สวัสดีค่ะ
เราคบกับแฟนมา 10 ปี แล้วค่ะ...ตลอดเวลาที่คบกันมา คบกันมาราบรื่น ไม่เคยทะเลาะกันเรื่องใหญ่โต เขาไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ รักครอบครัว ไม่เคยมีประวัติเจ้าชู้ และครอบครัวเราทั้งสองฝ่ายรับรู้และเข้ากันได้ดีมาตลอด
แต่แล้ววันนึง จับได้ว่าแฟนมีผู้หญิงคนอื่น โดยผู้หญิงแอด Facebook มาหาเพื่อนสนิทของเรา ภาพโปรไฟล์เป็นภาพหลังรถของแฟนเรา ซึ่งใครเห็นก็รู้ว่ารถใคร พอถามแฟน เขาก็ตอบว่าเป็นกิ๊กของเพื่อน เพื่อนคนนั้นก็ยืนยันด้วย ผ่านไปไม่กี่วันผู้หญิงก็เริ่มลงรูปไปกินข้าว ไปเที่ยวกับแฟนเรา แต่เห็นเพียงเสี้ยวเดียว (คนเราคบกันมา 9 ปี ทำไมจะจำแฟนตัวเองไม่ได้ล่ะ) แล้วก็ได้คุยกับแฟน เขาว่าเขาเลือกเรา และต่อมาเราก็หมั้นกันค่ะ และเราก็ไม่เคยที่จะเช็คโซเชียลทุกช่องทางของเขาเลย ...เพราะไว้ใจ
ผ่านมาปีครึ่ง ระหว่างทางที่นั่งรถยนต์ด้วยกัน มีข้อความจากผู้หญิงคนเดิมส่งเข้ามา ข้อความทำนองว่า "ฉันทำเพื่อเธอทุกอย่าง แต่เธอก็เลือกเขา ฉันยินดีที่เธอได้เลือกคนที่เหมาะสมกับเธอแล้ว" เขาก็ยอมรับว่ายังติดต่อกันอยู่ หลังจากนั้นก็มีคำถามเกิดขึ้นในหัวมากมาย แต่เขายืนยันว่าเลือกเรา และจะจบกับผู้หญิงคนนั้น
หลังจากนั้น เราเช็ค Facebook, Line, IG รวมถึง เช็ค GPS ตลอด
ผ่านมา 2 เดือน จึงได้รู้ว่าเขาทั้งคู่ยังติดต่อกันอยู่ ซึ่งแฟนให้เหตุผลว่าเป็นหนี้ผู้หญิงคนนั้นอยู่หลายบาท ซึ่งเราก็พร้อมที่จะจ่ายคืนให้ แต่แฟนปฏิเสธ ครอบครัวแฟนรับรู้ดีทุกอย่าง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้...เราเหนื่อยที่จะต้องคอยระแวง และสุดท้ายเราก็ตัดสินใจเลิก (แต่ยังไม่ถอนหมั้น)
พอเลิกกันไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็ไปที่ทำงาน รวมถึงไปที่บ้าน ของ (อดีต) แฟนเราตลอด ถ่ายรูปลงโซเชียล แต่เหมือนเดิมค่ะ ถ่ายเห็นฝ่ายชายเพียงเสี้ยวเดียว
ระหว่างที่เลิกกันไป เราก็ยังคงคิดถึงอดีต 10 ปี ที่เคยผ่านทุกอย่างมาด้วยกันไม่ว่าจะตอนเรียน หรือทำงาน เสียดายเวลา ความฝันที่วาดไว้พังทลาย และคิดโทษตัวเองซ้ำๆ ...จนวันนึงไปดูดวง หมอดูบอกว่าทั้ง 3 คน สร้างบ่วงกรรมด้วยกันมา และผู้หญิงคนนั้นทำของใส่ (อดีต) แฟน
หลังจากเลิกกันไป 4 เดือน (อดีต) แฟน โทรมา บอกเราว่า "คิดถึง" แล้วเขาก็พูดถึงผู้หญิงคนนั้นให้ฟัง ว่าเธอพยายามใส่ร้ายเราทุกอย่าง แต่เราคบกันมานานเขารู้นิสัยเราดีว่าเป็นยังไง เขาบอกอีกว่าเขาหยุดความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นแล้ว จากนั้นเรากลับมาคุยกันซักพักใหญ่ๆ
