เราแค่อยากระบาย คงเหงาๆแหละคุยเป็นเพื่อนกัน แชร์ๆเรื่องราวไปเป็นเพื่อนนะคะ
เราโสดมา 2 ปีกว่าแล้ว จุดจบของความสัมพันธ์มันนานจนจำไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่เรารู้แค่ว่า เราทะเลาะกันไม่คุยกัน มันเลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่บานปลาย เราพบเขาที่มหาลัยเดียวกัน เราเป็นเชียร์ลีดเดอร์ เขามาออกกำลังกายแล้วเราก็เจอกัน ด้วยความบังเอิญ แล้วก็มีเฟสบุ๊คเขาแอดมาโดยบังเอิญก่อนหน้านั้น เราพัฒนาความสัมพันธ์มาเรื่อยๆ ได้ ราวๆ 5 ปี ฝ่าอุปสรรคทุกๆอย่างมาด้วยกัน เรียกได้ว่า เขา คือคนที่เรารู้สึกรัก แบบไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เหมือนเรามีฝัน เรากำลังเริ่มสร้างด้วยกันแต่มันก็มาสะดุดเพราะการที่เราทะเลาะกันและตัวเราเองที่ไม่กล้าพูด อะไรในใจออกไป เราปล่อยเวลาจนมันนานมาเรื่อยๆ และสุดท้ายเขาก็บอกเลิกเรา ซึ่งเขาบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดพลาดสำหรับเขาที่พูดคำนั้นออกไป เพราะมันเหมือนการปล่อยเราหลุดลอยไป เราช็อคที่ได้ยิน ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น เราปิดหนีเขาทุกอย่าง ไม่กล้าเจอกล้าคุย ด้วยเราเหมือนมีปมกับเรื่องแบบนี้เลยปิดตัวเอง จนกลายเป็นเราเครียดมาก + กับงานที่มาเจอก็แย่อีก และที่แย่กว่านั้น เรายังไปเจอเขาในสถานที่ๆเราเคยกินเลี้ยงรับปริญญา ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเจอ มาจากคนละที่แล้วมาเจอกัน วันนั้นเป็นวันที่เรารู้สึกว่าเราอยากคุยกับเขา แต่เขาเลือกที่จะออกจากร้านไปเพียงเพราะเขาเข้าใจว่าเรามากับผช.คนใหม่ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น ซึ่งถ้าวันนั้นเขาเข้ามา เราจะเดินไปหาเขาและทักทายเขาหลักจากที่ไม่ได้เจอกันมานาน จากเหตุการณ์นั้นเราก็ต้องกลับมาคิดวนอีกครั้งเราเครียดและคิดมากจนเก็บตัวไปเลย เรากลายเป็นคนที่ต้องเข้าออกแผนกจิตเวชเป็นว่าเล่น เราใช้ยาเผื่อให้สามารถหลับได้ในแต่ละคืน น้ำหนักเราก็ลดฮวบ 2 – 3 เดือน 10 กิโลกว่าๆ ซึ่งเขาก็มารู้ความจริงที่หลังว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาคิดและเขาขอเจอเพื่อที่จะปรับความเข้าใจ เพราะเขายังรู้สึกเหมือนเดิม ซึ่งถามว่าเราตอนนั้นรู้สึกมั้ย เรารู้สึก และอยากเจอเขาแต่เราไม่กล้า แค่เราคิดถึงเขาเราก็ใจสั่น มือสั่นภาพเก่าๆมันวนกลับมาหมดเลย แต่แย่ตรงที่ตอนนั้นเราอาการไม่ดี เพราะเราช็อคกับเหตุการณ์นั้นไม่หายแล้วเสียงที่เราก้องในหูมันคือตอนเขาขอเลิก มันย้อนแย้งไปหมด เรากลายเป็นคนย้ำๆคิดอยู่อย่างนั้นซึ่งมันแย่อ่ะ เราอยากหลุดมาก เราไม่อยากเจอเขาในสภาพแบบนี้เลยอ่ะ เราเลี่ยงเขาไปทุกอย่างๆแล้วก็ไม่กล้าคุยกับเขาเยอะเพราะคุยที่ไรเราจะร้องไห้น้ำตาไหตลอด จนเราตัดสินใจไปเจอเขาเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วเพราะเขาจะบวช ทางบ้านเขาชวนนะ แต่เรารู้สึกกลัวไปหมดไม่กล้าสู้หน้ใครเลย ไม่รู้ว่าต้องทำตัวแบบไหน