❤️❤️
ก่อนจะไปเล่าประสบการณ์ ขอลิสต์ประโยชน์ที่ได้ สำหรับคนที่จะมาทำงานหรือเรียนที่ออสเตรเลีย
💥💥
1. ได้ภาษา
2. ได้ทำอะไรที่ไม่เคยได้ทำ ก็ได้ทำที่นี่ เช่น ทำอาหาร ทำงานหนัก
3.ได้เจอคนหลากหลายชาติ ทำให้มองโลกกว้างมากขึ้น
4. มีอิสระทางความคิด และจะทำไรก็ได้ที่ไม่เดือดร้อนใคร
5. ได้มีทักษะเพิ่ม เพราะการแข่งขันสูงเนื่องจากมีคนเยอะ ทำให้เราต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
6. สำหรับคนทำงาน ก็จะได้เงินเยอะ เหลือเก็บ ถ้ารู้จักเก็บค่ะ
❤️❤️
ในส่วนของประสบการณ์ ขอเล่าย้อนก่อนเลยนะคะ ย้อนไปตั้งแต่มาครั้งแรกจนครั้งปัจจุบันเลยนะคะ
💥💥
ครั้งแรกที่เราได้มีโอกาสมาเทคคอร์สภาษาระยะสั้นที่ซิดนีย์ค่ะ ประมาณ 3 เดือน ตอนนั้นเราเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ค่ะ ตอนนั้นภาษาเราพอได้ค่ะ เพราะเราเรียนหลักสูตรอินเตอร์ตอนมหาวิทยาลัย และตอนมัธยมเรียนโรงเรียนสองภาษา เลยพอคุ้นเคยบ้าง คือฟังออก พูดได้แบบงูๆปลาๆ แต่พอมาถึงออสเตรเลียจริงๆ คือ ฟังไม่ทันนนนนนน!!!! คนที่ออสพูดเร็วมากแล้วคำแสลงคนออส เยอะมาก คือไม่เหมือนตอนเรียนที่เมืองไทย ทั้งที่เราคิดว่าเราพอเข้าใจภาษาอังกฤษแล้วนะ คือเวลาเราฟังอาจารย์ตอนแรกๆก็ฟังไม่ค่อยทัน แต่พอสักพักเริ่มชิน โชคดีที่ในโรงเรียนมีคนไทยน้อยมาก เลยได้มีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษเยอะ เราขอแนะนำเพื่อนๆว่า ถ้าจะมาให้ถามเอเจ้นก่อน ขอโรงเรียนที่คนไทยน้อยๆ เพราะคุณจะได้ฝึกภาษาจริงๆ เราก็ถือว่าได้มา แต่ไม่มาก เพราะที่พักเราก็พักกับคนไทยอยู่ดี มันทำให้เรามีคอมฟอร์ทโซน คือรู้สึกสบายใจ เพราะอยู่กับคนไทยด้วยกัน แต่วันหยุดเราก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อนในคลาส ส่วนใหญ่ คนญี่ปุ่นเยอะ เค้าชอบชวนไปเที่ยวไปกิน เราก็จะอยู่กับแก๊งญี่ปุ่นแหละส่วนใหญ่ พวกแก๊งยุโรปก็จะอยู่กันเอง เหมือนเราเขินๆ อายๆด้วยแหละที่จะพูดภาษาอังกฤษ ตอนนั้นเราตั้งใจไปเรียนและไปเที่ยวอย่างเดียว ไม่ได้คิดเรื่องทำงานเลย แต่ก็มีลองไปสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟนะ ตอนนั้นเป็นได้ 2-3 อาทิตย์มั้ง ออกเลย เพราะว่าพอได้เงินค่าจ้างมา ก็ดีใจเพราะสมัยนั้น 1 ดอล มันประมาณ 29 บาทได้ คือพอได้ตังค์มา เรามาคูณเป็นเงินไทย รู้สึกมันเยอะมาก เราก็คิดว่าเป็นเงินเพิ่มเติมเผื่อเที่ยวนู่นนี่ เที่ยวหิมะครั้งแรกด้วยตอนนั้น ดีใจมาก แต่พอไปจริงคืออยู่ได้แปปเดียวเพราะมันหนาวเกินไป ไปแค่พอถ่ายรูปแค่นั้นแหละ 😀
