ดินแดนแห่งนี้มีเรื่องเล่า

ป่ามอสเขียวชอุ่ม ดินแดนแห่งนวนิยายที่มีจริง


ป่ามอสเขียวชอุ่ม ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในชื่อ “ป่าวิสท์แมน” (Wistman Wood) ดินแดนที่เหมือนกับป่าพิศวงและป่าแห่งเวทมนตร์ในจินตนาการที่สุด ราวกับหลุดมาจากโลกในนวนิยาย ที่มีเรื่องเล่าเหนือธรรมชาติ เป็นป่าโบราณเก่าแก่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีตำนานเรื่องเล่าทั้งเรื่องภูติผี จิตวิญญาณแห่งป่า และเหล่าคนแคระ


  ป่าวิสท์แมนแห่งนี้ ตั้งอยู่ในเมืองเดวอน ณ ประเทศอังกฤษ เป็นชุดของป่าโบราณ ซึ่งต้นไม้ใหญ่หลายต้นมีอายุหลายร้อยปี มีพืชพันธุ์หลายชนิด ทั้งไม้ยืนต้นและไม้เลื้อย และมีความโดดเด่นตรงที่โขดหินมากมายของที่นี่นั้นมีต้นมอสขึ้นปกคลุมจนเขียวชอุ่มไปทั่วทุกพื้นที่ จนกลายเป็นดินแดนพืชเขียวชอุ่ม ร่มรื่นไปทั่วทุกอณูแห่งป่า

ความเขียวชอุ่มและอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้ยังแสดงให้เห็นถึงภูมิอากาศในเขตพื้นที่นี้ ที่น่าจะเป็นป่าฝนตลอดทั้งปี มีบรรยากาศชุ่มชื้น จนทำให้ต้นไม้ขึ้นใหญ่โต โดยพืชอย่างมอสจะเติบโตได้ดีมาก เพราะอยู่ในบริเวณที่เปียกชื้นใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีตำนานเกี่ยวกับสัตว์พิศวงที่ชื่อว่า “Wisht Hounds” ที่มีลักษณะเป็นสุนัขสีดำตัวใหญ่ มีดวงตาสีแดงหลบซ่อนอยู่ในป่าแห่งนี้ และมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับภูติป่าอีกมากมาย ดั่งสมยานามป่าแห่งนวนิยาย

Cr.ภาพ sarahbeekmans.com
Cr. atlasobscura.com
Cr.https://travel.thaiza.com/foreign/360342/




TRIORA หมู่บ้านแม่มด



หมู่บ้านแห่งนี้มีชือว่า TRIORA หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาในประเทศอิตาลี มีทิวทัศน์สวยงาม บรรยากาศน่าอยู่ ครั้งหนึ่งที่หมู่บ้านก็เคยเกิดเหตุการณ์ล่าแม่มด มีทั้งการทรมาน เผาทั้งเป็นตามแบบฉบับของหนังสือคู่มือการล่าแม่มด ซึ่งที่นี่ได้มีการจัดเป็นนิทรรศการเล็กๆ ภายในหมู่บ้านให้นักท่องเที่ยวได้รำลึกถึงหญิงผู้บริสุทธิ์ที่จากไปเพราะพวกเธอแค่ไม่เหมือนคนอื่น

ย้อนไปในปี 1587 ที่เมืองแห่งนี้ ในปีนั้นเรียกได้ว่าเป็นปีที่สภาพอากาศย่ำแย่ การเพาะปลูกเกิดปัญหา ชาวเมืองเดือดร้อน เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะต้องหา “แพะ” ไว้โทษว่า “เป็นเพราะพวกนั้น”
เหล่าบรรดาชาวเมืองเริ่มหา “แพะ” เพื่อที่จะมารองรับอารมณ์โทษดินโทษฟ้าด้วยการชี้ไปที่บ้านหลังนี้ ที่มีกลุ่มผู้หญิงอาศัยอยู่รวมกันถึง 20 คนว่า “พวกนี้แหละเป็นตัวการ พวกนี้แหละ คือแม่มด”  และกล่าวหาว่าพวกเธอ นำเด็กมาบูชายัญแด่ซาตานที่แท่นหินตรงนี้
 



