🔔🔔🔔มาลาริน/ความจริง..กรมสุขภาพจิตเผยคนไทยเครียดโควิดลดลง/อัตราฆ่าตัวตายไม่ต่างปี 62..หมอมนูญเผยกราฟโรคไวรัสที่ลดลง

“กรมสุขภาพจิต” เผยคนไทยเครียดโควิดลดลง/ชี้อัตราฆ่าตัวตายไม่ต่างปี 62



ผลจากเริ่มผ่อนคลายมาตรการ วางแนวทางฟื้นฟู เสริมพลังด้วยวัคซีนใจในทุกระดับ ทั้งบุคคล ครอบครัว ชุมชน ชู 3 พลัง พลังบวก-พลังยืดหยุ่น-พลังร่วมมือ เพื่อก้าวผ่านวิกฤติโควิด-19 ระบุอัตราฆ่าตัวตายเทียบไม่ต่างกับปีก่อน เหตุใหญ่ยังเป็นเรื่องเศรษฐกิจที่ช่วง 4 เดือนแรกของปีแนวโน้มพุ่ง สวนทางกับสาเหตุการตายจากสุราที่ลดลง

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึง ผลการประเมินระดับความเครียดของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขและประชาชน ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 27 เม.ย. - 3 พ.ค.63 มีแนวโน้มที่ลดลงเมื่อเทียบกับการสำรวจในช่วงการระบาดระยะแรก

โดยในบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข มีความเครียดมาก-มากที่สุด 5.6% เครียดระดับปานกลาง 21.4% และในประชาชนทั่วไปมีความเครียดมาก-มากที่สุด 2.9% เครียดระดับปานกลาง13.1%

ซึ่งอาจเป็นผลจากการเริ่มมีการผ่อนคลายการบังคับใช้บางมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และการดำเนินงานเชิงรุกด้านสุขภาพจิตมากขึ้นในแต่ละพื้นที่ แต่ยังมีความจำเป็นในการใช้ แนวทางการฟื้นฟูจิตใจในสถานการณ์การระบาดของโรคที่กรมสุขภาพจิตได้กำหนดกรอบแนวทางการดำเนินงานขึ้นมาเพื่อรองรับสถานการณ์ด้านสุขภาพจิตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีการแบ่งกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบสุขภาพจิต แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ผู้กักกัน/ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงาน กลุ่มเปราะบางต่อปัญหาสุขภาพจิต และประชาชนทั่วไป/ชุมชน

สำหรับกลุ่มที่ต้องมีการเน้นการดำเนินงานด้านสุขภาพจิตหรือผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ซึ่งประกอบด้วยบุคลากรสาธารณสุข ผู้เกี่ยวข้องกับโควิด-19 กลุ่มผู้ป่วย NCD เรื้อรัง และกลุ่มติดสุรา-ยาเสพติด ซึ่งการทำงานของกรมสุขภาพจิต ในการฟื้นฟูจิตใจในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 นี้ได้ใช้กลไกการเสริมสร้างพลังด้วยวัคซีนใจในระดับต่าง ๆ ได้แก่ วัคซีนใจในบุคคล วัคซีนใจในครอบครัว และวัคซีนใจในชุมชน

โดยวัคซีนใจในระดับบุคคล จะเน้นในเรื่องการส่งเสริม การป้องกัน การรักษาและการฟื้นฟู วัคซีนใจในระดับครอบครัว จะเน้นในเรื่อง 3 พลัง ได้แก่ พลังบวก โดยการมองสถานการณ์ให้เป็นในเชิงบวกเพื่อพร้อมที่จะรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น พลังยืดหยุ่น เป็นบทบาทที่จะสามารถสร้างการปรับตัวและทำหน้าที่ทดแทนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และพลังร่วมมือเพื่อเป็นพลังในการสร้างความปรองดองและก้าวผ่านวิกฤตไปได้ และสุดท้ายวัคซีนใจในชุมชน โดยสร้างชุมชนที่รู้สึกปลอดภัย สร้างชุมชนทีมีความหวัง สร้างชุมชนที่รู้สึกสงบ สร้างชุมชนที่เข้าใจและโอกาส ใช้ศักยภาพของชุมชน พัฒนาเครือข่ายในการช่วยเหลือสื่อสารและใส่ใจที่จะแก้ไขปัญหา และใช้สายสัมพันธ์ในชุมชนเพื่อกำหนดเป้าหมาย ไว้ใจ ให้กำลังใจและส่งต่อเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกันในสังคม
 



นพ.เกียรติภูมิ ยังได้กล่าวถึงสำหรับสถานการณ์การเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายในช่วงที่ผ่านมาว่า ในช่วงปี พ.ศ.2562-2563 พบว่า 5 ปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตายสำเร็จของคนไทย เช่น ปัจจัยด้านความสัมพันธ์, สุรา, การป่วยกายจิต ได้มีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยปัญหาสุราที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน

สำหรับปัจจัยปัญหาเศรษฐกิจนั้นยังคงเป็นปัจจัยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2563 ซึ่งในด้านของจำนวนผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายจากระบบรายงานการเฝ้าระวังการทำร้ายตนเองของกรมสุขภาพจิต พบว่า อัตราการเสียชีวิตจากฆ่าตัวตายยังคงมีค่าใกล้เคียงกับในช่วงปีที่ผ่านมา (2.1 ต่อประชากรหนึ่งแสนคน) อาจอธิบายได้ว่า ปัจจัยทางเศรษฐกิจแม้จะมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันปัญหาความสัมพันธ์และการดื่มสุราที่นำมาสู่การฆ่าตัวตายกลับมีแนวโน้มลดลง

อย่างไรก็ตาม Universal Intervention เช่น มาตรการทางสังคมเศรษฐกิจ และ Selective Intervention เช่น การป้องกันการกลับมาทำร้ายตัวเองซ้ำ ยังคงเป็นมาตรการที่สำคัญต่อการช่วยลดระดับความรุนแรงของอัตราการฆ่าตัวไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม หากประชาชนรู้สึกเครียด หมดไฟ เบื่อหน่าย ท้อแท้ หรืออยากทำร้ายตัวเอง ควรรีบปรึกษาคนใกล้ชิดหรือผู้เชี่ยวชาญ และยังสามารถใช้บริการสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

https://siamrath.co.th/n/156169

หมอมนูญ” เผยกราฟที่ไม่เคยเห็น โรคไวรัสอื่นลดลงทุกโรค หลังคนลดกิจกรรม




“หมอมนูญ” เปิดข้อมูลระบาดวิทยา โรคติดเชื้อไวรัสประจำถิ่นที่เราติดตามลดลงทุกโรค อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ชี้ปัจจัยเกิดจากคนลดกิจกรรม 



วันนี้ (10 พ.ค.) นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” โดยระบุว่า ติดตามข้อมูลระบาดวิทยาล่าสุดทุกเดือน รู้ทันว่ามีโรคไวรัสอะไรระบาดบ้าง

เดือนเมษายน 2563 ที่เพิ่งผ่านมา ข้อมูลของโรงพยาบาลวิชัยยุทธ พบโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไวรัสประจำถิ่นที่เราติดตาม ลดลงทุกโรค อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ทั้ง A และ B ไม่พบเลย (ดูกราฟ)

เชื้อไวรัสทางเดินหายใจ RSV และเชื้อไวรัสทางเดินหายใจ hMPV Human metapneumovirus เดือนที่แล้วไม่พบเลย

อุบัติการณ์โรคไข้เลือดออกที่เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่ เดือนที่แล้วลดลงมากพบเพียง 2 คน (ดูกราฟ) 

โรคชิคุนกุนยาเดือนที่แล้วไม่พบเลย

โรคไวรัส Noro (โนโร) และ Rota (โรตา) ทำให้เกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรงทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ไวรัสโนโรไม่พบเลย และ ไวรัสโรตาพบเพียง 1 คน (ดูกราฟ)

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเดือนที่แล้ว อาจเป็นจากหลายปัจจัย อากาศร้อนจัด โรงเรียนปิดเทอม ไม่มีการรวมกลุ่มกัน เว้นระยะห่างทางสังคม คนส่วนใหญ่อยู่บ้าน คนหมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล และใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกนอกบ้าน กินร้อน ช้อนกลางส่วนตัว

เดือนพฤษภาคมจะดีเหมือนเดือนเมษายนหรือไม่ ติดตามรายงานเดือนหน้าครับ



https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000048656

ทราบความจริงกันแล้วนะคะ

อัตราฆ่าตัวตายเป็นปกติ เหมือนปี 62 

ความเครียดจากโควิดและเศรษฐกิจผ่อนคลายไปเพราะทุกฝ่ายในรัฐบาลช่วยกันใช้มาตรการดูแล

โรคที่เกิดจากไวรัสลดลง

ชีวิตวิถีใหม่  ทำให้โรคอื่นลดลงไปด้วย

เป็นเรื่องดีที่ควรต่อยอดตลอดไปนะคะ

แต่ตอนนี้ อย่าการ์ดตกค่ะ


คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 30
คลิปอธิบดีกรมสุขภาพจิตออกมาแถลงเรื่องภาพรวมสุขภาพจิตของคนไทย ในคลิปนาทีที่ 0-21
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


กรมสุขภาพจิต เปิดแนวทางการฟื้นฟูจิตใจในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ชี้การดำเนินงานเชิงรุกด้านสุขภาพจิตจะเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญหลังจากนี้
--------------------