💥💥
แล้วหลังจากเรียนจบคอร์สระยะสั้นครั้งนั้น เราก็มาเที่ยวออสเตรเลียเรื่อยๆ ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว แล้วจากนั้น พอน้องชายคนเล็กเราเรียนจบม. 6 เราก็แนะนำแม่ว่าให้ส่งน้องชายมาเรียนภาษา 6 เดือนดูก่อน เพราะเรารู้และว่าอะไรเป็นอะไรที่ออสเตรเลีย เราเลยคิดว่าเราแนะนำได้ดีกว่าประเทศอื่น คือน้องชายเราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แบบเราให้คะแนน 2 เต็ม 10 สรุปแม่เราโอเคที่จะส่งน้องมา แต่ทุกคนที่บ้านเป็นห่วงน้องชายมาก เราก็มากับน้องชาย น่าจะ 3 อาทิตย์ได้มั้ง ถ้าจำไม่ผิดนะ คือมาช่วยทำเรื่อง ธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม หาที่พัก สอนวิธีการเดินทาง สอนการหางาน จริงๆมันก็ใช้เวลาไม่กี่วัน นอกนั้นเราก็เที่ยวเล่นกับเพื่อน ตอนนั้นคือเราเหลือเทอมสุดท้ายตอนมหาวิทยาลัยพอดี ใจเราคือมั่นใจและ ว่ากลับไปเรียนเทอมสุดท้ายที่ไทยให้จบ แล้วจะลองมาเทคคอร์สแบบยาวๆและทำงานไปด้วยแบบจริงจัง รู้สึกว่าเหมือนมันผูกพัน เพราะเราก็เริ่มมีเพื่อนอยู่ที่ออส เริ่มคุ้นเคยว่าที่ไหน อะไรยังไง เราชอบที่มีผู้คนหลากหลาย และมีอิสระทางความคิด จะทำอะไรก็ได้ มีคนหลากหลายชาติ อากาศหนาวเย็น เกือบทั้งปี และในช่วงที่เราไปรอบนั้น เราได้เจอผู้ชายคนนึงซึ่งคือคู่หมั้นเราในปัจจุบัน ได้เจอกัน 3 ครั้ง แต่ไม่ได้คบกันนะ รู้จัก และคุยกันเฉยๆ เพราะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้
💥💥
พอเราเรียนจบมหาวิทยาลัยที่ไทย เราเรียนบาริสต้ากับอาจารย์ Tiger Jinที่กรุงเทพเสร็จแล้วก็เราเรียนบาร์เทนเดอร์กับอาจารย์Trin ที่กรมแรงงานจังหวัดภูเก็ต เพื่อเตรียมทักษะมาหางานโดยเฉพาะ หลังจากนั้นไม่นานเราก็มาเรียนต่อ Certificate ที่ซิดนีย์เลย 10 เดือนได้ และตอนนั้นน้องชายเราก็ยังอยู่ ถ้าจำไม่ผิด คอร์สน้องน่าจะเหลืออีกประมาณ 1 เดือนนี่แหละ คือมาถึงเรากับคู่หมั้นของเราคนนี้ ก็ตกลงเป็นแฟนกันตั้งแต่1เดือนแรกเลย เพราะว่าเราก็คุยกันมาตลอดตอนที่เราอยู่ไทย คือคุยบ้าง หายบ้าง เพราะไม่คิดว่าจะได้คบ แค่คิดว่าคุยเป็นเพื่อนไป รวมๆคุยกันน่าจะครึ่งปีพอดี แล้วคบเป็นแฟน ตอนเรียนตอนนั้นเอาตรงๆเราไม่ตั้งใจเลย เราโฟกัสหางานทำอย่างเดียว