พวกเค้าได้ทำการเรียกนักบวช 2 คนมาจากศาสนจักร เพื่อมาดำเนินการกำจัดแม่มด ด้านหลังของประตูนี้คือจุดเริ่มต้นของการทรมานและสอบสวน เรียกได้ง่ายๆก็คือ เพื่อให้พูดคำว่า “ใช่” แม้ความจริงจะ “ไม่ใช่”ก็ตาม  การสอบสวนดำเนินไปเป็นระยะเวลาร่วม 2 ปี คำตัดสินก็มา พวกเธอถูกตัดสินให้ถูก “เผาทั้งเป็น”  
ในทุกๆ ปีหลังจากเทศกาลการล่าแม่มดหมดไป ชาวเมืองได้จัดเทศกาลรำลึกขึ้นมาแทน มีขบวนพาเหรดของกลุ่มแม่มด ในเมืองประดับประดาไปด้วยไม้กวาด ป้ายต่างๆ มีแม้กระทั่งรูปปั้น เหมือนเป็นประกาศยอมรับผิดในสิ่งที่เคยทำลงไป
ขอบคุณเนื้อหา https://zpore.com/category/horror/page/14/
Cr. https://www.thailandstack.com/post-4196-“หมู่บ้านแม่มด”-เครื่องหมายของการกดขี่สตรีเwศในยุคกลาง/





ปราสาทหินโดนตวล ดินแดนที่มีเรื่องเล่า



 ปราสาทโดนตวล เป็นปราสาทขอมโบราณขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ริมหน้าผาสูง บนเทือกเขาพนมดงรัก บริเวณใกล้ชายแดนไทย -กัมพูชา ประกอบด้วยปราสาทประธาน อาคารโถงโคปุระ บรรณาลัย ฐานศิลาแลงและสระน้ำ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพุทธศตวรรษที่ 16  ตามจารึกที่ขอบประตู ตรงกับปี พ.ศ.1545 ซึ่งอยู่ในยุคเดียวกับการก่อสร้างปราสาทเขาพระวิหาร 

ฐานปราสาทโดนตวล สร้างด้วยศิลาแลงหินทราย ผนังก่ออิฐ ปรางค์เป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุม ซุ้มประตูก่อด้วยศิลา ตัวปราสาทหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เนื้อที่ของปราสาทไม่ใหญ่นัก ประมาณ 200 ตารางเมตรเท่านั้น ปัจจุปันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติแล้ว และมีการบูรณะซ่อมแซมแล้ว 
เรื่องเล่าตำนาน เล่าว่า มีสตรีสูงศักดิ์นางหนึ่งรูปร่างหน้าตาสวยงาม แต่มีลักษณะอาภัพคือ "หน้าอกใหญ่" จนต้องเอาสายสร้อยทองคำทำเป็นสาแหรกรองรับไว้ เมื่อกษัตริย์ขอมรู้ถึงกิตติศัพท์ จึงให้เหล่าอำมาตย์มารับนางไปเฝ้า ในระหว่างที่เดินทางนั้น ตาเล็งซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันกับนางได้มาตามนางกลับไป แต่เหล่าอำมาตย์ไม่ยอมจึงเกิดการต่อสู้กัน ปรากฏว่าตาเล็งถูกฆ่าตาย โดยศพถูกทิ้งไว้ในป่าบริเวณที่สร้างปราสาทโดนตวล   
Cr. https://cities.trueid.net/north-east/si-sa-ket/เที่ยว-ปราสาทหินโดนตวล-ดินแดนที่มีเรื่องเล่า-trueidintrend_7306

 

 
ทะเลสาบคานาสือ กับเรื่องเล่าของสัตว์ประหลาด



ทะเลสาบคานาสือ (Kanas Lake) ทางตอนเหนือเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาอัลไต ทำให้เป็นที่มาของชื่อ “คานาซือ” หรือ “คานาส” ซึ่งแปลว่า ทะเลสาบที่อยู่ท่ามกลางภูเขา  เพราะตั้งอยู่ห่างจากเมืองใหญ่ ความสมบูรณ์สวยงามตามธรรมชาติของดินแดนนี้จึงยังครบถ้วน ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสงบและสวยงามตามธรรมชาติอย่างแท้จริง

อีกหนึ่งชื่อเสียงของทะเลสาบคานาสือ คือเรื่องเล่าของสัตว์ประหลาดที่เป็นตำนานมาหลายร้อยปี ว่าเคยมีการพบเห็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างใหญ่โตเกินกว่าจะเป็นแค่ปลาทั่วไปแหวกว่ายอยู่ในทะเลสาบ แถมยังมีเหตุการณ์ที่ม้าและแกะที่อยู่ใกล้ๆ ทะเลสาบหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยอีกด้วย

