เนื่องจากธุรกิจที่จขกท. ทำนั้น ได้เริ่มทำมา 1 ปีพอดี คือ ธุรกิจร้านทุกอย่าง 20 จขกท.เริ่มต้นตั้งแต่20 พค.ปีที่แล้ว จนถึงวันนี้ก็ครบ 1 ปีพอดี ยอดขายอยู่ที่ 15 ล้านพอดี ส่วนกำไรอยู่ที่ 4 ล้านนิดๆ กำไรขั้นต้นก่อนหักคชจ. อยู่ที่ เกือบๆ27% เมื่อหักคชจ.แล้ว เดือนนึงจะเหลือประมาณ 2 แสน นั่นคือกำไรที่เหลือจริงๆจะอยู่ที่ปีละ ประมาณ 2.5 ล้านบาท ฟังดูไม่เลวเลยใช่ไหมครับ สำหรับยุคศก.แบบนี้ ยิ่งช่วงโควิดที่ทุกธุรกิจแทบจะดิ่งลงเหว แต่กลับกันธุรกิจร้าน20 กลับมียอดขายเพิ่มขึ้นราว 30%เนื่องจากคนไม่มีเงินและประกอบกับร้านเริ่มมีลูกค้าประจำมากขึ้น และที่สำคัญที่ยอดขายเพิ่มขึ้นเพราะ ลูกค้าบอกต่อ(Word Of Mouth) เนื่องจาการบริการที่ดีกว่าร้าน20 อื่นๆ เพราะสินค้า20 ที่ไหนก้อหาได้ แต่เรื่องการบริการเป็นValue Added ที่เพิ่มขึ้นไปทำให้กลุ่มลูกค้าเป่าหมายของทางร้าน ซึ่งเป็นกลุ่มชนชั้นแรงงาน ที่รายได้ตั้งแต่ 0-20,000 บาท ซึ่งไม่เคยเจอการบริการที่ดีและจะเห็นว่ากลุ่มเป้าหมายกว้างมากเนื่องจากลูกค้ามีทั้งคนไม่มีรายได้,คนทำงานโรงงาน(มีนิคมอุต อยู่ไม่ไกล)จนถึง เจ้าของกิจการที่อาศัยอยู่ในระแวกร้าน
ในส่วนของร้านนั้น จะมีพื้นที่ใช้สอยภายในร้าน 700 ตร.ม.จะแบ่งเป็นแผนกต่างๆ ประมาณ 20 แผนก ได้แก่ ขนม, กิ๊ฟช็อป, ไอที, สติ๊กเกอร์, ของใช้ส่วนตัว, หมวก, ของใช้ภายในบ้าน, แว่นตา, เครื่องสำอางค์, อุปกรณ์ทำความสะอาด, ของเล่นเด็ก, ซุปเปอร์มาเก็ต, เครื่องครัว, เสื้อผ้ารองเท้า, จานชามแก้ว, อุปกรณ์พระ, อุปกรณ์ทำสวน
อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง, พลาสติก โดยสินค้าทั้งร้านจะมีประมาณ หมื่นกว่ารายการ สินค้าคงคลังจะอยู่ที่ประมาณ สองล้านบาท โดยSupplierของจขกท.จะอยู่ที่ 10 เจ้า ที่ต้องมีSupplierเยอะ เพราะแต่ละเจ้าจะมีสินค้าที่เป็นจุดเด่นต่างๆกัน แต่ไม่ต้องกังวลเพราะSupplierแต่ละเจ้าก็มีบริการส่งถึงที่ร้านของจขกท.เลยทีเดียว
โดยการลงทุนเริ่ม งบประมาณรวมโครงสร้าง, ระบบ ต่างๆจะอยู่ที่สามล้านกว่าบาท บางคนบอกว่าทำไมทำร้าน20 ต้องลงทุนสูงขนาดนี้เลยหรือ? จขกท.จะบอกว่าถ้าเปิดร้านเล็กๆ เตรียมตัวเจ๊งได้เลย เนื่องจากสินค้าไม่หลากหลาย ทำให้ลูกค้าไม่เข้าร้านเนื่องจากไม่มีความน่าสนใจ แต่หากสินค้าเยอะ จะทำให้ลูกค้าเข้ามาเยอะมากและยังบอกต่อไปอีกต่างหาก ที่สิ่งสำคัญอีกอย่างคือต้องมีที่จอดรถ เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้า มาร้านมากขึ้น