เอาสกิลที่ได้เรียนมา มาทำงาน ช่วงเดือนแรกๆเราโฟกัสหางานบาริสต้าอย่างหนัก พอได้ทำจริงๆ เราไม่ค่อยชอบเพราะเราไม่ชอบตื่นเช้าตรู่ เราเลยออก และเราได้งานบาร์เทนเดอร์ เราชอบมากกว่า เพราะไม่ต้องตื่นเช้าตรู่ งานบาร์เทนเดอร์ที่เราจะได้กะบ่าย3ถึง3-5ทุ่ม มันเงินดีทำสัปดาห์ละ 2-3 ชิฟต์ เวลาว่างเราก็รับจ๊อบสอนเปียโนพื้นฐานเด็กไทยที่นี่ แล้วก็รับจ๊อบสอนอังกฤษIELTS general4.5-6และจีนพื้นฐานไรพวกนี้ ทำไรไปเรื่อย เรียนรู้ไรเยอะแยะ อ๋อลืมบอก เราคบกับแฟนได้2-3 เดือน เราก็ย้ายมาอยู่กับครอบครัวคู่หมั้นเลย พ่อแม่ แล้วก็น้องเค้า น่ารัก อบอุ่นมาก ตอนแรกไม่ชิน แต่อยู่ๆไปก็ชิน เพราะครอบครัวเค้าต้อนรับเรามากๆ ครอบครัวเค้าชอบเมืองไทยและคนไทยมาก เค้าไปเมืองไทยกันบ่อย เราจะบอกทุกคนว่าเราคิดแต่เรื่องงาน เรื่องเรียนคือไม่ได้เรื่องเลย ต่างจังตอนมหาวิทยาลัยมาก ตอนเรียนที่ไทยได้เกรด 3 กว่าตลอด พอมาอยู่ที่นี่มันเหมือนหมดไฟเรื่องเรียนไปเลย เพราะตื่นเต้นกับการทำงาน พอใกล้ๆปลายปีเรากับแฟนย้ายไปอยู่บ้านยายคู่หมั้น ตรงแถวทะเล เพราะตาของคู่หมั้นเสีย พวกเราไปอยู่เป็นเพื่อนยาย ณ ตอนนั้นเราได้ตัวสำรอง wah Aus แต่ต้องไปรอวีซ่าที่ไทย วีซ่านักเรียนเราก็จะหมด คู่หมั้นเราเริ่มรู้ตัวและว่าเรากับเค้าจริงจังกัน เราก็ไปจดทะเบียนว่าเราคบกันอยู่ด้วยกันมันจะเป็ยเลเวลที่รองลงมาจากทะเบียนสมรส แล้วเราก็ใช้บัญชีธนาคารร่วมกันตั้งแต่นั้นมา สรุปเรา 2 คนก็ไปรอวีซ่าที่ไทยด้วยกัน นานมากกว่าจะได้ เราทั้ง2 คนไปอยู่ไทย 7-8 เดือนจนเราได้วีซ่า
💥💥
รอบล่าสุดเราได้มาด้วยวีซ่า wah Aus เราก็มาสมัครงานบาร์เทนเดอร์เหมือนเดิม ทำสัปดาห์ละ 2-3 วัน แล้วก็ทำงานเป็นรีเซปชั่นร้านนวดสปาไทยสัปดาห์ละ 2 วัน แล้วก็รอบนี้เรามีสกิลเพิ่มรือตอนกลับไทย คือดูดวงด้วยไพ่ทาโรต์กับออราเคิล และเบอร์มงคล เรามีงานหลักคือบาร์เทนเดอร์ กับรีเซปชั่นสัปดาห์ละ 4-5 วัน แล้วเวลาที่เหลือ เราก็รับจ๊อบสอนเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือรับดูดวง และเปลี่ยนเบอร์มงคล สนุกดีนะ ชีวิตเราทำอย่างละนิดละหน่อย เราขี้เบื่อด้วยแหละ แล้วก็พอมาถึงออสรอบนี้ คู่หมั้นเราพาไปจ้างทนายให้เป็นเอเจ้นทำวีซ่าคู่ครอง defactoให้พวกเราทันทีเพื่อให้เราเป็นพลเมืองที่นี่ อาจจะใช้เวลาหน่อย แต่คู่หมั้นเรากับครอบครัวเค้าอยากมั่นใจว่าเราจะได้อยู่ออสเตรเลียได้ตลอด