่มีข้อจำกัด...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: The Half of It (Alice Wu, 2020) รีวิวโดย MDC
"ความรัก คือความยุ่งเหยิง เลวร้าย เห็นแก่ตัว กล้าหาญ" The Half of It คือหนังแนว Coming of Age เล่าเรื่องราวของ เอลลี่ ชู กับความสัมพันธ์รักสามเส้า เอลลี่ ชู เป็นคนจีนที่มาอาศัยอยู่ในเมืองสควอเฮมิช เป็นเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง กับพ่อที่พยายามจะเป็นวิศวกรแต่ติดเรื่องภาษาทำให้เป็นได้แค่นายสถานีรถไฟ ความน่าสนใจคือเรากำลังตามติดชีวิตตัวละครสาวชาวจีนที่เดินทางอพยบมาตั้งถิ่นฐาน และด้วยปัญหาการเงินทำให้ เอลลี่ ชู รับจ้างทำการบ้านให้เพื่อน และรับจ้างเขียนจดหมายจีบสาวให้ พอล มันสกี ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญของพล็อตเรื่อง และเป็นตัวละครที่ซื่อบื้อไม่มีทางจีบสาวติดถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือ เอลลี่ช่วยพอลเขียนจดหมายรักและเป็นโค้ชในการจีบแอสเธอร์ หญิงสาวที่พอลหลงรัก ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดทำให้เอลลี่ พอล แอสเธอร์ ค้นพบความหมายของความรักและเปิดใจเรียนรู้ความรู้สึกของตัวเอง
สิ่งที่น่าชื่นชมของภาพยนตร์เรื่องนี้คือบทภาพยนตร์ที่มอบให้ตัวละครแต่ละตัวทำหน้าที่ให้เราเห็นมิติความเป็นคนธรรมดาสามัญจับต้องได้ แต่ความธรรมดาสามัญนั้นมีเสน่ห์น่าหลงใหล ทำให้ช่วงขณะหนึ่งเราหลงรักตัวละครในเรื่องในมุมที่ต่างกัน โดยเฉพาะตัวเอลลี่ ชู เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ ความมีเสน่ห์ของตัวละครค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามพล็อตเรื่องและการเติบโตขึ้นของตัวละครผ่านเหตุการณ์ในเรื่อง เมื่อหนังสรุปจบประเด็นทำให้ตัวละครที่ตอนแรกเรารู้สึกเฉย ๆ กลับทำให้เรารู้สึกหลงรักจดจำตัวละครเหล่านี้เมื่อหนังจบแล้ว
เส้นทางของเรื่องราวทั้งหมดทำให้เราเห็นถึงการเติบโตของตัวละคร ฉะนั้น หนังเรื่องนี้อาจไม่ใช่หนังรักที่ชวนโรแมนติกแต่เป็นเพียงภาพสะท้อนของการเติบโตและเส้นทางที่ตัวละครก้าวข้ามไปเผชิญสิ่งเหล่านั้น งานฉากและเหตุการณ์ต่าง ๆ ในเรื่องสื่ออารมณ์ให้เราคล้อยตามได้ดี ชอบเพลงประกอบสบาย ๆ ในเรื่อง นอกจากประเด็นปัญหาความรักที่ดูยุ่งเหยิงสับสน หนังยังแทรกประเด็นของชุมชนความเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีความเชื่อทางศาสนา โรงเรียน โบสถ์ที่เป็นแหล่งรวมความศรัทธาของชุมชนที่บางครั้งก็สุดโต่งเกินไป ทำให้หนังแอบใส่ประเด็นความหลากหลายและเสียดสีประเด็นความเชื่อทางศาสนาในมุมที่ทำได้ชวนตลก
อย่างไรก็ตาม คำคมเชิงปรัชญาของหนังเรื่องนี้มีเยอะมาก เยอะจนน่าจะดัดแปลงออกมาเป็นหนังสือนิยายได้เลย ความคมคายของไดอะล็อกในเรื่องคือคติให้เราที่เป็นคนดูได้ฉุกคิดและไตร่ตรองถึงความหมายในเรื่องราวความรัก และความรักที่บริสุทธิ์ของมนุษย์ ท้ายสุด The Half of It เป็นภาพยนตร์ที่ให้ความหมายและแง่มุมของเรื่องราวความรักผ่านไดอะล็อกและเป็นเหมือนเสียงสะท้อนให้เรากลับมาขบคิดถึงความหมายของความรัก ความพยายามหรือกระทั่งความล้มเหลวของความรัก และรักที่แท้จริงอาจไม่ใช่การเสแสร้ง ความอดทน ความเมตตา หรือถ่อมตน แต่ความรัก คือความยุ่งเหยิง เลวร้าย เห็นแก่ตัว 'กล้าหาญ' และมันไม่ใช่การตามหาคู่แท้ของเรา ความรักคือความยินดีที่จะทำลายภาพวาดที่ดีของเราเพื่อโอกาสที่จะวาดผลงานชิ้นเยี่ยมโดยไม่มีข้อจำกัด...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/