และ อีกอย่างที่สำคัญคือ ให้เปิดห่างจากกทม. มากที่สุด เนื่องวิถีชีวิตของกลุ่มลูกค้าจะต่างกันกับคน ตจว. ซึ่งร้านของ จขกท. เปิดอยู่ที่จ. ปริมณฑล และ มีบางคนมาถามว่า อยากทำแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ซื้อเฟรนไช ดีไหม ในความคิดของจขกท. หากคุณไม่รู้จะเริ่มยังไง เฟรนไช ก็ดูเป็นทางเลือกที่ไม่เลว แต่หากต้องการให้ยอดขายดีเป็นก้าวกระโดด ต้องจัดหาสินค้าเองเนื่องจากราคาถูกกว่า และหลากหลายมากกว่า
จุดแข็งของทางร้านคือ มีสินค้าที่หลากหลายเกินหมื่นกว่ารายการ และหลากหลายมาก และเป็นห้องแอร์ทั้งหมด และสินค้าทั้งหมดเป็นสินค้าราคาเดียวคือ 20 บาท ไม่ว่าลูกค้าจะซื้อชิ้นไหนก็20 โดยTurnoverของลูกค้าในวันธรรมดาจะอยู่ที่ 400 รายขึ้นไป ส่วนเสาร์ 600 วันอาทิตย์ 800 ขึ้นไป ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วลูกค้าแต่ละเจ้า จะซื้อเจ้าละ 100 บาทเป็นอย่างน้อย สูงสุดคือ 3,000 บาท และที่สำคัญคือ มีที่จอดรถที่สะดวกสบาย ร้านอยู่ติดถนน ใหญ่ และ มีการบริการที่ดีของพนง.ภายในร้าน เนื่อง จขกท.เป็นสาวก ยุ่นปี่ มีเวลาว่างเมื่อไรต้องจองไปเที่ยวญี่ปุ่น โดยจะไปปีละ 4 ครั้ง จึงได้นำไอเดียโมเดลจากร้าน 100 เยนของญี่ปุ่นมาปรับใช้กับร้านของเรา ซึ่งในอนาคตจะมีทั้งน้ำดื่ม และไอศครีมมาลง โดยยังคงคอนเซบเดิมคือทุกอย่าง 20 จริงๆ
และเมื่อลูกค้าเข้ามาแล้วบอกต้องการสินค้าอะไร ทางพนง.ของร้านจะพาไปที่เชลล์ทันที และ ปล่อยลูกค้าไว้ให้มีโอกาสได้เลือกสินค้าอื่นๆเพิ่ม แต่หลังๆ ทางร้านเริ่มมีโปรพิเศษ คือมีสินค้าแลกซื้อมาให้กับลูกค้า เมื่อซื้อครบทุก100 บาทมีสิทธิ์แลกซื้อสินค้าแลกซื้อที่ราคาถูกกว่าท้องตลาดพอสมควรเพื่อกระจุ้นให้ลูกค้ามีส่วนร่วมมากขึ้น
จุดอ่อน คือ สินค้ายังตอบโจทย์ลูกค้าไม่ครบทุกกลุ่ม เช่นลูกค้าบางคนอยากได้ เสื่อน้ำมัน โต๊ะญี่ปุ่น เสื่อ มุ้ง ที่ราคาจะเกินไปกว่า 20 บาท ทางจขกท. จึงแก้โดยนำสินค้าเหล่านี้ มาเป็นสินค้าแลกซื้อ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ได้มากขึ้น และยังเพิ่มยอดขายได้มากขึ้นอีกด้วย และ ปัจจุบันทางร้านใช้ระบบบาร์โค้ด ของโปรแกรมDmart บางฟังก์ชั่นยังไม่ตอบโจทย์ร้านซะทีเดียว หากใครมีโปรแกรมสำเร็จรูปที่ดีๆ สำคัญคือราคาถูกๆด้วยนะ55 แนะนำจขกท.ได้เลยนะครับ และ เนื่องจากมีลุกน้องในร้าน 5 คนเป็นผู้หญิงทั้งหมด ก็จะมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันพอสมควร และเมื่อลูกน้องเป็นผู้หญิงปัญหาก็จะเยอะพอสมควร จะมีปัญหาของผู้หญิงบ้างละ ปัญหารักเอยบ้างละ แรกๆมีลูกน้องแค่4 คน พอคนหยุดไปงานก้อค่อนข้างชะงัก จึงเพิ่มลูกน้องมาอีก 1 คน ปัญหาเหล่านี้ก็ดีขึ้น