และแล้ววีซ่าก็ผ่าน แต่มันจะมีผลหลังจากวีซ่า wah Aus หมดอายุทันที เรากับคู่หมั้นเก็บเงินด้วยกันเพื่อไปซื้อที่ดินที่เมืองไทย คือมันเก็บเงินง่ายมาก เพราะเรากับคู่หมั้นทำงาน และเราก็ไม่ต้องเรียน เลยมีเงินเก็บเยอะ ช่วงที่เรากับคู่หมั้นไปไทย เป็นช่วงที่มีโรคโควิดเข้ามาใหม่ๆ ตอนนั้นเราตกลงกับเจ้าของที่ดินแล้วว่าจะไปซื้อเลยต้องไปกัน และแล้วเราก็ซื้อที่ดินเสร็จ และคู่หมั้นเราก็คุกเข่าขอเราแต่งงานในทริปนั้นเลย เราก็ตกลง สรุปพอจะกลับออสก็วุ่นวายมาก เพราะออสประกาศปิดประเทศ แต่ความโชคดีคือออสให้ Citizen, PR และ immediete Family กลับได้โดยต้องขออนุญาต พวกเราได้กลับมา โดยรัฐบาลออสมีกฎให้กักตัวที่ซิดนีย์ 2 สัปดาห์ รัฐบาลออสดูแลดีและก็มีที่พักอาหารไรฟรี นี่รีวิวกักตัว
https://pantip.com/topic/39900026
💥💥
ขอจบการเล่าประสบการณ์และประโยชน์เพียงเท่านี้นะคะ หวังว่าทุกคนจะได้ทั้งสาระ และทั้งไม่มีสาระกลับไปนะคะ 😀 ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ ถ้ามีอะไรอยากปรึกษาเรื่องออสเตรเลีย คอมเม้นต์ถามหรือหลังไมค์ก็ได้ค่ะ ถ้าตอบได้จะตอบนะคะ
อยากมาแชร์ประสบการณ์และประโยชน์ที่ได้ สำหรับคนที่จะมาเรียนหรือทำงานที่💥ออสเตรเลีย💥
ก่อนจะไปเล่าประสบการณ์ ขอลิสต์ประโยชน์ที่ได้ สำหรับคนที่จะมาทำงานหรือเรียนที่ออสเตรเลีย
💥💥
1. ได้ภาษา
2. ได้ทำอะไรที่ไม่เคยได้ทำ ก็ได้ทำที่นี่ เช่น ทำอาหาร ทำงานหนัก
3.ได้เจอคนหลากหลายชาติ ทำให้มองโลกกว้างมากขึ้น
4. มีอิสระทางความคิด และจะทำไรก็ได้ที่ไม่เดือดร้อนใคร
5. ได้มีทักษะเพิ่ม เพราะการแข่งขันสูงเนื่องจากมีคนเยอะ ทำให้เราต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
6. สำหรับคนทำงาน ก็จะได้เงินเยอะ เหลือเก็บ ถ้ารู้จักเก็บค่ะ
❤️❤️
ในส่วนของประสบการณ์ ขอเล่าย้อนก่อนเลยนะคะ ย้อนไปตั้งแต่มาครั้งแรกจนครั้งปัจจุบันเลยนะคะ
💥💥
ครั้งแรกที่เราได้มีโอกาสมาเทคคอร์สภาษาระยะสั้นที่ซิดนีย์ค่ะ ประมาณ 3 เดือน ตอนนั้นเราเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ค่ะ ตอนนั้นภาษาเราพอได้ค่ะ เพราะเราเรียนหลักสูตรอินเตอร์ตอนมหาวิทยาลัย และตอนมัธยมเรียนโรงเรียนสองภาษา เลยพอคุ้นเคยบ้าง คือฟังออก พูดได้แบบงูๆปลาๆ แต่พอมาถึงออสเตรเลียจริงๆ คือ ฟังไม่ทันนนนนนน!!!! คนที่ออสพูดเร็วมากแล้วคำแสลงคนออส เยอะมาก คือไม่เหมือนตอนเรียนที่เมืองไทย