เรากลัวเราไปแล้วเราอาการแย่ลง เราเลยนัดเจอเขาแทนและฝากทำบุญล่วงหน้า ก็เป็นการเจอกันที่โคตรฝืนแหละ มองนุ้นมองนี้ มองหน้าไม่ได้ น้ำตาจะไหล แต่ก็พยายามเก็บอาการ เขาก็คงตกใจที่เจอในสภาพที่ผอมมาก แล้วก็แย่ตรงที่เราก็ปากหนักมันพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้เป็นบ้าอะไร ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนมั้ย เราอยากให้เขารอเราหาย เราอยากกลับไปหาเขาในวันที่เราปกติมากกว่านี้ไม่ใช่แย่ๆแบบบนี้ แต่เราก็มาคิดที่หลังว่ามันจะเป็นการเห็นแก่ตัวไปหรือเปล่าที่เราต้องมากักคนๆนึงให้รอเรา สุดท้ายก็ปล่อยค่ะ.... ก็เนี้ยละคะ 2 ปีแล้ว ถามว่ามีคนเข้ามาจีบมั้ย มันก็มีค่ะ แต่เราไม่เคยรู้สึกกับใครเหมือนเขาเลย และในวันนี้ เขามีคนคุยใหม่แล้ว เหมือนกำลังเริ่มคุย ที่เรารู้เพราะ เรายังคุยกัน แต่เรามีระยะห่างที่ชัดเจน เขาบอกว่าถ้าเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนกันก็ยังดี เอาตรงๆเรารับไม่เต็มปากหรอกว่าอยากเป็นเพื่อน เรายังไม่แกร่งขนาดนั้น และเราเสียใจนะ วันที่เขาพิมพ์มาบอกว่า เขามีคนใหม่ที่กำลังคุยๆกัน เพราะเราสัญญากันว่าถ้ามีใหม่เราจะบอกกัน ซึ่งเอาตรงๆ เราไม่รู้สึกกับใครเลยค่ะ พอเราได้เห็นข้อความ เรานั่งน้ำตาไหลคาออฟิศเลยค่ะ แต่ก็นะ ดีกว่าที่เขาต้องมารอเราที่แย่อยู่แบบนี้ มันรู้สึกดีนะคะ ดีใจที่เขาได้เริ่มต้นใหม่ เขากำลังกลับไปสดใสอีกครั้ง แต่มันเสียใจที่ที่ตรงนั้นมันไม่ใช่เรา
เราควรเริ่มต้นใหม่แล้วสินะ
เคยรู้สึกคิดถึงใครแล้วทำได้แค่น้ำตาไหลมั้ยคะ
เราโสดมา 2 ปีกว่าแล้ว จุดจบของความสัมพันธ์มันนานจนจำไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่เรารู้แค่ว่า เราทะเลาะกันไม่คุยกัน มันเลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่บานปลาย เราพบเขาที่มหาลัยเดียวกัน เราเป็นเชียร์ลีดเดอร์ เขามาออกกำลังกายแล้วเราก็เจอกัน ด้วยความบังเอิญ แล้วก็มีเฟสบุ๊คเขาแอดมาโดยบังเอิญก่อนหน้านั้น เราพัฒนาความสัมพันธ์มาเรื่อยๆ ได้ ราวๆ 5 ปี ฝ่าอุปสรรคทุกๆอย่างมาด้วยกัน เรียกได้ว่า เขา คือคนที่เรารู้สึกรัก แบบไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เหมือนเรามีฝัน เรากำลังเริ่มสร้างด้วยกันแต่มันก็มาสะดุดเพราะการที่เราทะเลาะกันและตัวเราเองที่ไม่กล้าพูด อะไรในใจออกไป เราปล่อยเวลาจนมันนานมาเรื่อยๆ และสุดท้ายเขาก็บอกเลิกเรา ซึ่งเขาบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดพลาดสำหรับเขาที่พูดคำนั้นออกไป เพราะมันเหมือนการปล่อยเราหลุดลอยไป เราช็อคที่ได้ยิน ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น เราปิดหนีเขาทุกอย่าง ไม่กล้าเจอกล้าคุย ด้วยเราเหมือนมีปมกับเรื่องแบบนี้เลยปิดตัวเอง จนกลายเป็นเราเครียดมาก + กับงานที่มาเจอก็แย่อีก และที่แย่กว่านั้น เรายังไปเจอเขาในสถานที่ๆเราเคยกินเลี้ยงรับปริญญา ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเจอ มาจากคนละที่แล้วมาเจอกัน วันนั้นเป็นวันที่เรารู้สึกว่าเราอยากคุยกับเขา แต่เขาเลือกที่จะออกจากร้านไปเพียงเพราะเขาเข้าใจว่าเรามากับผช.