โอกาส คือ เนื่องจากทำเลที่ตั้งของร้านจะอยู่ในโซนที่กำลังจะเริ่มเจริญ เป็นชุมชนที่ค่อนข้างเยอะ ทำให้เป็นโอกาสที่ลูกค้ามาซื้อมากขึ้น เพราะคู่แข่งทางตรงแทบไม่มีเลย จะมีก็คือร้านสังกะสีที่ขายสินค้าหลายราคา แต่เนื่องจากความงง ของราคาทำให้ลูกค้าไม่กล้าหยิบ จึงเป็นแค่คู่แข่งทางอ้อม และ ภาวะศก.ที่ตกต่ำ ทำให้ส่งผลให้ยอดขายของทางร้านเพิ่มขึ้น เพราะคนไม่มีเงิน ก็จะเข้าร้าน20 มากขึ้น เนื่องจากตอบโจทย์คนในยุคนี้มากขึ้น
อุปสรรค คือ หากยอดขายยังคงดียังงี้ต่อไป จะต้องจดvat7% เนื่องจากยอดขายเกินปีละล้านแปด หากจดvat จะทำให้ยอดกำไรเหลือน้อยจนแทบแย่เลย และ การปิดเมืองของจีน ทำให้หาสินค้าได้ยากขึ้น จนถึงปัจจุบันสถานการณ์ต่างๆเริ่มดีขึ้น สินค้าก็เริ่มหามาได้มากขึ้นครับ
สรุปแล้ว หากใครต้องการที่จะลงทุนในภาวะศก.ตกต่ำยังงี้ ธุรกิจร้าน20 ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่หากถามจขกท.ถ้าใครทำงานประจำอยู่ ให้กอดตำแหน่งไว้แน่นๆเลยนะครับ และหากจะเปิดร้าน อย่าเปิดเล็กนะครับ ถ้าเปิดเล็กรอเจ๊งได้เลย โดยส่วนตัวร้านของจขกท. เปิดมา 1 ปี ก็คืนทุนเรียบร้อยแล้ว ในอนาคต แพลนคือ ขยายร้าน และ ขยายสาขา เพราะ ยอดขายขึ้นโดยตรงกับ ขนาดของร้าน ยิ่งร้านใหญ่ยอดขายก็จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น และอัตราสินค้าสูญหาย จะค่อนข้างน้อย เพราะ เรามีกล้องวงจรปิดทุกแผนก และประกอบกับสินค้าราคาถูก แค่ 20 บาททำให้ ขโมยไปแล้วถ้าโดนจับได้มันไม่คุ้ม จึงสินค้าหายน้อยมาก ใครมีอะไรแนะนำ หรืออยากขอคำแนะนำ หลังไมค์มาได้เลยครับ หากช่วยได้ จขกท. ยินดีช่วยครับ เพื่อให้ทุกๆคนผ่านช่วงนี้ไปให้ได้นะครับ สู้ๆครับทุกคน
ธุรกิจที่ปัง ในยุคศก.ช่วงโควิด
ในส่วนของร้านนั้น จะมีพื้นที่ใช้สอยภายในร้าน 700 ตร.ม.จะแบ่งเป็นแผนกต่างๆ ประมาณ 20 แผนก ได้แก่ ขนม, กิ๊ฟช็อป, ไอที, สติ๊กเกอร์, ของใช้ส่วนตัว, หมวก, ของใช้ภายในบ้าน, แว่นตา, เครื่องสำอางค์, อุปกรณ์ทำความสะอาด, ของเล่นเด็ก, ซุปเปอร์มาเก็ต, เครื่องครัว, เสื้อผ้ารองเท้า, จานชามแก้ว, อุปกรณ์พระ, อุปกรณ์ทำสวน
อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง, พลาสติก โดยสินค้าทั้งร้านจะมีประมาณ หมื่นกว่ารายการ สินค้าคงคลังจะอยู่ที่ประมาณ สองล้านบาท โดยSupplierของจขกท.จะอยู่ที่ 10 เจ้า ที่ต้องมีSupplierเยอะ เพราะแต่ละเจ้าจะมีสินค้าที่เป็นจุดเด่นต่างๆกัน แต่ไม่ต้องกังวลเพราะSupplierแต่ละเจ้าก็มีบริการส่งถึงที่ร้านของจขกท.เลยทีเดียว