ทั้งที่เราคิดว่าเราพอเข้าใจภาษาอังกฤษแล้วนะ คือเวลาเราฟังอาจารย์ตอนแรกๆก็ฟังไม่ค่อยทัน แต่พอสักพักเริ่มชิน โชคดีที่ในโรงเรียนมีคนไทยน้อยมาก เลยได้มีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษเยอะ เราขอแนะนำเพื่อนๆว่า ถ้าจะมาให้ถามเอเจ้นก่อน ขอโรงเรียนที่คนไทยน้อยๆ เพราะคุณจะได้ฝึกภาษาจริงๆ เราก็ถือว่าได้มา แต่ไม่มาก เพราะที่พักเราก็พักกับคนไทยอยู่ดี มันทำให้เรามีคอมฟอร์ทโซน คือรู้สึกสบายใจ เพราะอยู่กับคนไทยด้วยกัน แต่วันหยุดเราก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อนในคลาส ส่วนใหญ่ คนญี่ปุ่นเยอะ เค้าชอบชวนไปเที่ยวไปกิน เราก็จะอยู่กับแก๊งญี่ปุ่นแหละส่วนใหญ่ พวกแก๊งยุโรปก็จะอยู่กันเอง เหมือนเราเขินๆ อายๆด้วยแหละที่จะพูดภาษาอังกฤษ ตอนนั้นเราตั้งใจไปเรียนและไปเที่ยวอย่างเดียว ไม่ได้คิดเรื่องทำงานเลย แต่ก็มีลองไปสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟนะ ตอนนั้นเป็นได้ 2-3 อาทิตย์มั้ง ออกเลย เพราะว่าพอได้เงินค่าจ้างมา ก็ดีใจเพราะสมัยนั้น 1 ดอล มันประมาณ 29 บาทได้ คือพอได้ตังค์มา เรามาคูณเป็นเงินไทย รู้สึกมันเยอะมาก เราก็คิดว่าเป็นเงินเพิ่มเติมเผื่อเที่ยวนู่นนี่ เที่ยวหิมะครั้งแรกด้วยตอนนั้น ดีใจมาก แต่พอไปจริงคืออยู่ได้แปปเดียวเพราะมันหนาวเกินไป ไปแค่พอถ่ายรูปแค่นั้นแหละ 😀
💥💥
แล้วหลังจากเรียนจบคอร์สระยะสั้นครั้งนั้น เราก็มาเที่ยวออสเตรเลียเรื่อยๆ ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว แล้วจากนั้น พอน้องชายคนเล็กเราเรียนจบม. 6 เราก็แนะนำแม่ว่าให้ส่งน้องชายมาเรียนภาษา 6 เดือนดูก่อน เพราะเรารู้และว่าอะไรเป็นอะไรที่ออสเตรเลีย เราเลยคิดว่าเราแนะนำได้ดีกว่าประเทศอื่น คือน้องชายเราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แบบเราให้คะแนน 2 เต็ม 10 สรุปแม่เราโอเคที่จะส่งน้องมา แต่ทุกคนที่บ้านเป็นห่วงน้องชายมาก เราก็มากับน้องชาย น่าจะ 3 อาทิตย์ได้มั้ง ถ้าจำไม่ผิดนะ คือมาช่วยทำเรื่อง ธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม หาที่พัก สอนวิธีการเดินทาง สอนการหางาน จริงๆมันก็ใช้เวลาไม่กี่วัน นอกนั้นเราก็เที่ยวเล่นกับเพื่อน ตอนนั้นคือเราเหลือเทอมสุดท้ายตอนมหาวิทยาลัยพอดี ใจเราคือมั่นใจและ ว่ากลับไปเรียนเทอมสุดท้ายที่ไทยให้จบ แล้วจะลองมาเทคคอร์สแบบยาวๆและทำงานไปด้วยแบบจริงจัง