https://asia.nikkei.com/Business/Companies/Panasonic-to-move-appliance-production-from-Thailand-to-Vietnam
พานาโซนิคผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า (เครื่องซักผ้า ตู้เย็น) ในครัวเรือนขนาดใหญ่ในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2522 โรงงานในกรุงเทพฯ การผลิตจะถูกย้ายไปยังโรงงานที่ตั้งอยู่นอกฮานอยซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของพานาโซนิคสำหรับตู้เย็นและเครื่องซักผ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจอปัญหาต้นทุนการผลิตในไทยที่แพงขึ้นเรื่อยๆ
โรงงานไทยจะหยุดการผลิตเครื่องซักผ้าในเดือนกันยายนและตู้เย็นในเดือนตุลาคม และจะปิดตัวลงฐาวรในเดือนมีนาคม 2564
เหมือนว่า เราน่าจะต้องเริ่มมีบริษัทเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติไทย เช่นเครื่องซักผ้า หม้อหุงเข้า ตู้อบ ตู้เย็น ขึ้นมาแข่งกับพวก Panasonic Samsung Lg Hitashi เสียแล้ว สร้างความนิยมในไทยก่อนแล้วบุกไปตั้งโรงงานในต่างประเทศ ทุกวันนี้เอาเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่สร้างรายได้ให้ไทยเป็นอันดับต้นๆ ดูเหมือนเรายืมจมูกบริษัทเทคโนโลยีญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หายใจไปเรื่อยๆเท่านั้น ซึ่งบริษัทพวกนี้เขาไม่ใช่บริษัทคนไทย คงไม่จงรักภักดีอยู่กับเราถาวรตลอดไป การอดทนค่อยๆพัฒนา วิจัยเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นของตัวเองและได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐรวมถึงคนไทยน่าจะตอบโจทย์ในระยะยาว เป็นการสร้างองค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าเก็บไว้ให้คนรุ่นหลังในประเทศได้ไปต่อยอดในอนาคตด้วย คนรุ่นหลังเราจะได้ไม่ต้องเริ่มจาก 0 แต่เริ่มจากสิ่งที่เราได้ค่อยๆสร้างไว้
พานาโซนิค บริษัทญี่ปุ่น ตัดสินใจถอนการลงทุนปีละ 30,000 ล้านบาท ออกจากประเทศไทย
พานาโซนิคผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า (เครื่องซักผ้า ตู้เย็น) ในครัวเรือนขนาดใหญ่ในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2522 โรงงานในกรุงเทพฯ การผลิตจะถูกย้ายไปยังโรงงานที่ตั้งอยู่นอกฮานอยซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของพานาโซนิคสำหรับตู้เย็นและเครื่องซักผ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจอปัญหาต้นทุนการผลิตในไทยที่แพงขึ้นเรื่อยๆ
โรงงานไทยจะหยุดการผลิตเครื่องซักผ้าในเดือนกันยายนและตู้เย็นในเดือนตุลาคม และจะปิดตัวลงฐาวรในเดือนมีนาคม 2564
เหมือนว่า เราน่าจะต้องเริ่มมีบริษัทเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติไทย เช่นเครื่องซักผ้า หม้อหุงเข้า ตู้อบ ตู้เย็น ขึ้นมาแข่งกับพวก Panasonic Samsung Lg Hitashi เสียแล้ว สร้างความนิยมในไทยก่อนแล้วบุกไปตั้งโรงงานในต่างประเทศ ทุกวันนี้เอาเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่สร้างรายได้ให้ไทยเป็นอันดับต้นๆ ดูเหมือนเรายืมจมูกบริษัทเทคโนโลยีญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หายใจไปเรื่อยๆเท่านั้น ซึ่งบริษัทพวกนี้เขาไม่ใช่บริษัทคนไทย คงไม่จงรักภักดีอยู่กับเราถาวรตลอดไป การอดทนค่อยๆพัฒนา วิจัยเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นของตัวเองและได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐรวมถึงคนไทยน่าจะตอบโจทย์ในระยะยาว เป็นการสร้างองค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าเก็บไว้ให้คนรุ่นหลังในประเทศได้ไปต่อยอดในอนาคตด้วย คนรุ่นหลังเราจะได้ไม่ต้องเริ่มจาก 0 แต่เริ่มจากสิ่งที่เราได้ค่อยๆสร้างไว้