เว้นพื้นที่ตรงนี้ว่างๆก็ดูโล้นๆ เพราะอย่างนั้นขอก๊อปข้อมูลเกี่ยวกับฟาฟาเล่มาให้ดูแล้วกันนะคะ
เส้นพาสต้า วัตถุดิบหลักของอาหารสไตล์อิตาเลียน ที่มีให้เลืกหลากหลายรูปแบบทั้งเส้นยาว เส้นแบน เส้นเกลียว หลอดสั้น หลอดใหญ่ ฯลฯ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมพาสต้าถึงมีรูปทรงแตกต่างกัน และพาสต้าแต่ละชนิดเหมาะกับซอสชนิดไหน วันนี้กระปุกดอทคอมขอคลายความสงสัยด้วยการนำเสนอเทคนิคการจับคู่เส้นพาสต้ากับซอส สำหรับมือใหม่หัดเข้าครัวทำอาหารเมนูพาสต้ารับประทานเองที่บ้านได้อย่างเอร็ดอร่อยมากขึ้นกว่าเดิมค่ะ
1. เส้นเพนเน เส้นรีกาโตนี และเส้นซิติ
เพนเน (Penne) รีกาโตนี (Rigatoni) หรือซิติ (Ziti) เส้นพาสต้าทั้ง 3 ชนิดนี้มีลักษณะเป็นหลอดใหญ่ เหมาะกับซอสที่มีความเข้มข้น เพราะด้วยรูปทรงหลอดนี้สามารถดูดซึมตัวซอสและอุ้มตัวซอสที่หนัก ๆ ไว้ได้อย่างดี ทำให้เวลากินเราจะได้รสสัมผัสของเส้นกับตัวซอสกลมกลืนกัน เช่น ซอสมะเขือเทศเข้มข้น ซอสพาร์มาแฮม ซอสวอดก้า ซอสโบลองเนส หรือซอสที่มีลักษณะเป็นครีมข้น จะใส่เนื้อสัตว์หรือไม่ใส่ก็ได้ แต่ถ้าอยากใส่เนื้อสัตว์ควรหั่นเนื้อสัตว์เป็นชิ้นเล็ก ๆ เนื่องจากลักษณะเส้นพาสต้ามีขนาดใหญ่ เนื้อสัตว์ชิ้นเล็กจะทำให้สามารถกินพร้อมกับเส้นพาสต้าได้ดีกว่า ที่สำคัญมักจะโรยชีสด้านบนก่อนเสิร์ฟ หรืออาจนำไปทำพาสต้าอบชีสก็ได้ด้วยเช่นกัน
2. เส้นฟาร์ฟาเล่
ฟาร์ฟาเล่ (Farfalle) เส้นพาสต้ารูปผีเสื้อ หรือรูปโบ ลักษณะแบน มีรอยพับตรงกลาง เหมาะกับซอสแทบทุกชนิด เช่น ซอสมะเขือเทศเข้มข้น ซอสเพสโต ซอสไวน์ หรือซอสที่มีส่วนผสมของชีส รูปทรงเส้นมีลักษณะแบนและมีช่องเล็ก ๆ ทำให้ซอสสามารถแทรกซึมเข้าไปได้ดีมาก ยิ่งเป็นซอสที่มีส่วนผสมของผักอย่างซอสเพสโตก็ทำให้ผักเกาะเส้นได้ดียิ่งขึ้น เหมาะที่จะใส่เนื้อสัตว์ชิ้นใหญ่ลงไปผัดคลุกเคล้ากับซอส เพราะเนื่องจากเป็นเส้นสั้น ๆ ถ้าใส่เนื้อสัตว์ชิ้นใหญ่ก็สามารถตักเข้าปากกินทั้งเส้นพาสต้าและเนื้อสัตว์ไปได้พร้อมกันทั้งคำ
3. เส้นฟูซิลี
ฟูซิลี (Fusilli) เส้นพาสต้ารูปเกลียวคล้ายสกรู เหมาะกับซอสที่มีความเข้มข้น เช่น ซอสมะเขือเทศเข้มข้น ซอสโบลองเนส เพราะซอสสามารถแทรกซึมเส้นได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับคนชอบทานผักสามารถใส่ผักที่มีสีสันเข้าไปด้วยได้ เช่น ถั่วลันเตา ข้าวโพด รวมถึงใส่เนื้อสัตว์ชิ้นเล็ก ๆ ลงไป เนื้องจากเส้นฟูซิลีมีลักษณะเป็นเกลียวการใส่เนื้อสัตว์ชิ้นเล็กจะทำให้กินได้สะดวกมากขึ้น หรือจะเอาเส้นฟูซิลิไปทำเป็นเมนูจานสลัด โดยใส่มะเขือเทศเชอร์รี องุ่น บรอกโคลี และเฟตาชีสลงไป เพียงเท่านี้ก็ได้สลัดฟูซิลีแล้ว
4. เส้นสปาเกตตี
สปาเกตตี (Spaghetti) เส้นพาสต้าแบบยาว กลม และไม่มีรู ส่วนใหญ่มักผัดกับน้ำมันมะกอก และราดซอสได้หลากหลายชนิด เพราะเส้นสปาเกตตีมีลักษณะพิเศษที่สามารถให้ซอสเคลือบเส้นได้ทั่วถึง อาจเป็นซอสที่มีมะเขือเทศเป็นส่วนผสมหลัก หรือซอสที่มีลักษณะเหลวและใส ซอสมารินารา (Marinara) เช่น เมนูสปาเกตตีมีทบอล หรือสปาเกตตีซอสเพสโต
5. เส้นลิงกวินนี
ลิงกวินนี (Linguine) ลักษณะเส้นยาวเหมือนเส้นสปาเกตตี แต่มีความแบนเหมือนเส้นเฟตตูชินี (Fettuccine) ราดซอสได้แทบทุกชนิด เช่น ซอสมะเขือเทศ ซอสโบลองเนส ซอสเพสโต ซอสอัลเฟรโด (Alfredo) หรือครีมซอส ซอสมารินารา (Marinara) สำหรับใครที่อยากปรุงอาหารจากเส้นลิงกวินนี ขอแนะนำเมนูลิงกวินนีหอยลายซอสเพสโต