รู้สึกว่าเหมือนมันผูกพัน เพราะเราก็เริ่มมีเพื่อนอยู่ที่ออส เริ่มคุ้นเคยว่าที่ไหน อะไรยังไง เราชอบที่มีผู้คนหลากหลาย และมีอิสระทางความคิด จะทำอะไรก็ได้ มีคนหลากหลายชาติ อากาศหนาวเย็น เกือบทั้งปี และในช่วงที่เราไปรอบนั้น เราได้เจอผู้ชายคนนึงซึ่งคือคู่หมั้นเราในปัจจุบัน ได้เจอกัน 3 ครั้ง แต่ไม่ได้คบกันนะ รู้จัก และคุยกันเฉยๆ เพราะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้
💥💥
พอเราเรียนจบมหาวิทยาลัยที่ไทย เราเรียนบาริสต้ากับอาจารย์ Tiger Jinที่กรุงเทพเสร็จแล้วก็เราเรียนบาร์เทนเดอร์กับอาจารย์Trin ที่กรมแรงงานจังหวัดภูเก็ต เพื่อเตรียมทักษะมาหางานโดยเฉพาะ หลังจากนั้นไม่นานเราก็มาเรียนต่อ Certificate ที่ซิดนีย์เลย 10 เดือนได้ และตอนนั้นน้องชายเราก็ยังอยู่ ถ้าจำไม่ผิด คอร์สน้องน่าจะเหลืออีกประมาณ 1 เดือนนี่แหละ คือมาถึงเรากับคู่หมั้นของเราคนนี้ ก็ตกลงเป็นแฟนกันตั้งแต่1เดือนแรกเลย เพราะว่าเราก็คุยกันมาตลอดตอนที่เราอยู่ไทย คือคุยบ้าง หายบ้าง เพราะไม่คิดว่าจะได้คบ แค่คิดว่าคุยเป็นเพื่อนไป รวมๆคุยกันน่าจะครึ่งปีพอดี แล้วคบเป็นแฟน ตอนเรียนตอนนั้นเอาตรงๆเราไม่ตั้งใจเลย เราโฟกัสหางานทำอย่างเดียว เอาสกิลที่ได้เรียนมา มาทำงาน ช่วงเดือนแรกๆเราโฟกัสหางานบาริสต้าอย่างหนัก พอได้ทำจริงๆ เราไม่ค่อยชอบเพราะเราไม่ชอบตื่นเช้าตรู่ เราเลยออก และเราได้งานบาร์เทนเดอร์ เราชอบมากกว่า เพราะไม่ต้องตื่นเช้าตรู่ งานบาร์เทนเดอร์ที่เราจะได้กะบ่าย3ถึง3-5ทุ่ม มันเงินดีทำสัปดาห์ละ 2-3 ชิฟต์ เวลาว่างเราก็รับจ๊อบสอนเปียโนพื้นฐานเด็กไทยที่นี่ แล้วก็รับจ๊อบสอนอังกฤษIELTS general4.5-6และจีนพื้นฐานไรพวกนี้ ทำไรไปเรื่อย เรียนรู้ไรเยอะแยะ อ๋อลืมบอก เราคบกับแฟนได้2-3 เดือน เราก็ย้ายมาอยู่กับครอบครัวคู่หมั้นเลย พ่อแม่ แล้วก็น้องเค้า น่ารัก อบอุ่นมาก ตอนแรกไม่ชิน แต่อยู่ๆไปก็ชิน เพราะครอบครัวเค้าต้อนรับเรามากๆ ครอบครัวเค้าชอบเมืองไทยและคนไทยมาก เค้าไปเมืองไทยกันบ่อย เราจะบอกทุกคนว่าเราคิดแต่เรื่องงาน เรื่องเรียนคือไม่ได้เรื่องเลย ต่างจังตอนมหาวิทยาลัยมาก ตอนเรียนที่ไทยได้เกรด 3 กว่าตลอด พอมาอยู่ที่นี่มันเหมือนหมดไฟเรื่องเรียนไปเลย เพราะตื่นเต้นกับการทำงาน พอใกล้ๆปลายปีเรากับแฟนย้ายไปอยู่บ้านยายคู่หมั้น ตรงแถวทะเล เพราะตาของคู่หมั้นเสีย พวกเราไปอยู่เป็นเพื่อนยาย