คนใหม่ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น ซึ่งถ้าวันนั้นเขาเข้ามา เราจะเดินไปหาเขาและทักทายเขาหลักจากที่ไม่ได้เจอกันมานาน จากเหตุการณ์นั้นเราก็ต้องกลับมาคิดวนอีกครั้งเราเครียดและคิดมากจนเก็บตัวไปเลย เรากลายเป็นคนที่ต้องเข้าออกแผนกจิตเวชเป็นว่าเล่น เราใช้ยาเผื่อให้สามารถหลับได้ในแต่ละคืน น้ำหนักเราก็ลดฮวบ 2 – 3 เดือน 10 กิโลกว่าๆ ซึ่งเขาก็มารู้ความจริงที่หลังว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาคิดและเขาขอเจอเพื่อที่จะปรับความเข้าใจ เพราะเขายังรู้สึกเหมือนเดิม ซึ่งถามว่าเราตอนนั้นรู้สึกมั้ย เรารู้สึก และอยากเจอเขาแต่เราไม่กล้า แค่เราคิดถึงเขาเราก็ใจสั่น มือสั่นภาพเก่าๆมันวนกลับมาหมดเลย แต่แย่ตรงที่ตอนนั้นเราอาการไม่ดี เพราะเราช็อคกับเหตุการณ์นั้นไม่หายแล้วเสียงที่เราก้องในหูมันคือตอนเขาขอเลิก มันย้อนแย้งไปหมด เรากลายเป็นคนย้ำๆคิดอยู่อย่างนั้นซึ่งมันแย่อ่ะ เราอยากหลุดมาก เราไม่อยากเจอเขาในสภาพแบบนี้เลยอ่ะ เราเลี่ยงเขาไปทุกอย่างๆแล้วก็ไม่กล้าคุยกับเขาเยอะเพราะคุยที่ไรเราจะร้องไห้น้ำตาไหตลอด จนเราตัดสินใจไปเจอเขาเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วเพราะเขาจะบวช ทางบ้านเขาชวนนะ แต่เรารู้สึกกลัวไปหมดไม่กล้าสู้หน้ใครเลย ไม่รู้ว่าต้องทำตัวแบบไหน เรากลัวเราไปแล้วเราอาการแย่ลง เราเลยนัดเจอเขาแทนและฝากทำบุญล่วงหน้า ก็เป็นการเจอกันที่โคตรฝืนแหละ มองนุ้นมองนี้ มองหน้าไม่ได้ น้ำตาจะไหล แต่ก็พยายามเก็บอาการ เขาก็คงตกใจที่เจอในสภาพที่ผอมมาก แล้วก็แย่ตรงที่เราก็ปากหนักมันพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้เป็นบ้าอะไร ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนมั้ย เราอยากให้เขารอเราหาย เราอยากกลับไปหาเขาในวันที่เราปกติมากกว่านี้ไม่ใช่แย่ๆแบบบนี้ แต่เราก็มาคิดที่หลังว่ามันจะเป็นการเห็นแก่ตัวไปหรือเปล่าที่เราต้องมากักคนๆนึงให้รอเรา สุดท้ายก็ปล่อยค่ะ.... ก็เนี้ยละคะ 2 ปีแล้ว ถามว่ามีคนเข้ามาจีบมั้ย มันก็มีค่ะ แต่เราไม่เคยรู้สึกกับใครเหมือนเขาเลย และในวันนี้ เขามีคนคุยใหม่แล้ว เหมือนกำลังเริ่มคุย ที่เรารู้เพราะ เรายังคุยกัน แต่เรามีระยะห่างที่ชัดเจน เขาบอกว่าถ้าเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนกันก็ยังดี เอาตรงๆเรารับไม่เต็มปากหรอกว่าอยากเป็นเพื่อน เรายังไม่แกร่งขนาดนั้น และเราเสียใจนะ วันที่เขาพิมพ์มาบอกว่า เขามีคนใหม่ที่กำลังคุยๆกัน เพราะเราสัญญากันว่าถ้ามีใหม่เราจะบอกกัน ซึ่งเอาตรงๆ เราไม่รู้สึกกับใครเลยค่ะ พอเราได้เห็นข้อความ เรานั่งน้ำตาไหลคาออฟิศเลยค่ะ แต่ก็นะ ดีกว่าที่เขาต้องมารอเราที่แย่อยู่แบบนี้ มันรู้สึกดีนะคะ ดีใจที่เขาได้เริ่มต้นใหม่ เขากำลังกลับไปสดใสอีกครั้ง แต่มันเสียใจที่ที่ตรงนั้นมันไม่ใช่เรา
เราควรเริ่มต้นใหม่แล้วสินะ