6. พาสต้ารูปเปลือกหอย
พาสต้ารูปเปลือกหอย (Shells) ลักษณะคล้ายเปลือกหอย ลักษณะซอสที่เหมาะคือ ซอสที่เหลวและใส เช่น ซอสเพสโต ซอสพริก เพราะด้วยเนื้อพาสต้าฯ
อนันต์ (อังกฤษ: infinity; ใช้สัญลักษณ์ ∞) เป็นแนวคิดในทางคณิตศาสตร์และปรัชญาที่อ้างถึงจำนวนที่ไม่มีขอบเขตหรือไม่มีที่สิ้นสุด ในประวัติศาสตร์ ผู้คนต่างพัฒนาแนวคิดต่าง ๆ เกี่ยวกับธรรมชาติของอนันต์ ในทางคณิตศาสตร์ มีการจำกัดความของคำว่าอนันต์ในทฤษฎีเซต ภาษาอังกฤษของอนันต์ที่ว่า Infinity มาจากคำในภาษาละติน infinitas ซึ่งแปลว่า "ไม่มีที่สิ้นสุด"
ในบรรดาสิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไร ความว่างเท่านั้นโดดเด่นที่สุด
เพราะความว่างเท่านั้นเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับทุกสิ่ง คือทุกสิ่งมีจำนวนชนิดสายพันธุ์ ฯลฯ มากมายไม่มีที่สุดราวกับเม็ดทราย
หรืออีกแบบคือ สิ่งทั้งปวงที่มีลักษณะหลากหลายนั้นมีค่าเท่ากับความว่างเพียงอันเดียวลักษณะเดียวแค่นั้น
เมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่มีค่าน้อยกว่าคำว่าทุกสิ่ง เช่น ทุกสิ่งเว้นหนึ่งอย่าง โลก ดวงดาว เมฆ ฝน สัตว์ พืช ฯลฯ ก็จะต้องไม่เท่ากับความว่างแน่นอน
หรือจะอีกแบบก็คือ สิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไรสามารถเป็นสิ่งเดียวกันได้ ก็คือถ้านำทุกสิ่งไม่เว้นอะไรก็รวมกันก็จะได้เพียงอย่างเดียวคือความว่างไม่มีที่สิ้นสุดเท่านั้น ฯลฯ
ความว่างไม่มีที่สิ้นสุดก็คือความว่างที่เคลื่อนไหวขยายพื้นที่ตัวเองตลอดเวลาราวกับลม
น้ำมันเมื่อหยดลงบนน้ำก็จะดึงตัวเองทุกทิศทางกลายเป็นทรงกลม
ความว่างไม่มีที่สิ้นสุดก็เหมือนกันมันขยายตัวเองไปทุกทิศทางจนมีอาณาเขตคล้ายกับทรงกลม
เม็ดทรายทั้งหมดเมื่อรวมตัวกันก็มีอาณาเขตฯลฯเท่ากับความว่าง
เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งทั้งปวงมีเพียงหนึ่งเท่านั้นคือ ลูกแก้วแห่งลมที่ปัด
ที่ดูดทุกอย่างเข้าด้วยกัน เท่านั้นที่มีค่าเท่ากับสิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไร
ซึ่งสิ่งทั้งปวงมีความหลากหลายทางรูปร่างเป็นต้น
ในบรรดาสิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไรถ้าได้หนึ่งอย่างควรเอาความว่างเท่านั้นเพราะความว่างมีค่าเท่ากับทุกสิ่งและมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
ทุกสิ่งไม่เว้นอะไรรวมกันยังได้ความว่างแยกกันก็ต้องมีส่วนของความว่างอยู่เป็นต้นและเมื่อทุกสิ่งรวมเป็นความว่างแล้วเมื่อแยกกันหรือบีบอัดกันให้มีลักษณะคล้ายบางสิ่งไม่ทุกสิ่งไม่เว้นอะไร
แต่มันก็ยังมีค่าเท่ากับทุกสิ่งไม่เว้นอะไร
ทุกสิ่งไม่เว้นอะไรสามารถรวมกันเป็นอันเดียวกันได้ก็แปลว่าสิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไรเป็นสิ่งเดียวกันเท่านั้น
ความว่างตอนไม่รวมกันเป็นอันเดียวหรือความว่างเดี่ยวๆยังมีค่าเท่ากับสิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไรรวมกันก็แปลว่าความว่างเท่านั้นมีค่ามากที่สุด หรือก็คือแต่ละสิ่งเมื่อแยกกันไม่รวมกันเป็นความว่างก็จะมีค่าน้อยกว่าความว่างเท่านั้น