ณ ตอนนั้นเราได้ตัวสำรอง wah Aus แต่ต้องไปรอวีซ่าที่ไทย วีซ่านักเรียนเราก็จะหมด คู่หมั้นเราเริ่มรู้ตัวและว่าเรากับเค้าจริงจังกัน เราก็ไปจดทะเบียนว่าเราคบกันอยู่ด้วยกันมันจะเป็ยเลเวลที่รองลงมาจากทะเบียนสมรส แล้วเราก็ใช้บัญชีธนาคารร่วมกันตั้งแต่นั้นมา สรุปเรา 2 คนก็ไปรอวีซ่าที่ไทยด้วยกัน นานมากกว่าจะได้ เราทั้ง2 คนไปอยู่ไทย 7-8 เดือนจนเราได้วีซ่า
💥💥
รอบล่าสุดเราได้มาด้วยวีซ่า wah Aus เราก็มาสมัครงานบาร์เทนเดอร์เหมือนเดิม ทำสัปดาห์ละ 2-3 วัน แล้วก็ทำงานเป็นรีเซปชั่นร้านนวดสปาไทยสัปดาห์ละ 2 วัน แล้วก็รอบนี้เรามีสกิลเพิ่มรือตอนกลับไทย คือดูดวงด้วยไพ่ทาโรต์กับออราเคิล และเบอร์มงคล เรามีงานหลักคือบาร์เทนเดอร์ กับรีเซปชั่นสัปดาห์ละ 4-5 วัน แล้วเวลาที่เหลือ เราก็รับจ๊อบสอนเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือรับดูดวง และเปลี่ยนเบอร์มงคล สนุกดีนะ ชีวิตเราทำอย่างละนิดละหน่อย เราขี้เบื่อด้วยแหละ แล้วก็พอมาถึงออสรอบนี้ คู่หมั้นเราพาไปจ้างทนายให้เป็นเอเจ้นทำวีซ่าคู่ครอง defactoให้พวกเราทันทีเพื่อให้เราเป็นพลเมืองที่นี่ อาจจะใช้เวลาหน่อย แต่คู่หมั้นเรากับครอบครัวเค้าอยากมั่นใจว่าเราจะได้อยู่ออสเตรเลียได้ตลอด และแล้ววีซ่าก็ผ่าน แต่มันจะมีผลหลังจากวีซ่า wah Aus หมดอายุทันที เรากับคู่หมั้นเก็บเงินด้วยกันเพื่อไปซื้อที่ดินที่เมืองไทย คือมันเก็บเงินง่ายมาก เพราะเรากับคู่หมั้นทำงาน และเราก็ไม่ต้องเรียน เลยมีเงินเก็บเยอะ ช่วงที่เรากับคู่หมั้นไปไทย เป็นช่วงที่มีโรคโควิดเข้ามาใหม่ๆ ตอนนั้นเราตกลงกับเจ้าของที่ดินแล้วว่าจะไปซื้อเลยต้องไปกัน และแล้วเราก็ซื้อที่ดินเสร็จ และคู่หมั้นเราก็คุกเข่าขอเราแต่งงานในทริปนั้นเลย เราก็ตกลง สรุปพอจะกลับออสก็วุ่นวายมาก เพราะออสประกาศปิดประเทศ แต่ความโชคดีคือออสให้ Citizen, PR และ immediete Family กลับได้โดยต้องขออนุญาต พวกเราได้กลับมา โดยรัฐบาลออสมีกฎให้กักตัวที่ซิดนีย์ 2 สัปดาห์ รัฐบาลออสดูแลดีและก็มีที่พักอาหารไรฟรี นี่รีวิวกักตัว https://pantip.com/topic/39900026
💥💥
ขอจบการเล่าประสบการณ์และประโยชน์เพียงเท่านี้นะคะ หวังว่าทุกคนจะได้ทั้งสาระ และทั้งไม่มีสาระกลับไปนะคะ 😀 ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ ถ้ามีอะไรอยากปรึกษาเรื่องออสเตรเลีย คอมเม้นต์ถามหรือหลังไมค์ก็ได้ค่ะ ถ้าตอบได้จะตอบนะคะ