“พิธีแซกี” ได้สืบทอดกันมานาน จากรุ่นสู่รุ่น และยังคงมีซินแสที่เชี่ยวชาญด้านศาสตร์แขนงนี้สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน ศาสตร์ลี้ลับที่ถูกขนานนามว่า “แซกี” ประกอบไปด้วยหลักการ 2 อย่าง คือ ชัยภูมิที่เหมาะสมตามหลักฮวงจุ้ย และกระบวนการสำหรับการทำ “พิธีกรรม” ตามความเชื่อของชาวจีน
โดยพิธีกรรมการทำเซกีมีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน มีจุดประสงค์ในการใช้งานที่ต่างกัน
รูปแบบที่ 1 คือการทำแซกีสำหรับเป็นบ้านหลังสุดท้าย เป็นสุสานจริงที่ได้ใส่ “แซกี” ไว้ เมื่อถึงคราวล่วงลับ ก็สามารถฝังร่างไร้วิญญาณไปพร้อมกับ”แซกี”ได้เลย สุสานนี้จะมีป้ายวิญญาณที่ปรากฏออกมาด้านนอกให้ลูกหลานได้มาทำความเคารพ กราบไหว้ และระลึกถึงคุณความดีของผู้วายชนม์
รูปแบบที่ 2 คือการทำ “แซกี” ที่เรียกนามเฉพาะว่า “เจ่าอุ่ง” ใช้สำหรับเสริมดวงชะตาของผู้ที่ยังมีชีวิต อาจเรียกได้ว่าเป็นการแก้เคล็ดอีกอย่างหนึ่งก็ได้ เพราะพลังของแซกีมีทั้งพลังในการส่งเสริมสิ่งที่ดีอยู่แล้วในดวงชะตาของผู้ทำ ให้ได้รับความเจริญงก้าวหน้ายิ่งขึ้น และพลังในการชดเชยจุดบกพร่องของดวงชะตาให้บรรเทาเบาบางลง ตลอดจนมีผลในด้านการปัดเป่าความโชคร้ายให้หมดไปจากเจ้าของดวงชะตา
พิธีแซกีมีกี่แบบ และแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
โดยพิธีกรรมการทำเซกีมีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน มีจุดประสงค์ในการใช้งานที่ต่างกัน
รูปแบบที่ 1 คือการทำแซกีสำหรับเป็นบ้านหลังสุดท้าย เป็นสุสานจริงที่ได้ใส่ “แซกี” ไว้ เมื่อถึงคราวล่วงลับ ก็สามารถฝังร่างไร้วิญญาณไปพร้อมกับ”แซกี”ได้เลย สุสานนี้จะมีป้ายวิญญาณที่ปรากฏออกมาด้านนอกให้ลูกหลานได้มาทำความเคารพ กราบไหว้ และระลึกถึงคุณความดีของผู้วายชนม์
รูปแบบที่ 2 คือการทำ “แซกี” ที่เรียกนามเฉพาะว่า “เจ่าอุ่ง” ใช้สำหรับเสริมดวงชะตาของผู้ที่ยังมีชีวิต อาจเรียกได้ว่าเป็นการแก้เคล็ดอีกอย่างหนึ่งก็ได้ เพราะพลังของแซกีมีทั้งพลังในการส่งเสริมสิ่งที่ดีอยู่แล้วในดวงชะตาของผู้ทำ ให้ได้รับความเจริญงก้าวหน้ายิ่งขึ้น และพลังในการชดเชยจุดบกพร่องของดวงชะตาให้บรรเทาเบาบางลง ตลอดจนมีผลในด้านการปัดเป่าความโชคร้ายให้หมดไปจากเจ้าของดวงชะตา