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า มาตรการผ่อนคลายระยะ 2 เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน ในด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง มีผลเชิงบวกทำให้ระดับความเครียดของบุคลากรทางสาธารณสุขและประชาชนจะมีแนวโน้มที่ลดลงในระยะนี้ แต่ปัญหาด้านสุขภาพจิตจะยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่อาจส่งผลกระทบในระยะยาว การดำเนินงานด้านสุขภาพจิตอย่างเข้มข้นและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในงานส่งเสริมและป้องกันด้านสุขภาพจิตจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความสุขให้ประชาชนบนฐานวิถีชีวิตใหม่ของคนในสังคม

กรมสุขภาพจิตได้กำหนดกรอบแนวทางการดำเนินงานขึ้นมาเพื่อรองรับสถานการณ์ด้านสุขภาพจิตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีการแบ่งกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบสุขภาพจิต แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มได้แก่ ผู้กักกัน/ ผู้ติดเชื้อ COVID-19 บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงาน COVID-19 กลุ่มเปราะบางต่อปัญหาสุขภาพจิต และประชาชนทั่วไป/ชุมชน และกลุ่มที่ต้องมีการเน้นการดำเนินงานด้านสุขภาพจิตหรือผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ซึ่งประกอบด้วยบุคลากรสาธารณสุข ผู้เกี่ยวข้องกับ COVID-19 กลุ่มผู้ป่วย NCD เรื้อรัง และกลุ่มติดสุรา-ยาเสพติด

สำหรับแนวทางการฟื้นฟูจิตใจในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นี้ ได้ใช้กลไกการเสริมสร้างพลังด้วยวัคซีนใจในระดับต่าง ๆ ได้แก่

วัคซีนใจในระดับบุคคล จะเน้นในเรื่องของ การส่งเสริม การป้องกัน การรักษาและการฟื้นฟู

วัคซีนใจในระดับครอบครัว จะเน้นในเรื่อง 3 พลัง ได้แก่ พลังบวก โดยการมองสถานการณ์ให้เป็นในเชิงบวกเพื่อพร้อมที่จะรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น พลังยืดหยุ่น เป็นบทบาทที่จะสามารถสร้างการปรับตัวและทำหน้าที่ทดแทนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และสุดท้ายพลังร่วมมือเพื่อเป็นพลังในการสร้างความปรองดองและก้าวผ่านวิกฤตไปได้

วัคซีนใจในชุมชน โดยสร้างชุมชนที่รู้สึกปลอดภัย สร้างชุมชนทีมีความหวัง สร้างชุมชนที่รู้สึกสงบ สร้างชุมชนที่เข้าใจและโอกาส ใช้ศักยภาพของชุมชน พัฒนาเครือข่ายในการช่วยเหลือสื่อสารและใส่ใจที่จะแก้ไขปัญหา และใช้สายสัมพันธ์ในชุมชนเพื่อกำหนดเป้าหมาย ไว้ใจ ให้กำลังใจและส่งต่อเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกันในสังคม

อธิบดีกรมสุขภาพจิต ระบุว่า สถานการณ์การเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายในช่วงที่ผ่านมานั้น ในช่วงปี พ.ศ. 2562-2563 พบว่า 5 ปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตายสำเร็จของคนไทย เช่น ปัจจัยด้านความสัมพันธ์, สุรา, การป่วยกายจิต ได้มีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยปัญหาสุราที่มีการลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน สำหรับปัจจัยปัญหาเศรษฐกิจนั้นยังคงเป็นปัจจัยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2563 ซึ่งในด้านของจำนวนผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายจากระบบรายงานการเฝ้าระวังการทำร้ายตนเองของกรมสุขภาพจิต (รง506s ) พบว่า อัตราการเสียชีวิตจากฆ่าตัวตายยังคงมีค่าใกล้เคียงกับในช่วงปีที่ผ่านมา (2.1 ต่อประชากรหนึ่งแสนคน) อาจอธิบายได้ว่า ปัจจัยทางเศรษฐกิจแม้จะมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันปัญหาความสัมพันธ์และการดื่มสุราที่นำมาสู่การฆ่าตัวตายกลับมีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตาม Universal Intervention เช่น มาตรการทางสังคมเศรษฐกิจ และ Selective Intervention เช่น การป้องกันการกลับมาทำร้ายตัวเองซ้ำ ยังคงเป็นมาตรการที่สำคัญต่อการช่วยลดระดับความรุนแรงของอัตราการฆ่าตัวไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้

ทั้งนี้ กรมสุขภาพจิต จะยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชนและเดินหน้าดำเนินงานอย่างเข้มข้นต่อไป โดยมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบด้านสุขภาพจิตของประเทศในระยะยาว ขณะเดียวกันหากประชาชนรู้สึกเครียด หมดไฟ เบื่อหน่าย ท้อแท้ หรืออยากทำร้ายตัวเอง ควรรีบปรึกษาคนใกล้ชิดหรือผู้เชี่ยวชาญ และยังสามารถใช้บริการสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
https://www.facebook.com/realnewsthailand/posts/683838142448919
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่