ถ้าความว่างไม่มีที่สิ้นสุดรวมกันภายในตัวก็จะต้องมีค่ามากกว่าสิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไรแน่นอน
ถ้าถามว่ารวมกันครบทุกสิ่งแล้วยังมีคู่ให้รวมกันอีกเหรอ
ก็ตอบว่าได้ ก็เหมือนกับพื้นที่ว่างสีเขียวที่เกิดจากพื้นที่ว่างสีเหลืองกับน้ำเงินรวมกันนั่นแหละ
สิ่งทั้งปวงตอนแยกกันหรือตอนแยกเป็นแต่ละสิ่งไม่เหมารวมกันเป็นทุกสิ่งไม่เว้นอะไร เช่น ทุกสิ่งรวมกันเว้นอย่าง ทุกสิ่งรวมกันเว้นสองอย่าง หรือเป็นแต่ละสิ่งไม่รวมกัน เช่น ทราย หมอก ฯลฯ
ซึ่งมีลักษณะรูปแบบรูปร่างต่างๆมากมายไม่มีที่สิ้นสุดจนไม่สามารถเอาหรือเลือกได้ทั้งหมดเป็นต้น ย่อมมีค่าน้อยกว่า
ความว่างอันไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งมีเพียงลักษณะเดียวอันเดียวฯลฯจึงสามารถที่จะเอาได้เลือกได้ แม้จะไม่หมดแต่ก็สามารถเอาความว่างได้ เป็นต้น
แต่ถ้าจะเอาความว่างทั้งหมดเลยจริงๆ ไม่สามารถที่จะมีได้เพราะมันมีขนาดใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด ฯลฯ
สรุปคือ ความว่าง[อนันต์]เท่านั้นมีค่า จำนวน คุณภาพ และอื่นๆทั้งหมดไม่เว้นอะไร มากกว่าทุกสิ่งไม่เว้นอะไร
สิ่งอื่นๆนอกจากนี้ทั้งหมดน้อยกว่าอนันต์เท่านั้น
เพราะความว่างคือทุกสิ่งไม่เว้นอะไรรวมกันความว่างจึงมีค่าเท่ากับ ทุกสิ่งไม่เว้นอะไรแต่แล้วความว่างยังสามารถรวมเป็นความว่างได้อีกทีด้วย หรือความว่างเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับทุกสิ่งไม่เว้นอะไรเท่านั้น ตอนไม่รวมกันมันจึงต้องมีค่าพอๆกับทุกสิ่ง[คำว่าทุกสิ่งคือแต่ละอย่างรวมกัน]ฯลฯ แต่ความว่างมีค่ามากกว่าทุกสิ่งไม่เว้นอะไรก็จริง แต่ก็มากเกินไปจนไม่สามารถที่จะมีได้เอาได้ เป็นต้น
การเลือกไม่ได้เอาไม่ได้ก็เหมือนกับการจับฉลากเป็นต้น
และวิชาที่เน้นการหาสิ่งที่มีค่ามากที่สุด สิ่งที่มีค่ามากกว่าทุกสิ่งไม่เว้นอะไร หรือมีคุณสมบัติต่างๆมากที่สุด
เน้นเรื่องสิ่งที่มากกว่าน้อยกว่า โอกาสที่จะเป็น ฯลฯ
ก็คือวิชาคณิตศาสตร์เท่านั้น ฯลฯ
อนันต์เท่านั้นที่มีค่า มีปริมาณ มีความน่าจะเป็น โอกาส ความเป็นตัวตน ฯลฯ มากกว่าทุกสิ่งไม่เว้นอะไร
ในสิ่งทั้งปวง อนันต์ เป็นสิ่งเดียวที่มีอยู่มากที่สุด มากจนไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นอย่างไร คิดไม่ได้ว่าหน้าตาเป็นแบบไหน ฯลฯ ทำได้แค่กำหนดสัญลักษณ์ตัวแทน ∞ ขึ้นมาเท่านั้น
ในสรรพสิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไร สิ่งใดมีมากที่สุดสิ่งนั้นเท่านั้นรอด
สิ่งใดน้อยกว่าสิ่งนั้นไม่รอด ไม่มีอยู่ ฯลฯ
ถ้าเอาจำนวนต่างๆมาลบกันจำนวนที่มากกว่ายังเหลือรอด
ถ้ามีของสองสิ่ง สิ่งหนึ่งชอบสิบอีกสิ่งชอบเก้า เรายังหยิบชิ้นที่ชอบสิบซึ่งมากกว่า
หรือมีเงินให้เลือกระหว่างหนึ่งพันกับพันห้า เราก็เลือกพันห้า เพราะมันมากกว่าซึ่งถ้าลบกับพันหนึ่งก็จะเหลือห้าร้อยซึ่งกำไร เป็นต้น
ในบรรดาสิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไร จะเลือกหรือไม่เลือก เอาหรือไม่เอา ฯลฯ มันก็มีอยู่แล้ว
ในบรรดาสิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไร สิ่งที่ถูกเลือกหรือถูกเอา หรือเป็นสิ่งที่แปลกไปจากสิ่งทั้งปวง หรือเป็นสิ่งที่พิเศษกว่าสิ่งทั้งปวง เป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติมากกว่าสิ่งทั้งปวง ตั้งใจมากกว่าสิ่งทั้งปวง เป็นสิ่งที่เหลือรอดมีอยู่ ฯลฯ ก็คือสิ่งที่มีอยู่มากที่สุดเท่านั้น