แต่แล้ววันนึงเราก็นึงเอะใจลองตรวจครรภ์ดู ปรากฎว่าท้องค่ะ ตอนโทรไปบอก เขาตกใจเล็กน้อย และบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวรับผิดชอบเอง อย่าเอาเด็กออกนะ ต่อมาครอบครัวเราสองฝ่ายก็คุยกันว่าจะแต่งงาน และเขาก็ให้สัญญาว่าจะไปเลิกกับผู้หญิงคนนั้นให้เด็ดขาด
วันไปจองโรงแรม รถของผู้หญิงคนนั้นขับเข้ามาที่โรงแรม เรานี่ตกใจ และโมโหมาก
พอวันแต่งงานเรากลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะมาพังงานเรา เพื่อนผู้รู้งานตั้งการ์ดรอหน้างาน แต่เธอไม่มา (ระแวงสุด)
หลังจากแต่งงานเราทั้งคู่ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน ต่างคนต่างทำงาน เขานอนบ้านเขา เรานอนบ้านเรา โทรคุยกันแค่ 10 นาที ก่อนนอน รวมถึงไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน และตลอดเวลาที่ตั้งท้องฝ่ายชายและครอบครัวของเขาไม่เคยมาดูแลเราเลย
...และเราก็ยังนึกว่าเขาคงเลิกกับผู้หญิงคนนั้นแล้วจริงๆ แต่เปล่าเลยค่ะ มิหนำซ้ำเธอบอกใช้ชีวิตกันแบบสามคนนี่แหละ ผู้ชายมานอนบ้านเราสามคืน ไปนอนบ้านเธออีกสามคืน และเขานอนบ้านตัวเองหนึ่งคืนเพื่อพักผ่อน เธอบอกเลิกกันไม่ได้เพราะทั้งคู่ลงทุนทำธุรกิจด้วยกัน แต่เราไม่ได้เลือกแบบที่เธอเสนอนะคะ
จนเวลาผ่านไป ตอนนี้เราคลอดลูกได้แปดเดือน ยังใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่เช่นเคยค่ะ เราเลี้ยงลูกคนเดียว แต่โชคดีที่ยังมีครอบครัวเราช่วยดูแลอยู่บ้าง ส่วนฝ่ายชายและครอบครัวของเขา เขาบอกจะรับผิดชอบแค่ลูก มาหา มาเยี่ยม มารับไปเลี้ยง รวมถึงจ่ายให้แค่ค่านม ค่าแพมเพิส (เดือนนึงประมาณ 2,500 บาท) ผู้ชายยังโทรมาคอยถามไถ่ คอยเป็นห่วงเป็นใยอยู่เสมอ ...เคยถามเขาว่าทำไมถึงยังทำเหมือนมีเยื่อใยแบบนี้ เขาบอกว่าคงเป็นเพราะความผูกพันธ์ ขาดกันไปเหมือนขาดอะไรซักอย่างในชีวิต
แต่เขาทั้งคู่ยังไม่เลิกกันค่ะ ผู้หญิงมาที่บ้านเขาอยู่ตลอด เขานอกออกในได้สบาย แถมยังแสดงความเป็นเจ้าของออกสื่ออยู่ตลอด รวมถึงครอบครัวฝ่ายชายเองก็เหมือนจะสนับสนุนให้อยู่กันแบบโลกสองใบแบบนี้ เพราะเราไม่เคยไปยุ่งวุ่นวาย หรือตีโพยตีพายอะไร และเคยได้ยินญาติเขาพูดว่า ดีแล้ว มีแฟนสองคน คนนึงมีหน้าที่การงานดี มั่นคง อีกคนนึงมีเงิน ได้ยินประโยคนี้จากผู้ใหญ่ที่นับถือมาครึ่งชีวิต จุกเลยค่ะ
