กระทู้ระบายความคิด พอจะมีสิ่งไหนให้ผมอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปไหมครับ

กระทู้นี้สร้างขึ้นมาเพื่อระบายความรู้สึก ความคิดของคนๆหนึ่งที่เป็นโรคซึมเศร้า ถ้าอ่านแล้ว งงๆก็ต้องขอโทษด้วยครับ
ผมมีความคิดว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ มานานมาแล้ว เริ่มหาเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้
ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเคยถามตัวเองสักครั้ง ว่าเรามีชีวิตไปเพื่ออะไร? หาความหมายของชีวิต

ขอเล่าประวัติชีวิตคราวๆก่อนนะครับ เผื่ออาจจะพอเข้าใจว่าทำไมผมมีความคิดอย่างนี้
ผมอายุ 42 ปีแล้วครับ ผ่านชีวิตทั้งดีและร้ายมามากมาย เคยตกต่ำไม่มีจะกินก็เคย คิดสั้นฆ่าตัวตายก็เคย
เคยพยายามฆ่าตัวตายมาสามครั้งในชีวิต ครั้งแรกตั้งแต่ ประถม แขวนคอตัวเอง แต่ก่อนที่จะหมดสติมือไปคว้าเอาขอบตู้จึงรอดมาได้
ยอมรับว่าเป็นคนที่มีความคิดผิดแปลกจากปกติมาตั้งแต่เด็ก อาจจะเพราะเด็กๆครอบครัวไม่อบอุ่น โดนพี่แกล้งบ่อย โดนพ่อแม่ตีบ่อย
เป็นลูกคนกลางเลยรู้สึกไม่มีใครรักเท่าไหร่ ส่วนอีกสองครั้งช่วงเรียนมหาลัย ก็เรื่องรักๆใคร่ๆตามประสาวัยรุ่น 
ปกติเป็นคนที่เรียกได้ว่าสุภาพ คนอื่นมองยังคิดว่าไม่น่าจะพูดคำหยาบได้ด้วยซ้ำ ใจดีช่วยเหลือคนอื่นๆเสมอ
แต่จากที่มองตัวเอง เป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนมาก ดีก็ดีใจหาย ร้ายก็กลัวตัวเองเลยทีเดียว 
ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา เนื่องจากเรียนไม่จบมหาลัย มีเพียงวุติ กศน มัธยมปลาย เลยค่อนข้างลำบากในการหาเลี้ยงชีวิต

ขอย้อนไปช่วงก่อน ก่อนเรียน กศน มีช่วงหนึ่งบ้านประสบปัญหา พ่อหนีหนี้ แม่ถูกจับ บ้านไม่มีจะอยู่ เลยต้องออกจากเรียน ปวช
ช่วงนั้นหลังจากพ้นเรื่องหนี้ ทั้งครอบครัวก็ย้ายมากรุงเทพ และทำงานมาหลายอย่าง เด็กติดรถส่งของ พนักงานแพ็คสินค้า
ผู้ช่วยช่างทำทอง งานสุดท้ายเครียดมาก โดนแกล้งจากเพื่อนร่วมงาน และลูกเจ้าของร้านทอง จนกระเพาะอาหารทะลุเข้าโรงพยาบาล
จนไม่ไหวกลับมาอยู่บ้าน ช่วยแม่เย็บผ้า ช่วงนั้นเป็นโรคกลัวสังคม ไม่ออกจากบ้านไปไหนเลย ผมปล่อยยาว อยู่อย่างนั้นเกือบสองปี
ระหว่างนั้น ผมได้อ่านหนังสือเยอะมาก ทั้งนิยาย ทั้งวรรณกรรม เรื่องสั้น ร่วมทั้งดูหนังเยอะมาก น้องชายยืมหนังสือมาจากห้องสมุดโรงเรียน 
เลยมีความรู้ค่อนข้างหลากหลาย