เรื่องที่เล่ากันปากต่อปากผ่านกาลเวลาค่อยๆ ถูกปะติดปะต่อจนเริ่มจะกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา จนเมื่อปี 1985 คณะครูและนักเรียนภาควิชาชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยซินเจียง ได้เห็นกลุ่มสัตว์น้ำคล้ายปลาขนาดใหญ่ ยาวเกือบ 15 เมตร และในปี 1987 ก็ได้มีการค้นพบอย่างเป็นทางการว่า ที่ทะเลสาบคานาสือ มีสัตว์น้ำขนาดใหญ่อาศัยอยู่จริง แต่เชื่อกันว่าน่าจะเป็นปลาไทเมน ซึ่งเป็นปลาขนาดยักษ์ชนิดหนึ่งในวงศ์ปลาแซลมอน ที่มีความยาว 3-4 เมตรมากกว่า
เรื่องราวของสัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบคานาซือเพิ่งมาโด่งดังขึ้นจริงๆ เมื่อปี 2006 เมื่อมีนักท่องเที่ยวสามารถถ่ายคลิปวิดีโอไว้ได้ แล้วถูกนำไปเผยแพร่ทางช่องสถานี Xinjiang TV  ทะเลสาบแห่งนี้จึงเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทำให้มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเดินทางมามากเพิ่มขึ้น




นอกจากหรือเจ้าสัตว์ประหลาดที่อาจจะเป็นปลาไทเมนที่โด่งดัง ทะเลสาปคานาสือยังมีหมู่บ้าน Tuwa หมู่บ้านรักสันโดษแต่ไม่โดดเดี่ยวที่ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาเป็นอีกหนึ่งสถานที่น่าสนใจด้วย ที่นี่มีชาวเผ่า Tuwa อาศัยอยู่ราวๆ 2,000 หลังคาเรือน ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายด้วยวิถีชีวิตที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติเป็นหลัก และยังคงประเพณีเก่าแก่ดั้งเดิมที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น บ้านแต่ละหลังของที่นี่ทำจากไม้ทั้งหมด แต่ละหลังก็จะมีรูปทรงที่คล้ายๆกัน และในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่หมู่บ้านจะมีประเพณีการแสดงความขอบคุณต่อธรรมชาติ ทั้งท้องฟ้า ต้นไม้ ภูเขา และยังมีการสวดภาวนาตามประเพณีท้องถิ่นอีกด้วย 
Images © matthew lee / Flickr
Cr.http://www.culturedcreatures.co/kanas-lake-monster/ by Panida A.





ชิบัลบา ดินแดนแห่งความกลัวของชาวมายา



(ชาวมายาโบราณเชื่อว่า ถ้ำที่มีธารน้ำอยู่ข้างในเช่นนี้คือ ปากทางเข้าไปสู่ดินแดนแห่งชิบัลบา)
อารยธรรมโบราณทุกแห่งมีตำนานและเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับโลกหลังความตาย รวมถึงการเดินทางไปยังโลกหน้า  ไม่เว้นแม้แต่ชาวมายาโบราณในป่าฝนของทวีปอเมริกากลางอันลึกลับก็มีความเชื่อเกี่ยวกับโลกหลังความตายด้วยเช่นกัน
 
โลกหลังความตายของชาวมายาโบราณมีชื่อเรียกขานว่า “ชิบัลบา” (Xibalba) มีความหมายว่า “ดินแดนแห่งความกลัว” (Place of Fear) พวกเขาเชื่อว่าผู้วายชนม์ที่สิ้นลมหายใจไปแล้วไม่ได้จากไปไหน พวกเขายังอยู่เพื่อคอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเดินทางหลังความตายแก่เหล่าทายาทและลูกหลานของตน

 ตำนานการเดินทางไปในโลกหลังความตายที่ได้รับการบันทึกเอาไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุดปรากฏใน คัมภีร์โพโพล วูห์ (Popol Vuh) คัมภีร์ฉบับนี้บันทึกตำนานการสร้างโลกของชาวมายาโบราณ อีกทั้งยังพูดถึงตำนานการเดินทางของสองพี่น้องฝาแฝดผู้เก่งกาจด้านเกมบอล (Ball Game) ชื่อว่าฮูนาห์พู (Hunahpu) และชบาลังเก (Xbalanque) ไปยังดินแดนแห่งความกลัวหรือชิบัลบาด้วย
 