ยอมรับนะคะว่ายังรักเขาอยู่ และหวังว่าเขาจะเลิกกับผู้หญิงคนนั้น แล้วมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสามคน พ่อ แม่ ลูก แต่ก็พอจะรู้ว่าคงไม่มีวันนั้น
เราจึงตัดสินใจคุยกับฝ่ายชายว่าขอให้ความสัมพันธ์ของเราขาดกันไปเลยได้มั้ย ส่งเสียแค่ค่าเลี้ยงดูลูกพอ ต่างฝ่ายต่างได้ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองมีความสุข แต่เขาไม่ยอม เขาเลือกที่จะอยู่แบบนี้
ทุกคนที่รู้เรื่องบอกให้อดทนยื้อความสัมพันธ์ไว้ก่อน...เพื่อลูก แต่เราเองก็ไม่รู้จะทนอยู่แบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน
เราไม่มีความสุขเลย แม้จะยิ้มให้ลูก แต่ในใจร้องไห้แทบไม่มีน้ำตา ในหัวคิดอยู่ตลอดเวลาว่าถ้าต่อไปลูกไม่มีพ่อล่ะ ลูกจะเป็นอย่างไร ต่อไปเขาจะยังเลี้ยงดูลูกอีกมั้ย และอีกมากมาย
แต่สุดท้าย...เราก็มีครอบครัวของเรา พ่อ แม่ น้อง ที่ยังอยู่เคียงข้างเราเสมอ รวมถึง "ลูก" ที่โตขึ้นทุกวัน คิดแค่ว่าถ้าลูกเห็นแม่ไม่มีความสุข ลูกเองก็คงไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นเราจึงเลือกใช้ชีวิตในแบบของเรา และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะไม่ร้องไห้ให้ลูกเห็น และจะดูแลลูกให้ดีที่สุด
ปล.หลังๆ สรรพนามเปลี่ยนไป เพราะเรียกไม่ถูก จะเรียกแฟนหรือสามี ก็รู้สึกแปลกๆ
เมื่อ "ความรัก" ไม่ใช่เรื่องของคนเพียงสองคน
แต่แล้ววันนึง จับได้ว่าแฟนมีผู้หญิงคนอื่น โดยผู้หญิงแอด Facebook มาหาเพื่อนสนิทของเรา ภาพโปรไฟล์เป็นภาพหลังรถของแฟนเรา ซึ่งใครเห็นก็รู้ว่ารถใคร พอถามแฟน เขาก็ตอบว่าเป็นกิ๊กของเพื่อน เพื่อนคนนั้นก็ยืนยันด้วย ผ่านไปไม่กี่วันผู้หญิงก็เริ่มลงรูปไปกินข้าว ไปเที่ยวกับแฟนเรา แต่เห็นเพียงเสี้ยวเดียว (คนเราคบกันมา 9 ปี ทำไมจะจำแฟนตัวเองไม่ได้ล่ะ) แล้วก็ได้คุยกับแฟน เขาว่าเขาเลือกเรา และต่อมาเราก็หมั้นกันค่ะ และเราก็ไม่เคยที่จะเช็คโซเชียลทุกช่องทางของเขาเลย ...เพราะไว้ใจ
ผ่านมาปีครึ่ง ระหว่างทางที่นั่งรถยนต์ด้วยกัน มีข้อความจากผู้หญิงคนเดิมส่งเข้ามา ข้อความทำนองว่า "ฉันทำเพื่อเธอทุกอย่าง แต่เธอก็เลือกเขา ฉันยินดีที่เธอได้เลือกคนที่เหมาะสมกับเธอแล้ว" เขาก็ยอมรับว่ายังติดต่อกันอยู่ หลังจากนั้นก็มีคำถามเกิดขึ้นในหัวมากมาย แต่เขายืนยันว่าเลือกเรา และจะจบกับผู้หญิงคนนั้น
หลังจากนั้น เราเช็ค Facebook, Line, IG รวมถึง เช็ค GPS ตลอด
