น่าน น้าน นาน (ตอนจบ)

กระทู้สนทนา
หลังจากชักช้าด้วยการระบาดของไวรัสหวัดโควิด - 19 คราวนี้ได้ฤกษ์ส่งท้ายทริปครั้งนี้เสียทีครับ

วันสุดท้าย สองคนพี่น้องออกเดินทางรวดเดียวจากที่พัก อ.ปัว ดิ่งมายังวนอุทยานแพะเมืองผี อ.เมืองแพร่ ก่อนที่จะแวะนมัสการวัดพระธาตุช่อแฮ ถึงกลับสู่อุตรดิตถ์ในฃ่วงบ่ายแก่ๆ

แต่สำหรับน้องผมนั้น ต้องเดินทางต่อไปยังบ้านพักที่ จ.ขอนแก่น ในวันรุ่งขึ้น โดยผมได้ทัดทานให้พักหายเหนื่อยสักหนึ่งคืน ไม่เช่นนั้นจะหักโหมเกินไป ถึงจะเป็นบ้านของตัวเองก็เถอะ



หลังจากมื้อเช้าแล้ว สองคนพี่น้องออกเดินทางจากที่พัก เผยเสน่ห์ฝายแก้ง อ.ปัว ดิ่งลงใต้ผ่าน อ.ท่าวังผา, อ.เมืองน่าน , อ.เวียงสา มายัง จ.แพร่

ขับเพลินไปนิด เลยลืมแวะหอศิลป์ริมน่าน ของอาจารย์วินัย ปราบริปู ซึ่งอยู่ด้านเหนือก่อนเข้าชุมชนเมืองน่านไปอย่างน่าเสียดาย ค่อยรอไว้โอกาสหน้าดีกว่า

ระหว่างทาง น้องผมขอให้แวะยังแผงจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนใกล้ด่านตรวจห้วยน้ำอุ่น ตอนแรกเข้าใจว่าคงแวะซื้อไข่มดแดงไว้ลองชิมกระมัง ? ปรากฎว่า เจ้าตัวแวะซื้อข้าวหลามไว้เป็นเสบียงมื้อเที่ยงระหว่างทาง โดยแวะกินที่สามแยกบรรจบกับทางหลวงสาย อ.งาว - อ.ร้องกวาง นั่นเอง

อันว่าข้าวหลามเมืองน่านนั้น ไม่หวานมันแบบข้าวหลามหนองมน พอหลามเสร็จ จะปอกผิวไม้ไผ่ด้านนอกออก เหลือเปลือกสีขาวหุ้มไว้บางๆ สามารถใช้มือปอกเองได้ โดยไม่ใช้ฆ้อนทุบหรือตีหัวคนให้แตกแบบข้าวหลามหนองมนแต่อย่างใด

มีเรื่องขำขันล้อเลียนคนเมืองน่านสมัยก่อนเข้ามาเที่ยวกรุงเทพฯ เพิ่งเห็นหลอดฟลูอออเรสเซนต์ส่องสว่างเป็นครั้งแรกในชีวิต แทนที่จะเป็นหลอดไส้อันคุ้นเคย ด้วยความตื่นเต้นจนเพื่อนชาวกรุงล้อเลียนว่า "คนน่าน ข้าวหลามแจ้ง" จนกลายเป็นสมญาล้อเลียนตั้งแต่นั้น

แต่ตอนนี้ คงมีชกกันปากแตกแน่ๆ อย่าได้เผลอพูดให้ชาวน่านได้ยินเชียว



พอถึงแยกแม่หล่ายด้านใต้ไปอีกนิด น้องผมชวนไปดูวนอุทยานแพะเมืองผี คราวผมมาราชการที่ จ.แพร่ หนใดไม่เคยไปถึงแพะเมืองผีสักที่ คราวนี้ได้โอกาสละ  จะได้ถือโอกาสไปชมต้นดิ๊กเดียมอันลือชื่อมานานนักหนาด้วย



เพียงเสียค่าธรรมเนียมเข้าชมวนอุทยานฯ คนละ 20 บาท สองพี่น้องได้เข้าเยือนแพะเมืองผีสมปรารถนา ขอบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึกไว้หน่อย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่