จนวันหนึ่งเกิดอยากเรียนจิตวิทยา จึงไปสอบ กศน และสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแผนกจิตวิทยา
ช่วงเรียนมหาลัยเป็นช่วงชีวิตที่ดี มีความทรงจำดีๆมากมาย มีเพื่อนที่ดี ได้พบรักครั้งแรก ผลการเรียนก็ดี สะสมเกรด G ได้เยอะ
อีกแค่ไม่กี่หน่วยกิตก็จะจบแล้ว แต่ทุกอย่างพังทลายด้วยอารมณ์ของตัวเอง
เพราเป็นรักครั้งแรก เลยทุ่มเททุกความรู้สึกลงไปมาก รักมากเจ็บมากเป็นธรรมดา ไม่มีฝ่ายไหนผิด แค่สุดท้ายแล้วมันไปด้วยกันไม่ได้
พยายามอย่างหนักทั้งคู่สุดท้ายก็ไม่รอด อาจจะเพราะว่าต่างมีปมบางอย่างในใจ เราทั้งคู่ขาดบางสิ่งจึงเรียกร้องจากอีกฝ่าย
คนที่ขาดเหมือนกัน กับไม่สามารถเติมเต็มให้แก่กันได้ เลยต้องจบ แม้ตอนนั้นจะจบไม่สวยเลย แต่ทุกวันนี้ก็ยังติดต่อเป็นเพื่อนกันกว่า 20 กว่าปีแล้ว

กลับมาเข้าเรื่องหลังไม่จบมหาลัยต่อ ต่อนั้นหางานยากมาก วุติน้อย ไม่เคยเลือกงาน งานใช้แรงงานก็ไปสมัคร แต่ไม่มีใครรับเหตุผลคือ
ดูไม่น่าจะทำไหว ดูเป็นลูกคุณหนู ใครๆก็บอกว่าดูเหมือนคนรวย (ผมเป็นลูกคนจีนผิวขาวมาก) ทำงานขายของก็ไม่มีคนซื้อ
เพราะพูดไปค่อยเก่ง แต่มีลูกค้าชมเยอะ เพราะตั้งใจใส่ใจในการบริการจริงๆ   
จนมีโอกาศได้ทำงานสายช่าง เรียนรู้จาก 0 จนชีวิตเริ่มดีขึ้น เติบโตกับงานสายนี้ขึ้นเรื่อยๆ จนไปถึงขั้งหัวหน้างาน และทีมโอเปเรชั่น
ชีวิตที่ไม่เคยคิดว่าจะมี จากคนที่คิดแค่มีชีวิตอยู่ไปวันๆก็ลำบากแล้ว กลับมีทั้งเงิน ตำแหน่งหน้าที่ เป็นหัวหน้าแม้กระทั้งคนเรียนจบ 
ปริญาโท ภูมิใจกับตัวเองที่มาได้ไกลขนาดนี้ อาหารแพงๆที่เคยเห็นแต่ในทีวี คิดว่าชาตินี้ไม่ปัญญากิน ก็ได้กิน ไปเที่ยวต่างประเทศปีล่ะสองครั้ง
ไปมาหลายประเทศทั้งเที่ยวด้วยตัวคนเดียว ซื้อทัวร์ไป หรือไปดูงานกับบริษัท ได้พบเจอสิ่งแปลกใหม่มากมาย
ชีวิตที่เป็นอยู่นี้ ยอมรับว่าดีกว่าอีกหลายๆชีวิตบนโลกนี้ แต่ลึกๆข้างในใจกลับว่างเปล่า ความสุขในการกินเที่ยว เกิดแค่ชั่วคราวก็หมดไป
หาความหมายในการใช้ชีวิตไม่เจอ ทำงานมีเงินเยอะๆ ซื้อของดีๆให้ตัวเอง กินของแพงๆท่องเที่ยว? รู้สึกพอแล้วไม่ต้องการแล้ว...

ยอมรับว่าเป็นเพราะโสดอยู่คนเดียว เลยอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่สนใคร ไม่เก็บเงิน มีเท่าไหร่ใช้จนหมด ไม่มองอนาคตตอนบั้นปลาย
เพราะที่รู้สึกมาตลอดคือ ไม่อยากมีชีวิตอยู่จนแก่ไปกว่านี้ มองอนาคตตัวเองออกว่าแก่ตัวไปจะเป็นอย่างไง ทั้งไม่มีเงินเก็บ
อยู่ตัวคนเดียว ทั้งอารมณ์ความคิดที่ไม่ปกติ ซึ่งนับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ 
ปรึกษากับครอบครัว แม่ และ น้องชาย เรื่องไม่อยากมีชีวิตอยู่ อธิบายเหตุผลให้เค้าฟัง ว่าอย่างน้อยก็ได้บอกลานะ ดีกว่าบางคน
ที่ไม่มีโอกาสได้ลา วันดีคืนดีออกจากบ้าน เกิดอุบัติเหตุตาย ก็คือตายเหมือนกัน
แต่ก็ปกติที่ไม่มีใครเห็นด้วยกับเรื่องอย่างนี้หรอก ลองไปพบจิตแพทย์ก็ยังมีความคิดแบบเดิม ไปมาสองโรงพยาบาล
ลองกินยาตามแพทย์แนะก็ไม่รู้สึก ยังไม่อยากมีชีวิตเช่นเดิม ยาช่วยแค่ทำให้สงบขึ้น และนอนหลับได้แค่นั้น