กล่าวกันว่าชิบัลบาคือ ดินแดนของโลกข้างใต้ (Underworld) ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 9 ชั้น ทางเข้าไปยังชิบัลบาถูกผูกโยงเข้ากับทางเข้าถ้ำต่างๆ ที่พบได้ทั่วไปในดินแดนของชาวมายาทั้งในประเทศเม็กซิโก กัวเตมาลา และเบลิซ ชิบัลบาของชาวมายาเปรียบเสมือนจุดหมายปลายทางที่ผู้วายชนม์ทุกคนต้องเดินทางผ่านเข้ามา ใช้ไหวพริบของตนเองเพื่อต่อสู้และ “เอาชนะ” เทพเจ้าแห่งความตายที่ปกครองอยู่ในดินแดนแห่งนี้ให้ได้ เพื่อฟื้นคืนอีกครั้งในโลกหน้า

ชิบัลบาหรือดินแดนแห่งความกลัวจึงเป็นอาณาจักรใต้พิภพที่เต็มไปด้วยการทดสอบนานัปการ อีกทั้งยังมีเทพเจ้าที่น่าเกลียดน่ากลัว ระคนสยดสยองกลิ่นตัวเน่าเหม็นรุนแรงอาศัยอยู่ ชาวมายาผู้วายชนม์ทุกคนต้องเดินทางไปยังดินแดนแห่งนี้ ทำการต่อสู้จนมีชัยเหนือเทพเจ้าแห่งโลกข้างใต้ แล้วจะได้ฟื้นคืนชีพกลับขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งในโลกหน้า หากพวกเขาพ่ายแพ้แก่ลอร์ดแห่งชิบัลบา วิญญาณของพวกเขาจะต้องดับสูญและถูกฝังเอาไว้ในโลกที่มีแต่กลิ่นเหม็นมหากาฬของชิบัลบาไปตลอดกาล

แต่ถ้าผู้วายชนม์สามารถโค่น “บอส” แห่งดินแดนชิบัลบาลงได้ พวกเขาก็จะสามารถเดินทางออกจากโลกข้างใต้ขึ้นมาอยู่ท่ามกลางเหล่าบรรพบุรุษ คอยช่วยเหลือและให้แนะนำแก่เหล่าทายาทของตนในรุ่นถัดไปให้รับมือกับการทดสอบสุดโหดจากลอร์ดแห่งชิบัลบา เพื่อที่จะได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย วนอยู่เป็นวัฏจักรเช่นนี้ต่อไปชั่วนิรันดร์
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Website: https://www.ancient.eu/Xibalba
Cr.https://way-of-life-menmen.blogspot.com/2018/01/blog-post_30.html





ทรานซิลเวเนีย ดินแดนที่มีมากกว่าตำนานแดรกคูลา



ทรานซิลเวเนีย (Transylvania) นับว่าเป็นสถานที่ๆ รู้จักกันในฐานะดินแดนแห่งตำนานแวมไพร์จากนวนิยายภาษาอังกฤษแนวสยองขวัญที่มีชื่อเสียงที่สุดของ บราม สโตกเกอร์  เป็นดินแดนที่อยู่ทางตอนกลางของประเทศโรมาเนีย เป็นดินแดนที่ห้อมล้อมไปด้วยเทือกเขาคาร์เพเทียนที่สุดแสนจะงดงาม อากาศบริสุทธิ์ 
 
ทรานซิลวาเนีย คือภูมิภาคประวัติศาสตาร์ที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศโรมาเนีย ที่เดิมทีเคยเป็นศูนย์กลางของราชอาณาจักรดาเซีย ตั้งแต่เมื่อ 1,900 ปีก่อน จนกระทั่งพ่ายแพ้ให้กับจักรวรรดิโรมัน จนกระทั่งชาวโรมันได้ปล่อยพื้นที่แห่งนี้ไป และกลายเป็นชนเผ่าต่างๆ ที่พยายามเข้ามาแทรกแซงพื้นที่ นั่นเป็นเหตุผลให้ชาวทรานซิลวาเนียดั้งเดิมถูกหล่อหลอมมาจากหลากหลายวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันมาจนถึงทุกวันนี้  ปัจจุบัน ทรานซิลวาเนียเป็นที่รู้จักกันในเรื่องความงดงามของวิวทิวทัศน์และธรรมชาติอย่างมาก
(Cr.http://www.nainokhook.com/2014/06/23/romania-4-transilvania/)



Cr.ภาพ  Aurel Paduraru / @aurelpaduraru /  คาลิน สแตน ช่างภาพชาวโรมาเนีย
Cr.https://www.thaiticketmajor.com/variety/travel/10402/


(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่