สิ่งที่มากที่สุดก็คือสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด และสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็คือสิ่งที่บวกเพิ่มอยู่ตลอดไปเรื่อยๆ หรือเคลื่อนไหวอยู่เรื่อยๆเท่านั้น
และสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่เรื่อยๆก็จะเหมือนกับลมหรือการออกกำลังกาย ฯลฯ เท่านั้น
และสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุดคือสิ่งที่ไม่สามารถเอา เลือก ฯลฯ ได้เพราะมันมีมากเกินไป
สิ่งที่เลือกไม่ได้ก็เหมือนกับการจับฉลากเป็นต้น
ในทางคณิตศาสตร์ เนื้อหาที่เกี่ยวกับอนันต์จะถือว่าอนันต์เป็นตัวเลข เช่น ใช้ในการนับปริมาณ เป็นต้นว่า "จำนวนพจน์เป็นอนันต์" แต่อนันต์ไม่ใช่ตัวเลขชนิดเดียวกับจำนวนจริง เกออร์ค คันทอร์ นักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมันได้จัดระเบียบแนวคิดที่เกี่ยวกับอนันต์และเซตอนันต์ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 เขายังได้ค้นพบว่าอนันต์มีการนับปริมาณแตกต่างกัน แนวคิดดังกล่าวถูกเรียกว่าภาวะเชิงการนับ เช่น เซตของจำนวนเต็มเป็นเซตอนันต์ที่นับได้ แต่เซตของจำนวนจริงเป็นเซตอนันต์ที่นับไม่ได้
สมบัติของอนันต์แก้ไข
การกระทำกับตัวเองแก้ไข
{\displaystyle \infty +\infty =\infty \,}
{\displaystyle \infty \cdot \infty =\infty \,}
{\displaystyle -\infty \cdot (-\infty )=\infty \,}
{\displaystyle -\infty +(-\infty )=-\infty \,}
{\displaystyle \infty \cdot (-\infty )=-\infty \,}
เรียนรู้เพิ่มเติม
ส่วนนี้ไม่มีการอ้างอิงจากเอกสารอ้างอิงหรือแหล่งข้อมูล โปรดช่วยพัฒนาส่วนนี้โดยเพิ่มแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ เนื้อหาที่ไม่มีการอ้างอิงอาจถูกคัดค้านหรือนำออก
{\displaystyle -\infty +(-\infty )\cdot =-\infty \ } \,
การกระทำกับค่าอื่นแก้ไข
{\displaystyle -\infty <x<\infty \,}
{\displaystyle x+\infty =\infty \,}
{\displaystyle x+(-\infty )=-\infty \,}
{\displaystyle x-\infty =-\infty \,}
{\displaystyle x-(-\infty )=\infty \,}
{\displaystyle {x \over \infty }\,} หาค่าไม่ได้ (Undefined)
{\displaystyle {x \over -\infty }\,} หาค่าไม่ได้ (Undefined)
ถ้า {\displaystyle x>0\,} แล้ว
{\displaystyle x\cdot \infty =\infty }
{\displaystyle x\cdot (-\infty )=-\infty \,}
ถ้า {\displaystyle x<0\,} แล้ว
{\displaystyle x\cdot \infty =-\infty }
{\displaystyle x\cdot (-\infty )=\infty \,}
การกระทำที่ไม่สามารถหาค่าได้แก้ไข
{\displaystyle 0\cdot \infty \,}
{\displaystyle 0\cdot (-\infty )\,}
{\displaystyle \infty +(-\infty )\,}
{\displaystyle \infty -\infty \,}
{\displaystyle {\pm \infty \over \pm \infty }\,}
{\displaystyle {(\pm \infty )}^{0}\,}
{\displaystyle 1^{\pm \infty }\,}
บทความเกี่ยวกับคณิตศาสตร์นี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยเพิ่มข้อมูล ดูเพิ่มที่ สถานีย่อย:คณิตศาสตร์
ที่มา
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C#
https://cooking.kapook.com/view124168.html