โดยการลงทุนเริ่ม งบประมาณรวมโครงสร้าง, ระบบ ต่างๆจะอยู่ที่สามล้านกว่าบาท บางคนบอกว่าทำไมทำร้าน20 ต้องลงทุนสูงขนาดนี้เลยหรือ? จขกท.จะบอกว่าถ้าเปิดร้านเล็กๆ เตรียมตัวเจ๊งได้เลย เนื่องจากสินค้าไม่หลากหลาย ทำให้ลูกค้าไม่เข้าร้านเนื่องจากไม่มีความน่าสนใจ แต่หากสินค้าเยอะ จะทำให้ลูกค้าเข้ามาเยอะมากและยังบอกต่อไปอีกต่างหาก ที่สิ่งสำคัญอีกอย่างคือต้องมีที่จอดรถ เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้า มาร้านมากขึ้น
และ อีกอย่างที่สำคัญคือ ให้เปิดห่างจากกทม. มากที่สุด เนื่องวิถีชีวิตของกลุ่มลูกค้าจะต่างกันกับคน ตจว. ซึ่งร้านของ จขกท. เปิดอยู่ที่จ. ปริมณฑล และ มีบางคนมาถามว่า อยากทำแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ซื้อเฟรนไช ดีไหม ในความคิดของจขกท. หากคุณไม่รู้จะเริ่มยังไง เฟรนไช ก็ดูเป็นทางเลือกที่ไม่เลว แต่หากต้องการให้ยอดขายดีเป็นก้าวกระโดด ต้องจัดหาสินค้าเองเนื่องจากราคาถูกกว่า และหลากหลายมากกว่า
จุดแข็งของทางร้านคือ มีสินค้าที่หลากหลายเกินหมื่นกว่ารายการ และหลากหลายมาก และเป็นห้องแอร์ทั้งหมด และสินค้าทั้งหมดเป็นสินค้าราคาเดียวคือ 20 บาท ไม่ว่าลูกค้าจะซื้อชิ้นไหนก็20 โดยTurnoverของลูกค้าในวันธรรมดาจะอยู่ที่ 400 รายขึ้นไป ส่วนเสาร์ 600 วันอาทิตย์ 800 ขึ้นไป ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วลูกค้าแต่ละเจ้า จะซื้อเจ้าละ 100 บาทเป็นอย่างน้อย สูงสุดคือ 3,000 บาท และที่สำคัญคือ มีที่จอดรถที่สะดวกสบาย ร้านอยู่ติดถนน ใหญ่ และ มีการบริการที่ดีของพนง.ภายในร้าน เนื่อง จขกท.เป็นสาวก ยุ่นปี่ มีเวลาว่างเมื่อไรต้องจองไปเที่ยวญี่ปุ่น โดยจะไปปีละ 4 ครั้ง จึงได้นำไอเดียโมเดลจากร้าน 100 เยนของญี่ปุ่นมาปรับใช้กับร้านของเรา ซึ่งในอนาคตจะมีทั้งน้ำดื่ม และไอศครีมมาลง โดยยังคงคอนเซบเดิมคือทุกอย่าง 20 จริงๆ
และเมื่อลูกค้าเข้ามาแล้วบอกต้องการสินค้าอะไร ทางพนง.ของร้านจะพาไปที่เชลล์ทันที และ ปล่อยลูกค้าไว้ให้มีโอกาสได้เลือกสินค้าอื่นๆเพิ่ม แต่หลังๆ ทางร้านเริ่มมีโปรพิเศษ คือมีสินค้าแลกซื้อมาให้กับลูกค้า เมื่อซื้อครบทุก100 บาทมีสิทธิ์แลกซื้อสินค้าแลกซื้อที่ราคาถูกกว่าท้องตลาดพอสมควรเพื่อกระจุ้นให้ลูกค้ามีส่วนร่วมมากขึ้น