ผ่านมา 2 เดือน จึงได้รู้ว่าเขาทั้งคู่ยังติดต่อกันอยู่ ซึ่งแฟนให้เหตุผลว่าเป็นหนี้ผู้หญิงคนนั้นอยู่หลายบาท ซึ่งเราก็พร้อมที่จะจ่ายคืนให้ แต่แฟนปฏิเสธ ครอบครัวแฟนรับรู้ดีทุกอย่าง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้...เราเหนื่อยที่จะต้องคอยระแวง และสุดท้ายเราก็ตัดสินใจเลิก (แต่ยังไม่ถอนหมั้น)
พอเลิกกันไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็ไปที่ทำงาน รวมถึงไปที่บ้าน ของ (อดีต) แฟนเราตลอด ถ่ายรูปลงโซเชียล แต่เหมือนเดิมค่ะ ถ่ายเห็นฝ่ายชายเพียงเสี้ยวเดียว
ระหว่างที่เลิกกันไป เราก็ยังคงคิดถึงอดีต 10 ปี ที่เคยผ่านทุกอย่างมาด้วยกันไม่ว่าจะตอนเรียน หรือทำงาน เสียดายเวลา ความฝันที่วาดไว้พังทลาย และคิดโทษตัวเองซ้ำๆ ...จนวันนึงไปดูดวง หมอดูบอกว่าทั้ง 3 คน สร้างบ่วงกรรมด้วยกันมา และผู้หญิงคนนั้นทำของใส่ (อดีต) แฟน
หลังจากเลิกกันไป 4 เดือน (อดีต) แฟน โทรมา บอกเราว่า "คิดถึง" แล้วเขาก็พูดถึงผู้หญิงคนนั้นให้ฟัง ว่าเธอพยายามใส่ร้ายเราทุกอย่าง แต่เราคบกันมานานเขารู้นิสัยเราดีว่าเป็นยังไง เขาบอกอีกว่าเขาหยุดความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นแล้ว จากนั้นเรากลับมาคุยกันซักพักใหญ่ๆ
แต่แล้ววันนึงเราก็นึงเอะใจลองตรวจครรภ์ดู ปรากฎว่าท้องค่ะ ตอนโทรไปบอก เขาตกใจเล็กน้อย และบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวรับผิดชอบเอง อย่าเอาเด็กออกนะ ต่อมาครอบครัวเราสองฝ่ายก็คุยกันว่าจะแต่งงาน และเขาก็ให้สัญญาว่าจะไปเลิกกับผู้หญิงคนนั้นให้เด็ดขาด
วันไปจองโรงแรม รถของผู้หญิงคนนั้นขับเข้ามาที่โรงแรม เรานี่ตกใจ และโมโหมาก
พอวันแต่งงานเรากลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะมาพังงานเรา เพื่อนผู้รู้งานตั้งการ์ดรอหน้างาน แต่เธอไม่มา (ระแวงสุด)
หลังจากแต่งงานเราทั้งคู่ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน ต่างคนต่างทำงาน เขานอนบ้านเขา เรานอนบ้านเรา โทรคุยกันแค่ 10 นาที ก่อนนอน รวมถึงไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน และตลอดเวลาที่ตั้งท้องฝ่ายชายและครอบครัวของเขาไม่เคยมาดูแลเราเลย
...และเราก็ยังนึกว่าเขาคงเลิกกับผู้หญิงคนนั้นแล้วจริงๆ แต่เปล่าเลยค่ะ มิหนำซ้ำเธอบอกใช้ชีวิตกันแบบสามคนนี่แหละ ผู้ชายมานอนบ้านเราสามคืน ไปนอนบ้านเธออีกสามคืน และเขานอนบ้านตัวเองหนึ่งคืนเพื่อพักผ่อน เธอบอกเลิกกันไม่ได้เพราะทั้งคู่ลงทุนทำธุรกิจด้วยกัน แต่เราไม่ได้เลือกแบบที่เธอเสนอนะคะ