อยากทราบว่าเส้นพาสต้ารูปสัญลักษณ์อนันต์รูปผีเสื้อ(ฟาฟาเล่)เอาไปทำเมนูอะไรจึงจะเหมาะจึงจะมีรูปลักษณ์สวยงามน่ากินกันเหรอคะ
เส้นพาสต้า วัตถุดิบหลักของอาหารสไตล์อิตาเลียน ที่มีให้เลืกหลากหลายรูปแบบทั้งเส้นยาว เส้นแบน เส้นเกลียว หลอดสั้น หลอดใหญ่ ฯลฯ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมพาสต้าถึงมีรูปทรงแตกต่างกัน และพาสต้าแต่ละชนิดเหมาะกับซอสชนิดไหน วันนี้กระปุกดอทคอมขอคลายความสงสัยด้วยการนำเสนอเทคนิคการจับคู่เส้นพาสต้ากับซอส สำหรับมือใหม่หัดเข้าครัวทำอาหารเมนูพาสต้ารับประทานเองที่บ้านได้อย่างเอร็ดอร่อยมากขึ้นกว่าเดิมค่ะ
1. เส้นเพนเน เส้นรีกาโตนี และเส้นซิติ
เพนเน (Penne) รีกาโตนี (Rigatoni) หรือซิติ (Ziti) เส้นพาสต้าทั้ง 3 ชนิดนี้มีลักษณะเป็นหลอดใหญ่ เหมาะกับซอสที่มีความเข้มข้น เพราะด้วยรูปทรงหลอดนี้สามารถดูดซึมตัวซอสและอุ้มตัวซอสที่หนัก ๆ ไว้ได้อย่างดี ทำให้เวลากินเราจะได้รสสัมผัสของเส้นกับตัวซอสกลมกลืนกัน เช่น ซอสมะเขือเทศเข้มข้น ซอสพาร์มาแฮม ซอสวอดก้า ซอสโบลองเนส หรือซอสที่มีลักษณะเป็นครีมข้น จะใส่เนื้อสัตว์หรือไม่ใส่ก็ได้ แต่ถ้าอยากใส่เนื้อสัตว์ควรหั่นเนื้อสัตว์เป็นชิ้นเล็ก ๆ เนื่องจากลักษณะเส้นพาสต้ามีขนาดใหญ่ เนื้อสัตว์ชิ้นเล็กจะทำให้สามารถกินพร้อมกับเส้นพาสต้าได้ดีกว่า ที่สำคัญมักจะโรยชีสด้านบนก่อนเสิร์ฟ หรืออาจนำไปทำพาสต้าอบชีสก็ได้ด้วยเช่นกัน
2. เส้นฟาร์ฟาเล่
ฟาร์ฟาเล่ (Farfalle) เส้นพาสต้ารูปผีเสื้อ หรือรูปโบ ลักษณะแบน มีรอยพับตรงกลาง เหมาะกับซอสแทบทุกชนิด เช่น ซอสมะเขือเทศเข้มข้น ซอสเพสโต ซอสไวน์ หรือซอสที่มีส่วนผสมของชีส รูปทรงเส้นมีลักษณะแบนและมีช่องเล็ก ๆ ทำให้ซอสสามารถแทรกซึมเข้าไปได้ดีมาก ยิ่งเป็นซอสที่มีส่วนผสมของผักอย่างซอสเพสโตก็ทำให้ผักเกาะเส้นได้ดียิ่งขึ้น เหมาะที่จะใส่เนื้อสัตว์ชิ้นใหญ่ลงไปผัดคลุกเคล้ากับซอส เพราะเนื่องจากเป็นเส้นสั้น ๆ ถ้าใส่เนื้อสัตว์ชิ้นใหญ่ก็สามารถตักเข้าปากกินทั้งเส้นพาสต้าและเนื้อสัตว์ไปได้พร้อมกันทั้งคำ
3. เส้นฟูซิลี
ฟูซิลี (Fusilli) เส้นพาสต้ารูปเกลียวคล้ายสกรู เหมาะกับซอสที่มีความเข้มข้น เช่น ซอสมะเขือเทศเข้มข้น ซอสโบลองเนส เพราะซอสสามารถแทรกซึมเส้นได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับคนชอบทานผักสามารถใส่ผักที่มีสีสันเข้าไปด้วยได้ เช่น ถั่วลันเตา ข้าวโพด รวมถึงใส่เนื้อสัตว์ชิ้นเล็ก ๆ ลงไป เนื้องจากเส้นฟูซิลีมีลักษณะเป็นเกลียวการใส่เนื้อสัตว์ชิ้นเล็กจะทำให้กินได้สะดวกมากขึ้น หรือจะเอาเส้นฟูซิลิไปทำเป็นเมนูจานสลัด โดยใส่มะเขือเทศเชอร์รี องุ่น บรอกโคลี และเฟตาชีสลงไป เพียงเท่านี้ก็ได้สลัดฟูซิลีแล้ว
4. เส้นสปาเกตตี
สปาเกตตี (Spaghetti) เส้นพาสต้าแบบยาว กลม และไม่มีรู ส่วนใหญ่มักผัดกับน้ำมันมะกอก และราดซอสได้หลากหลายชนิด เพราะเส้นสปาเกตตีมีลักษณะพิเศษที่สามารถให้ซอสเคลือบเส้นได้ทั่วถึง อาจเป็นซอสที่มีมะเขือเทศเป็นส่วนผสมหลัก หรือซอสที่มีลักษณะเหลวและใส ซอสมารินารา (Marinara) เช่น เมนูสปาเกตตีมีทบอล หรือสปาเกตตีซอสเพสโต
5. เส้นลิงกวินนี
ลิงกวินนี (Linguine) ลักษณะเส้นยาวเหมือนเส้นสปาเกตตี แต่มีความแบนเหมือนเส้นเฟตตูชินี (Fettuccine) ราดซอสได้แทบทุกชนิด เช่น ซอสมะเขือเทศ ซอสโบลองเนส ซอสเพสโต ซอสอัลเฟรโด (Alfredo) หรือครีมซอส ซอสมารินารา (Marinara) สำหรับใครที่อยากปรุงอาหารจากเส้นลิงกวินนี ขอแนะนำเมนูลิงกวินนีหอยลายซอสเพสโต