ปรับเปลี่ยนความคิดมองโลกในแง่ดี ก็ทำไม่ได้ ให้ลองหาสิ่งที่ชอบที่ทำแล้วมีความสุขก็ไม่มี ไม่อยากไปแสวงหาอะไรอีกแล้ว
ชีวิตนี้มันก็แค่สิ่งเล็กๆบนโลก โลกที่เป็นแค่เศษผงเล็กๆในจักรวาลที่กว้างใหญ่ ไม่มีค่าไม่มีความหมายอะไรเลย
จะใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความหมาย ออกไปช่วยเหลือผู้อื่น หรืออะไรก็ตาม ก็ไม่มีความรู้สึกอยากทำ คนตัวเล็กๆคนหนึ่งจะทำอะไรได้
จะทำให้สังคมดีขึ้น? เพื่อ? มองกันตามความเป็นจริง สิ่งที่ทุกคนรับรู้อยู่ มันแทบเปลี่ยนอะไรไม่ได้ กฎหมายที่อ่อนแอ่ ระบบที่คดโกง
ผู้คนที่งมงาย สภาพจิตใจและสังคมที่เสื่อมทรามลงทุกวัน มีอีกหลายอย่างที่ไม่สามารถพูดได้...
จริงอยู่ถ้ามีแต่คนคิดอย่างนี้ ก็จะไม่เกิดสิ่งดีๆขึ้นเลยบนโลก เพียงแต่ว่า ตัวผมเองไม่ได้เก่งขนาดที่เปลี่ยนแปลงอะไรได้
เป็นแค่ชีวิตหนึ่งที่ไหลไปตามกระแสชีวิต ก็เท่านั้น

เคยคิดว่าคนบางคน ชีวิตช่างอดยากแร้งแค้น มีแต่ความทรมาร มองอย่างไง ต่อให้เค้าพยายามมากขนาดไหนก็ไม่มีวันมีชีวิตที่ดีขึ้นได้
แต่ทำไมยังพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไป? เพื่อทนทรมารอย่างนั้นไปจนกว่าจะตายเหรอ?
หรือแม้กระทั้ง ผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถทำอะไรได้ ต้องลำบากให้คนอื่นมาดูแล ต้องนอนทรมารอยู่อย่างนั้น เพียงเพราะ 
ครอบครัวกลัวที่จะเสียเค้าไป กลัวที่จะต้องรู้สึกเสียใจ อาลัยอาวรณ์ โดยไม่ได้คิดถึงว่าคนป่วยนั้นจะทรมารขนาดไหน ที่ทำอะไรไม่ได้ 
ต้องมาเป็นภาระให้คนอื่น ลำบากทั้งกายและใจ ทำไมต้องพยายามให้มีชีวิตอยู่กันขนาดนั้น?

ผมเองเริ่มมองชีวิตไร้ความหมาย ไม่ว่าจะศึกษาปรัญชา หรือศาสนา ก็ไม่รู้สึกว่าชีวิตมันสำคัญอย่างไร
ทุกอย่างก็แค่เกิดขึ้น คงอยู่ และดับไป เป็นวัฐจักร จะมีอะไรนอกเหนือจากนี้ก็ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้
ในแต่ล่ะนาที มีชีวิตเกิดเป็นล้านและดับไปเป็นล้าน มันมีความหมายอะไรไหม?

สุดท้ายนี้ ใครที่อ่านจนมาถึงตอนนี้ ขอบคุณที่เข้ามารับฟัง ให้คนๆหนึ่งได้มีที่ระบายความคิด และถ้ามีความคิดเห็น
ที่จะช่วยเปลี่ยนความคิดของ จขกท ให้อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ก็มาแลกเปลี่ยนกันได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  สุขภาพจิต ปัญหาชีวิต โรคซึมเศร้า จิตวิทยา (Psychology)
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่