จนเวลาผ่านไป ตอนนี้เราคลอดลูกได้แปดเดือน ยังใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่เช่นเคยค่ะ เราเลี้ยงลูกคนเดียว แต่โชคดีที่ยังมีครอบครัวเราช่วยดูแลอยู่บ้าง ส่วนฝ่ายชายและครอบครัวของเขา เขาบอกจะรับผิดชอบแค่ลูก มาหา มาเยี่ยม มารับไปเลี้ยง รวมถึงจ่ายให้แค่ค่านม ค่าแพมเพิส (เดือนนึงประมาณ 2,500 บาท) ผู้ชายยังโทรมาคอยถามไถ่ คอยเป็นห่วงเป็นใยอยู่เสมอ ...เคยถามเขาว่าทำไมถึงยังทำเหมือนมีเยื่อใยแบบนี้ เขาบอกว่าคงเป็นเพราะความผูกพันธ์ ขาดกันไปเหมือนขาดอะไรซักอย่างในชีวิต
แต่เขาทั้งคู่ยังไม่เลิกกันค่ะ ผู้หญิงมาที่บ้านเขาอยู่ตลอด เขานอกออกในได้สบาย แถมยังแสดงความเป็นเจ้าของออกสื่ออยู่ตลอด รวมถึงครอบครัวฝ่ายชายเองก็เหมือนจะสนับสนุนให้อยู่กันแบบโลกสองใบแบบนี้ เพราะเราไม่เคยไปยุ่งวุ่นวาย หรือตีโพยตีพายอะไร และเคยได้ยินญาติเขาพูดว่า ดีแล้ว มีแฟนสองคน คนนึงมีหน้าที่การงานดี มั่นคง อีกคนนึงมีเงิน ได้ยินประโยคนี้จากผู้ใหญ่ที่นับถือมาครึ่งชีวิต จุกเลยค่ะ
ยอมรับนะคะว่ายังรักเขาอยู่ และหวังว่าเขาจะเลิกกับผู้หญิงคนนั้น แล้วมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสามคน พ่อ แม่ ลูก แต่ก็พอจะรู้ว่าคงไม่มีวันนั้น
เราจึงตัดสินใจคุยกับฝ่ายชายว่าขอให้ความสัมพันธ์ของเราขาดกันไปเลยได้มั้ย ส่งเสียแค่ค่าเลี้ยงดูลูกพอ ต่างฝ่ายต่างได้ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองมีความสุข แต่เขาไม่ยอม เขาเลือกที่จะอยู่แบบนี้
ทุกคนที่รู้เรื่องบอกให้อดทนยื้อความสัมพันธ์ไว้ก่อน...เพื่อลูก แต่เราเองก็ไม่รู้จะทนอยู่แบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน
เราไม่มีความสุขเลย แม้จะยิ้มให้ลูก แต่ในใจร้องไห้แทบไม่มีน้ำตา ในหัวคิดอยู่ตลอดเวลาว่าถ้าต่อไปลูกไม่มีพ่อล่ะ ลูกจะเป็นอย่างไร ต่อไปเขาจะยังเลี้ยงดูลูกอีกมั้ย และอีกมากมาย
แต่สุดท้าย...เราก็มีครอบครัวของเรา พ่อ แม่ น้อง ที่ยังอยู่เคียงข้างเราเสมอ รวมถึง "ลูก" ที่โตขึ้นทุกวัน คิดแค่ว่าถ้าลูกเห็นแม่ไม่มีความสุข ลูกเองก็คงไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นเราจึงเลือกใช้ชีวิตในแบบของเรา และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะไม่ร้องไห้ให้ลูกเห็น และจะดูแลลูกให้ดีที่สุด
ปล.หลังๆ สรรพนามเปลี่ยนไป เพราะเรียกไม่ถูก จะเรียกแฟนหรือสามี ก็รู้สึกแปลกๆ