6. พาสต้ารูปเปลือกหอย
พาสต้ารูปเปลือกหอย (Shells) ลักษณะคล้ายเปลือกหอย ลักษณะซอสที่เหมาะคือ ซอสที่เหลวและใส เช่น ซอสเพสโต ซอสพริก เพราะด้วยเนื้อพาสต้าฯ
อนันต์ (อังกฤษ: infinity; ใช้สัญลักษณ์ ∞) เป็นแนวคิดในทางคณิตศาสตร์และปรัชญาที่อ้างถึงจำนวนที่ไม่มีขอบเขตหรือไม่มีที่สิ้นสุด ในประวัติศาสตร์ ผู้คนต่างพัฒนาแนวคิดต่าง ๆ เกี่ยวกับธรรมชาติของอนันต์ ในทางคณิตศาสตร์ มีการจำกัดความของคำว่าอนันต์ในทฤษฎีเซต ภาษาอังกฤษของอนันต์ที่ว่า Infinity มาจากคำในภาษาละติน infinitas ซึ่งแปลว่า "ไม่มีที่สิ้นสุด"
ในบรรดาสิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไร ความว่างเท่านั้นโดดเด่นที่สุด
เพราะความว่างเท่านั้นเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับทุกสิ่ง คือทุกสิ่งมีจำนวนชนิดสายพันธุ์ ฯลฯ มากมายไม่มีที่สุดราวกับเม็ดทราย
หรืออีกแบบคือ สิ่งทั้งปวงที่มีลักษณะหลากหลายนั้นมีค่าเท่ากับความว่างเพียงอันเดียวลักษณะเดียวแค่นั้น
เมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่มีค่าน้อยกว่าคำว่าทุกสิ่ง เช่น ทุกสิ่งเว้นหนึ่งอย่าง โลก ดวงดาว เมฆ ฝน สัตว์ พืช ฯลฯ ก็จะต้องไม่เท่ากับความว่างแน่นอน
หรือจะอีกแบบก็คือ สิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไรสามารถเป็นสิ่งเดียวกันได้ ก็คือถ้านำทุกสิ่งไม่เว้นอะไรก็รวมกันก็จะได้เพียงอย่างเดียวคือความว่างไม่มีที่สิ้นสุดเท่านั้น ฯลฯ
ความว่างไม่มีที่สิ้นสุดก็คือความว่างที่เคลื่อนไหวขยายพื้นที่ตัวเองตลอดเวลาราวกับลม
น้ำมันเมื่อหยดลงบนน้ำก็จะดึงตัวเองทุกทิศทางกลายเป็นทรงกลม
ความว่างไม่มีที่สิ้นสุดก็เหมือนกันมันขยายตัวเองไปทุกทิศทางจนมีอาณาเขตคล้ายกับทรงกลม
เม็ดทรายทั้งหมดเมื่อรวมตัวกันก็มีอาณาเขตฯลฯเท่ากับความว่าง
เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งทั้งปวงมีเพียงหนึ่งเท่านั้นคือ ลูกแก้วแห่งลมที่ปัด
ที่ดูดทุกอย่างเข้าด้วยกัน เท่านั้นที่มีค่าเท่ากับสิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไร
ซึ่งสิ่งทั้งปวงมีความหลากหลายทางรูปร่างเป็นต้น
ในบรรดาสิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไรถ้าได้หนึ่งอย่างควรเอาความว่างเท่านั้นเพราะความว่างมีค่าเท่ากับทุกสิ่งและมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
ทุกสิ่งไม่เว้นอะไรรวมกันยังได้ความว่างแยกกันก็ต้องมีส่วนของความว่างอยู่เป็นต้นและเมื่อทุกสิ่งรวมเป็นความว่างแล้วเมื่อแยกกันหรือบีบอัดกันให้มีลักษณะคล้ายบางสิ่งไม่ทุกสิ่งไม่เว้นอะไร
แต่มันก็ยังมีค่าเท่ากับทุกสิ่งไม่เว้นอะไร
ทุกสิ่งไม่เว้นอะไรสามารถรวมกันเป็นอันเดียวกันได้ก็แปลว่าสิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไรเป็นสิ่งเดียวกันเท่านั้น
ความว่างตอนไม่รวมกันเป็นอันเดียวหรือความว่างเดี่ยวๆยังมีค่าเท่ากับสิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไรรวมกันก็แปลว่าความว่างเท่านั้นมีค่ามากที่สุด หรือก็คือแต่ละสิ่งเมื่อแยกกันไม่รวมกันเป็นความว่างก็จะมีค่าน้อยกว่าความว่างเท่านั้น