จุดอ่อน คือ สินค้ายังตอบโจทย์ลูกค้าไม่ครบทุกกลุ่ม เช่นลูกค้าบางคนอยากได้ เสื่อน้ำมัน โต๊ะญี่ปุ่น เสื่อ มุ้ง ที่ราคาจะเกินไปกว่า 20 บาท ทางจขกท. จึงแก้โดยนำสินค้าเหล่านี้ มาเป็นสินค้าแลกซื้อ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ได้มากขึ้น และยังเพิ่มยอดขายได้มากขึ้นอีกด้วย และ ปัจจุบันทางร้านใช้ระบบบาร์โค้ด ของโปรแกรมDmart บางฟังก์ชั่นยังไม่ตอบโจทย์ร้านซะทีเดียว หากใครมีโปรแกรมสำเร็จรูปที่ดีๆ สำคัญคือราคาถูกๆด้วยนะ55 แนะนำจขกท.ได้เลยนะครับ และ เนื่องจากมีลุกน้องในร้าน 5 คนเป็นผู้หญิงทั้งหมด ก็จะมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันพอสมควร และเมื่อลูกน้องเป็นผู้หญิงปัญหาก็จะเยอะพอสมควร จะมีปัญหาของผู้หญิงบ้างละ ปัญหารักเอยบ้างละ แรกๆมีลูกน้องแค่4 คน พอคนหยุดไปงานก้อค่อนข้างชะงัก จึงเพิ่มลูกน้องมาอีก 1 คน ปัญหาเหล่านี้ก็ดีขึ้น
โอกาส คือ เนื่องจากทำเลที่ตั้งของร้านจะอยู่ในโซนที่กำลังจะเริ่มเจริญ เป็นชุมชนที่ค่อนข้างเยอะ ทำให้เป็นโอกาสที่ลูกค้ามาซื้อมากขึ้น เพราะคู่แข่งทางตรงแทบไม่มีเลย จะมีก็คือร้านสังกะสีที่ขายสินค้าหลายราคา แต่เนื่องจากความงง ของราคาทำให้ลูกค้าไม่กล้าหยิบ จึงเป็นแค่คู่แข่งทางอ้อม และ ภาวะศก.ที่ตกต่ำ ทำให้ส่งผลให้ยอดขายของทางร้านเพิ่มขึ้น เพราะคนไม่มีเงิน ก็จะเข้าร้าน20 มากขึ้น เนื่องจากตอบโจทย์คนในยุคนี้มากขึ้น
อุปสรรค คือ หากยอดขายยังคงดียังงี้ต่อไป จะต้องจดvat7% เนื่องจากยอดขายเกินปีละล้านแปด หากจดvat จะทำให้ยอดกำไรเหลือน้อยจนแทบแย่เลย และ การปิดเมืองของจีน ทำให้หาสินค้าได้ยากขึ้น จนถึงปัจจุบันสถานการณ์ต่างๆเริ่มดีขึ้น สินค้าก็เริ่มหามาได้มากขึ้นครับ
สรุปแล้ว หากใครต้องการที่จะลงทุนในภาวะศก.ตกต่ำยังงี้ ธุรกิจร้าน20 ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่หากถามจขกท.ถ้าใครทำงานประจำอยู่ ให้กอดตำแหน่งไว้แน่นๆเลยนะครับ และหากจะเปิดร้าน อย่าเปิดเล็กนะครับ ถ้าเปิดเล็กรอเจ๊งได้เลย โดยส่วนตัวร้านของจขกท. เปิดมา 1 ปี ก็คืนทุนเรียบร้อยแล้ว ในอนาคต แพลนคือ ขยายร้าน และ ขยายสาขา เพราะ ยอดขายขึ้นโดยตรงกับ ขนาดของร้าน ยิ่งร้านใหญ่ยอดขายก็จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น และอัตราสินค้าสูญหาย จะค่อนข้างน้อย เพราะ เรามีกล้องวงจรปิดทุกแผนก และประกอบกับสินค้าราคาถูก แค่ 20 บาททำให้ ขโมยไปแล้วถ้าโดนจับได้มันไม่คุ้ม จึงสินค้าหายน้อยมาก ใครมีอะไรแนะนำ หรืออยากขอคำแนะนำ หลังไมค์มาได้เลยครับ หากช่วยได้ จขกท. ยินดีช่วยครับ เพื่อให้ทุกๆคนผ่านช่วงนี้ไปให้ได้นะครับ สู้ๆครับทุกคน