ถ้าความว่างไม่มีที่สิ้นสุดรวมกันภายในตัวก็จะต้องมีค่ามากกว่าสิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไรแน่นอน
ถ้าถามว่ารวมกันครบทุกสิ่งแล้วยังมีคู่ให้รวมกันอีกเหรอ
ก็ตอบว่าได้ ก็เหมือนกับพื้นที่ว่างสีเขียวที่เกิดจากพื้นที่ว่างสีเหลืองกับน้ำเงินรวมกันนั่นแหละ
สิ่งทั้งปวงตอนแยกกันหรือตอนแยกเป็นแต่ละสิ่งไม่เหมารวมกันเป็นทุกสิ่งไม่เว้นอะไร เช่น ทุกสิ่งรวมกันเว้นอย่าง ทุกสิ่งรวมกันเว้นสองอย่าง หรือเป็นแต่ละสิ่งไม่รวมกัน เช่น ทราย หมอก ฯลฯ
ซึ่งมีลักษณะรูปแบบรูปร่างต่างๆมากมายไม่มีที่สิ้นสุดจนไม่สามารถเอาหรือเลือกได้ทั้งหมดเป็นต้น ย่อมมีค่าน้อยกว่า
ความว่างอันไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งมีเพียงลักษณะเดียวอันเดียวฯลฯจึงสามารถที่จะเอาได้เลือกได้ แม้จะไม่หมดแต่ก็สามารถเอาความว่างได้ เป็นต้น
แต่ถ้าจะเอาความว่างทั้งหมดเลยจริงๆ ไม่สามารถที่จะมีได้เพราะมันมีขนาดใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด ฯลฯ
สรุปคือ ความว่าง[อนันต์]เท่านั้นมีค่า จำนวน คุณภาพ และอื่นๆทั้งหมดไม่เว้นอะไร มากกว่าทุกสิ่งไม่เว้นอะไร
สิ่งอื่นๆนอกจากนี้ทั้งหมดน้อยกว่าอนันต์เท่านั้น
เพราะความว่างคือทุกสิ่งไม่เว้นอะไรรวมกันความว่างจึงมีค่าเท่ากับ ทุกสิ่งไม่เว้นอะไรแต่แล้วความว่างยังสามารถรวมเป็นความว่างได้อีกทีด้วย หรือความว่างเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับทุกสิ่งไม่เว้นอะไรเท่านั้น ตอนไม่รวมกันมันจึงต้องมีค่าพอๆกับทุกสิ่ง[คำว่าทุกสิ่งคือแต่ละอย่างรวมกัน]ฯลฯ แต่ความว่างมีค่ามากกว่าทุกสิ่งไม่เว้นอะไรก็จริง แต่ก็มากเกินไปจนไม่สามารถที่จะมีได้เอาได้ เป็นต้น
การเลือกไม่ได้เอาไม่ได้ก็เหมือนกับการจับฉลากเป็นต้น
และวิชาที่เน้นการหาสิ่งที่มีค่ามากที่สุด สิ่งที่มีค่ามากกว่าทุกสิ่งไม่เว้นอะไร หรือมีคุณสมบัติต่างๆมากที่สุด
เน้นเรื่องสิ่งที่มากกว่าน้อยกว่า โอกาสที่จะเป็น ฯลฯ
ก็คือวิชาคณิตศาสตร์เท่านั้น ฯลฯ
อนันต์เท่านั้นที่มีค่า มีปริมาณ มีความน่าจะเป็น โอกาส ความเป็นตัวตน ฯลฯ มากกว่าทุกสิ่งไม่เว้นอะไร
ในสิ่งทั้งปวง อนันต์ เป็นสิ่งเดียวที่มีอยู่มากที่สุด มากจนไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นอย่างไร คิดไม่ได้ว่าหน้าตาเป็นแบบไหน ฯลฯ ทำได้แค่กำหนดสัญลักษณ์ตัวแทน ∞ ขึ้นมาเท่านั้น
ในสรรพสิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไร สิ่งใดมีมากที่สุดสิ่งนั้นเท่านั้นรอด
สิ่งใดน้อยกว่าสิ่งนั้นไม่รอด ไม่มีอยู่ ฯลฯ
ถ้าเอาจำนวนต่างๆมาลบกันจำนวนที่มากกว่ายังเหลือรอด
ถ้ามีของสองสิ่ง สิ่งหนึ่งชอบสิบอีกสิ่งชอบเก้า เรายังหยิบชิ้นที่ชอบสิบซึ่งมากกว่า
หรือมีเงินให้เลือกระหว่างหนึ่งพันกับพันห้า เราก็เลือกพันห้า เพราะมันมากกว่าซึ่งถ้าลบกับพันหนึ่งก็จะเหลือห้าร้อยซึ่งกำไร เป็นต้น
ในบรรดาสิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไร จะเลือกหรือไม่เลือก เอาหรือไม่เอา ฯลฯ มันก็มีอยู่แล้ว
ในบรรดาสิ่งทั้งปวงไม่เว้นอะไร สิ่งที่ถูกเลือกหรือถูกเอา หรือเป็นสิ่งที่แปลกไปจากสิ่งทั้งปวง หรือเป็นสิ่งที่พิเศษกว่าสิ่งทั้งปวง เป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติมากกว่าสิ่งทั้งปวง ตั้งใจมากกว่าสิ่งทั้งปวง เป็นสิ่งที่เหลือรอดมีอยู่ ฯลฯ ก็คือสิ่งที่มีอยู่มากที่สุดเท่านั้น
สิ่งที่มากที่สุดก็คือสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด และสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็คือสิ่งที่บวกเพิ่มอยู่ตลอดไปเรื่อยๆ หรือเคลื่อนไหวอยู่เรื่อยๆเท่านั้น
และสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่เรื่อยๆก็จะเหมือนกับลมหรือการออกกำลังกาย ฯลฯ เท่านั้น
และสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุดคือสิ่งที่ไม่สามารถเอา เลือก ฯลฯ ได้เพราะมันมีมากเกินไป
สิ่งที่เลือกไม่ได้ก็เหมือนกับการจับฉลากเป็นต้น
ในทางคณิตศาสตร์ เนื้อหาที่เกี่ยวกับอนันต์จะถือว่าอนันต์เป็นตัวเลข เช่น ใช้ในการนับปริมาณ เป็นต้นว่า "จำนวนพจน์เป็นอนันต์" แต่อนันต์ไม่ใช่ตัวเลขชนิดเดียวกับจำนวนจริง เกออร์ค คันทอร์ นักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมันได้จัดระเบียบแนวคิดที่เกี่ยวกับอนันต์และเซตอนันต์ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 เขายังได้ค้นพบว่าอนันต์มีการนับปริมาณแตกต่างกัน แนวคิดดังกล่าวถูกเรียกว่าภาวะเชิงการนับ เช่น เซตของจำนวนเต็มเป็นเซตอนันต์ที่นับได้ แต่เซตของจำนวนจริงเป็นเซตอนันต์ที่นับไม่ได้
สมบัติของอนันต์แก้ไข
การกระทำกับตัวเองแก้ไข
{\displaystyle \infty +\infty =\infty \,}
{\displaystyle \infty \cdot \infty =\infty \,}
{\displaystyle -\infty \cdot (-\infty )=\infty \,}
{\displaystyle -\infty +(-\infty )=-\infty \,}
{\displaystyle \infty \cdot (-\infty )=-\infty \,}
เรียนรู้เพิ่มเติม
ส่วนนี้ไม่มีการอ้างอิงจากเอกสารอ้างอิงหรือแหล่งข้อมูล โปรดช่วยพัฒนาส่วนนี้โดยเพิ่มแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ เนื้อหาที่ไม่มีการอ้างอิงอาจถูกคัดค้านหรือนำออก
{\displaystyle -\infty +(-\infty )\cdot =-\infty \ } \,
การกระทำกับค่าอื่นแก้ไข
{\displaystyle -\infty <x<\infty \,}
{\displaystyle x+\infty =\infty \,}
{\displaystyle x+(-\infty )=-\infty \,}
{\displaystyle x-\infty =-\infty \,}
{\displaystyle x-(-\infty )=\infty \,}
{\displaystyle {x \over \infty }\,} หาค่าไม่ได้ (Undefined)
{\displaystyle {x \over -\infty }\,} หาค่าไม่ได้ (Undefined)
ถ้า {\displaystyle x>0\,} แล้ว
{\displaystyle x\cdot \infty =\infty }
{\displaystyle x\cdot (-\infty )=-\infty \,}
ถ้า {\displaystyle x<0\,} แล้ว
{\displaystyle x\cdot \infty =-\infty }
{\displaystyle x\cdot (-\infty )=\infty \,}
การกระทำที่ไม่สามารถหาค่าได้แก้ไข
{\displaystyle 0\cdot \infty \,}
{\displaystyle 0\cdot (-\infty )\,}
{\displaystyle \infty +(-\infty )\,}
{\displaystyle \infty -\infty \,}
{\displaystyle {\pm \infty \over \pm \infty }\,}
{\displaystyle {(\pm \infty )}^{0}\,}
{\displaystyle 1^{\pm \infty }\,}
บทความเกี่ยวกับคณิตศาสตร์นี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยเพิ่มข้อมูล ดูเพิ่มที่ สถานีย่อย:คณิตศาสตร์
ที่มา https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C#
https://cooking.kapook.com/view124168.html